เจนนิส สาวสวยกำพร้าวัย22ที่มีคุณป้าส่งเสีย เมื่อเรียนจบแทนที่จะได้ทำงานดีๆ คุณป้าที่เป็นหัวหน้าแม่บ้านเกิดเจ็บป่วย เธอจึงต้องมาดูแลและกลายเป็นสาวใช้ชั่วคราวอยู่ในบ้านหลังใหญ่ที่มีแต่เจ้านายหื่นๆ
สาวใช้กับเจ้านายหื่น
ตอน วันแรก
"คุณป้าเป็นยังไงบ้างนะ" เจนนิสยืนบ่นอยู่หน้าคฤหาสน์หลังใหญ่
ติ๊งต่อง! ๆ เธอกดออดหน้าบ้านและยืนแบกเป้ใบใหญ่
เนื่องจากคุณป้าของเจนนิสส่งเสียเธอเข้าเรียนในโรงเรียนประจำตั้งแต่เด็กเพราะว่าเธอกำพร้าพ่อกำพร้าแม่
มาวันนี้ป้าของเธอป่วยจนต้องนอนติดเตียง เจนนิสจึงต้องกลับมาช่วยดูแลและรับตำแหน่งแม่บ้านแทนชั่วคราว
เจนนิสเป็นสาวน้อยที่สวยเอาเรื่อง เธอมีผิวสีน้ำผึ้ง ใบหน้าสวยแบบอินเตอร์ตาโตจมูกเชิ่ดโด่ง หุ่นเธอผอมเพรียวขายาวและมีตูดที่งอนใหญ่ แถมยังมีหน้าอกหน้าใจที่ใหญ่เกินตัวจนเป็นจุดเด่นที่ทำให้ใครๆต้องมอง
"เห้อ อุส่าห์เรียนจบแล้วเเท้ๆเลย แทนที่เราจะได้ทำงานแล้วพาคุณป้าไปอยู่ด้วย"
"แทนที่ฉันจะได้ทำงานแล้วให้ป้าเลิกทำงานมาอยู่กับฉัน ทำไมนะสวรรค์"
เจนนิสยืนบ่นขณะที่รอคนมาเปิดประตูคฤหาสน์ให้
แอ๊ดดดด! ประตูบ้านขนาดใหญ่สีทองวาววับค่อยๆเปิดออก
"มาทำงานเหรอ" หนุ่มผิวสีแทนตัวล่ำใหญ่เดินออกมาทักทาย เขาใส่หมวกแบบมีปีกใบใหญ่จนมองไม่เห็นหน้า และใส่เสื้อแขนยาวขายาวราวกับคนสวน
"ค่ะ หนูเป็นหลานป้าแม่บ้านชื่อเจนนิส หนูมาทำงานแทนเธอและอยู่ดูแลเธอค่ะ" เจนนิสยิ้มและตอบอย่างใสซื่อ
"เข้ามาสิ" หนุ่มผิวแทนบอก
ตุบ! ๆ ๆ สาวน้อยเดินตามหลังเขาต้อยๆ
"เอากระเป๋ามา" หนุ่มตัวล่ำใหญ่บอก
"นี่ค่ะลุง" เจนนิสยื่นกระเป๋าผ้าใบใหญ่ให้เขาไปสะพายและเธอก็เดินตามตูดเขา
ฮิ! ๆ สวยจัง! เจนนิสมองไปรอบๆบ้านและยิ้มอย่างตื่นตาเมื่อเห็นสนามหญ้าเขียวขจีและสวนดอกไม้รอบๆ
บ้านหลังนี้ใหญ่มาก แค่ทางเข้าไปถึงตัวบ้านยังต้องเดินเกือบหนึ่งกิโล ด้านหน้าทั้งหมดเป็นสนามหญ้าและสวนดอกไม้ขนาดใหญ่
"ลุงคะ ป้าหนูเป็นยังไงบ้างคะ" เจนนิสวิ่งตามชายร่างใหญ่กำยำเหมือนนักรบและถามเขา
"ก็อาการเบาหวาน นอนพักรักษาตัวซักสองสามเดือนคงหายเพราะที่นี่มีหมอดี" หนุ่มผิวแทนตอบ
"อั๊ยยะ ที่ที่มีหมอประจำบ้านเลย เจ้าของเค้ารวยแค่ไหนกันนะ บ้าชะมัดฮิ! ๆ "
เจนนิสวิ่งตามหนุ่มใหญ่ต้อยๆเพราะว่าเขาเดินเร็ว
"ถึงละ ห้องในสุดนะห้องหัวหน้าแม่บ้านป้าของเธอน่ะ พักก่อนแล้วตอนสี่โมงเย็นค่อยมาประชุมที่ห้องโถงหน้าบ้าน" หนุ่มใหญ่บอกและยื่นกระเป๋าให้เจนนิส
"ขอบคุณนะคะลุง เอ่อลุงชื่ออะไรคะ" เจนนิสรับกระเป๋ามาแล้วเงยหน้าถามหนุ่มตัวสูงล่ำใหญ่
"พสุธา" เขาตอบแล้วเดินหายไป
ก๊อก! ๆ ๆ ๆ "คุณป้าคะ" เจนนิสเดินมาห้องพักแม่บ้านที่เรียงรายกันอยู่ตรงชั้นหนึ่งด้านหลังบ้านในสุด
"เข้ามาเลย" เสียงอ่อนๆของคุณป้าดังแว่วมาราวกับคนไม่มีแรง
แอ๊ดดด! เจนนิสเปิดกระตูแล้ววิ่งปรี่เข้ามานั่งบนเตียงที่คุณป้านอนเสียบสายน้ำเกลืออยู่
ฮือ! ๆ ๆ ๆ "คุณป้าเป็นอะไรมากไหม เจ็บไหมคะ หนูมาดูแลแล้วนะ ฮือ! ๆ ๆ " เจนนิสนั่งฟุบกอดเอวเอาหน้าซุกอกคุณป้าและร้องไห้
เธอคิดถึงคุณป้ามากเพราะเธออยู่โรงเรียนประจำตั้งแต่เด็กปีๆนึงจะเจอคุณป้าแค่ครั้งเดียว
แถมครั้งที่แล้วที่ป้าไปเยี่ยมเธอยังแข็งแรงดี มาวันนี้ป้าตัวบวมและใส่สายน้ำเกลือเธอเลยใจหาย
ฟุ่บ! ๆ ๆ ๆ ป้าเอามืออีกข้างลูบหัวเจนนิสเบาๆ
"ไม่เป็นอะไรแล้วลูก ป้าแค่เบาหวานกำเริบ มีอาการโรคหัวใจนิดหน่อย" ป้าปลอบสาวน้อยและกอดเธอไว้ด้วยแขนข้างเดียว
"ฮือ! ๆ ๆ หนูรักคุณป้านะคะ รักเหมือนพ่อเหมือนแม่เลย ถ้าป้าหายหนูจะเอาวุฒิป.ตรีไปสมัครงานแล้วพาคุณป้าลาออกไปอยู่ด้วยนะคะ" เจนนิสร้องไปบอกความในใจไปด้วย
"อือ! ๆ เอาตรงนี้ให้ดีก่อน หนูต้องทำหน้าที่หัวหน้าแม่บ้านแทนป้า คุณท่านมีบุญคุณกับเรา เงินที่ป้าส่งเสียหนูจนเรียนจบก็เงินคุณท่านทั้งนั้น" ป้าบอกและลูบผมเจนนิส
"ค่ะ หนูจะทำหน้าที่แทนป้าให้ดีที่สุดจนคุณป้าหายนะคะ" เจนนิสบอกและลุกนั่งเช็ดน้ำตา
"ดูสิ โตเป็นสาวแล้วสวยมากๆเลย ฮิ! ๆ ๆ " คุณป้ายิ้มออกและสีหน้าดีขึ้นทันที่เมื่อเจนนิสมาหา
ทั้งคู่นั่งคุยกันอย่างมีความสุขอยู่นานสองนานเพื่อให้หายคิดถึงกัน
เจนนิสวิ่งเข้าครัวที่อยู่ใกล้ๆห้องพักแม่บ้านแล้วทำโจ๊กมาป้อนให้คุณป้ากิน แล้วเธอก็ปูผ้านอนข้างล่างเตียงคุยกับคุณป้าจนหลับไป
"เจนนิส ๆ สี่โมงแล้ว หนูต้องไปประชุมแม่บ้าน" ป้าเรียก
ฮ้าวววว! ค่ะ ๆ เจนนิสหาววอดๆและลุกนั่งขยี้ตา
"แล้วหนูจะกลับมาหานะคะ" เจนนิสยิ้มและก้มจุบหน้าฝากคุณป้าหนึ่งที
จุ๊บ!
ตุบ! ๆ ๆ ๆ เธอวิ่งกระโปรงปลิวออกไปห้องโถงหน้าบ้านปล่อยให้คุณป้านอนยิ้มทั้งน้ำตาด้วยความปลาบปลื้มในตัวหลานสาวที่แสนดี
เจนนิสวิ่งมาถึงหน้าบ้านที่เป็นห้องโถงขนาดใหญ่มีโคมไฟหรูหราสีทองห้อยลงมาระยิบระยับ
โอ๊ย! "ขอโทษค่ะหนูมาสายใช่ไหม" เจนนิสวิ่งมายืนเข้าแถวหน้ากระดานรวมกับคนรับใช้ คนสวนและคนขับรถที่ยืนเรียงแถวยาวนับสิบกว่าคน
เธอมองไปข้างหน้าเห็นคนอยู่ห้าคน คนนึงคือคุณท่านเจ้าของบ้านเขาแก่มากแล้วนั่งบนรถเข็น
มีอีกสี่คนยืนเรียงกันเป็นผู้ชายทั้งหมด แต่ละคนอายุไล่ๆกันตั้งแต่สามสิบลงมา ทุกคนตัวสูงหน้าตาหล่อเหลาคนละแบบและดูเป็นผู้ดีมีสง่าราศีทุกคน
"เอาละ วันนี้ขอแนะนำตัวหัวหน้าแม่บ้านคนใหม่นะ ออกมายืนข้างหน้าสิ" คุณท่านที่นั่งรถเข็นพูดเสียงแหบ
ตุบ! ๆ ๆ แฮร่! ๆ ๆ เจนนิสวิ่งมายืนเด๋อๆด๋าๆอยู่หน้าคุณท่านและยิ้มแปล้
"สวัสดีค่ะ! ๆ ๆ ๆ หนูชื่อเจนนิสค่ะ" เจนนิสมองกลับมายกมือไหว้เพื่อนๆคนใช้และหันมาไหว้คุณท่านกับหนุ่มหล่อทั้งสี่
หิ! ๆ ๆ ๆ พวกเขาหัวเราะในความบ๊องแบ๊วของเจนนิสกันใหญ่
บ้านนี้เป็นตระกูลผู้ดีที่ร่ำรวยมีสมบัติมหาศาลจนลูกๆไม่ต้องทำงานก็สุขสบายไปตลอดชีวิต ดังนั้นอาชีพที่เหล่าลูกชายทั้งสี่คนทำจึงเป็นเพียงแค่งานอดิเรกเท่านั้น ไม่ได้ทำเพื่อหาเงินหาทองอะไร
"นี่ลูกชายของฉันนะรู้จักไว้ก่อน" คุณท่านบอกและชี้นิ้ว
"อัคคี! คนสุดท้อง" คุณท่านชี้มาที่คนผิวขาวหน้าตาดี เขาตัวล่ำสันหุ่นนักกีฬา เขาดูหยิ่งๆแต่หล่อเวอร์หุ่นเท่ห์ระเบิด เขาเป็นนักกีฬาหลายชนิดที่ดูแข็งแรงมาก
"คนที่สามชื่อนาวา" คุณท่านชี้หนุ่มตัวผอมสูงผิวสี เขามีหน้าตาคมเข้มคิ้วดกจมูกโด่ง เขาดูหล่อคมไว้หนวดไว้เครา เขาโบกมือให้เจนนิสด้วย นาวาดูเป็นคนอารมณ์ดี ชอบการผจญภัยบุกป่าและเป็นช่างภาพสายธรรมชาติแถมยังทำอาหารเก่ง
"วารี คนที่สองนะ" คุณท่านชี้ไล่มาที่หนุ่มผอมสูงผิวขาว เขายิ้มตอบเจนนิสด้วย วารีดูเป็นคนสุขุมเยือกเย็นและใจดี เขาเป็นศิลปิน ทั้งแต่งเพลง วาดรูป และร้องรำ
"แล้วก็คนโต" คุณท่านชี้มาที่หนุ่มผิวแทนหน้าตาหล่อล่ำคมเข้ม เขาตัวใหญ่กำยำเหมือนนักรบ เขามาดเข้ม เงียบขรึมน่าค้นหาและเป็นนักธุรกิจที่ซื้อขายของแทบทุกชนิด
"ลุง" เจนนิสอุทานเมื่อเห็นชุดของหนุ่มหล่อที่เปิดประตูบ้านให้เธอเมื่อเช้าอยู่ในร่างของลูกชายคนโต
"เขาชื่อพสุธา" คุณท่านบอก
โครมมม! เจนนิสเป็นลมล้มหงายตึงลงมานอนแผ่หราอยู่บนพื้น
นางเอกถูกสามีนอกใจแต่กลับแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น เธอยอมเป็นเมียโง่เพื่อที่ได้แอบกินตับกับพ่อผัว ลูกเลี้ยง หลานชาย และคนสวนในบ้าน สรุปแล้วเธอเสียสามีไปแค่คนเดียว แต่กลับได้ชู้ในบ้านเพิ่มเป็นสิบๆคน
หลังจากโดนผัวทิ้งตอนน้ำหนัก80กิโลแจมก็ผันตัวมาออกกำลังกายดูแลสุขภาพอย่างหนักหน่วง เพียงไม่กี่ปีเธอก็กลายเป็นสาวหุ่นดี แถมยังมีสถาบันฟิตเนสทาบทามให้ไปเป็นเทรนเนอร์สุดสวยประจำยิมเสียด้วย แต่ด้วยการที่ต้องหาลูกเทรนและทำยอดขายช่างยากเย็นไม่ต่างอะไรกับการขายประกัน ล่าสุดแจมเกิดปิ๊งไอเดียใหม่เพื่อหาคนมาเทรนด้วย เธอชอบยั่วยวนลูกชายเพื่อนๆให้มาออกกำลังกายที่ยิมแล้วหลอกกินตับ ไปๆมาๆได้ทั้งคู่นอนได้ทั้งค่าคอมจนกระเป๋าตุง เรียกได้ว่านับแต่นั้นมาแทบไม่มีวันไหนที่เธอได้นอนคนเดียวเลยซักคืน
นางเอกเปิดสำนักไถ่บาป สร้างลัทธิหลอกลวงผู้คนให้บริจาคเงิน แถมยังใช้ร่างกายที่สวยและสาวยั่วยวนเหล่าคนรวยบ้าตัญหาจนยอมเปย์ให้ทุกอย่าง นอกเหนือจากนั้นยังยั่วสวาทเหล่าหนุ่มวัยรุ่นชายฉกรรจ์ให้มาเป็นสมุนรับใช้งานต่างๆ เพื่อแลกกับการได้สัมผัสกับร่างกายอันไร้ที่ติของศาสดาสาว
กระต่ายถูกเก็บมาเลี้ยงในตระกูลผู้ดีที่มีชื่อเสียงทางสังคม ทว่าเธอกลับพลาดพลั้งไปมีอะไรกับพี่ชาย พอน้องเห็นเข้าก็แบล็คเมล์เธออีก ไปๆมาๆก็โดนคุณปู่ด้วยอีกคน ในไม่ช้าก็คงไม่พ้นพ่อเลี้ยง สรุปแล้วผู้ชายทั้งบ้านโดนเด็กสาวคนเดียวที่เก็บมาเลี้ยงกินตับจนหมด เธออยากได้อะไรก็ต้องให้ เธออยากไปไหนก็ต้องตามใจ เพราะทุกคนต่างก็คลั่งรักเด็กสาวที่ทั้งสวยและสดใส
นาจำต้องเลี้ยงดูลูกติดของน้องเขยเพราะว่าเขากับน้องสาวของเธอนั้นประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต นับแต่นั้นมาฝาแฝดก็มีคุณป้าคนสวยเพียงคนเดียวดูแลตลอดมา พอโตเป็นหนุ่มแล้วพวกเขาก็ชอบเล่นกล้ามและไปแข่งประกวดเพาะกายจนได้รางวัลและเงินมามากมาย คุณป้ายังสาวจึงต้องคอยดูแลอาหารการกินและเสื้อผ้าหน้าผมสองหนุ่มอยู่ตลอดเวลา วันดีคืนดีก็ต้องดูแลเรื่องบนเตียงของพวกเขาด้วย ในเมื่อหนุ่มๆพวกนี้ทั้งคึกคักและแรงดี เรียกได้ว่าเผลอทีไรเป็นต้องถึงเนื้อถึงตัวกับนาทุกครั้งไป แนะนำตัวละคร นา นางเอก อายุ29ปี ด้วยความที่เธอมีเชื้อจีนและหน้าเด็กตัวเล็กขาวจึงดูเหมือนสาววัยรุ่น (สายตาสั้น,เฉิ่ม) อภิวัฒน์ น้องเขยของนา (ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว) เขาเป็นเสี่ยอายุ38 (มีลูกติดมาจากเมียเก่าสองคนเป็นฝาแฝด) นิน น้องสาวของนา อายุ 28 (เสียชีวิต) ปกป้อง หลานแฝดผู้พี่ อายุ18ปี เล่นกล้าม เพาะกาย เรียนปีหนึ่ง ปราบปราม หลานแฝดผู้น้อง อายุ18ปี เล่นกล้าม เพาะกาย เรียนปีหนึ่ง *หมายเหตุ แฝดทั้งสองเป็นแฝดคนละฝา หน้าตาและนิสัยไม่เหมือนกัน
"ทำไม นอนกับผมมันแย่ขนาดนั้นเลยหรอคุณถึงได้กลัวว่าผมจะทำอะไรคุณอีก ผมรุนแรงกับคุณหรือยังไง งั้นผมคงต้องรีบทำใหม่เพื่อแก้ตัว" "คุณหมอ!" เมรีญาหันไปจ้องหน้าชายหนุ่มอย่างเอาเรื่อง พร้อมกับตำหนิเขาในใจที่กล้าพูดเรื่องแบบนั้นออกมาอย่างหน้าไม่อาย "ว่าไง ตอบมาสิว่าผมทำให้คุณไม่ประทับใจหรอถึงต้องตั้งเงื่อนไขบ้าๆ นี้ขึ้นมา" เวทัสถามด้วยค วามโมโห ถ้าเป็นสองข้อแรกเขาพอเข้าใจและรับได้ แต่สำหรับข้อสามต่อให้เขารับปากเธอตอนนี้ในอนาคตเขารู้ตัวดีว่าคนอย่างเขาต้องผิดสัญญาแน่นอน เขาไม่มีทางห้ามใจตัวเองไม่ให้ยุ่งกับเธอได้! "ทำไมคุณมันเข้าใจอะไรยากแบบนี้ ฉันบอกแล้วไงคะว่าฉันไม่อยากนึกถึงเรื่องพวกนั้นอีก" หญิงสาวพยายามอธิบายกับชายหนุ่มด้วยเหตุผล แม้จะรู้ดีว่าคนข้างๆ เริ่มไม่มีเหตุผลกับเธอแล้ว "ผมไม่สัญญา" เวทัสตอบกลับทันทีพร้อมกับสต๊าทรถออกจากโรงแรมด้วยความไม่พอใจ
เขาแอบชอบเธอตั้งแต่เจอกันครั้งแรกแต่เธอกลับกลัวและพยายามอยู่ให้ห่างจากเขาแล้วเขาจะทำอย่างไรที่จะตามจีบเธอดีในเมื่อเธอเป็นน้องรหัสของเขา
ชูจี้ถูกเก็บไปอุปการะตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งถือเป็นความฝันของเด็กกำพร้าทั่วไปอย่างชูจี้ แต่ชีวิตหลังจากนั้นมันไม่ได้มีความสุขดั่งที่ชูจี้คิดฝันไว้เลย เธอต้องอดทนถูกเย้ยหยันและการทำทารุณจากแม่บุญธรรมของเธอ แต่ก็ยังโชคดีที่เธอได้รับความเมตตาจากคนใช้สูงวัยคนหนึ่งในบ้านหลังนั้น ชึ่งเป็นคนคอยดูแลและเอาใส่เธอเหมือนแม่แท้ ๆ ของเธอ จนกระทั่งคนใช้จากไปด้วยอาการป่วย ชูจี้ก็ถูกบังคับให้แต่งกับผู้ชายที่ไม่เอาการเอางานแทนลูกสาวแท้ ๆ ของพ่อแม่บุญธรรมของเธอเพื่อชดใช้ค่ารักษาพยาบาลของคนใช้ เรื่องราวจะเป็นเช่นเดียวกับซินเดอเรลล่าหรือไม่? อย่างไรก็ตาม ชายที่เธอจะแต่งงานด้วยนั้นไม่เหมือนเจ้าชายเลยสักนิดนอกจากรูปร่างหน้าตาของเขาที่สามารถเทียบเท่ากับเจ้าชายได้เท่านั้นเอง ลู่เหยี่ยนเป็นลูกชายนอกสมรสของครอบเศรษฐีครอบครัวหนึ่ง เขาใช้ชีวิตไปวันๆ (พอลอดไปด้วยค่ะ)มาโดยตลอด ที่เขาตกลงแต่งกับชูจี้ก็เพราะอยากจะทำให้ความปรารถนาสุดท้ายของแม่ของเขาสมหวังเท่านั้น แต่ในคืนวันแต่งงาน เขากลับพบว่าเจ้าสาวคนนี้มีพฤติกรรมที่ผิดกับที่เคยได้ยินได้ฟังมา โชคชะตาจะบันดาลให้พวกเขาเป็นอย่างไร และลู่เหยี่ยนจะเป็นดั่งที่เราคิดหรือไม่ สิ่งที่น่าประหลาดใจคือลู่เหยี่ยนมีหลายอย่างที่คล้ายๆ กับมหาเศรษฐีที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้อย่างพิลึก สุดท้ายแล้ว ลู่เหยี่ยนจะสามารถรู้ได้หรือไม่ว่าชูจี้ คือเจ้าสาวจำเป็นที่ต้องได้แต่งงานแทนพี่สาวของเธอ การแต่งงานของพวกเขาจะเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวสุดโรแมนติกหรือวิบากกรรมของชีวิต โปรด ติดตามและค้นหาชีวิตและเรื่องราวของทั้งสองคนด้วยกันเถอะ
นางเจ็บปวดปางตายเมื่อเขาโยนร่างบอบช้ำทิ้งไว้หลังจวนโดยไม่แยแส เมิ่งลี่เฟยน้ำตาไหลพรากทว่ากลับไม่ทำให้คนที่เพิ่งเหยียบย่ำร่างกายเล็กเห็นใจแต่ประการใด"เฝ้านางเอาไว้ให้ดีอย่าให้ออกมาทำเรื่องชั่วอีก"
ซินหยาน นักฆ่าสาวที่ใช้นามแฝงว่า สืออี เธอถูกพาตัวมาจากสถานสงเคราะห์ตั้งแต่อายุเพียงเจ็ดปี เพื่อฝึกให้เป็นนักฆ่าขององค์การใต้ดิน เพราะความสามารถของเธอ รวมถึงความเฉลียวฉลาดจากการเอาตัวรอด ทำให้เธอได้รับภารกิจเสี่ยงอันตรายอยู่เสมอ จนวันหนึ่งที่องค์กรยื่นข้อเสมอสุดพิเศษให้ หากทำภารกิจครั้งนี้เสร็จสิ้นเธอจะสามารถไปใช้ชีวิตตามที่เธอต้องการได้ แต่เรื่องมันจะง่ายถึงเพียงนั้นได้อย่างไร ซินหยาน แม้จะรู้ดีว่านี้เป็นภารกิจสุดท้ายก่อนที่เธอจะถูกสั่งเก็บแต่ก็รับงานมาอย่างเต็มใจ แต่ที่องค์การคิดไม่ถึงคือ ซินหยานเลือกที่จะจบชีวิตลงพร้อมกับภารกิจสุดท้ายที่สูญหายไปพร้อมกับเธอด้วย ซินหยานเมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งก็พบว่าเธออยู่ในร่างของเด็กสาววัยสิบสองหนาว จางซินหยาน ชื่อนี้ช่างคุ้นหูนัก และยิ่งคุ้นมากขึ้นเมื่อชื่อของบิดามารดาของซินหยานก็คือนิยายเรื่องหนึ่งที่เธอได้เคยอ่านเมื่ออยู่ภพที่แล้ว หลังจากที่จางซินหยานอายุได้สิบหกหนาว นางตกหลุมรักท่านแม่ทัพจ้าว ที่ได้รับบาดเจ็บและจางซินหยานเป็นผู้ช่วยไว้ ถ้าหากท่านแม่ทัพจ้าวมิได้มีสตรีที่ตบแต่งไปแล้วเรื่องนี้ก็คงจบอย่างสวยงาม แต่เพราะเขารับจางซินหยานไปเป็นได้เพียงอนุเท่านั้น จางซินหยานก็ยังคิดว่าถึงจะเป็นเพียงอนุนางก็ยังหวังว่าท่านแม่ทัพจะรักนางเช่นกัน แต่เปล่าเลย ในสายตาของท่านแม่ทัพมีเพียงฮูหยินเอกเท่านั้น จนตายจางซินหยานก็ไม่เคยได้ยินคำว่ารักจากปากของท่านแม่ทัพ ซินหยานเมื่อมาอยู่ในร่างของจางซินหยานแล้วนางจะยอมให้เกิดเหตุการณ์นี้ได้อย่างไร แต่เหมือนโชคชะตาชอบเล่นตลก เพราะเรื่องที่นางไม่อยากยุ่งเกี่ยวดันเข้าไปยุ่งเต็มๆ
คนเราบางครั้งก็หวนนึกขึ้นมาได้ว่าตายแล้วไปไหน ซึ่งเป็นคำถามที่ไร้คำตอบเพราะไม่มีใครสามารถมาตอบได้ว่าตายไปแล้วไปไหน หากจะรอคำตอบจากคนที่ตายไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาให้คำตอบที่กระจ่างชัด ชลดา หญิงสาวที่เลยวัยสาวมามากแล้วทำงานในโรงงานทอผ้าซึ่งตอนนี้เป็นเวลาพักเบรค ชลดาและเพื่อนๆก็มานั่งเมาท์มอยซอยเก้าที่โรงอาหารอันเป็นที่ประจำสำหรับพนักงานพักผ่อน เพื่อนของชลดาที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า "นี่พวกแกเวลาคนเราตายแล้วไปไหน" เอ๋ "ถามอะไรงี่เง่าเอ๋ ใครจะไปตอบได้วะไม่เคยตายสักหน่อย" พร "แกล่ะดารู้หรือเปล่าตายแล้วไปไหน" เอ๋ยังถามต่อ "จะไปรู้ได้ยังไง ขนาดพ่อแม่ของฉันตายไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าพวกท่านไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะท่านก็ไม่เคยมาบอกฉันสักคำ" "อืม เข้าใจนะแก แต่ก็อยากรู้อ่ะว่าตายแล้วคนเราจะไปไหนได้บ้าง" "อืม เอาไว้ฉันตายเมื่อไหร่ จะมาบอกนะว่าไปไหน" ชลดาตอบเพื่อนไม่จริงจังนักติดไปทางพูดเล่นเสียมากกว่า "ว๊าย ยัยดาพูดอะไร ตายเตยอะไรไม่เป็นมงคล ยัยเอ๋แกก็เลิกถามได้แล้ว บ้าไปกันใหญ่" พรหนึ่งในกลุ่มเพื่อนโวยวายขึ้นมาทันที แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นที่คุยกันที่โรงอาหารจะเป็นการคุยเล่นกันวันสุดท้ายของชลดา เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาชลดาก็เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับหอพักด้วยสาเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันและมีการยิงกันเกิดขึ้นและชลดาคือผู้โชคร้ายที่ผ่านทางมาพอดี ท่ามกลางความเสียใจของเพื่อนๆ เอ๋ได้แต่หวังว่า ชลดาคงไม่มาบอกกับเธอจริงๆหรอกใช่ไหมว่าตายแล้วไปไหน