ตลอดเวลาที่ผ่านมา...เขาผลักใสเธอออกจากชีวิตอย่างร้ายกาจ ไม่ติดต่อ ไม่สนใจ ราวเธอไม่เคยมีตัวตน ปล่อยให้เธอเจ็บปวด อ้างว้างและแสนเดียวดาย กระทั่งวันนี้...วันที่ร่างกายและหัวใจเข้มแข็ง เขากลับเข้ามาเอ่ยอ้างว่า เธอคือ ‘สมบัติส่วนตัว’ ********* “คุณเคยรู้ตัวเองไหมคะว่าเป็นคนที่...เห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ หน้าไม่อายที่สุดในโลก” คมคายเลิกคิ้วตาเปล่งประกายพลางอมยิ้มยั่วเย้า เธอมองค้อนแล้วสะบัดหน้าหนีไปทางอื่น เขาจึงไล้ปลายจมูกบนแก้มนุ่มเล่น “อีกเรื่องที่เธอควรรู้” ฝ่ามือหนาเลื่อนลูบแผ่นท้องเรียบ...แผ่วเบา กายแกร่งขยับอีกครั้ง แผ่นหลังเล็กแนบแผงอกกว้าง มัลลิกากานต์หันกลับมามอง “ฉันเป็นคนหวงของมาก” “...” “ถ้าไม่อยากเจ็บตัวก็อย่าทำให้ฉันต้องรู้สึกแบบนั้น” ปากได้รูปก็เคลื่อนเข้าประกบจูบปากอิ่ม บดเบียดละเลียดลิ้มความหวานหอมที่ใจโหยหิวไม่สร่าง
Chapter 1
ผลัวะ!
อ๊ากส์!
พลั่ก!
เสียงโหยหวนนั้นเรียกรอยยิ้มสาแก่ใจแต้มมุมปากชายฉกรรจ์หกคนที่ยืนอยู่ในห้อง ขณะมองชายหนุ่มวัยยี่สิบแปดปีประเคนหมัดหนักหน่วงเข้าใส่หน้าและลำตัวของผู้ชายหนึ่งในห้าที่ถูกมัดโยงด้วยโซ่เส้นโต ทุกครั้งที่จบคำถามและไม่ได้คำตอบที่ต้องการ เรี่ยวแรงกำลังถาโถมเข้าใส่เชลยตรงหน้าหนักหน่วงมากขึ้น เรียกเสียงโหยหวนลั่น แต่พวกเขาไม่กลัวหรอกว่า เสียงของมันจะเล็ดลอดออกไปเข้าหูใครก็ตามที่บังเอิญผ่านมา นั่นเพราะที่นี่เป็นห้องใต้ดินภายในตึกหลังงามหลังหนึ่งบนอาณาจักรศิลาลักษณ์
ห้อง... ที่ถูกขนานนามว่า ห้องเชือด!
สองข้างกายมัน ชายฉกรรจ์อีกห้าคนถูกมัดมือด้วยโซ่โยง หน้าตาเนื้อตัวพวกมันแตกยับ กลิ่นคาวเลือดคลุ้ง แต่ละคนคอตกคอพับสลบเหมือด ยกเว้นไอ้คนที่กำลังแหกปากร้อง
“รีบบอกคุณคาร์ลดีกว่าถ้าไม่อยากทรมานมาก”
หนึ่งในชายฉกรรจ์ส่งเสียงข่มขวัญ ขณะที่คนถูกจองจำร่างกายโอนเอนตามแรงหมัด ความเจ็บปวดร้าวไปทั่วสรรพางค์กาย มันเจ็บจนตัวงอ ร่ำร้องจนเสียงแห้ง คนลงมือก็หาได้สนใจ นาทีนี้ มันได้กลิ่นความตายของตัวเองรำไรขณะผจญอยู่ในนรกแห่งความเจ็บปวดแสนสาหัส
“รีบๆ ฆ่ากูเลยสิวะ กูไม่กลัวมึงหรอกไอ้คาร์ล”
เจ็บร้าวปางตายตรงชายโครง มันคิดว่ากระดูกส่วนนั้นคงหักไปหลายซี่ การถูกทรมานมาหลายชั่วโมงทำให้มันนึกอยากตายไปให้รู้แล้วรู้รอด เสียงพูดที่ดังออกมาไม่ต่างอะไรกับเสียงกระซิบหากไม่วายปากดี ร่างกายใหญ่โตของมันหาใช่หินผา ถูกทรมานมานาน สติหลุดรอยในที่สุด
“ปลุกมันขึ้นมา”
คมคาย ศิลาลักษณ์ กระตุกยิ้มเย็นเยือก ยิ้มที่ส่งไม่ถึงดวงตาคมกริบดุดันไร้ปรานี
ชายฉกรรจ์ที่อยู่ในห้องนั้นนำถังน้ำมาสาดใส่เชลยทั้งหมด ปลุกพวกนั้นให้คืนสติ
“อย่าทำกูอีกเลย ปล่อยกูเถอะ กูไม่รู้ ไม่รู้จริงๆ”
ทันทีที่ตื่นมารับรู้ว่ามันยังต้องผจญอยู่ในนรกถึงกับผวาหน้าตาตื่น ใครคนหนึ่งแหกปากร้องวิงวอนราวคนบ้า ดวงตาปูดโปนแดงก่ำเต็มไปด้วยแววหวั่นผวาจับจ้องที่ใบหน้าคมคายแม้ครึ่งใบหน้านั้นจะรกด้วยแนวหนวดเครา ยังเห็นได้ว่าผิวนั้นขาวจัด เกิดจากการใช้ชีวิตท่ามกลางอากาศหนาวมาหลายปี มันแทบไม่อยากเชื่อสายตาว่าลูกชายคนเดียวของมหาเศรษฐีอันดับต้นๆ ของเมืองไทยจะจัดเจนฝีมือและทรมานคนได้เหี้ยมโหดขนาดนี้ ภาพลักษณ์ที่พวกมันเคยเห็นจนชินตาคือชายหนุ่มผู้ชื่นชอบความสำเริงสำราญท่ามกลางกลุ่มเพื่อน หญิงสาวสวย และสังคมหรูหรา
“ถ้ามึงไม่รู้อะไรเลยมึงก็ไม่สมควรอยู่รับรู้อะไรอีก”
คมคายเปรย เสียงไร้ความรู้สึก
“ถ้ามันไม่อยากพูด ลิ้นก็ไม่ควรเก็บไว้นะครับเจ้านาย”
รัฐกร ธัญชัยพร ผู้ช่วยและคนสนิทสำทับแทรกเสียงคร่ำครวญของเชลย พอเขาพูดจบมีดเล่มหนึ่งก็ถูกยื่นมาตรงหน้า เจ้านายเพียงปรายตามองเฉย เขาจึงคว้ามันมาโยนเล่นโดยไม่ลืมสังเกตสีหน้าหวาดผวาสุดขีดของเชลยอีกสองคนที่ถูกปลดจากโซ่
ผู้ถูกจองจำอีกคนตะเบ็งเสียงขึ้นมาอีกครั้ง รังสีอำมหิตที่แผ่ออกมาจากตัวหนุ่มรุ่นลูก ความโหดร้ายทารุณที่มันได้เจอกับตัวเห็นกับตาทำมันแทบเป็นบ้า ยิ่งเห็นมีดคมวับด้านหลังใจมันแทบระเบิด
“กะ... กูไม่รู้เรื่อง กูตรวจเช็กเครื่องแล้ว มันไม่มีปัญหาอะไรจริงๆ มันเป็นอุบัติเหตุ ตำรวจก็บอก มึงไม่เชื่อก็ไปเอาเรื่องพวกตำรวจสิวะ พวกกูเป็นแค่ช่างเครื่องจะรู้อะไรวะ”
“มึงไม่ต้องมาสอนว่าพวกกูควรทำอะไรไม่ควรทำอะไร ทางที่ดีมึงบอกมาดีกว่าว่าพวกมึงทำงานให้ใคร คุณคาร์ลอาจจะเมตตามึงบ้างก็ได้”
“กูไม่รู้ ไม่รู้!”
คมคายสีหน้าเรียบเฉยหาได้มีปฏิกิริยาอะไรต่ออาการกระเสือกกระสนหาทางรอด ตากร้าวกระด้างจับจ้องคนที่เป็นหัวหน้าซึ่งต่อสายตากับเขาไม่หลบ ภายใต้ความนิ่ง โพรงอกของเขาระอุไปด้วยความร้อนราวกับถูกไฟนรกแผดเผา เหตุเพราะพวกมัน!
“เอามันลงมา”
ศิลาลักษณ์ทำธุรกิจหลายอย่าง ธุรกิจหลักคือผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มจำพวกเหล้า เบียร์ น้ำเปล่า น้ำอัดลมตลอดถึงเครื่องดื่มชูกำลัง รองลงมาเป็นกิจการขนส่งระหว่างประเทศ กิจการอสังหาและสังหาฯ ตัวแทนนำเข้ารถหรู
นอกจากนี้ก็ยังมีธุรกิจสีเทา คือ ผับ บาร์ โรงแรมหรูในเมืองใหญ่หลายจังหวัด สนามแข่งรถบนพื้นที่ชายฝั่งติดทะเล แน่นอนว่าต้องเป็นสมาชิกเท่านั้นถึงจะใช้บริการได้เพราะค่าสมาชิกหลายแสนบาท สุดท้ายกิจการกาสิโน ส่วนใหญ่อยู่ต่างประเทศ มีหนึ่งแห่งอยู่บนเกาะ
ไอ้ตัวสวะตรงหน้า มันเคยเป็นผู้บริหารกาสิโนแห่งหนึ่งในประเทศเพื่อนบ้าน ถูกให้ออกเพราะยักยอกเงินมหาศาล มันเคียดแค้นและกลับมาแว้งกัดด้วยการรวมหัวกับทีมช่างเครื่องบินส่วนตัว
เครื่องบินที่บังเอิญเกิดอุบัติเหตุขณะเดินทางไปดูงานที่สมุย พ่อแม่ของเขา การ์ดและนักบินรวมสิบชีวิต ทั้งหมดเสียชีวิตทันที
อุบัติเหตุเครื่องบินตกแม้ไม่ได้มีทุกวัน ไม่ใช่เรื่องมหัศจรรย์พันลึก เกิดกับใครก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่สำหรับครอบครัวของเขา
ไม่ใช่ ศิลาลักษณ์! ที่มีการป้องกันแน่นหนาด้วยการ์ดมืออาชีพ
ตำรวจสรุปว่ามันเป็นอุบัติเหตุจากหลักฐานที่เก็บรวบรวมได้
เขาไม่เชื่อ! คนนอกไม่มีทางทำอันตรายพ่อแม่เขาได้ ยกเว้นมันจะเป็นคนใน!
“ฆ่ากูซะเลยสิ”
คมคายกระตุกมุมปาก จ้องคนตรงหน้าเขม็ง ก่อนที่มันจะได้ดูแลกาสิโน มันเคยเป็นหัวหน้าการ์ดของพ่อเขามาก่อน พ่อไว้ใจมันมาก
เขาไม่เชื่อว่ามันจะทำเรื่องนี้ลำพังเพียงเพราะแค้นที่ถูกไล่ออก
“กูให้โอกาสมึงอีกครั้ง มึงทำงานให้ใคร หรือจะไปสารภาพบาปกับยมบาลในนรก”
ในความนิ่ง แท้จริงอารมณ์เขาโคตรจะเชี่ยวกราก ความเจ็บแค้นจุกแน่นโพรงอก
“กูไม่ได้ทำงานให้ใครทั้งนั้น กูแค้นโว้ย ทำงานให้พ่อมึงมานาน แล้วดูที่มันตอบแทนกูสิ ถุย!”
แววตาแดงก่ำของมันวาวขึ้น ไม่ถึงอึดใจก็เป็นฝ่ายโผนเข้าหาเขาก่อน คมคายเพียงฉากตัวหลบ สวนกลับด้วยลูกเตะเต็มกำลัง
อ๊ากส์!
มันร้องลั่น ถลาไปชนกับกล่องพลาสติกมุมห้อง ก่อนตะเกียกตะกายทะยานเข้าหาศัตรูอีกครั้ง ครั้งนี้ประสบการณ์ตามอายุที่มากกว่า ทำให้มันซัดกลับหนุ่มรุ่นลูกได้หลายหมัด
คาร์ลใช้หลังมือเช็ดเลือดตรงมุมปาก มองเลือดบนหลังมือ แสยะยิ้มที่แทบมองไม่เห็นว่ายิ้ม ตวัดตามองอีกฝ่าย มันพุ่งเข้าหาอย่างไม่รักตัวกลัวตายเหมือนคนอื่นๆ เขาชอบความบ้าเลือดของมันเพราะมันทำให้เขา...สนุก!
‘ผู้หญิงของเขา’ สิทธิ์ที่ไม่คิดหยิบยื่นให้ใคร ไม่ได้มีไว้แลกหรือแจกแถมฟรี ทว่าหญิงสาวชาวไทยนามว่า รติรส กลับดิ้นรนหนีและปฏิเสธการรับสิทธิ์นี้อย่างสิ้นเยื่อขาดใจ เธอหนีไปพร้อมขโมยหัวใจของเขาไปทั้งดวง... เดนิม อิสมาอิล แทบคลั่ง... ความรักกับผลประโยชน์ตีกันจนยุ่งเหยิง แต่เมื่อกายปรารถนา การลงทัณฑ์อันแสนหวามจึงเริ่มต้นขึ้น “คุณมันเลว” เธอเค้นเสียงว่า ตาวาววับด้วยความโกรธเกลียด ดิ้นรนหนีมือหยาบหนาข้างนั้นสุดฤทธิ์ แต่สองมือถูกจับ ร่างกายถูกทาบทับครึ่งๆ มันทำให้รติรสทำอย่างใจคิดไม่ได้ เรียวปากเข้มกดยิ้ม ชายหนุ่มหาได้เอะใจกับความเกรี้ยวกราดนั้นไม่ ในหัวของเขาตอนนี้รับรู้แต่ความหอมกรุ่นจากร่างนุ่มเนียน มารยาสาไถยต่างๆ เขาไม่สนใจ เดนิมจะคิดเห็นเป็นอะไรไปได้ นอกเสียจากว่าลุงและหลานคู่นี้เต็มใจเดินทางมากับเขาเพื่อเสนอ... และเขากำลังสนองความต้องการของพวกเธออยู่นี่ยังไง “ธุรกิจ... มีแต่คำว่าได้กับเสีย คำว่าเลวของเธอมันใช้ไม่ได้หรอกคนสวย”
กติกาคือ กอดได้แต่ห้ามรัก เมื่อหัวใจถลำรัก เธอควรฉีกกติกานั้นหรือถอยห่างจากกันดี “มนเหมือนเด็กขาดความอบอุ่นที่ต้องได้รับการบำบัด” “ยังไง” สายตาคมไหวเหมือนจะยิ้มได้ ทำมนสิชาหน้าร้อนผ่าว ทั้งที่นั่งอยู่ในห้องแอร์ กลับเหมือนมีเปลวแดดมาลูบแก้มให้ร้อนวูบวาบ สีหน้าและลักษณะการเอียงคอมองอย่างใคร่รู้ของหญิงสาวชวนให้หนุ่มทั้งแท่ง เลือดร้อนฉ่าใคร่ลงมือสาธิตการบำบัดเสียเดี๋ยวนี้ “อย่าทำหน้าแบบนั้น” “แบบไหน” เธอนิ่วหน้า งงจัดจริงๆ ไม่ใช่การเสแสร้งมารยา กฤษฎิ์ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ กวาดสายตายิ้มได้ ลูบไล้นวลแก้มละมุนที่เริ่มซับสีเรื่อ แล้ววกกลับมาสบตาคู่งาม “แบบที่กำลังมอง สนใจ ใคร่รู้ มันทำให้ผู้ชายเกิดอารมณ์ ไม่รู้หรือ” บ้าจริง! มนสิชาหน้าม้าน หลบตาวูบ เบี่ยงหน้าหนีจากใบหน้าคมเข้มอย่างรวดเร็ว ใจหวามไหว ทำลมหายใจติดขัด เสียงหัวเราะที่ดังจากลำคอหนาเบาๆ ยิ่งสร้างความอับอายแก่เธอ ตาคมหรี่หลุบทอดมองนวลแก้มปลั่ง เขารู้ว่าเธออายจริงๆ ไม่ใช่มารยาหญิงแบบผู้หญิงที่เคยเจอ แบบนี้แหละที่เขาสนใจ ขี้อายแต่อยากรู้ บางครั้งเข้าใจยากแต่...น่าเอาเป็นบ้า!
ความผิดที่เธอไม่ได้ก่อกลับต้องมาชดใช้ให้อสูรหนุ่มใจร้ายเช่นเขา ท่ามกลางความร้ายกาจบทรักอันเร่าร้อนที่เขามอบให้กลายเป็นกรงขังเหนี่ยวรั้งหัวใจเธอไว้กับเขาตลอดกาล “เธอคิดว่าความสาวของเธอมันมีค่ากับฉันงั้นเหรอปรางอินท์” ปรางอินท์ผงะห่างโดยอัตโนมัติ คำพูดเหยียดหยามและการดูแคลนในสายตาคมเหมือนกับมีดที่กรีดลึกลงในหัวใจจนย่อยยับ เหลือทิ้งไว้เพียงแผลที่กำลังอักเสบ “จะบอกอะไรให้เอาบุญนะคนสวย ฉันแทบไม่ได้รู้สึกอะไรเลยด้วยซ้ำ ทุกอย่างมันคือเกมและการแก้แค้นที่หอมหวานว่ามั้ย อย่างน้อยเธอมันก็ยังดีกว่าผู้หญิงขายบริการอยู่หน่อยๆ หึหึ แม่สาวเวอจิ้นเธอคิดว่าจะเอาสิ่งนี้มาทดแทนสิ่งที่พี่เธอทำกับชีวิตพี่ชายของฉันได้รึยังไง” ประโยคท้ายๆ เสียงของชายหนุ่มดังลั่นขึ้นจนกลายเป็นตะคอกเสียงก้องห้อง ตาคมลุกโรจน์ราวกับไฟ “คนสารเลว ไอ้คนชั่วช้าสามานย์” หญิงสาวตะโกนสวนกลับเช่นเดียวกัน เธอกำลังนึกเสียใจทำไมคนดีๆ อย่างภาคิไนยจะต้องมาเจ็บตัว น่าจะเป็นผู้ชายตรงหน้านี่ต่างหากที่น่าจะตายๆ ไปซะ ภาคินเลิกคิ้วสูง เรียวปากเข้มหยักยิ้ม ยิ้มที่คนมองถึงกับเสียงสันหลังวาบด้วยความกลัวจนเผลอถอยหลังออกห่างใบหน้าที่โน้มอยู่ห่างไม่ถึงหนึ่งศอก “อย่าปากเก่งให้มากนัก รู้มั้ยว่าฉันมีวิธีจัดการกับคนปากเก่งยังไงบ้าง รึว่าอยากจะลอง ปรางอินท์ฉันบอกให้ทำอะไรเธอก็ต้องทำ เพราะเธอคือเหยื่อที่ฉันตะครุบมาได้แทนพี่สาวของเธอ” “ไม่ ฉันไม่ทำอะไรทั้งนั้น คอยดูนะมีโอกาสเมื่อไหร่ฉันจะหนีไปจากที่นี่” “ฮ่าๆๆ เอาเลยคนสวย แต่ขอเตือนนิดนะ ที่นี่กว้างเป็นพันไร่ ถ้าคิดว่าจะพ้นสายตาคนงานของฉันไปได้ก็เอา แล้วหนุ่มๆ ที่นี่ล้วนแล้วแต่กลัดมันกันทั้งนั้น มันออกจะห่างไกลความเจริญไปสักหน่อยน่ะนะ นานๆ พวกมันจึงจะได้เข้าเมืองไปหาสาวๆ มากอดแก้หนาวระบายอารมณ์ดิบสักที อ้อ...ที่สำคัญ เมื่อไหร่ที่เธอก้าวพ้นไปจากที่นี่ วันนั้นพี่สาวของเธอจะต้องมาอยู่ที่นี่แทน ไปสิไปเล้ย”
เรือคาสิโนลำงามได้เข้ามาเปิดให้บริการยังประเทศไทยเป็นครั้งแรก เจ้าเของเรืออย่าง อัลแบร์โต วินเซนโซ อัจไบร์จาร์ ไม่เคยคิดเลยว่าจิ้งจอกร้ายอย่างเขาจะต้องมาตกบ่วงเสน่หาของสาวน้อยสาวไทยอย่างสิตาพร เพียงได้เห็นเธอครั้งแรก ชายหนุ่มก็ปรารถนาสิตาพรจนยากจะหักห้าม เธอมากับน้าสาวและน้าเขยผู้ติดการพนัน เมื่อน้าสาวของเธอติดหนี้เขาหลายล้าน ชายหนุ่มจึงยื่นข้อเสนอให้ยกสิตาพรให้เขาเพื่อแลกกับหนี้ในครั้งนี้ ในวันที่เรือจะออกจากประเทศไทย สิตาพรก็กลายเป็นสมบัติบรรณาการของเจ้าของเรือหนุ่ม “เคยดูสารคดีสัตว์โลกน่ารักไหมน้ำหวาน เนื้อที่เข้าปากเสือ อ้อยที่เข้าปากช้าง เธอคิดว่ามันจะยอมคายง่ายๆ ไหมแม่สาวเวอจิ้น” สิตาพรแก้มแดงแช้ด คำเรียกขานของเขาสร้างความร้อนผ่าวทั่วใบหน้า ตาคมดุเอาจริงทำให้สาวน้อยใจสั่นทั้งที่พยายามบอกตัวเองว่าห้ามกลัวเขา ห้ามทำให้เขารู้ว่าเธอหวาดหวั่นแค่ไหน “อย่ามาเรียกหนูแบบนี้นะ คนแก่โรคจิต ถามจริงเถอะโลกนี้ไม่มีใครเอาแล้วหรือไงถึงได้มาตามตอแยหนูแบบนี้” สาวน้อยแหวเข้าให้ คำพูดเธอเรียกรอยยิ้มขำจากปากเข้ม ยิ้มที่เกิดที่ปากและส่งไม่ถึงดวงตาคม
เมื่อรักเข้ามาเคาะประตูหัวใจหนุ่มหล่อเจ้าของสายการบินคนดังให้มันรุ่มร้อนจนทนไม่ไหว เขายอมจ่ายเงินก้อนใหญ่เพื่อให้ได้ตัวเธอมา สาวใสไร้เดียงสากลับหวาดผวาเมื่อเจอความต้องการแบบชายหญิงเข้า ชายหนุ่มจึงต้องหยุดตัวเองแล้วค่อยๆ เริ่มบทเรียนสอนรัก ที่ทั้งหวานและเร่าร้อนมากขึ้นตามลำดับ เธอกำลังจะตาย... ปัทมณฑ์บอกตัวเองในความพร่างพร่า ความรัญจวนที่เขามอบให้มันมากมายจนทรมานไปหมด เรือนกายสาวในวัยแรกสวยบิดเร้า บางครั้งดิ้นรน สองมือเรียวสอดแทรกเข้าไปในเส้นผมสีน้ำตาลเข้มที่ยาวแค่ครึ่งนิ้ว เผลอกอบกำดึงทึ้งไปก็หลายหนเพื่อระบายอารมณ์หวาม เธอทรมานเหมือนจะตาย แต่ถ้าเขาหยุดเธอคงเหมือนตายทั้งเป็น อารมณ์ลึกถูกปลุกขึ้นโดยชายหนุ่ม และมีเพียงเขาเท่านั้นที่จะหยุดมันลงได้ “พี่ไรอัน...ลูกปัด...ทนไม่ไหว” “ต้องได้สิคนเก่ง...พี่บอกแล้ว ถึงเธอจะร้องลั่นจนบ้านแตกพี่ก็ไม่มีทางหยุดอีกต่อไป ปัทมณฑ์...” ไรอันตอบเสียงขาดห้วงไม่แพ้กัน และแทนการหยุดหรือผ่อนปรน มือหนากลับยิ่งเคล้าคลึงร่างบางหนักหน่วงมากขึ้น
“ผู้หญิงคนนี้เป็นของมาร์โก ใครก็ห้ามมายุ่งอีกเด็ดขาด” เขาประกาศให้รับรู้ทั่วกัน แต่ถามว่าผู้หญิงของเขาตอนนี้มีสีหน้ายังไง ถามได้! เธอยังช็อกไม่หายปล่อยให้เขาจับจูงเข้าไปในห้องจนเหตุการณ์สงบแล้วเธอก็ยังไม่รู้ตัวเหมือนเดิม! พระเจ้านี่มันเรื่องบ้าอะไร! เธอกลายเป็นผู้หญิงของมาเฟียได้ยังไง เรื่องชักจะวุ่นวายเกินไปแล้ว เธอตามไม่ทันจริง... ตั้งสติไว้ยัยแอน เธอต้องตั้งสติ ตั้งสติบ้าอะไร เขาก็ประกาศอยู่ว่าเธอเป็นของเขา ไม่ ๆ ไม่ใช่ พวกเราแค่นอนด้วยกันคืนเดียว ยังไงก็แค่เรื่องเข้าใจผิด ยังไงเขาก็คงคิดจะขู่เล่น ๆ โธ่เอ้ยยัยโง่ เขาประกาศขนาดนั้น ลองไปสิเธอได้ถูกผูกติดกับเตียงแน่ ชาตินี้อย่าหวังจะไปไหนได้เลย เธอลืมไปแล้วหรือไงว่าคนนั้นคือมาเฟียมาร์โก มาเฟียที่มีอิทธิพลสุดในเมืองนี้! เธอจะบ้าตายเพราะเถียงกับตัวเองนี่แหละ แถมยังต้องมานั่งเสียใจที่มาเจอคนที่น่ากลัวที่สุดในเมือง พระเจ้าแกล้งเธอเกินไปแล้ว แบบนี้เธอจะทำยังไงดี!!
คนเราบางครั้งก็หวนนึกขึ้นมาได้ว่าตายแล้วไปไหน ซึ่งเป็นคำถามที่ไร้คำตอบเพราะไม่มีใครสามารถมาตอบได้ว่าตายไปแล้วไปไหน หากจะรอคำตอบจากคนที่ตายไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาให้คำตอบที่กระจ่างชัด ชลดา หญิงสาวที่เลยวัยสาวมามากแล้วทำงานในโรงงานทอผ้าซึ่งตอนนี้เป็นเวลาพักเบรค ชลดาและเพื่อนๆก็มานั่งเมาท์มอยซอยเก้าที่โรงอาหารอันเป็นที่ประจำสำหรับพนักงานพักผ่อน เพื่อนของชลดาที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า "นี่พวกแกเวลาคนเราตายแล้วไปไหน" เอ๋ "ถามอะไรงี่เง่าเอ๋ ใครจะไปตอบได้วะไม่เคยตายสักหน่อย" พร "แกล่ะดารู้หรือเปล่าตายแล้วไปไหน" เอ๋ยังถามต่อ "จะไปรู้ได้ยังไง ขนาดพ่อแม่ของฉันตายไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าพวกท่านไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะท่านก็ไม่เคยมาบอกฉันสักคำ" "อืม เข้าใจนะแก แต่ก็อยากรู้อ่ะว่าตายแล้วคนเราจะไปไหนได้บ้าง" "อืม เอาไว้ฉันตายเมื่อไหร่ จะมาบอกนะว่าไปไหน" ชลดาตอบเพื่อนไม่จริงจังนักติดไปทางพูดเล่นเสียมากกว่า "ว๊าย ยัยดาพูดอะไร ตายเตยอะไรไม่เป็นมงคล ยัยเอ๋แกก็เลิกถามได้แล้ว บ้าไปกันใหญ่" พรหนึ่งในกลุ่มเพื่อนโวยวายขึ้นมาทันที แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นที่คุยกันที่โรงอาหารจะเป็นการคุยเล่นกันวันสุดท้ายของชลดา เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาชลดาก็เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับหอพักด้วยสาเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันและมีการยิงกันเกิดขึ้นและชลดาคือผู้โชคร้ายที่ผ่านทางมาพอดี ท่ามกลางความเสียใจของเพื่อนๆ เอ๋ได้แต่หวังว่า ชลดาคงไม่มาบอกกับเธอจริงๆหรอกใช่ไหมว่าตายแล้วไปไหน
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
เมื่อตอนเด็ก หลินอวี่เคยช่วยชีวิตเหยาซีเยว่ที่กำลังจะตาย ต่อมา หลินอวี่กลายเป็นพืชหลังจากประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ เธอแต่งงานเข้าตระกูลหลินโดยไม่ลังเลใจและใช้ทักษะทางการแพทย์ของเธอเพื่อรักษาหลินอวี่ สองปีของการแต่งงานและการดูแลอย่างสุดหัวใจของเธอเพียงเพื่อตอบแทนบุญคุณ และเพื่อที่เขาจะให้ความสำคัญกับตัวเองบ้าง แต่ความพยายามทั้งหมดของเธอกลับไร้ประโยชน์เมื่อคนในใจของหลินอวี่กลับมาประเทศ เมื่อหลินอวี่โยนข้อตกลงการหย่ามาใส่เธออย่างไร้ความปราณี เธอก็รีบเซ็นชื่อทันที ทุกคนหัวเราะเยาะเธอที่เป็นผู้หญิงที่ถูกครอบครัวใหญ่ทอดทิ้ง แต่ใครจะไปรู้ว่า เธอคือ Moon นักแข่งรถที่ไม่มีใครเทียบได้บนสนามแข่งรถ เป็นนักออกแบบแฟชั่นที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ เป็นอัจฉริยะของแฮ็กเกอร์ และเธอยังเป็นหมอมหัศจรรย์ระดับโลก... อดีตสามีของเธอเสียใจมากจนคุกเข่าลงกับพื้นขอร้องให้เธอกลับมา ผู้เผด็จการคนหนึ่งอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขนของเขาแล้วพูดว่า "ออกไป! นี่คือภรรยาของฉัน!" เหยาซีเยว่ "?"
"ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ" "โยนผู้หญิงคนนี้ลงทะเลซะ" ขณะที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเหนียนหย่าเสวียน โฮว่หลิงเฉินได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นมิตร "คุณหลิงเฉินครับ เธอคือภรรยาของท่านครับ" ผู้ช่วยของหลิงเฉินกล่าวเตือนเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเฉินหยุดเพ่งมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและบ่นขึ้นมาว่า "ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?" นับจากนั้นเป็นต้นมา หลิงเฉินได้ตามใจและรักใคร่ทะนุถนอมหย่าเสวียนมาตลอด โดยไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะหย่าร้างกัน
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้