“ฉันยอมเป็นของคุณแล้วนะคะ คุณยังไม่ยอมเลิกกับชูจี้อีกเหรอ?” เสี่ยงออดอ้อนของเธอ ริมฝีปากของเธอเผยอขึ้นเล็กน้อย เธอนั่งคร่อมอยู่บนตัวชายหนุ่มด้วยสภาพเปลือยครึ่งท่อน
“อยู่บนเตียง อย่าพูดถึงเรื่องนี้ได้ไหม?” ผู้ชายคนนั้นกำลังคึก เขาบีบคลึงหน้าอกของเธออย่างแรง
พอไม่ได้คำตอบที่ต้องการ ผู้หญิงคนนั้นก็ดูจะไม่ค่อยพอใจนัก “ฉันจะพูด ก็แค่เด็กเก็บมาเลี้ยง สถานะของเธอยังเทียบไม่ได้กับหมาตัวหนึ่งเลย เธอมีอะไรดีนักหนาฮะ?”
ผู้ชายคนนั้นไม่พูดอะไร แต่กดเอวของผู้หญิงคนนั้นไว้ แล้วกระแทกเข้าออกอย่างแรงจนเธอครางออกมาไม่หยุด
ชูจี้ยืนอยู่หน้าประตู ใบหน้าที่งดงามของเธอดูอ่อนล้าอย่างเห็นได้ชัด เมื่อได้ยินเสียงที่ลอดออกมาจากในห้อง ดวงตาของเธอก็ลุกวาว
เธอเพิ่งกลับมาจากโรงพยาบาล
สามเดือนก่อน ยายซุนที่เลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่เด็กป่วยเป็นโรคตับแข็งระยะสุดท้าย ตอนนี้ยายซุนต้องเปลี่ยนตับซึ่งจำเป็นต้องใช้ค่ารักษาพยาบาลจำนวนมาก
เสียงฝนตกพร่ำ ๆ ดังมาจากนอกบ้าน ตอนนี้น้องสาวของเธอกำลังมีอะไรกับแฟนของเธออยู่
“ฉันไม่สน! คืนนี้คุณต้องบอกมาว่าคุณเลือกนังนั่น หรือเลือกฉัน” ชูเสวขมวดคิ้ว พลางทุบหน้าอกของจือหยวนอย่างร้อนใจ เพื่อต้องการคำตอบ
ชูจี้เตะประตูเข้าไปข้างใน พลางจ้องไปที่ชายชั่ว และหญิงสารเลวตรงหน้า ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “มีอะไรให้ต้องถามอีกงั้นเหรอ แค่ผู้ชายคนเดียว ถ้าชอบฉันจะยกให้”
ชูจี้ทำเป็นเหมือนไม่ใส่ใจ แต่ในใจของเธอนั้นรู้สึกเสียใจมาก
จือหยวนเป็นเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยของเธอ เขาหล่อมากและมาจากครอบครัวที่ร่ำรวย เขาตามจีบชูจี้มาสามปีแล้ว
ตอนใกล้จะเรียนจบ เขามาสารภาพรักกับชูจี้อีกครั้ง
ตอนนั้นที่สนามกีฬาของมหาวิทยาลัยนั้นเต็มไปด้วยผู้คน และมีนักศึกษามามุงดูแทบจะทั้งมหาวิทยาลัยเลยก็ว่าได้ ชูจี้ตอบตกลงท่ามกลางเสียงเชียร์
ความเจ็บปวดที่โดนทรยศนั้นมันแทบจะกลืนกินเธอ พอเห็นสองคนตรงหน้า ชูจี้ก็กำหมัดแน่น เล็บของเธอจิกเข้าไปในเนื้อ
จือหยวนผลักชูเสวออกด้วยความตกใจ ก่อนจะใส่กางเกงแล้วลุกขึ้นจากเตียงทันที
ชูเสวที่ถูกผลักเกือบจะตกลงไปที่พื้น คำพูดของชูจี้ทำให้เธอรู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก
ผู้ชายที่ร่ำรวย และหน้าตาดีอย่างจือหยวน เธออ่อยเขามานานจนเขาติดกับ
แต่ทำไมชูจี้ไม่ต้องทำอะไรเลยก็สามารถมัดใจเขาได้
ทั้ง ๆ ที่เธอเป็นแค่เด็กที่เก็บมาเลี้ยง ไม่มีใครต้องการ
“ถุย! ของที่เธอไม่ต้องการงั้นเหรอ? จือหยวนไม่เอาเธอก่อนต่างหากล่ะ นังสารเลว! ” ชูเสวดึงผ้าห่มมาคลุมตัว ก่อนจะพูดออกมาอย่างเยียด ๆ แล้วเลือบไปมองจือหยวน “จือหยวน เมื่อกี้คุณพูดว่ายังไงนะ บอกชูจี้ไปสิ!”
ที่จือหยวนนอนกับชูเสว เป็นเพราะเธอยั่วเขา ทำให้เขาขาดสติ
เขาคุกเข่าลง และคว้าข้อมือของชูจี้ไว้ “ชูจี้ ยกโทษให้ผมด้วยนะ ผมพลาดไปแล้ว”
แม้ว่าเขาจะน้ำคลอ แต่สีหน้าของเขาก็ยังดูน่ารังเกียจอยู่ เมื่อชูจี้นิ่งขึ้นมา เธอก็เป็นเหมือนกำแพงสูง ที่ไม่มีใครสามารถจะปีนข้ามมันไปได้
เธอสะบัดจือหยวนออกอย่างหงุดหงิด “ขอโทษนะ จือหยวน ฉันไม่ต้องการของสกปรกที่ชูเสวแตะต้องแล้ว พวกคุณเหมาะสมกันดี เราเลิกกันเถอะ”
ชูเสวรู้สึกตกใจ จือหยวนยอมถึงขนาดนี้แล้ว แต่ชูจี้ไม่ได้ดูเศร้าเลยแม้แต่นิดเดียว เมื่อไม่ได้เห็นภาพที่ต้องการ เธอก็รู้สึกโกรธขึ้นมาทันที
ชูจี้ไม่มีเวลามาพูดเรื่องไร้สาระกับพวกเขา ชูเสวชอบแย่งของ ๆ เธอมาตั้งแต่เด็ก ๆ เมื่อก่อนเป็นแค่ของเล่น แต่ตอนนี้เป็นผู้ชายของเธอ เธอเลยไม่ได้รู้สึกแปลกอะไร
ตอนนี้เธอกังวลก็แต่ค่ารักษาพยาบาลของยายซุนเท่านั้น
ขณะที่เธอกำลังจะเดินออกไป เธอก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้น
“ดึกป่านนี้แล้ว ทะเลาะอะไรกัน?”
พ่อแม่บุญธรรมของชูจี้ หลินปินและรั่วเฟยตกใจ และรีบวิ่งมาตามเสียง
พอหลินปินเดินเข้าไป และเห็นชูเสวในสภาพที่เปลือยเปล่า เขาก็โมโห และชี้หน้าด่า “แกทำอะไรของแกห๊ะ! แกกำลังจะแต่งงานเร็ว ๆ นี้แล้ว ทำไมถึงทำตัวแบบนี้! ”
ชูเสวดึงผ้าห่มมาคลุมตัว ตาของเธอแดงก่ำ พลางกัดฟันแน่นด้วยความโกรธ
ตระกูลลู่กับตระกูลหลินนั้นหมั้นหมายกันมานานแล้ว คู่หมั้นของเธอเป็นลูกนอกสมรสซึ่งถูกตัดออกจากตระกูลลู่ไปนานแล้ว เขาทั้งจน และไม่มีงานทำเป็นหลักเป็นแหล่ง เป็นแค่พวกใช้ชีวิตเตรดเตร่อยู่ไปวัน ๆ ชูเสวนั้นไม่อยากแต่งงานกับเขา
คนแบบนี้จะมาคู่ควรกับเธอได้ยังไงกัน
ชูเสวชี้ไปที่จือหยวนแล้วพูดว่า “หนูท้อง! เด็กในท้องเป็นลูกของเขา! เพราะงั้นหนูแต่งงานไม่ได้ พ่อกับแม่ไปยกเลิกงานเถอะค่ะ!”
จือหยวนถึงกับอึ้ง เขามีอะไรกับชูเสวแค่ไม่กี่ครั้ง จะเป็นไปได้ไง...
“พูดบ้าอะไรของแกน่ะ! ยังไงก็ต้องแต่ง!” หลินปินโกรธจนแทบจะหัวใจวาย เขายกมือขึ้นจะตบชูเสว
หลินปินกลัวเสียหน้า ถ้าตระกูลลู่เกิดเอาเรื่องขึ้น เขาจะทำยังไง
รั่วเฟยยืนบังชูเสวเพื่อปกป้องเธอ นี่คือลูกสาวแท้ ๆ ที่เธอคลอดมาเอง เพราะงั้นเธอไม่มีทางให้ใครมาทำอะไรลูกของเธอได้
เธอร้องไห้เบา ๆ “นี่คุณหลิน คุณจะโกรธชูเสวทำไม? ชูจี้ก็เป็นลูกสาวของตระกูลหลินเหมือนกัน เธอเองก็แต่งงานได้หนิ! ”
หลินปินกับรั่วเฟยนั้นแต่งงานกันมาหลายปีแล้วแต่ก็ไม่มีลูกด้วยกันสักที แต่เพราะโดนคนในตระกูลหลินกดดัน พวกเขาเลยต้องรับชูจี้มาเลี้ยง แล้วจากนั้นไม่นานรั่วเฟยก็ตั้งท้องชูเสว
สำหรับรั่วเฟยนั้น เธอเกลียดชูจี้มาก เมื่อก่อนเวลาเธอเห็นชูจี้ มันเป็นตราบาปในใจเธอว่าเธอไม่สามารถให้กำเนินลูกของเธอเองได้ และเธอก็มักจะอารมณ์เสียทุกครั้งที่เห็นลูกสาวบุญธรรมคนนี้
พอชูเสวเกิดมา รั่วเฟยก็รักลูกสาวแท้ ๆ มากกว่า และเกลียดชูจี้มากขึ้น
ต่อมาชูจี้เริ่มโตขึ้นและดีกว่าลูกสาวแท้ ๆ ของเธอ เธอก็ยิ่งเกลียดชูขี้เข้าไปใหญ่
ชูจี้เมื่อได้ยินอย่างนั้นก็โมโห เธอตะคอกออกมาด้วยความโกรธ “แต่คนที่พวกคุณจัดงานหมั้นให้คือหลินชูเสว ในเมื่อชูเสวไม่แต่ง แล้วทำไมฉันจะต้องแต่ด้วย?”
“เราเลี้ยงดูแกมาตั้งหลายปี ถึงเวลาที่แกจะต้องตอบแทนบุญคุณพ่อกับแม่แล้วนะชูจี้” รั่วเฟยพูดออกมาเบา ๆ สายตาของเธอกำลังคิดแผนการอะไรบางอย่างอยู่ “เธออยากให้นังคนใช้นั่น ผ่าตัด ไม่ใช่เหรอ? เราจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ ถ้าเธอยอมแต่งงานกับ คุณลู่อะไรนั่นแทนชูเสว”
สายตาของชูเสวนั้นดูพอใจเป็นอย่างมาก ผู้หญิงชั้นต่ำกับลูกนอกสมรส ช่างเหมาะอะไรกันเช่นนี้
ชูจี้กัดฟันกรอด เธอกำหมัดแน่น และคำพูดของหมอก็แวบเข้ามาในหัวของเธอ ยายซุนมีเวลาอีกไม่มากนัก
เธอเพิ่งเรียนจบ และเธอก็ไม่มีเงินมากพอที่จะจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ยายซุน
แม้ว่าหลินปินกับรั่วเฟยจะรับเธอมาเลี้ยง แต่พวกเขาก็ไม่เคยสนใจเธอเลย คนที่เลี้ยงดูเธอมานั้นคือยายซุน ซึ่งเป็นคนใช้ในบ้านตระกูลหลินเท่านั้น เธอรักยายซุนเหมือนยายแท้ ๆ เพราะงั้นเธอจำเป็นต้องช่วยยายซุน
พอเห็นท่าทางลังเลของเธอ รั่วเฟยก็ลุกขึ้น และเดินไปข้าง ๆ เพื่อโน้มน้าวเธอ “แต่งงานกับใครก็เหมือนกันนั่นแหละ ทน ๆ เอาหน่อย ถ้าแต่งงานเมื่อไร แม่จะให้เงินเธอทันที”
สายตาของทุกคนที่มองมาอย่างคาดหวัง กับค่ารักษาพยาบาลที่แสนแพงนั้น กดดันชูจี้มากจนเธอไม่สามารถยืนตัวตรงได้
ในที่สุดน้ำตาของเธอก็ไหลออกมา เธอก้มหน้าลง และพูดออกมาเบา ๆ ว่า “โอเคค่ะ ฉันจะแต่ง”