"จับตัวมันเอาไว้ได้หรือไม่"น้ำเสียงเรียบเฉยของจิ้นหยางอ๋องยากจะคาดเดาว่าตอนนี้ทรงคิดอะไรอยู่ ใบหน้าราวฉาบด้วยน้ำแข็งเย็นจัดยิ่งทำให้องค์รักษ์เสื้อทองถึงกับลอบกลืนน้ำลาย รายงานก็เสี่ยงตายไม่ตอบก็เสี่ยงตายเช่นกัน เงาหัวของพวกเขายากจะคาดเดาว่ายังมีโอกาสอยู่ติดกับตัวหรือไม่
"พะย่ะค่ะ"
"ดี!!ขังมันเอาไว้อย่าให้มันตาย เจ้าไปได้แล้ว"เขามิได้เดือดร้อนในสิ่งที่คนรายงาน การคานอำนาจในราชวงค์มีมาทุกยุคทุกสมัยยิ่งคนที่เป็นส่วนสำคัญในการถือครองอำนาจ ย่อมถูกคนจับตามองว่าจะเอียงไปทางซ้ายหรือทางขวา ตัวเขาเป็นถึงที่ปรึกษาของฮ่องเต้ราชอำนาจในมือจึงล้นเหลือ เหนือคนนับหมื่นคนอยู่ใต้คนๆเดียว ยิ่งทำให้เหล่าขุนนางหวาดระแวง ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันมิได้สนใจข้อราชการงานเมืองทุกอย่างจึงถูกส่งมาถึงมือเขาให้เป็นผู้ตัดสิน ฎีกามากมายอ่านแทบไม่หมดข้อราชการถูกส่งมาที่จวนอ๋องตลอดเวลา ครั้นยามเอ่ยตักเตือนองค์ฮ่องเต้กลับเพิกเฉยด้วยอ้างเหตุผลว่า
"เสด็จพี่มีความสามารถมากกว่า ท่านตัดสินเถอะเจิ้นให้เสด็จพี่ตัดสินได้"จิ้นหยางถอนหายใจอีกครา นึกถึงราชภารกิจที่ยังคั่งค้างอยู่ในจวน เขาครุ่นคิดถึงเสด็จพ่อที่เคยมีรับสั่งกับตัวเขา
"หยางเอ๋อร์เจ้าจงเห็นแก่ไพร่ฟ้าเถิด อ๋องสี่ขาดคุณสมบัติของฮ่องเต้เจ้าจงอย่าเห็นแก่ตัว"
"กระหม่อมยังไม่มีคุณสมบัตินั้น ขอเสด็จพ่อยกตำแหน่งไท่จื่อให้กับเสด็จพี่เถอะพะย่ะค่ะ"
"ดื้อเหมือนเสด็จแม่ของเจ้าไม่มีผิด ความไม่หลงลาภยศนี่คือข้อดีของเจ้า แต่การที่เจ้าทอดทิ้งราษฎรนับว่าเห็นแก่ตัวยิ่งนัก"
"กระหม่อมมิบังอาจ เสด็จพ่อโปรดเข้าพระทัยด้วยเถอะพะย่ะค่ะ ลูกยังไม่เหมาะกับตำแหน่งไท่จื่อจริงๆ"องค์ฮ่องเต้นิ่งไปแล้วพยักหน้า
"ได้ แต่เจิ้นยังเชื่อว่าถึงอย่างไรราชภารกิจทุกอย่างยังไงเสียต้องตกไปอยู่ในมือหยางเอ๋อร์อยู่ดี เอาล่ะๆเจ้ากลับออกไปเถอะ"ราวกับตาเห็น ราชการงานเมืองกลายเป็นเขาทั้งนั้นฮ่องเต้กลับเสวยสุขกับสุรานารีมิเว้นว่าง แล้วเยี่ยงนี้จะให้เขาทิ้งราษฎรลงได้อย่างไร เสียงทุ่มเถียงกันจากห้องที่ติดกันทำให้จิ้นหยางได้สติกลับคืนพอได้ตั้งใจฟังก็อดยิ้มไม่ได้
"ห้ามคบค้ากับคุณชายจิ้นหยางนะเจ้าคะนายน้อย"ย่อมเป็นเสียงไน่ยไน่ย
"ทำไมล่ะที่จริงเขาก็มิได้เลวร้ายเสียหน่อย"
"แค่ขนมสองสามอย่างนายน้อยถึงกับไปเรียกเขาเป็นสหายเสียแล้ว"หลี่เจี๋ยติติง
"ไม่ใช่แค่ขนมนี่พวกเจ้าว่าข้าเห็นแก่กินอย่างนั้นหรือ"
"หรือไม่จริงเจ้าคะแถมยังกล้ากินขนมที่ห้ามอีกด้วย"
"แค่ถังหูลู่ไม้เดียวพวกเจ้าถึงกับจะฆ่าแกงข้าจริงๆหรือ"น้ำเสียงออดอ่อยฟังแล้วน่าเอ็นดู จิ้นหยางอดนึกถึงใบหน้างามที่กำลังพูดจาพาทีกันมิน้อย
"นั่นแหละเจ้าค่ะวันนี้ต้องถูกลงโทษงดข้าวเย็น"
"พวกเจ้าเป็นพ่อมดแม่มดใจร้ายหรือยังไงกันให้อดข้าวมิสู้ให้ข้าไม่ได้เล่นฉินยังดีกว่าอีก"
"อาบน้ำเลยเจ้าค่ะเลิกต่อรองได้แล้ว"สามเสียงที่ทุ่มเถียงกันมาทำให้จิ้นหยางหัวเราะออกมาจนได้
"อี้จาง"
"พะย่ะค่ะ"
"สั่งพ่อครัวทำผัดสามเซียนและเกี้ยวน้ำให้คุณชายชุนหวงด้วย บอกว่าเป็นของกำนัลจากเปิ่นหวาง"น้ำเสียงรื่นรมย์ที่นานครั้งจะได้ยินทำให้อี้จางแปลกใจมิใช่น้อย แต่กฎของจิ้นหยางอ๋องคือห้ามถามทำตามอย่างเดียว
"พะย่ะค่ะ"
"เห็นทีเปิ่นหวางคงต้องเข้าไปเยี่ยมคนสักหน่อย"จิ้นหยางเอามือไพล่หลังเดินไปเคาะประตูห้องข้างๆทันที
"ใคร"แน่นอนว่าเป็นไน่ยไน่ยที่เอ่ยถาม
"เป็นข้า"
"คุณชายของข้านอนแล้วเจ้าค่ะ"
"แต่ว่า..."เสียงแผ่วๆอู้อี้ที่ได้ยินทำให้จิ้นหยางอมยิ้มในหน้า วรยุทธที่เขาร่ำเรียนมาต่อให้ไกลถึงห้าชุ่นก็ยังได้ยินชัดเจน คนคงถูกหลี่เจี๋ยเอามือปิดปากไว้เป็นแน่แท้
"เป็นเช่นนั้นเสียดายจริงๆข้ามีของจะมอบให้พอดี"หลี่เจี๋ยเปิดประตูแง้มออกเขาสอดสายตามองเลยไปถึงด้านใน กลุ่มควันจางๆจากไอน้ำล่องลอยผ่านฉากพับกั้นด้านในกลิ่นหอมอ่อนๆคล้ายคลึงกับถุงหอมโชยมาบางเบา
"ข้าน้อยขออภัยขอรับ แต่นายน้อยของพวกเรานอนแล้วรบกวนคุณชายจิ้นหยางมาพรุ่งนี้ได้หรือไม่"
"ย่อมได้ ย่อมได้ ถ้าอย่างนั้นมอบสิ่งนี้ให้เขาด้วย ข้าเห็นว่าเขายืนมองด้วยความสนใจจึงซื้อติดมือมา ถือเสียว่าเป็นของกำนัลที่เราได้พบกัน"จิ้นหยางวางแหวนหยกวงเล็กกว่าที่เขาใส่ส่งให้หลี่เจี๋ย
"แต่ของมีค่าเช่นนี้..."หลี่เจี๋ยทำท่าจะส่งคืนจิ้นหยางจึงกระซิบเสียงเบา
"อย่าบอกเขาล่ะว่าของปลอม ข้าค้านเท่าไหร่เขาก็ยังทำท่าอยากได้ ดังนั้นเจ้าอย่าคิดมากไปเลย"น้ำเสียงจิ้นหยางทำให้หลี่เจี๋ยอดยิ้มไม่ได้
"ขอบคุณแทนนายน้อยด้วยขอรับ เขามักจะเป็นเช่นนี้เสมอ ไม่เคยมองออกว่าสิ่งใดมีค่าหรือไม่มีค่า"หลี่เจี๋ยเอ่ยคล้ายมีปริศนามีหรือที่จิ้นหยางจะเดาไม่ออก เขาไม่ตอบโต้กลับได้แค่หมุนกายกลับเข้าห้องตัวเอง ยามดึกดื่นบรรยากาศเงียบสงัดผู้คนต่างหลับใหลมีแค่ที่โรงเตี้ยมแห่งนี้เหล่าคนงานยังเดินไปมาคล้ายเฝ้ายาม และคนที่สำคัญที่สุดก็ยังไม่นอนเช่นกัน หลี่เจี๋ยกับไน่ยไน่ยหลับอยู่ยังห้องถัดไปชุนหวงนอนคนเดียวในห้องกว้างขวาง บุรุษร่างสูงใหญ่ในชุดดำบางเบาลอบเปิดบานประตูแผ่วเบาไร้ซุ่มเสียง ฝีเท้าเงียบกริบหยุดนิ่งอยู่ข้างเตียงคนหลับใหล จิ้นหยางยืนมองใบหน้าสงบด้วยสายตายากคาดเดานิ่งนาน มือหนาได้รูปสวยชะงักค้างตรงข้างแก้มเรียวขาวเกรงว่าจะรบกวนคนหลับ
"งดงามยิ่งนัก"เขาขยับตัวลงนั่งด้านข้างเท้าแขนสองข้างคร่อมคนที่หลับสนิทอยู่ ใบหน้าก้มต่ำลงเรื่อยๆจนจมูกแทบจะชนกันดวงตาคมมองขนตางอนยาวราวปีกผีเสื้อกลิ่นหอมดอกท้ออ่อนๆกรุ่นทั่วกาย ระคายหัวใจให้เต้นแรงมากยิ่งขึ้น
"ชุนหวง เจ้ากลับไปอยู่กับข้าเถอะนะอย่างน้อยข้าก็สนุกสนานเมื่อยามเจ้าอยู่ใกล้ อีกอย่างให้ข้าได้เห็นความเป็นไปของเจ้าในสายตาดีกว่าที่ข้าจะไม่รู้ไม่เห็นยามห่างกัน"จิ้นหยางดึงตัวเองขึ้นนั่งตรงๆ เฝ้ามองคนหลับหายใจเข้าออกเป็นจังหวะเชื่องช้า พอเริ่มเมื่อยล้าก็อิงกับเสาเตียงหลับตาลงช้าๆ
"หวางเย่...หวางเย่"เสียงกระซิบแผ่วๆทำให้จิ้นหยางลืมตาขึ้น
"เป็นเจ้า"
"พะย่ะค่ะ"เสิ่นเล่ยคุกเข่าประสานมืออยู่ตรงพื้น จิ้นหยางรีบหันกลับไปมองคนหลับที่ผ้าห่มหลุดลงมาถึงเอวแล้วต้องลอบถอนใจ ใช้นิ้วทาบปากเป็นเชิงให้เงียบเสียง
"ยามใดแล้ว"
"ยามอิ๋น*แล้วพะย่ะค่ะ"
"อืมไปเถอะประเดี๋ยวเปิ่นหวางจะตามไป"เสิ่นเล่ยก้าวเดินแผ่วเบาออกไป จิ้นหยางสะบัดหัวไปมาแก้เมื่อยขบ ลุกขึ้นยืนดึงผ้าขึ้นห่มจนถึงอกของชุนหวง ยิ้มมุมปากปรากฎขึ้นบนใบหน้า
"ลาก่อนเจอกันอีกทียามเฉิน"จิ้นหยางบอกให้คนที่ยังหลับไม่รู้เรื่องราว ยังโชคดีที่คนของเขามาปลุกเสียก่อน ขากลับเข้าห้องตัวเองก็พบทั้งสองคนทำหน้านิ่ง
"เตรียมน้ำเลยหรือไม่พะย่ะค่ะ"เสิ่นเล่ยถาม
"อืม"จิ้นหยางยังจมอยู่กับความคิดตัวเอง ตั้งแต่เด็กจนโตไม่ว่ายามหลับหรือตื่น เพราะการแก่งแย่งอำนาจทำให้ต้องหวาดระแวงไปเสียทุกเรื่อง ตัวเขาเองทุกวันยังต้องกินพิษอ่อนเพื่อต้านพิษที่อาจจะถูกลอบวางตอนไหนก็ไม่รู้ ทั้งสองปล่อยให้จิ้นหยางอยู่เพียงลำพังระหว่างอาบน้ำ ใบหน้าคมจมจ่อมกับความคิด เนิ่นนานแค่ไหนแล้วที่เขาหลับสนิทโดยไม่รู้ตัวกระทั่งต้องให้คนมาปลุกแบบนี้
"หวางเปิ่นจะกลับฉางอัน"
"พะย่ะค่ะ"
"อี้จางเจ้าให้คนหอจันทร์ส่องส่งจดหมายมาถึงชุนหวง เร่งให้กลับฉางอันหาเหตุให้ต้องกลับพร้อมกับเปิ่นหวาง"จิ้นหยางลุกจากอ่างอาบน้ำ รอให้ทั้งสองแต่งตัวให้เสียงเจื้อยแจ้วดังแว่วเข้ามาถึงห้องนี้ ให้รู้ว่าห้องติดกันตื่นแล้วเช่นกัน
"เสิ่นเล่ยไปตระเตรียมอาหารเถอะ"ทั้งคู่หายออกไปตามคำสั่ง จิ้นหยางยืนนิ่งก่อนจะสาวเท้าก้าวออกไปเคาะประตูห้องถัดไป
"เป็นผู้ใด"
"ข้าเองจิ้นหยาง"เสียงฝีเท้าเดินมาเปิดประตูใบหน้าผ่องใสสะอาดสะอ้านมองกลับมา
"ท่านตื่นแต่เช้าเลย"ชุนหวงทัก
"ข้าจะมาบอกเจ้าว่ายามโหย่วข้าจะต้องกลับฉางอัน เจ้าจะกลับพร้อมข้าหรือไม่"จิ้นหยางไม่รอให้เจ้าของห้องเชิญ เขาสาวเท้าเข้าไปนั่งที่เก้าอี้แทนแล้วชุนหวงทำได้แค่เดินตามหลังเข้าไป
"นายน้อยเจ้าคะท่านตื่นหรือยัง...."ไน่ยไน่ยชะงัก เมื่อมองเห็นคนที่อยากให้หนีห่างนายน้อยของตัวเองนั่งหน้านิ่งอยู่ภายในห้องพัก
"เหตุใดเป็นท่านอีกแล้ว"ไน่ยไน่ยชักสีหน้า ผู้ตามมาด้านหลังย่อมเป็นหลี่เจี๋ยเขาทั้งคู่สบตากันอาศัยคำพูดผ่านวาจา
"คุณชายจิ้นหยาง"หลี่เจี๋ยเอ่ยทัก
"พวกเจ้ามาเตรียมตัวให้นายน้อยชุนหวงหรือ"น้ำเสียงเรียบนิ่งไม่บ่งบอกถึงความนัยใดๆเอ่ยถาม
"หากไม่ว่ากระไรพวกเราต้องการแต่งตัวให้นายน้อยเจ้าค่ะ"
"ย่อมได้..เชิญ"จิ้นหยางทำเป็นไม่รับรู้ถึงการบอกกล่าวยังนั่งหน้านิ่งไม่รู้ไม่ชี้
"แต่ท่าน..."
"จะเกรงกลัวเรื่องใดมิใช่นายน้อยพวกเจ้าเป็นบุรุษเช่นข้าหรอกหรือ"
"แต่ว่า.."ไน่ยไน่ยทำท่าจะค้านติดที่หลี่เจี๋ยแตะแขานางเอาไว้
"ไม่เป็นไรเชิญท่านนั่งดื่มชาไปพลาง ข้าน้อยกับไน่ยไน่ยจะแต่งตัวให้นายน้อยขอรับ"หลี่เจี๋ยกลับรู้สึกว่ายามใดที่ผลักไสคนผู้นี้ออกห่างช่องว่างกลับยิ่งแคบเข้ามา เขาจึงเพิกเฉยแทน สีหน้าทั้งสามคนต่างลำบากใจ ปล่อยให้จิ้นหยางรื่นรมย์อยู่เพียงผู้เดียว ฉากกั้นเห็นเป็นเงารางๆพาดผ่านรูปร่างสีเข้มยังเดาได้ว่าเป็นผู้ใดกำลังปลดเสื้อออกสามเงาที่ปรากฏอยู่เรียกให้จิ้นหยางไม่อาจเปลี่ยนสายตาไปยังที่อื่น เงาบางสีดำก้าวลงอ่างน้ำกรุ่นไอควันจางลอยเหนือหัว กลิ่นดอกท้ออ่อนๆกรุ่นกำจายไปทั่วห้อง
"อีกแล้วกลิ่นดอกท้ออ่อนๆนี่อีกแล้ว"จิ้นหยางบอกกับตัวเองสูดกลิ่นบางเบาเข้าปอดให้พอชื่นใจ เสียงน้ำจ๋อมแจ๋กระเพื่อมไปมาจากการเคลื่อนไหวยิ่งทำให้จิ้นหยางอดไม่ได้ลุกพรวดขึ้นยืน
"ข้าขอตัวก่อนก็แล้วกัน ไน่ยไน่ยข้าตระเตรียมอาหารเช้าไว้ข้างล่างแล้ว หากนายน้อยพวกเจ้าแต่งตัวเสร็จก็รีบลงไปก่อนอาหารจะเย็นชืดไปเสียก่อน"น้ำเสียงเข้มข้นว่าจบเขาก็พรวดพราดออกจากห้องไปทิ้งความสงสัยไว้ให้คนแทน
"เขาจะรีบไปไหน"ชุนหวงเอ่ย
"ข้ามิอาจล่วงรู้"ไน่ยไน่ยตอบเสียงเรียบ
"วันนี้พวกเรากลับฉางอันกันเถอะ"หลี่เจี๋ยเปิดปาก
"แต่เราพึ่งมาถึงนะ"ชุนหวงทักท้วง
"ยิ่งห่างจากคนผู้นี่พวกเรายิ่งปลอดภัย ลางสังหรณ์ของข้าบอกว่าคนผู้นี้อันตรายยวดยิ่ง"หลี่เจี๋ยสั่งให้ทุกคนเตรียมพร้อมเดินทางหลังจากกินข้าวกันแล้ว
"เรื่องเดินทางกลับนายน้อยห้ามเปิดปากบอกผู้ใดเป็นอันขาดนะขอรับ"หลี่เจี๋ยสับทับเอาไว้ก่อน เพราะกลัวจะเผลอไปบอกคนที่เขาอยากให้ถอยห่าง
"พวกเจ้านี่เอาแต่ใจจริงๆข้าอดสนุกเลย"ชุนหวงรู้ดีว่าท้วงไปก็ไม่เกิดผลได้แต่งึมงำไปตามลม หลี่เจี๋ยไม่ตอบคำถามไม่เอ่ยปากในแขนเสื้อตัวเองยังมีหินสีหยกอยู่ด้านใน หลังจากที่ทั้งสามเดินลงไปยังโถงของโรงเตี้ยม ก็พบผู้คนสามคนหนึ่งนั่งรอชุนหวงอีกสองยืนราวกับอารักษ์ขาด้านหลังของจิ้นหยาง
"ข้าไม่รู้ว่าเจ้าโปรดปรานสิ่งใดแต่นี่เจ้าคงชอบ"จิ้นหยางดันจานหมูสามชั้นผัดซอสส่งให้
"อืมม"ชุนหวงรับคำในลำคอ ก่อนออกจากห้องเขาโดนสองผู้ควบคุมสั่งนักหนาว่าห้ามโอภาปราศรัยกับจิ้นหยาง ยิ่งสายตากดดันส่งมาให้ยิ่งอึดอัด
"ทำไม!หรือเจ้ากลัวข้าไปแล้ว"จิ้นหยางมีหรือจะไม่รู้เท่าทันหลี่เจี๋ยกับไน่ยไน่ย
"เปล่าๆข้ามิได้เกรงสิ่งใด เพียงแต่เมื่อคืนข้านอนหลับไม่สนิทเท่านั้น"ชุนหวงยังคงอยากรักษามิตรภาพเอาไว้เพราะคิดว่าคนผู้นี้มิได้เลวร้ายสักเท่าใด ยังพอคบหาเป็นเพื่อนกันได้
"อ้อ!!หรือสองบ่าวของเจ้าสงสัยในตัวข้า"
"หามิได้ขอรับ/หามิได้เจ้าค่ะ"สองเสียงเอ่ยพร้อมเพรียง ยังไม่ทันได้แตะต้องอาหารก็มีคนวิ่งพรวดเข้ามา
"ผู้ใด"เสียงอี้จางเอ่ยถาม
"ข้าน้อย...ข้าน้อยขออภัยขอรับมีข่าวจากหอจันทร์ส่องมาถึงคุณชายชุนหวง"น้ำเสียงละล่ำละลักทำให้ชุนหวงรีบกวักมือ
"เป็นข้าๆ"จดหมายถึงส่งผ่านหลี่เจี๋ยที่เปิดออกอ่าน ทันใดนั้นใบหน้าผิดสีขึ้นทันทีเมื่อได้เห็น
"พวกเรารีบกลับฉางอันกันเถอะ"หลี่เจี๋ยเอ่ยด้วยน้ำเสียงร้อนรน
"อันใดมีเรื่องใดเกิดขึ้น"ชุนหวงถามหลี่เจี๋ยไม่เปิดปาก ได้แต่ส่งสายจตาให้ไน่ยไน่ยรีบเก็บข้าวของ
"ข้าไม่รู้"ผู้ตอบกลายเป็นจิ้นหยางที่ทำหน้านิ่งไม่รู้ไม่ชี้อยู่ชุนหวงหน้าตาตื่น
"ถ้าอย่างนั้นเจ้ากลับกับข้าเถอะ พวกเรากำลังจะกลับฉางอันพอดี"เพียงประโยคเดียวทำเอาหลี่เจี๋ยถึงกับพูดไม่ออก
"นี่ท่าน..."