เจี่ยงซางหวู่ลังเลอยู่เล็กน้อย ฉู่ชิงหวงมั่นใจถึงเพียงนี้ ไม่แน่ว่านางอาจไม่ได้พูดเรื่องหลวไหล เพียงแต่หากยู่ฮูหยินไม่ได้ท้องจริง ๆ เรื่องทั้งหมดนี้ก็เพียงแค่ละครตบตาเท่านั้น หมายความว่าเขาไม่อาจมีทายาทสืบสกุลได้แล้วจริง ๆ น่ะหรือ?
“ท่านแม่ทัพ ชีวิตชิงหวงไร้ค่า ตายไปก็ไม่เสียดาย แต่ท่านแม่ทัพเป็นวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ ชิงหวงจะไม่ยอมให้ใครมาหลอกท่านแม่ทัพเช่นนี้ ต่อให้ชิงหวงต้องตาย ก็จะยอมให้ใครเห็นท่านแม่ทัพเป็นตัวตลกเช่นนี้มิได้เด็ดขาดเจ้าค่ะ!” ฉู่ชิงหวงเห็นเจี่ยงซางหวู่ลังเลเล็กน้อย คำพูดพวกนั้นนางล้วนพูดด้วยท่าทางจริงใจ กระทั่งจวินโม่เฉินก็ยังเกือบจะเชื่อว่าเป็นเรื่องจริงเสียแล้ว
“ท่านแม่ทัพ นางต้องกลัวตายแน่เจ้าค่ะ ถึงได้พูดคำพูดเหลวไหลมากมายพวกนี้ออกมา ลูกที่น่าสงสารของเรา ตายไปอย่างอนาถยังไม่พอยังถูกปฏิบัติเช่นนี้อีก ท่านแม่ทัพ ข้าเองก็ไม่อยากอยู่แล้วเช่นกัน ท่านให้ข้าตายไปอยู่เป็นเพื่อนลูกรักที่น่าสงสารของข้าเสียเลยเถิดเจ้าค่ะ” ยู๋ฮูหยินร้องไห้ราวกับจะขาดใจ นางถึงกับดิ้นจนหลุดจากอ้อมกอดเจี่ยงซางหวู่ แล้วทำท่าจะไปวิ่งชนเสา แต่กลับถูกเขาดึงตัวไว้เสียก่อน
เจี่ยงซางหวู่แม้จะคิดสงสัย ทว่าพอเห็นอนุภรรยาที่รักเป็นเช่นนี้ก็ลำบากใจยิ่งนัก ท่านอ๋องเก้าจึงได้เอ่ยขึ้นในตอนนั้นเอง “หรือที่ยู๋ฮูหยินเป็นเช่นนี้ก็เพราะรู้สึกผิด?”
“ท่านอ๋องเก้า หม่อมฉันล่วงเกินท่านอ๋องตรงไหนหรือเพคะ ท่านอ๋องถึงได้ทำเช่นนี้กับหม่อมฉัน”
จวินโม่เฉินเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แววตาเขาลึกล้ำเสียจนไม่มีใครเห็นก้นบึ้ง “ข้าเพียงแต่รู้สึกว่ามันแปลก ฝีมือทางการแพทย์ของฉู่ชิงหวงทุกคนล้วนประจักษ์ ต่อให้นางจะรู้ว่ายู่ฮูหยินคลอดบุตรยาก นางก็ยังสามารถผ่าคลอดเพื่อรักษาชีวิตเด็กคนนั้นได้ นางรู้ดีว่าท่านแม่ทัพให้ความสำคัญกับเด็กคนนี้มากแค่ไหน นางจะสะเพร่าถึงขนาดนั้นได้อย่างไร หากจะบอกว่าเรื่องนี้ไม่มีเงื่อนงำ ข้าคงไม่เชื่อ ท่านแม่ทัพเจี่ยง เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว มิสู้ให้โอกาสฉู่ชิงหวงสักครั้ง ถึงอย่างไรตัวนางก็อยู่ที่นี่แล้ว คงหนีไปไหนไม่ได้”
“ช้าก่อน” ยู่ฮูหยินเริ่มลนลาน “ร่างกายท่านแม่ทัพล้ำค่า จะให้ถูกทำเสียหายตามใจชอบได้อย่างไร ไม่แน่ว่าฉู่ชิงหวงอาจจะใจคอโหดร้าย คิดร้ายกับท่านแม่ทัพก็เป็นได้”
“ท่านแม่ทัพ ชิงหวงสามารถเอาชีวิตคนทั้งตระกูลมาเป็นประกัน ทุกคำที่ชิงหวงพูดล้วนเป็นความจริง หากมีคำใดเป็นเท็จ ก็ขอให้ครอบครัวชิงหวงทั้งเก้าชั่วโคตรไม่ได้ตายดี อีกอย่างการใช้วิธีหยดเลือดพิสูจน์กระดูกนั้นจะใช้เลือดจากปลายนิ้วของท่านแม่ทัพแค่หยดเดียวเท่านั้น ไม่มีทางทำให้ร่างกายท่านแม่ทัพต้องเสียหายแน่เจ้าค่ะ” ฉู่ชิงหวงเอ่ยขึ้นอย่างสุขุมหนักแน่น “เพียงแต่กระดูกของทารก...”
“ใครก็ได้ ไปเอากระดูกจากศพมา”
“ท่านแม่ทัพ ไม่ได้นะเจ้าคะ...”
“ท่านแม่ทัพ สตรีที่เคยคลอดบุตรกับสตรีที่ยังไม่เคยผ่านการคลอดบุตรมาก่อนแตกต่างกันมากนัก หากท่านแม่ทัพเกรงว่าชิงหวงจะใส่ความนาง ก็สามารถให้แม่นมที่ตรวจร่างกายพระสนมในวังมาตรวจยู๋ฮูหยินดูก็ได้เจ้าค่ะ ว่านางเคยคลอดบุตรมาก่อนหรือไม่” พอสิ้นเสียงฉู่ชิงหวง ยู่ฮูหยินก็สั่นเทิ้มไปทั้งตัว ก่อนจะพุ่งเข้าไปเอาชีวิตฉู่ชิงหวง
“เจ้ามันนังแพศยา เจ้าฆ่าลูกข้าตายยังไม่พอ ยังคิดจะทำร้ายข้าอีก ข้าจะขอสู้ตายกับเจ้า...”
พอฉู่ชิงหวงถอยออกมา ยู่ฮูหยินก็ทรุดลงไปกองกับพื้นอย่างอับจนหนทาง เจี่ยงซางหวู่ที่เดิมทีสงสัยอยู่ก่อนแล้ว พอเห็นนางแสดงกิริยาเช่นนี้ก็รู้แจ้งอยู่แก่ใจแล้ว เขารีบให้คนไปทูลขอแม่นมสักคนจากฝ่าบาทมาที่นี่ จากนั้นก็ให้คนเฝ้านางไว้เพื่อรอให้แม่นมมาตรวจร่างกาย
ยู๋ฮูหยินราวกับยังไม่ยอมแพ้ “ท่านแม่ทัพ เราสองคนรักใคร่กันเพียงใด จะสู้คำหลอกลวงของคนนอกเพียงคนเดียวไม่ได้เชียวหรือ?”
“เจ้าหุบปากแล้วไปยืนข้าง ๆ ในเมื่อเจ้าไม่ได้หลอกข้า ใยต้องเกรงกลัวฉู่ชิงหวงด้วย!”
“ข้า...” ยู่ฮูหยินตาค้าง นางย่อมต้องกลัวอยู่แล้ว กลัวว่าฉู่ชิงหวงจะเปิดโปงความจริงแล้วตัวนางเองจะไม่รอด!
“ท่านแม่ทัพ ได้กระดูกมาแล้วขอรับ”
“ลูกที่น่าสงสารของข้า...”
“หุบปาก!” เจี่ยงซางหวู่ตะคอกใส่ยู่ฮูหยิน สายตาเย็นเยียบของเขาทอดมองฉู่ชิงหวง “ฉู่ชิงหวง เจ้าพิสูจน์ให้ข้าดู”
ฉู่ชิงหวงก้าวไปข้างหน้า ก่อนจะพินิจมองกระดูกของทารกที่นำมานั้น นางประนมมือไหว้ “ขออภัยที่ล่วงเกินแล้ว” นางว่าแล้วก็นำเลือดของเจี่ยงซางหวู่มาหยดลงบนกระดูกท่อนนั้น...
ทุกคนในที่นั้นต่างเบิกตามอง ราวกับกลัวว่าตนจะพลาดเรื่องสำคัญอันใดไป
ทันใดนั้นเอง ทุกคนในที่นั้นก็ได้เห็นเองกับตาว่าเลือดของท่านแม่ทัพไหลลงมาจากกระดูกท่อนนั้น ไม่ได้ซึมเข้าไปด้านในแม้แต่น้อย ฉู่ชิงหวงถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ท่านแม่ทัพ ท่านลองดูสิเจ้าคะ เลือดนี่ไม่ซึมเข้าไป...”
“ท่านแม่ทัพขอรับ แม่นมมาถึงแล้วขอรับ”
“ตรวจร่างกายนาง!” น้ำเสียงของแม่ทัพเจี่ยงเย็นเยียบจนถึงขีดสุด เขาต้องไปสู้ศึกอยู่ในสนามรบ แต่กลับถูกอนุนางหนึ่งปั่นหัวเช่นนี้ได้ ยามนี้เจี่ยงซางหวู่ใกล้ถึงจุดระเบิดเต็มทีแล้ว