ยู่ฮูหยินมองแม่ทัพเจี่ยงอย่างเศร้าสร้อย ก่อนจะตามสาวใช้กับแม่นมไปตรวจร่างกายในห้อง ทั้งที่นางจะร้องไห้อาละอาดก็ย่อมได้ แต่นางกลับตามเข้าไปข้างในอย่างว่าง่าย
ฉู่ชิงหวงมองยู่ฮูหยินที่ยอมเข้าไปแต่โดยดีแล้วก็พลันรู้สึกว่า อีกฝ่ายหาใช่คนที่นั่งรอความตายไม่ ทว่ากระทั่งท่านอ๋องเก้ากับท่านแม่ทัพใหญ่ต่างก็ยังไม่เอ่ยอันใด นางก็ย่อมไม่อาจเอ่ยอันใดได้ ถึงอย่างไรเสียตอนนี้นางก็ยังเป็นผู้มีโทษติดตัว
“ฉู่ชิงหวง ได้ยินว่าวิชาแพทย์ของเจ้าล้ำเลิศยิ่งนักงั้นหรือ?”
“ท่านแม่ทัพล้อข้าเล่นแล้ว วิชาแพทย์ของชิงหวงอยู่ในขั้นธรรมดาเท่านั้น แต่เรื่องของยู่ฮูหยินชิงหวงไม่กล้าพูดจาส่งเดชเด็ดขาด ถ้าท่านแม่ทัพไม่เชื่อชิงหวง จะเชื่อแม่นมจากในวังก็ได้เจ้าค่ะ” ฉู่ชิงหวงเอ่ยอย่างสุขุมเยือกเย็น ท่าทางเช่นนั้นของนางทั้งไม่หักหาญและไม่โอนอ่อน ช่างต่างกับท่านเสนาบดีฉู่ลิบลับนัก
“ท่านเสนาบดีฉู่ช่างมีวาสนานัก” คำพูดนี้ของท่านแม่ทัพใหญ่ไม่รู้ว่าต้องการเอ่ยชมหรือต้องการค่อนขอดกันแน่ ทว่าฉู่ชิงหวงล้วนไม่ใส่ใจทั้งสิ้น นางเพียงต้องการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองแล้วมีชีวิตรอดต่อไปเท่านั้น นางกวาดสายตามองไปทั่ว จากนั้นก็พลันรู้สึกว่ามันขาดอันใดบางอย่างไป และในชั่วพริบตานั้นนางก็นึกขึ้นมาได้ ขาดน้องสาวที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นทั้งวันผู้นั้นอย่างไรเล่า!
ท่านอ๋องเก้าราวกับรู้ว่านางกำลังคิดอันใดอยู่ “เจ้าหาอะไร? น้องสาวผู้นั้นของเจ้าน่ะหรือ?”
“คาดว่าชิงเยว่น่าจะมีเรื่องราวอันใดทำให้มาช้า” ฉู่ชิงหวงไม่อยากพูดให้มากความนัก ไม่ว่าภายในสกุลฉู่จะเป็นเช่นไรก็เป็นเรื่องภายในครอบครัว ไม่จำเป็นต้องเปิดเผยให้คนอื่นมาคอยดูเอาความสนุกสนาน
“เจ้านี่ใจกว้างไม่เบานะ” อ๋องเก้าเอ่ยเย้ยหยัน ก่อนจะหมุนแหวนหยกในมือเล่นต่อ ทว่าสายตานั้นกลับมิได้ละออกจากร่างของฉู่ชิงหวงแม้แต่น้อย ท่าทางดื้อรั้นและเย่อหยิ่งของนาง ดูไม่เหมือนกับบุตรีของเสนาบดีฉู่เลยแม้แต่น้อย เสนาบดีฉู่นั้นเจ้าเล่ห์เพทุบายนัก ทั้งยังเป็นพวกตีสองหน้า ทว่าฉู่ชิงหวงผู้นี้กลับเถรตรงยิ่งนัก
“เหตุใดเข้าไปตั้งนานแล้วยังไม่ออกมาอีก?” เจี่ยงซางหวู่เริ่มนั่งไม่ติดที่เป็นคนแรก ตั้งแต่ฉู่ชิงหวงพิสูจน์ได้ว่าทารกนั่นไม่ใช่ลูกของเขา เขาก็เชื่อนางแล้ว ที่ให้แม่นมตรวจร่างกายยู่ฮูหยินก็เพราะต้องการพิสูจน์ว่านางไม่ได้หลอกเขา บางทีนางอาจจะทำเช่นนั้นไปเพราะกลัวว่าเขาจะเสียใจที่เสียลูกไปก็เป็นได้
“ให้คนไปดูซิ อย่าให้เกิดเรื่องอะไรอีกจะดีที่สุด” อ๋องเก้าออกความเห็น เจี่ยงซางหวู่ได้ยินเข้าก็ลุกขึ้นเข้าไปดูในห้องด้านในทันที ฉู่ชิงหวงเดินตามเขาเข้าไป โดยมีท่านอ๋องเก้ารั้งท้ายไปอย่างไม่รีบร้อน เขายืนห่างจากคนทั้งสองอยู่ไม่น้อย หากว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นจริง เขาก็จะได้เลี่ยงไว้
ทันทีที่เจี่ยงซางหวู่ผลักประตูเข้าไปด้านใน ก็เห็นว่าแม่นมที่ตรวจร่างกายกับสาวใช้สองคนล้มลงกองอยู่กับพื้น แต่ตัวยู่ฮูหยินกลับไม่เห็นแม้แต่เงา เจี่ยงซางหวู่ตรวจดูแล้วถึงได้พบว่าทั้งสามเพียงถูกทำให้สลบเท่านั้น ทันใดนั้น แววตาเขาพลันมีคลื่นความเดือดดาลก่อตัวขึ้น เดิมทีเขาคิดจะให้โอกาสยู่ฮูหยินอีกสักครั้ง แต่นางกลับหลบหนีไปเพราะกลัวผิด
แม่นมที่มาตรวจร่างกายฟื้นขึ้นมาเป็นคนแรก เมื่อเห็นสีหน้าของเจี่ยงซางหวู่ก็รู้ในทันทีเกิดเรื่องอันใดขึ้น จึงรีบขออภัยทันที “ท่านแม่ทัพโปรดอภัยด้วย ยู่ฮูหยินทำร้ายพวกข้าน้อยจนสลบแล้วหนีไปแล้วเจ้าค่ะ”
“ทหาร ปิดประตูทางทั้งสี่ด้านไว้ แล้วเอาตัวซูยู่เอ๋อร์มาให้ได้!” เจี่ยงซางหวู่เดือดดาลจนถึงขีดสุด เนตรพยัคฆ์คู่นั้นเหลือบมองไปที่ฉู่ชิงหวง ก่อนจะเห็นว่านางยังคงมีท่าทีเคร่งขรึมอยู่เช่นเดิม ทั้งยังสบตาเขาอย่างไม่กริ่งเกรง คนที่นางเคยเจอยังน่าหวาดกลัวกว่าเจี่ยงซางหวู่มากนัก จิตสังหารจากเขาไม่พอจะทำให้นางตกใจด้วยซ้ำ”
“ฉู่ชิงหวง เจ้าไปได้แล้ว ข้าจะทูลฝ่าบาทเพื่อคืนความบริสุทธิ์ให้เจ้าเอง”
“ขอบคุณท่านแม่ทัพมากเจ้าค่ะ” ฉู่ชิงหวงย่อกายลงเล็กน้อยเพื่อคารวะ ก่อนจะหันไปคำนับท่านอ๋องด้วยท่าทางแช่มช้อยงดงาม “ขอบพระทัยท่านอ๋องที่ช่วยชีวิต วันหน้าชิงหวงจะต้องตอบแทนท่านแน่เพคะ”
อ๋องเก้าแค่นหัวเราะเสียงเย็น ก่อนจะถามออกไปอย่างมิได้ใส่ใจนัก “ตอบแทนอย่างไร?”
“ชิงหวงรับปากว่าจะตอบแทนท่านอ๋องสามเรื่อง ขอเพียงอยู่ในขอบเขตที่ชิงหวงทำได้ ต่อให้ต้องตายหมื่นครั้งก็จะไม่บิดพลิ้วเลยเพค่ะ” ฉู่ชิงหวงมองอ๋องเก้าด้วยสายตาเป็นประกาย “ชิงหวงไร้ความสามารถโดดเด่น มีเพียงวิชาแพทย์ติดตัวที่พอใช้ได้ หากมีวันใดที่ชิงหวงมีประโยชน์ต่อท่าน ขอท่านอ๋องออกปากเรียกใช้ชิงหวงได้เลยเพค่ะ”
“ได้ ข้าจะจำไว้” ท่านอ๋องเก้ามองไปทางเจี่ยงซางหวู่แล้วเห็นว่ามีทหารองครักษ์กำลังรีบร้อนวิ่งมาพอดี ทหารโน้มตัวลงไปกระซิบที่ข้างหูเจี่ยงซางหวู่ ทำเอาเขาพลันหน้าถอดสีไปในทันที
“ฉู่ชิงหวง”
“ท่านแม่ทัพ”
“ซูยู่เอ๋อร์ตายแล้ว เจ้าจงตามข้าไปดูเถิด”