โหรหลวงได้พยากรณ์ว่า จะเกิดอาเพศขึ้นในเมืองหลวงเนื่องจากพื้นที่นาและไร่สวนนั้นถูกน้ำแข็งเกาะจนเสียหาย พื้นที่ทำกินรวมไปถึงบ้านเรือนของชาวบ้านบางส่วนก็ปกคลุมด้วยหิมะสีขาวโพลน มีไอปีศาจลอยปกคลุมเมืองหลวงอยู่เป็นราคี ต้องการจัดพิธีปัดเป่าไอปีศาจของอสูรกายตัวมหึมาที่กำลังปกครองเมืองหลวงด้วยการเสียสละผู้เป็นดั่งพระโพธิ์สัตว์เพื่อขจัดไอชั่วร้ายนั้นให้สิ้นไป
เช่นนั้นแล้วจะเป็นใครไปได้อีกหากไม่ใช่เจ้าแม่คางคกฉานฉู
ข่าวลือว่าจะทำการสังเวยฉานฉูดังกระฉ่อนไปทั่วเมืองหลวง มีหรือผู้เป็นบุตรชายของนางจะนิ่งดูดาย แม้ว่าตนไม่มีอำนาจใดมาต่อรอง
แม้ว่าจะกล่าวอ้างว่าพิธีกรรมดังกล่าวคือการเดินแห่นางขณะที่สวมชุดขาวราวกับเป็นดวงวิญญาณบริสุทธิ์ของเทพเซียนเพื่อหลอกล่อให้ไอปีศาจสลายไปหรือตามไปในปรโลกเพื่อไปกลืนกินดวงวิญญาณของนางก็ตามที แต่นี่มันช่างไร้เหตุผลเกินไป
ตรรกะประหลาดของชาวยุคโบราณมันเฮงซวย!
ขงเฉว่นั่งคุกเข่าอยู่หน้าพระตำหนักทองคำของฮ่องเต้เป็นเวลาสามวันสามคืน
จนกระทั่งฮ่องเต้ได้ตรัสถามกับขันทีเฒ่าผู้นั้น จึงทรงทราบว่าแพทย์หลวงผู้นี้คือบุตรชายของหญิงอัปลักษณ์
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ทั้งเหวินหยางซื่อ ทั้งองค์รัชทายาท ก็ต่างมาขอเข้าเฝ้าเพื่อให้ฮ่องเต้ทรงพิจารณาเรื่องพิธีกรรมอีกครั้งเพียงเพราะเป็นห่วงเป็นใยแพทย์หนุ่มโง่งมผู้นั้น
เมื่อย่างเข้าในวันที่สี่ นางกำนัลยังคงมารายงานแก่องค์ชายว่าแพทย์ผู้นั้นยังคงดื้อดึงนั่งคุกเข่าหน้าพระตำหนักไม่ไปไหน เหวินหยางซื่อจึงแสดงอาการรุ่มร้อนใจยิ่งนัก
ยามนั้นแสงแดดจ้าของวันพระอาทิตย์ตั้งตระหง่านกลางศีรษะ เจ้าของอาภรณ์สีม่วงอ่อนกางร่มอยู่ไกล ๆ เฝ้ามองศิษย์พี่ของตนอย่างละเหี่ยใจ แต่ครั้นจะก้าวเท้าออกไปยืนเอาร่มบังแดดให้ ฮ่องเต้กลับเสด็จออกมาจากพระตำหนักพอดีจึงไม่เสนอหน้าเข้าไปพลางลอบมองอย่างระแวดระวัง
ขงเฉว่รู้ดีว่าอย่างไรเขาไม่อาจดึงแม่ออกจากพิธีกรรมบ้า ๆ นั้นได้ จึงตัดสินใจสูดหายใจเข้าแล้วตะเบ็งเสียงอันแหบพร่าเกิดจากการขาดน้ำเป็นเวลาหลายวันเอ่ยกับโอรสสวรรค์ผู้นั้นดังลั่น