"ชุนหวงเจ้าเห็นแก่ข้าสองผัวเมียที่รับเลี้ยงเจ้ามาจนเติบใหญ่ เจ้าจะทดแทนบุญคุณนี้ได้หรือไม่ ดูเอาเถอะต่อให้คนเร่ร่อนยังรู้จักทดแทนคอยเฝ้าคอยไล่พวกมัจฉาชีพให้แก่หอแห่งนี้ เจ้าคิดจะเพิกเฉยอย่างนั้นหรือ"ฉีเฮ่อปวดใจนักทั้งบีบบังคับทั้งปลอบประโลมแต่คนตรงหน้ากลับเพิกเฉยไม่สนใจใยดี ใจหนึ่งอยากจะขับไล่ไปให้พ้นจากความหายนะ อีกใจความโลภก็ครอบงำเอาไว้จนยากจะตัดสินใจ แต่สิ่งที่เหนือกว่าอื่นใดแล้วคือเนื้อความในจดหมายนั้นต่างหากเล่า
"นั่นมิใช่เรื่องของข้า ท่านให้ที่พำนักก็จริงแต่คนที่เลี้ยงดูข้าคือหลี่เจี๋ยกับไน่ยไน่ย และข้าวของเงินทองก็มิได้เบียดบังของพวกเจ้ามาใช้แม้แต่น้อย ซ้ำร้ายพวกเรายังทดแทนด้วยเงินทองของมีค่าให้ท่านกินใช้จนตายก็ไม่หมด แล้วอย่างนี้จะให้ข้าตอบแทนอันใดอีกเล่า"ชุนหวงกล่าวเสียงเรียบ
"แต่เจ้ากำลังถูกสั่งให้เข้าจวนอ๋อง"ฉีเหนียงอดรนทนไม่ไหว
"เป็นข้าต้องรับผิดชอบหรือไร คนบรรเลงดนตรีหอของท่านก็ใช่ว่าจะขาดแคลน ในจดหมายระบุเพียงแค่ต้องการให้ผู้บรรเลงขับกล่อมเป็นดาวของที่นี่ หาได้ระบุชื่อแซ่ข้าไม่"ชุนหวงเคาะนิ้วลงบนจดหมายเบาๆ
"แต่เจ้าเป็นดาวของที่นี่"ฉีเหนียงยังมิยอมแพ้
"น่าขัน ข้ามิได้เป็นคนของท่านลืมแล้วหรือ ข้าเพียงยอมบรรเลงฉินยามเหงา หากเป็นเอ้อจงต่างหากที่ขับกล่อมที่แท้จริงต่างหาก หรือท่านอ๋องผู้นี้เป็นพวกชายตัดแขนเสื้อถึงได้บีบบังคับผู้อื่นให้สนองตัณหาความอยากของตนเองอย่างนี้"ชุนหวงหันกลับมาถามหลี่เจี๋ยที่ยืนหน้าขรึมอยู่
"เป็นเอ้อจงไปก็แล้วกัน นายน้อยของข้าไม่ออกไปเล่นฉินให้ผู้ใดนอกหอจันทร์ส่องทั้งนั้น"ไน่ยไน่ยเสียงแข็ง
"นี่ นี่ นี่ พวกเจ้าช่างอกตัญญูยิ่งนัก"ฉีเฮ่อชี้นิ้วกราดด้วยความโมโห
"เจ้าจะกล่าวเยี่ยงใดสุดแท้แต่เถิด"ชุนหวงกล่าวจบก็กลับเข้าไปในห้องของตนเอง หารู้ไม่ว่าด้านบนขื่อมีผู้คนหลบซ่อนอยู่จากนั้นก็หายไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน
"เราจะออกเดินทาง"ชุนหวงนั่งลงตรงเก้าอี้มือเรียวกุมจอกน้ำชาเอาไว้หมุนไปมาเพื่อใช้ความคิดเพื่อต่อต้านท่านอ๋องที่บีบบังคับให้เขาเข้าจวน
"ไปที่ใดขอรับ"หลี่เจี๋ยขมวดคิ้ว
"ไปเหอเป่ย"ชุนหวงยิ้มกว้างจนตาหยี ทั้งไน่ยไน่ยและหลี่เจี๋ยมีหรือจะไม่รู้เท่าทันนายน้อยของตน เรื่องสำคัญกว่าสิ่งอื่นใดคืออยากท่องเที่ยวเท่านั้นหาใช่อยากหลบหนีไปจากหอนี้ หลี่เจี๋ยนิ่งใช้ความคิดก่อนจะเอ่ยปาก
"ขอเวลาข้าสองชั่วยามแล้วจะมาให้คำตอบ"ถึงแม้หลี่เจี๋ยจะรักใคร่นายน้อยของตนเพียงใด แต่ความปลอดภัยย่อมมาก่อนเขาจึงไม่ได้รับปาก เรื่องนี้จดหมายจึงถูกส่งไปยังชายชุดดำเช่นเดิม ครานี้ใช้เวลาไม่นานก็ได้รับคำตอบกลับมา นั่นคือให้นายน้อยได้ใช้เวลาท่องเที่ยวบ้าง ข่าวดีนี้ถูกส่งทอดมาถึงชุนหวงเมื่อได้รับข่าวดีก็ร่าเริงดุจนกน้อยที่กำลังหัดบิน หลี่เจี๋ยเห็นก็อดยิ้มด้วยความเอ็นดูคนที่ตนเองเลี้ยงมาแต่เล็กไม่ได้
"ไป! พวกเราไปเตรียมตัวกันเถอะ"ชุนหวงสั่งคนโดยทั้งสามไม่รู้แม้แต่น้อย ว่านกพิราบสื่อสารถูกจับได้ก่อนถึงมือเหล่าผู้อาวุโสของสำนักลี่ไป๋และได้ถูกเปิดอ่านข้อความนั้นก่อนแล้ว
"เหอเป่ยงั้นหรือ"จิ้นหยางอ่านจดหมายลับกลับไปมาสองสามรอบก่อนจะยิ้มมุมปาก
"พะย่ะค่ะหวางเย่"ผู้ที่จับนกพิราบและนำจดหมายมาถึงมือจิ้นหยางคืออี้จางที่ซุ่มดูความเคลื่อนไหวของหอจันทร์ส่องมาทั้งคืน
"เปิ่นหวางคิดว่าพวกเราต้องลองออกไปเยี่ยมราษฎรที่นั่นบ้างแล้ว"ทั้งสองคนประสานมือก้มหัวลงรับคำสั่ง หากแต่ขณะที่ก้มยังอดลอบสบตากันไม่ได้
"เตรียมตัวเถอะ"จิ้นหยางออกคำสั่ง ในเวลาเพียงไม่นานทั้งสามกำลังจะออกเดินทางมีกงกงจากวังหลวงมาร้องตะโกนให้รับราชโองการทั้งสามออกมาคุกเข่ารออยู่ด้านนอกเพื่อรอรับ
"เนื่องด้วยองค์ชายห้า จิ้นหยางอ๋อง ทำคุณงามความดี ฮ่องเต้จึงพระราชทานผ้าไหมสิบผืนทองคำอีกร้อยชั่ง และน้ำจันพระราชทานเหตุจากครบหนึ่งปีของการพระราชทานสมรส รับราชโองการ"เหล่ากงกงน้อมตัวยื่นพระราชโองการส่งให้จิ้นหยางที่ยื่นมือสองข้างออกไปรับ กงกงค่อยบรรจงวางลงมือของจิ้นหยางด้วยความระมัดระวังเพราะรู้ดีว่าผู้กุมอำนาจในราชสำนักที่แท้จริงคือผู้ใดกันแน่
"ขอทรงพระเจริญหมื่นปีหมื่นๆปี"
"กระหม่อมยินดีด้วยพระย่ะค่ะ"เหล่ากงกงยิ้มพร้อมอวยพร จิ้นหยางพยักหน้าน้อยๆให้เสิ่นเล่ยส่งถุงแพรที่ใส่ตำลึงทองเอาไว้ ขนาดพอดีมือให้กับเหล่ากงกง
"ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ"พ้นจากกงกงไปจิ้นหยางได้แต่นิ่งใช้ความคิด เขาลืมไปสิ้นว่าบัดนี้ครบรอบหนึ่งปีของการพระราชทานสมรสให้ แล้ว ดังนั้นแรงทอดถอนใจดังออกจากปากหนาได้รูปแทน
"เอาเถอะเลื่อนการออกเดินทางไปก่อน อี้จางจงไปยังตำหนักฝูฮัวบอกหยางเฟยว่าข้าจะเข้าไปทานอาหารกลางวันด้วย อย่าลืมเตรียมสุราพระราชทาน"ข่าวถูกส่งไปถึงมู่เหรินที่พอได้รับถ่ายทอดคำสั่ง ต่างล้วนแต่ยินดีกันทั้งตำหนักนานแค่ไหนแล้วที่องค์ชายมิได้เสด็จมาที่นี่ เหล่านางกำนัลขันทีต่างกระตือรือร้นผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าของหวางเฟยให้งดงามเพื่อรอต้อนรับท่านอ๋องที่กำลังเสด็จมาเยือน
"ดูดีแล้วหรือไม่"
"หวางเฟยงดงามมากเพคะ รับรองว่าหากท่านอ๋องเสด็จมาต้องตะลึงในความงามแน่ๆ"หนึ่งในนางกำนัลนามอี้อิงที่ส่งขวดยาให้เอ่ยปาก
"ขอบใจเจ้ามาก"มู่เหรินยิ้มน้อยๆปากสีชาดแย้มยิ้ม ยิ่งเมื่อได้ยินอี้จางประกาศหน้าตำหนักยิ่งกระตือรือร้น ก้มลงสำรวจเนื้อตัวอีกรอบเพื่อความเรียบร้อย
"ไปเตรียมรับเสด็จ ท่านอ๋องมาแล้ว"มู่เหรินพยักหน้าให้บ่าวสองคนออกไปต้อนรับ ตนเองล้วงเอาขวดสีทองออกมามองดูรอบหนึ่ง แล้วส่งกลับไปในช่องแขนเสื้อเพื่อซ่อนเอาไว้ ไม่นานนักร่างสูงใหญ่ของจิ้นหยางก็ปรากฏขึ้นในชุดสามัญ ตามหลังด้วยคนอีกสองคนเช่นเดิม
"หวางเฟย"
"ท่านอ๋องเพคะ"มู่เหรินแย้มยิ้มต้อนรับ
"นั่งลงเถอะเปิ่นหวางเตรียมของไว้ให้ เจ้ามารับเอาไปสิ"อี้จางเป็นผู้ส่งมอบกล่องสีแดงสดขนาดพอดีมือ เมื่อนางเปิดออกก็หน้าเพิ่มสีขึ้นด้วยความยินดี สิ่งที่อยู่ในกล่องคือปิ่นสีทองรูปหงส์สยายปีกงดงามละลานตายิ่ง
"ขอบพระทัยท่านอ๋อง งามเหลือเกินเพคะ"
"เจ้าชอบก็ดีแล้วแล้ว นี่ชายารองไปไหนไยเปิ่นหวางถึงไม่เห็น"
"ผิงหรูเหรินกำลังมาเพคะ"
"ไม่เป็นไรเปิ่นหวางมีราชกิจจะต้องออกไปต่างเมือง อยู่นี่คงได้ชั่วครู่"จิ้นหยางยกจอกเหล้าพระราชทานที่มู่เหรินบรรจงรินให้ ชายแขนเสื้อรุ่มร่ามเสียจนมองมิเห็นว่าขวดยาได้ถูกเปิดออกและหยดยาลงไปในจอกเหล้านั่นแล้ว ครั้นผิงหรูเหรินมาถึงก็ดูเหมือนจิ้นหยางจะครองสติไม่อยู่แล้ว
"อี้จาง เสิ่นเล่ย ประคองเปิ่นหวาง"อาการซวนเซหลังดื่มสุราทำให้สองคนไม่สบายใจนักเพราะรู้ดีว่าท่านอ๋องนั้นคอทองแดงเพียงใดแค่สุราแค่นี้มิอาจทำให้มึนเมาได้ง่ายดาย จึงย่อมรู้อยู่แก่ใจว่าจิ้นหยางดื่มเก่งแค่ไหนแต่นี่เพียงแค่ไหเดียวเหตุใดจึงเมามายเช่นนี้ นั่นย่อมเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด
"หวางเย่เพคะ"ผิงหรูเหรินร้องเรียก ทำได้เพียงชะเง้อชะแง้แลตามมู่เหรินที่รีบเข้าไปประคองร่างสูงเอาไว้
"หวางเย่เมาแล้วหรือเพคะ"น้ำเสียงออดอ้อนอ่อนหวานเอกอกเอาใจ สองมือนุ่มเกาะท่อนแขนใหญ่เอาไว้พยายามรั้งเอาไว้ให้เบียดอกนุ่มของตนเอง
"อืมมม"จิ้นหยางครางรับสะบัดหน้าไปมาเรียกสติ แต่ดูเหมือนกลับยิ่งเมามายมากกว่าเดิมเสียอีกร่างกายมิอาจควบคุม
"ให้ท่านอ๋องประทับที่นี่"น้ำเสียงเด็ดขาดของหวางเฟยมีหรือใครจะกล้าขัด อี้จางกับเสิ่นเล่ยได้แต่ร้องค้านหากไม่สามารถทำได้เต็มที่ด้วยพระยศของนาง
"นี่กล้าขัดคำสั่งหวางเฟยหรือ"นางตวาดเสียงดัง มองบ่าวรับใช้ช่วยกันประคองจิ้นหยางกลับเข้าห้องบรรทมของตนเอง
"หามิได้พะย่ะค่ะแต่ราชกิจ"เสิ่นเล่ยเอ่ยปาก
"ออกไปได้แล้ว ไม่เห็นหรือว่าท่านอ๋องเมามายไม่ได้สติ พวกเจ้ายังกล้าให้ออกไปจากตำหนักอีก"ทั้งสองได้แต่มองหน้ากันอย่างจนใจ จากนั้นได้แต่ประสานมือแล้วถอยหลังจากไป มู่เหรินยกยิ้มเดินนวยนาดเข้าไปมองจิ้นหยางที่นอนแผ่อยู่บนเตียงเพราะครองสติไม่อยู่แขนขาไร้เรี่ยวแรง
"ออกไป"สองบ่าวยิ้มอยู่เป็นนัย ก่อนจะย่อเข่าแล้วถอยหลังจากไป นางนั่งลงข้างกายจิ้นหยางที่ครองสติตัวเองไม่อยู่
"ท่านอ๋องเพคะ"น้ำเสียงอ่อนหวานเอ่ยมือเรียวงามลูบอกหนาผ่านเสื้อเนื้อดี จิ้นหยางคว้ามือขาวกำเอาไว้แน่น
"ชุน..."
"หม่อมฉันเองเพคะ"มู่เหรินบรรจงปลดผ้ามัดเอวของจิ้นหยางออก สองมือเรียวลูบไล้จนจิ้นหยางเองทานไม่ไหว ด้วยฤทธิ์ของยาย้อมใจยิ่งทำให้ฮึกเหิม สองบ่าวรับใช้รีบปิดประตูกันเสียงที่เล็ดลอดออกมา ยามเช้ามู่เหรินที่บรรจงนั่งให้บ่าวรับใช้แต่งตัวให้ด้วยสีหน้าแย้มยิ้มแจ่มใส่และเขินอายไม่น้อยทั้งที่มีท่าทีอ่อนเพลีย
"อย่าส่งเสียงเห็นหรือไม่ท่านอ๋องหลับอยู่"สองบ่าวเหลือบแลไปถึงเตียงที่มีม่านสีขาวปลิวสะบัดไปมา ร่างสูงนอนหลับนิ่งอยู่บนนั้น ต่างกับสองคนที่ยืนรอด้านนอกทั้งคืนด้วยความวิตกเพราะรู้ดีว่าหากจิ้นหยางตื่นได้สติคงมีคนต้องหัวหลุดจากบ่าแน่ๆ
"ยินดีด้วยเพคะ"
"ขอบใจเจ้ามากไปเตรียมน้ำมาให้ท่านอ๋องเถอะนี่คงใกล้ตื่นแล้ว อ้อน้ำแกงบำรุงด้วยล่ะ"นางยิ้มคล้ายเอียงอาย เสียงขยับตัวบนเตียงเรียกให้ทั้งสามชะเง้อมองมู่เหรินโบกมือเบาๆสองบ่าวย่อกายแล้วจากไป
"ตื่นแล้วหรือเพคะ"มู่เหรินเดินแช่มช้อยเข้าไปหาร่างสูงใหญ่ที่ลุกนั่งเอาขาข้างหนึ่งตั้งชันใช้ศอกวางไว้เหนือเข่าฝ่ามือปัดเสยผมตนเองให้พ้นหน้าผากเนื้อตัวเปิดเปลือยมีเพียงผ้าแพรสีชมพูพาดปิดบังหว่างขาตนเองเอาไว้
"ทำอะไร"จิ้นหยางขมวดคิ้วเล็กน้อยสีหน้าเรียบเฉย
"เมื่อวานหวางเย่ดื่มน้ำจันพระราชทานแล้วก็เมาเพคะ เลย...เลย.."นางมิกล้าเอ่ยในส่วนที่เหลือจิ้นหยางยิ้มมุมปาก
"ถึงขนาดวางยาเปิ่นหวางเลยรึ ความผิดร้ายแรงแค่ไหนหวางเฟยไม่รู้หรืออย่างไร"มู่เหรินหน้าซีด
"หามิได้เพคะหม่อมฉันมิกล้า"จิ้นหยางคว้าแขนกระชากกลับมาแรงจนมู่เหรินแทบจะถลาล้มลงบนเตียง
"ไร้ยางอายสิ้นดี แต่เอาเถอะในเมื่อเจ้าเป็นของพระราชทาน เปิ่นหวางคงทำอะไรไม่ได้อย่างนั้นทหาร!!"จิ้นหยางเรียกทหารยามเสียงดังไม่นานทหารสองนายก็เข้ามาน้อมกายคารวะ
"พะย่ะค่ะ"
"กักบริเวณหวางเฟยจนกว่าจะสำนึกผิดได้ ห้ามมิให้มันผู้ใดเยี่ยมเยือนอยู่แต่ในตำหนักฝูฮัวเท่านั้น"
"พะย่ะค่ะ"ทหารน้อมรับคำสั่ง
"อี้จาง! เสิ่นเล่ย มานี่เดี๋ยวนี้"น้ำเสียงเกรี้ยวกราดจนคนมิกล้าสู้หน้าสองคนรีบวิ่งเข้ามารับคำสั่ง ประสานมือก้มหน้านิ่งด้วยรู้ความผิดของตนเอง
"ประคองข้า"สิ้นคำสั่งทั้งจิ้นหยาง สองคนรีบเข้าพยุงร่างกายที่อ่อนแรงของจิ้นหยางนำเสื้อคลุมคลุมร่างเปลือยเอาไว้กลับไปยังตำหนักเหิงชาง สีหน้าเรียบเฉยจนคนไม่กล้าทำเสียงดังหรือหายใจแรง สีหน้าของจิ้นหยางอ๋องราวกับจะฆ่าคนให้หายแค้น
"บัดซบ!!"จิ้นหยางตบโต๊ะเสียงดัง เมื่อคืนเขากึ่งหลับกึ่งตื่นอาการวาบหวามที่เกิดขึ้นหลังจากดื่มเหล้านั่น ทำให้รู้ว่าชายาของตนเองเล่นไม่ซื่อเป็นแน่
"ข้าน้อยสมควรตายที่มิอาจปกป้อง"อี้จางกับเสิ่นเล่ยคุกเข่าหมอบลงกับพื้น
"ช่วยหรือ เจ้าจะช่วยอันใดนางจิ้งจอกเจ้าเล่ห์นั่นใครจะทันเล่ห์นางได้"จิ้นหยางบอกเสียงเย็น
"เอายาแก้มาให้เปิ่นหวาง"จิ้นหยางสูดลมเข้าปอดพยายามระงับโทสะ ดวงตาคมกริบดุจบ่อน้ำที่ลึกจนเกินจะมองเห็นก้นบ่อส่งประกายวาววับ หายไปชั่วครู่อี้จางก็รีบส่งขวดหยกมาให้จิ้นหยางเทเม็ดยาลงฝ่ามือแล้วส่งเข้าปาก
"เสิ่นเล่ยเตรียมน้ำอาบให้ข้า องค์รักษ์เงาลงมา"จิ้นหยางสั่งเสียงเข้มทั้งหมดรีบปรากฏตัวคุกเข่าลงทันทีเช่นกัน
"น้อมรับคำสั่ง"
"รายงาน!"จิ้นหยางปล่อยให้อี้จางปลดเสื้อคลุมชั้นนอกชั้นในออก เหลือเพียงกางเกงสีขาวโชว์อกเปลือยแข็งแกร่ง อี้จางยืนกอดอกคุมบ่าวชายให้เทน้ำอุ่นลงถังจนเต็มจิ้นหยางก้าวขาลงนั่งในอ่างเอนกายลงพิงกับขอบถังเอนศรีษะไปด้านหลังหลับตานิ่งเพื่อให้ฤทธิ์ยาสลายไป
"รายงานหว่างเย่ คุณชายชุนหวงถึงเหอเป่ยแล้วพะย่ะค่ะ พักอยู่โรงเตี้ยมที่เราจัดเตรียมเอาไว้แล้ว ปลอดภัยทุกอย่างพะย่ะค่ะ"
"ดีคุ้มกันให้ดีอย่าให้คนเข้าใกล้ อีกหนึ่งชั่วยามเปิ่นหวางคงไปถึงโรงเตี้ยม นำคนของเราเข้าไปแทนที่ ซื้อโรงเตี้ยมนั่นเอาไว้ขับไล่คนไม่เกี่ยวข้องออกไปให้หมด"จิ้นหยางอาบน้ำอย่างบรรจงราวกับไม่มีเรื่องอันใดให้เร่งร้อน อี้จางสั่งบ่าวรับใช้นำอาหารมาวางต่างทดสอบก่อนจะวางใจให้จิ้นหยางดื่มกิน
"ถุงหอมของเปิ่นหวางล่ะ"จิ้นหยางใช้มือตบไปทั่วร่างเพื่อคลำหาถุงหอมที่นำมาจากเตียงชุนหวง
"ถุงหอมหรือพะย่ะค่ะ"
"ถุงหอม!! ไปเอามาจากตำหนักฝูฮัวเดี๋ยวนี้"จิ้นหยางเพิ่มความโกรธมากขึ้นไปอีก เมื่อรู้ว่าถุงหอมนั่นหายไปร้อนถึงอี้จางรีบรุดกลับไปตำหนักฝูฮัวอีกครั้งร้อนรนราวกับค้นหาสิ่งสำคัญ