“ท่านพ่อ!” ฉู่ชิงหวงแทบไม่อยากจะเชื่อ นางก็แค่ทำไปเพราะต้องการโอกาสรอดชีวิตเท่านั้น หากนางไม่มั่นใจ มีหรือนางจะกล้าเอาชีวิตคนทั้งตระกูลไปเดิมพัน ทว่าบัดนี้ คนนอกหาได้ต้องการชีวิตนางอีกแล้ว แต่เป็นคนในครอบครัวนางต่างหากที่อยากจะเอาชีวิตนาง เช่นนี้จะไม่ให้นางปวดใจได้อย่างไร!
“ชิงหวง ไม่ใช่ว่าแม่ว่าเจ้า แต่เรื่องนี้เจ้าทำเกินไปจริง ๆ ปกติเจ้าทำตัวกำเริบเสิบสานก็แล้วไปเถิด แต่ครั้งนี้เจ้าถึงกับใจดำอำมหิต เอาคนทั้งจวนเสนาบดีไปลงเหวกับเจ้าด้วยได้อย่างไร!” นางหวังเองก็สีหน้าเจ็บปวดหัวใจเช่นกัน “แม่... แม่ไม่อาจขอร้องแทนเจ้าได้แล้ว!”
“จริงด้วย ท่านพี่ ท่านทำเรื่องโหดร้ายถึงเพียงนี้ จะให้ท่านพ่ออภัยให้ท่านได้อย่างไร!” ฉู่ชิงเยว่เองก็เข้ามาซ้ำเติมนางด้วย ฉู่ชิงหวงอาศัยวิชาแพทย์ของตัวเองเอาตัวรอดมาจนได้ นางเข้าไปเป็นหมอในสำนักหมอหลวงได้ทั้งที่เป็นสตรี เดิมนางควรจะเป็นความภาคภูมิใจให้เสนาบดีฉู่ถึงจะถูก ทว่าฉู่ชิงหวงกลับกำเริบเสิบสาน จนเป็นเหตุให้เสนาบดีฉู่ตัดหางปล่อยวัดนางไปตั้งนานแล้ว
“ท่านพ่อ ลูกมิได้ต้องการชีวิตคนทั้งจวนเสนาบดีจริง ๆ เสียหน่อย ลูกเพียงต้องการให้ท่านอ๋องเก้าให้โอกาสลูกพิสูจน์ความบริสุทธิ์เท่านั้น ท่านพ่อ...”
“หุบปาก ข้าไม่มีลูกทรพีไม่มีคุณธรรมเช่นเจ้า!” เสนาบดีฉู่เตะนางจนล้มกลิ้งลงไปกับพื้น ความเจ็บปวดที่หน้าอกพลันแล่นขึ้นมาทันที นางเงยหน้าขึ้นมองเสนาบดีฉู่ที่กำลังจ้องนางด้วยสายตาเย็นเยียบ ก่อนแสยะยิ้ม ฉู่ชิงหวง เจ้าเห็นสีหน้าของคนพวกนี้ชัดหรือยัง? นี่คือคนที่เจ้าเรียกว่าครอบครัวอย่างไรเล่า!
“ท่านพ่อ ลูกก็แค่...”
“พอได้แล้ว ข้าไม่อยากฟังเจ้าแก้ตัว!” เสนาบดีฉู่เดือดดาลจนถึงขีดสุด “นับจากวันนี้เป็นต้นไป เจ้าจงอยู่เงียบ ๆ แต่ในเรือนของเจ้า ห้ามออกมาอีกเป็นอันขาด!”
“ท่านพ่อ ท่านหมายความอย่างไร?” ฉู่ชิงหวงด้วยความตื่นตกใจ ห้ามออกมาอีกหมายความว่าอย่างไรกัน
“ก็หมายความว่า นับแต่นี้เป็นต้นไป เจ้าอยู่ได้แต่ในเรือนของเจ้า ห้ามออกนอกเรือนมาแม้แต่ก้าวเดียว!” เสนาบดีฉู่เอ่ยอย่างเฉียบขาด หากปล่อยให้ฉู่ชิงหวงออกมาก็ไม่รู้ว่านางจะก่อเรื่องเดือดร้อนอันใดอีก ครั้งนี้เป็นท่านแม่ทัพใหญ่กับท่านอ๋องเก้า ใครจะรู้ว่าคราวนี้จะเป็นเรื่องอันใดอีก!
“ท่านพ่อ ยามนี้ลูกยังเป็นหมอในสำนักหมอหลวงอยู่นะเจ้าคะ จะไม่ออกจากเรือนอีกได้อย่างไรกัน!”
“ท่านพี่ ท่านไม่ต้องกังวลไป เพราะท่านทำให้ท่านแม่ทัพใหญ่โกรธ ท่านพ่อก็เลยทูลฝ่าบาทให้ปลดท่านออกจากตำแหน่งเรียบร้อยแล้ว พี่ใหญ่จะเป็นผู้รับตำแหน่งแทนท่าน ท่านน่ะ กลับเรือนเองไปสำนักผิดอย่างสบายใจได้ อย่าทำให้ท่านพ่อต้องโกรธอีกเลย” ฉู่ชิงเยว่เอ่ยอย่างได้ใจ ฉู่ชิงหวงกำเริบเสิบสานมานานหลายปี บัดนี้ในที่สุดก็ไม่อาจทำเช่นนั้นได้แล้ว!
“ท่านพ่อ ท่านทำเช่นนี้ได้อย่างไร?” ฉู่ชิงหวงตกใจสุดขีด นางเคยคิดว่าพอกลับมาถึงจวนแล้วจะน้อมรับโทสะของท่านพ่อ แต่คิดไม่ถึงว่าท่านพ่อจะเย็นช้าไร้น้ำใจถึงเพียงนี้ ถึงขนาดปลดนางออกจากตำแหน่งแล้วให้ฉู่ชิงเฉิงมาแทนที่นาง! ล้วนเป็นธิดาของท่านพ่อเหมือนกัน เหตุใดถึงเหยียบย่ำแต่นางและเทิดทูนแต่ฉู่ชิงเฉิง!
“แล้วเหตุใดข้าจะทำเช่นนี้ไม่ได้!” เสนาบดีฉู่เอ่ยอย่างเย็นชา “เป็นเจ้าเองที่ประพฤติตัวเหลวแหลก จะโทษผู้ใดได้ เจ้ากลับไปกักตัวสำนึกผิดเสียเถิด ไม่มีคำสั่งข้า ห้ามออกจากเรือนแม้แต่ก้าวเดียว!”
“ท่านพ่อ...”
“ไสหัวไป!”
“ท่านเสนาบดีขอรับ บุตรชายคนโตภรรยาเอกของโจวอ๋องขอเข้าพบขอรับ” พ่อบ้านรีบวิ่งเข้ามารายงาน
“รีบเชิญเข้ามาเร็ว” เสนาบดีฉู่พลันตกใจ รีบสั่งให้คนรีบไปเชิญอีกฝ่ายเข้ามา เขาเหลือบไปมองฉู่ชิงหวงที่ยังคุกเข่าอยู่กับพื้น แววตาคู่นั้นฉายแววหมดความอดทน และทันใดนั้นเองบุรุษหนุ่มในชุดแพรไหมตลอดทั้งร่างก็ก้าวยาว ๆ เข้ามา
“ท่านเสนาบดีฉู่”
“ซื่อจื่อเชิญนั่ง” เสนาบดีฉู่รีบเชิญโจวอ๋องซื่อจื่อนั่งลง “ไม่รู้ซื่อจื่อมาเยือนจวนเสนาบดีของข้าในยามนี้ด้วยเรื่องอันใด?”
ซื่อจื่อยกชาที่สาวใช้นำมาให้ขึ้นดื่มอย่างไม่รีบร้อน เขาเหลือบไปมองฉู่ชิงหวงที่ยังคุกเข่าอยู่กับพื้น ก่อนจะเห็นว่าสภาพนางช่างดูจนตรอกยิ่งนัก บนร่างนางยังมีใบชาอยู่ด้วย
เสนาบดีฉู่กระอักกระอ่วนเล็กน้อย ครั้นคิดจะเอ่ยขึ้นก็ได้ยินฉู่ชิงเยว่เอ่ยขึ้นก่อน “ซื่อจื่อมาได้อย่างไรเจ้าคะ”
ฉู่ชิงหวงเองก็อยากถามเขาเช่นกัน โจวอ๋องซื่อจื่อผู้นี้เป็นคู่หมั้นของนาง ด้วยสถานการณ์คับขัน นางเกือบลืมทุ่นช่วยชีวิตนี้ไปเสียสนิท นางมีสัญญาหมั้นหมายกับโจวอ๋องซื่อจื่ออยู่ เพราะฉะนั้นท่านพ่อไม่มีทางขังนางไว้ในจวนตลอดไปได้แน่ ทว่าคำพูดต่อจากนั้นของโจวอ๋องซื่อจื่อกลับทำให้นางทั้งอึ้งและตาสว่างไปได้ในคราวเดียว ที่แท้เรื่องพวกนี้ก็เป็นแค่ละครฉากหนึ่งที่นางหวังและคนอื่น ๆ จัดฉากขึ้นมาให้นางเท่านั้น
“ข้ามาถอนหมั้น”