ถุงแพรสีขาวลวดลายเรียบง่ายส่งกลิ่นหอมอ่อนถูกขยำอยู่ในมือเรียวขาว เล็บสีสดจิกจนถุงหอมเป็นรอย สีหน้ากราดเกรี้ยวบิดเบี้ยวจนความงดงามเลือนหายไปจากใบหน้า
"มันเป็นของผู้ใด...ขนาดถุงหอมที่ข้าบรรจงปักยังมิเคยได้รับความชื่นชอบ แต่นี่ท่านอ๋องถึงกับพกติดกาย นางผู้ใดเป็นเจ้าของกันแน่"น้ำเสียงขมขื่นเปล่งออกมาจากมู่เหริน บัดนี้ยังมีผิงหรูเหรินชายารองผู้ที่เข้ามาอยู่ในจวนนี้เพราะเป็นของกำนัลจากเสนาซ่ง เพื่อเข้ามาคานอำนาจกับเสนามู่จิงนางจึงร้อนรุ่มในหัวอกด้วยความริษยา
"หวางเฟยโปรดระงับโทสะ เม่ยเม่ยมิเห็นท่านอ๋องจะชื่นชอบผู้ใดเลยนะเพคะ อาจจะเป็นถุงหอมที่หวงไท่โฮ่วประทานให้ก็เป็นได้"ซ่งผิงอันเอ่ยเสียงเบาอดสมน้ำหน้าในใจมิได้ นางเองเป็นถึงชายารองแต่กลับไม่ได้รับการชื่นชมจากจิ้นหยางอ๋องเลย มีเพียงครั้งเดียวในวันเข้าหอเท่านั้น หากแต่ตราตรึงมาจนถึงทุกวันนี้และคิดว่ามู่หวางเฟยเองก็เฉกเช่นเดียวกัน
"หึ!คนอย่างเจ้ายังกล้าออกความคิดเห็นด้วยหรือ หยุดปากเจ้าไปเถอะ"มู่เหรินเยาะเย้ย ผิงอันได้แต่เก็บความอัดอั้นเอาไว้ในอกฝืนยิ้มออกมาเล็กน้อย
"หวางเฟยเองก็ไม่ได้รับการชื่นชอบ ไยต้องเยาะเย้ยถางถาง ทุกวันนี้เจ้ากับข้าสถานะต่างกันหรืออย่างไร มิใช่ถูกปล่อยปละทั้งคู่หรือ ยิ่งตอนนี้ท่านถูกลงโทษเพราะทำอันใดท่านย่อมรู้แก่ใจ เอาล่ะข้ามาส่งข้าวน้ำตามหน้าที่ จากนี้ก็คงไม่ได้มาเยี่ยมเยือนท่านอีกจนกว่าท่านจะได้รับการยกโทษ ไม่แน่ถุงหอมนั่นอาจจะเป็นสตรีนางใดในวังหลวงสักคนที่ท่านอ๋องเกิดต้องตาก็ได้ ระวังเถอะจะกลายเป็นหมาหัวเน่ามิรู้ตัว"ซ่งผิงอันผุดลุกขึ้น พยายามระงับโทสะจากนั้นก็สะบัดกายออกไปจากตำหนักทันที
"อี้จางขอเข้าพบเพคะ"บ่าวรับใช้รีบมาย่อกายรายงาน
"เรื่องอันใด"มู่เหรินอยากจะกรีดร้องให้หายคั่งแค้น ทำได้เพียงระงับโทสะมือกำถุงแพรแน่นจนเจ็บไปทั้งฝ่ามือ
"ขอประทานอภัยกระหม่อมเพียงมาขอถุงหอมคืนพะย่ะค่ะ"อี้จางเอ่ยปาก
"ถุงหอมรึ...ขอให้ข้าหาก่อนเถอะ มันเป็นของผู้ใดกัน"มู่เหรินกล้ำกลืนความโกรธปากสวยยิ้มแย้มอ่อนหวาน
"เป็นของท่านอ๋องพะย่ะค่ะ"
"อ้ออันนี้ใช่หรือไม่"นางชูถุงหอมขึ้นแกว่งไปมา
"ใช่แล้วกระหม่อม"อี้จางไม่พูดซ้ำมู่เหรินยังไม่ยอมคืนให้
"ลวดลายบนถุงไม่น่าจะใช่หญิงในวัง เพราะดูเหมือนจะไม่ละเอียดอ่อนวิจิตรบรรจง บอกข้าได้หรือไม่ว่าเป็นของผู้ใดมอบให้ท่านอ๋อง"
"กระหม่อมมิทราบพะย่ะค่ะ เพียงแค่ได้รับคำสั่งให้นำกลับไปคืนเท่านั้น"
"อ้อ.... ถ้าอย่างนั้นเปลี่ยนเป็นของข้าได้หรือไม่ เด็กๆเอาถุงที่ข้าปักไว้มาให้ข้า"มู่เหรินโยกโย้ที่จะคืนถุงหอมให้ กลับสับเปลี่ยนเป็นของตนเองอี้จางได้แต่ทำสีหน้าลำบากใจ ครั้นได้ยินเสียงเอ่ยปากก็แอบถอนใจโล่งอก
"ของเปิ่นหวางเอาคืนมาเถอะหวางเฟย"จิ้นหยางรู้ว่าอี้จางคงไร้ความสามารถที่จะนำถุงหอมมาคืนให้ เขาถึงเดินมาเอาเอง มู่เหรินใบหน้าจืดจาง ก้มลงมองถุงหอมด้วยความคิดที่ไม่อาจเอ่ย จิ้นหวางยืนนิ่งให้อี้จางรอรับจากมือของนาง มู่เหรินร่ำไห้ในอกอ้อยอิ่งมิยอมส่งให้ด้วยความขัดเคือง
"ฝีมือเจ้าของถุงหอมหยาบเหลือเกินเพคะ หากชื่นชอบหม่อมฉันจะถวายอันใหม่ให้ ลวดลายยวนยางคู่หม่อมฉันเป็นผู้ลงมือปักเอง"มู่เหรอนฝืนยิ้ม
"ข้าชื่นชอบถุงหอมของข้า แม้มันจะไม่งดงามวิจิตรแต่ถูกใจกว่าอันไหนๆ"จิ้นหยางกดดันด้วยการพยักหน้าให้อี้จาง ที่แบมือรอมู่เหรินจึงจำใจส่งให้
"เอาล่ะหวางเฟยเจ้าถูกกักบริเวณอยู่ จงกลับเข้าตำหนักเถิด ทหารเฝ้าไว้!!"จิ้นหยางพอรับถุงหอมแล้วส่งกลับเข้าอกเสื้อ จากนั้นก็จากไปเหมือนไม่ใยดีถึงความน้อยเนื้อต่ำใจของนาง
"ทำไมกัน...ทำไมท่านถึงทำแบบนี้จิ้นหยาง ท่านมิใช่ไม่รับรู้ว่าคิดกับท่านเยี่ยงไร ยังไงเสียเราสองคนก็คือคู่ผัวตัวเมีย จะทำร้ายข้าไปถึงไหนกัน"
....................................................................................................
"โรงเตี้ยมข้างหน้าพระเจ้าค่ะ"เสิ่นเล่ยรายงาน
"ทั้งหมดเป็นคนของเรา ตอนนี้คุณชายชุนหวงกำลังนั่งทานอาหารอยู่ด้านล่าง"จิ้นหยางกระตุกเชือกในมือบังคับให้ม้ายืนนิ่งมากขึ้น
"คนของเขาล่ะ"
"อยู่ด้วยพะย่ะค่ะ"เสิ่นเล่ยตอบ
"หาทางแยกพวกเขาออกมา เปิ่นหวางคิดว่าคนของชุนหวงมีวรยุทธไม่ด้อยไปกว่าเจ้าแน่"จิ้นหยางเองร่ำเรียนวิชากับอาจาร์ยชั้นเยี่ยมไม่ว่าจะด้านการต่อสู้หรือตำราพิชัยยุทธ ทั้งเขาเองยังออกไปต่อสู้กับกองทัพเป็นเวลาหลายปี กระทั่งถูกเรียกกลับเพื่อมารับตำแหน่งรัชทายาท ดังนั้นพละกำลังและวรยุทธจึงเหนือกว่าผู้ใด จินหยางรอคนของตนหลอกล่อสองคนรับใช้ของชุนหวงให้ออกห่าง ตนเองจึงลงจากม้าปล่อยให้เสิ่นเล่ยนำไปผูกล่าม ไม่รอให้คนพร้อมจิ้นหยางเดินเข้าไปกวาดสายตามองคนร่างโดดเด่นสะดุดตา กำลังนั่งเพลินเพลินกับอาหารตรงหน้า ดวงหน้าสว่างสดใสถึงอยู่ไกลแค่ไหนเขาย่อมมองเห็น มุมปากยกยิ้มเมื่อไม่เห็นสองบ่าวข้างกายที่คอยอารักษ์ขาแล้ว
"อร่อยหรือไม่"น้ำเสียงราบเรียบเอ่ยทักอยู่บนหัว ทำเอาชุนหวงถึงกับสำลักค่อกแค่ก ร้อนถึงจิ้นหยางคว้าจอกน้ำให้ดื่มทันที
"ขะ..ขอบใจท่านมาก"ชุนหวงกว่าจะเอ่ยออกมาครึ่งคำก็หายใจไม่ออก
"รีบร้อนกินทำไมไม่กลัวติดคอหรือ"จิ้นหยางไม่รอให้ใครเชิญ เขาทรุดตัวลงนั่งข้างๆแล้วชุนหวงปรายตามองแต่ไม่เอ่ยคำ
"ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้ง"จิ้นหยางยกยิ้มน้อยๆ สายตาจับจ้องคนตรงหน้าไม่วางตา ชุนหวงไม่รู้จะทำสีหน้าเช่นไรดี เพราะดูเหมือนสายตาจิ้นหยางจะขุดค้นจนลึกเข้าไปถึงเนื้อหนังกระนั้น
"ท่านมาทำอะไรที่นี่หรือ"ชุนหวงเหลียวซ้ายแลขวาหาผู้ติดตามที่เคยคุ้นหน้าของจิ้นหยาง
"หาผู้ใด"จิ้นหยางมองตามสายตา
"คนของท่านล่ะ"
"ข้าสั่งให้ไปธุระนิดหน่อย ทำไม!สนใจคนของข้าหรือ"จิ้นหยางมุมปากกระตุก
"เหลวไหลแค่ไม่เห็นคนตามข้าเลยสงสัย นี่ท่านกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่"ชุนหวงหน้าซับสี เพราะเขาไม่ค่อยได้คุยกับคนแปลกหน้าเท่าไหร่ ยิ่งเมื่อกี้ไน่ยไน่ยกับหลี่เจี๋ยรีบร้อนออกไป ทิ้งให้เขาอยู่ตามลำพังโดยบอกว่าผู้คนมากมายคงไม่มีใครกล้ารังแกเขา
"หึหึ เจ้ากินอะไรอยู่แบ่งข้าได้หรือไม่"จิ้นหยางหัวเราะในลำคอ สายตากวาดแลบนโต๊ะที่มีกับข้าวสองสามอย่าง
"ท่านยังไม่ได้กินข้าวหรือถ้างั้นนั่งกับข้าก็ได้"ชุนหวงเอ่ยตามมารยาทแต่คนฟังกลับยิ้มชอบใจ
"เป็นเช่นนั้น"
"เสี่ยวเอ้อเจ้าเพิ่มข้าวให้ข้าอีกชามเถอะ"ชุนหวงหันไปสั่งเสี่ยวเอ้อที่ทำตัวลีบลนลานจนเขาต้องนิ่วหน้า
"เป็นอะไร"จิ้นหยางที่เฝ้าสังเกตุสีหน้าชุนหวง เอ่ยถามเมื่อเห็นคิ้วเรียวขมวดมุ่น
"เสี่ยวเอ้อเขาเหมือนจะกลัวข้า"
"คิดมาก หาเป็นเช่นนั้นไม่ เจ้ามีอะไรให้น่ากลัวบอกข้ามาสิ"จิ้นหยางเอ่ยขำๆ ชุนหวงอดค้อนน้อยๆไม่ได้ ไม่รู้สักนิดว่ากิริยานั่นยิ่งทำให้จิ้นหยางสะดุดใจ
"ถึงข้ามิน่าเกรงขามแบบท่านแต่ก็ใช่ว่าจะไร้ความสามารถให้คนกลัวเกรง"
"เอาเถอะ นั่นเสี่ยวเอ้อมาแล้ว ขอเหล้าชั้นยอดของร้านมาให้ด้วย"จิ้นหยางสั่งเสี่ยวเอ้อที่มือสั่นน้อยๆ ขณะวางชามข้าวเจ้าตัวอดคิ้วขมวดเล็กน้อยไม่ได้ ชุนหวงเมื่อชมข้าวมาวางก็เลื่อนส่งให้คนด้านข้างทั้งเลื่อนจานกับข้าวให้
"ทานก่อนเถอะค่อยดื่มเหล้า ว่าแต่ท่านมาธุระอันใดที่เหอเป่ยนี่เหรอ"จิ้นหยางผ่อนสีหน้าลงก่อนตอบ
"ข้ามาเรื่องการค้า คนอย่างข้าจะมาธุระเรื่องอื่นได้ยังไงกันเล่า"
"ข้าบังอาจถามท่านเป็นพ่อค้าขายสิ่งใด"
"เป็นผ้าที่มาจากเปอร์เชี่ยนน่ะ จริงสิข้าเห็นเจ้าชมชอบสีขาว มีผ้าไหมอยู่พับหนึ่งทอจากฝีมือช่างในวังหลวง งดงามยิ่งนักข้าจะยกให้เจ้า"
"ไม่ๆ ข้ามิบังอาจ ท่านนำไปขายหรือให้สตรีที่ท่านชมอบเถอะ ขอบคุณท่านแล้ว"ชุนหวงโบกมือไปมาของมีราคาขนาดนั้น ใยยกให้กันง่ายดาย ยังไม่ทันจะสนทนาต่อเสียงเอะอะโวยวายก็ดังขึ้นนอกร้าน
"เจ้ามันเจ้าเล่ห์นักกล้าหลอกข้าออกไปด้านนอกหรือ"หลี่เจี๋ยกลายเป็นคนพูดได้ หายใบ้ทันทีหลังจากถูกอี้จางหลอกล่อสารพัด ให้ออกห่างจากจิ้นหยางและชุนหวง ฝีมือทั้งคู่ต่างกินกันไม่ลงไม่รู้แพ้ชนะ เป็นไน่ยไน่ยที่ต้องยกมือกุมหน้าผากกับความโมโหจนขาดสติของหลี่เจี๋ย ด้านในเองชุนหวงถึงกับอ้าปากค้างเช่นกันเมื่อได้ยิน
"อ้อคนของเจ้าไม่ได้เป็นใบ้หรอกรึ"จิ้นหยางถามอย่างคนรู้ทัน เขาได้แต่อึกอักมิรู้จะตอบเช่นไร
"หลีกไป"หลี่เจี๋ยผลักอกอี้จางออกโดยแรงเดินเบียดไหล่เข้าไปด้านใน
"หลี่เจี๋ย..."ชุนหวงเอ่ยท้วงและดูเหมือนหลี่เจี๋ยจะร้ตัวทันทีใบหน้าซีดเผือดไร้คำกล่าว
"ไม่ต้องกังวลข้ากับคนของข้าไม่บอกต่อถึงเรื่องนี้หรอก"เป็นจิ้นหยางที่เอ่ยปากคนแรก
"พวกท่านจงใจชัดๆ บอกมาว่าต้องการสิ่งใดกันแน่"ในเมื่อความลับถูดเปิดเผยหลี่เจี๋ยก็ซักถามให้ขาวสะอาด
"พวกข้าไม่ต้องการสิ่งใด เพียงแค่มาค้าขายที่เหอเป่ย แล้วบังเอิญเจอพวกเจ้าเท่านั้น"จิ้นหยางตอบเสียงเรียบหลี่เจี๋ยหรี่ตาซ้ายขวามองบุรุษร่างสูงใหญ่คมคายตรงหน้าด้วยสายตาหวาดระแวง
"เอาเถอะ ตอนนี้ข้ายังไม่รู้จุดประสงค์ของพวกท่านก็ช่างมัน นายน้อยท่านอิ่มหรือยังกลับเข้าห้องกันเถอะขอรับ"หลี่เจี๋ยเลิกสนใจคนสามคน หันมาถามนายน้อยของตนเอง เขานึกพลางในใจว่าจะให้คนของสำนักสืบหาข้อมูลของคนเหล่านี้ ไม่ต่างกับจิ้นหยางเมื่อรู้ว่าหลี่เจี๋ยแกล้งใบ้ มันต้องมีเล่ห์สนกลใน จึงใช้สายตาส่งต่อเสิ่นเล่ยที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม ค้อมหัวลงเล็กน้อยก่อนจะเดินหายไป
"นายน้อยของพวกเจ้ายังอยากดื่มสุรากับเพื่อนใหม่ ไฉนจึงรับผลักไสให้กลับเข้าห้องเสียล่ะ"จิ้นหยางถามเสียงเรียบมือยกไหเหล้ารินลงจอกแล้วส่งให้ชุนหวง
"นายน้อยของข้าไม่ดื่ม จอกนี้เพื่อไมตรีข้าขอดื่มแทน"ยังไม่ทันจะทำอะไรหลี่เจี๋ยก็คว้าจอกเหล้ากระดกเข้าปากตัวเองแทน แถมยังจับข้อมือขาวผ่องดึงให้ลุกขึ้นมาใกล้ตัว
"พวกเราขอลา"หลี่เจี๋ยประสานมือคารวะ ไน่ยไน่ยเองนอกจากพูดไม่ออกบอกไม่ถูกแล้วก็ได้แต่ตามน้ำไปเท่านั้น
"หยุดมือเจ้าก่อน"จิ้นหยางแตะข้อมือของหลี่เจี๋ยเอาไว้ คนภายนอกอาจจะไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงใดๆ นอกจากการแตะข้อมือเพื่อรั้งเอาไ ว้แต่คนที่มีวรยุทธเช่นทุกคนในที่นี้ต่างก็รับรู้ถึงแรงกดดันที่จิ้นหยางส่งออกไปให้หลี่เจี๋ย คนที่ไม่รับรู้เรื่องราวกลับเป็นชุนหวงเพราะไร้ซึ่งวรยุทธ
"พวกท่านจะยืดยุดกันไปมาเพื่ออะไร หลี่เจี๋ยข้ายังไม่ได้เดินชมในตัวเมืองเลยทำไมถึงรีบให้ข้ากลับเข้าห้องเสียล่ะ ยังไงพวกเราเดินชมเมืองกันก่อนเถอะนะ"ชุนหวงที่ไม่ได้รับรู้ถึงการต่อสู้ด้วยกำลังภายใน เพียงแค่เอ่ยปากคนทั้งคู่ต้องหยุดการต่อสู้ จิ้นหยางยกยิ้ม
"เอาไว้พรุ่งนี้ดีกว่าขอรับ วันนี้ท่านเดินทางมาเหนื่อยแล้ว อีกทั้งร่างกายพึ่งหายดีอย่าหักโหม"หลี่เจี๋ยบอกเสียงเรียบ
"หึหึ นายน้อยของเจ้าคงเบื่อ หากเจ้าอยากพักเอาไว้เป็นหน้าที่ของข้าแทนเองก็แล้วกัน"พูดจบจิ้นหยางก็คว้าข้อมือขาวเอาไว้มั่น ลากหายไปจากสายตาของทุกคน หลี่เจี๋ยทำท่าจะติดตามก็ถูกอี้จางขัดขวางอีกครั้ง
"พวกเจ้า!!!"หลี่เจี๋ยแทบจะทิ้งกระบี่ของตัวเองลงกับพื้นด้วยความโมโห