ของเล่นของไฟเพลิง สัญญาที่ทำให้ใครบางคนเปลี่ยนจากเป็ดขี้เหร่กลายเป็นหงส์ขาวสง่าใครๆก็ว่าโชคดีจัง แต่ใครจะรู้บ้างไหมว่ามันต้องแลกมากับอะไรบ้าง การกระทำที่แสนหยาบโลน คำพูดที่ทำร้ายจิตใจ และการแสดงที่ไร้ซึ่งความรัก
ของเล่นของไฟเพลิง สัญญาที่ทำให้ใครบางคนเปลี่ยนจากเป็ดขี้เหร่กลายเป็นหงส์ขาวสง่าใครๆก็ว่าโชคดีจัง แต่ใครจะรู้บ้างไหมว่ามันต้องแลกมากับอะไรบ้าง การกระทำที่แสนหยาบโลน คำพูดที่ทำร้ายจิตใจ และการแสดงที่ไร้ซึ่งความรัก
"ขอแรงกว่านี้" เสียงทุ้มเอ่ยพูดในขณะที่ตนเองกำลังนั่งพิงเบาะสีแดงกำมะหยี่มองคนที่อยู่บนตักกำลังร่อนเอวใส่น้องชายของเขาอย่างยั่วยวน ร่างบางเมื่อได้รับคำสั่งก็เปลี่ยนจากการบดยั่วเป็นการขยับขึ้นลงอย่างสม่ำเสมอเสียงร้องอันลามกดังขึ้นเป็นระยะ
"คะ...คุณเพลิงอื้ออ" ร่างบางบนตักร้องลั่นเมื่อถูกมือหนาจับยึดเอวไว้ก่อนจะแทงสวนขึ้นมาอย่างบ้าคลั่งเป็นสัญญาณว่าการร่วมรักกันครั้งนี้ใกล้จะสิ้นสุดลงแล้ว
"อื้มม" เสียงครางต่ำจากร่างสูงดังขึ้นพร้อมการอัดกระแทกครั้งสุดท้ายก่อนจะผ่อนลมหายใจถี่ๆ ยกตัวหญิงสาวที่อยู่บนตักให้ลงไปจากตัวก่อนกวัดมื่อเรียกลูกน้องให้หยิบบุหรี่ให้
"เอวายังไม่เสร็จเลยนะคะ" สาวร่างบางข้างๆ เอ่ยขึ้นอย่างขัดใจเธอกำลังจะถึงจุดสุดยอดอยู่แล้วแต่คนตรงหน้ากับเสร็จชิงเธอไปก่อนและปล่อยให้เธอค้างตึงอยู่แบบนั้น
"ไม่ใช่เรื่องของผมที่ต้องทำให้คุณเสร็จ"
"คุณเพลิงเอวาเจ็บ" ร่างบางดื้นไปมาเมื่อถูกมือหนาบีบที่แก้มอย่างแรงสายตาอันเยือกเย็นถูกส่งมาที่เธอทำให้เธอยิ่งสั่นเป็นลูกนก ก่อนรับงานนี้ก็เคยได้ยินเรื่องของผู้ชายคนนี้มาบ้างว่าห้ามขัดใจไม่งั้นจะสิ้นลมแต่เพราะหัวเสียจากการค้างตึงเลยพูดไปโดยไม่ทันคิด
"ขะ...ขอโทษค่ะ"
"จำไว้ว่าตัวเองอยู่ในฐานะผู้หญิงขายตัว" คำพูดแรงๆ ถูกพ่นออกมาจากปากหนาเอวาพยักหน้ารับทันทีก่อนจะรีบคว้าผ้าขนหนูและขอตัวกลับทันทีหลังจากได้รับค่าตัว
"จันทร์เจ้าอยู่ไหน" เมื่อสูบบุหรี่จะหมดมวนแล้วก็เอ่ยถามบุคคลหนึ่งกับลูกน้องบุคคลที่ทำให้เขาหัวเสียจนต้องมาระบายอารมณ์กับคนอื่นทั้งๆ ที่หน้าที่มันเป็นของผู้หญิงที่ชื่อจันทร์เจ้า
"ตอนนี้อยู่ที่บ้านครับคุณไฟเพลิง" ไฟเพลิง นักธุรกิจหนุ่มหมื่นล้านพยักหน้ารับเบาๆ ก่อนจะหยิบวิสกี้ขึ้นจิบพรางๆ
"อีก10นาทีเตรียมรถให้พร้อมผมจะไปหาจันทร์เจ้า" ไฟเพลิงเอ่ยขึ้นพร้อมกันยันตัวลุกและหายเข้าไปในห้องน้ำ
อีกด้านหญิงสาวร่างบางอยู่ในชุดแสนธรรมดาคือเสื้อยืดโอเวอร์ไซส์และกางเกงยีนส์ขาสั้นในบ้านราคาหลักสิบล้านกำลังตั้งใจมองดูสูตรอาหารที่ตั้งใจจะทำให้อีกคนกินถึงแม้จะเป็นเมนูที่เคยทำมาแล้วแต่ก็ต้องดูสูตรทุกครั้งเพื่อความแน่ใจเนื่องจากคนที่กินนั้นค่อนข้างอ่อนไหวกับรสชาติอาหาร ถ้าไม่ถูกปากก็เททิ้งอย่างเดียวไม่สนว่าวัตถุดิบจะแพงแค่ไหนก็ตาม
"ทำอะไร"
ฉึก!
"อ๊ะ" เสียงร้องเบาๆ ดังขึ้นเหตุเพราะกำลังหั่นหอมใหญ่อย่างตั้งใจแต่จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงคุ้นหูแบบไม่ทันตั้งตัวใบมีดจึงเฉือนนิ้วของเธอไปเล็กน้อยเลือดสีสดค่อยๆ หยดลงพื้นหญิงสาวจึงรีบเปิดน้ำเพื่อล้างแผลและหันมายิ้มให้กับต้นตอของอุบัติเหตุครั้งนี้
"กลับมาแล้วหรอคะเพลิง...เจ้ากำลังทำซุปไก่ให้ทานค่ะ" หญิงสาวตอบกลับด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มพยายามเอานิ้วที่โดนมีดบาดแอบไว้ข้างหลังถ้าคนตรงหน้ารู้ว่าเธอโดนมีดบาดมีหวังคงได้เทกระจาดอาหารตรงหน้าทิ้งแน่นอน ทั้งอ่อนไหวเรื่องรสชาติและความสะอาดถูกหลักอนามัยเป็นที่หนึ่ง
"ผมไม่หิว" เจ้าของร่างสูงเอ่ยพร้อมกับเดินเข้ามาสวมกอดหญิงสาวตรงหน้า วันนี้เขาอารมณ์เสียทั้งวันเพราะคนตรงหน้าเลือกที่จะปฏิเสธการไปทานข้าวกับเขาเพียงเพราะต้องการเคลียร์งานที่บริษัทให้เสร็จเขาไม่ได้จ้างเธอมาเป็นลูกน้องเสียหน่อยทำไมต้องตั้งใจทำขนาดนั้นก็ไม่รู้
"งั้นหรอคะ" หญิงสาวตอบกลับเสียงเบาเพราะถูกคนตรงหน้าสวมกอดอย่างแน่นเหมือนเป็นการลงโทษมากกว่ามากอดเฉยๆ เสียอีก
"แล้วเจ้าหิวไหมครับ" ร่างสูงถอยตัวออกมาก่อนเอ่ยถาม
"ไม่ค่ะ"
"งั้นดี...ขึ้นไปนวดให้ผมหน่อยแล้วกัน" จันทร์พยักหน้ารับเบาๆ ที่จริงเธอเองก็หิวแต่ถ้าให้ตอบว่าหิวคงเป็นคำตอบที่ไม่น่าพอใจเท่าไหร่เมื่อนึกถึงคิ้วที่ขมวดกันเป็นปมเมื่อเอ่ยถามเธอ
"แล้ววันนี้ไปไหนมาหรอคะ" จันทร์เจ้าเอ่ยถามทำลายความเงียบหลังจากขึ้นห้องมานวดให้ร่างสูงที่กำลังตรวจงานในไอแพดได้สักพักแล้ว
"ผมต้องตอบด้วยหรอครับ" คำพูดเจ็บจี๊ดทะลุเข้าหัวใจถ้าเป็นคนอื่นคงสะอึกจนพูดไม่ออกแต่กับจันทร์เจ้าที่อยู่กับเขามา5ปีแล้ว แค่นี้ถือว่าน้ำจิ้มเลยก็ว่าได้
"ไม่ค่ะ" ว่าจบก็ทำการนวดต่อไปถึงแม้ในใจจะแอบพ่นคำด่าก็ตาม
"กรี๊ดด" แต่แล้วก็ต้องร้องเสียงหลงเมื่อนวดอยู่ดีๆ ก็โดนดึงแขนให้นอนราบไปกับเตียงโดยมีคนตัวสูงคล่อมทับเธอไว้
"วันนี้ผมอารมณ์เสียสุดๆ" ร่างสูงเอ่ยพูดกับคนตรงหน้าพร้อมกับยึดแขนทั้งสองข้างของคนตัวเล็กขึ้นสูงเหนือหัว
"มีเรื่องอะไรหรอคะ" จันทร์เจ้าเอ่ยถามและไม่ดิ้นแม้แต่น้อยเมื่อคนข้างบนกำลังลูบไล้ร่างกายของเธออย่างจาบจ้วง
"ผมจ้างเจ้ามาทำอะไรครับ...คุณควรทำหน้าที่นั้นสิ ตอบผม....ว่าคุณมีหน้าที่ทำอะไร!"
"นะ...นอนกับคุณเพลิงค่ะ" จันทร์เจ้าเอ่ยตอบเสียงสั่นเล็กน้อยใบหน้าสวยมองคนตรงหน้าที่เริ่มเอื้อมมือไปปลดตะขอบลาด้านหลังก่อนจะเลิกมันขึ้นเผยให้เห็นน่าอกของเธอ
"ใช่ครับ...เพราะงั้นทีหลังก็อย่าปฏิเสธผมอีก" ว่าจบก็ก้มลงไปครอบครองจุกสีชมพูสดที่ประดับอยู่บนน่าอกขาวนวลอย่างรุนแรงพร้อมกับบีบเค้นจนเกิดรอยแดงไปทั่ว
จันทร์เจ้าหลับตาแน่นทนความเจ็บปวดนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอโดนกระทำรุนแรงแบบนี้แต่ก็ไม่บ่อยที่จะโดนเพราะส่วนมากแล้วเธอจะยอมเขาตลอดแต่มีงานนี้นี่แหละที่เธอยอมไม่ได้เพราะถ้าปล่อยไว้มันจะเกิดปัญหาในภายภาคหน้าได้ สิ่งที่เธอทำมันก็เพื่อตัวเขาเองทั้งนั้น
เช้าวันต่อมา
หลังจากผ่านค่ำคืนอันสุดแสนทรมานจันทร์เจ้าที่มีสภาพบอบช้ำไปทั้งร่างกายเดินลงบันไดมาด้วยความอิดโรยเมื่อคืนกว่าเขาจะยอมปล่อยเธอก็ปาเข้าไปเกือบฟ้าสว่างเสียแล้ว แล้ววันนี้ยังต้องตื่นแต่เช้าเพราะมีงานพรีเซ็นต์เปิดตัวสินค้าใหม่อีกด้วยถึงแม้อาชีพหลักของเธอคือการเป็นคู่นอนให้คุณไฟเพลิงแต่งานรองก็คือเป็นพนักงานธรรมดาๆ คนหนึ่งที่มีหน้าที่คิดและนำเสนอสินค้าใหม่ๆ ให้เจ้านายฟัง
จันทร์เจ้านั่งลงบนโต๊ะอาหารที่มีบุคคลหนึ่งนั่งอยู่ก่อนแล้วเงียบๆ ก่อนจะตักข้าวต้มที่แม่บ้านเป็นคนจัดไว้ให้เข้าปากกินไปได้สองสามคำก็วางช้อนและขว้ายาแก้ปวดแก้อักเสบที่ติดไว้ในกระเป๋ามากินเมื่อทำทุกอย่างเสร็จแล้วก็แค่รอเวลาให้อีกฝ่ายไปส่งที่ทำงานก็แค่นั้น
"ขอบคุณที่มาส่งค่ะ" จันทร์เจ้าโค้งขอบคุณไฟเพลิงที่มาส่งเธอหน้าป้ายรถเมล์ทุกวันถึงแม้จะทำงานที่เดียวกันแต่ก็ไม่ได้ไปด้วยกันเพราะความสัมพันธ์ลับๆ นี้มีแค่เขาและเธอที่รู้เท่านั้น
ผู้ชายส่วนมากชอบ ผู้หญิงนมใหญ่ๆ และเขาก็คือส่วนหนึ่งที่ชอบผู้หญิงนมใหญ่ แต่!! พอได้เธอมาเป็นแฟนกลับรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาซะงั้น เพราะนมเธอมันใหญ่มากจนผู้หลายคนน้ำลายหก!
ชูจี้ถูกเก็บไปอุปการะตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งถือเป็นความฝันของเด็กกำพร้าทั่วไปอย่างชูจี้ แต่ชีวิตหลังจากนั้นมันไม่ได้มีความสุขดั่งที่ชูจี้คิดฝันไว้เลย เธอต้องอดทนถูกเย้ยหยันและการทำทารุณจากแม่บุญธรรมของเธอ แต่ก็ยังโชคดีที่เธอได้รับความเมตตาจากคนใช้สูงวัยคนหนึ่งในบ้านหลังนั้น ชึ่งเป็นคนคอยดูแลและเอาใส่เธอเหมือนแม่แท้ ๆ ของเธอ จนกระทั่งคนใช้จากไปด้วยอาการป่วย ชูจี้ก็ถูกบังคับให้แต่งกับผู้ชายที่ไม่เอาการเอางานแทนลูกสาวแท้ ๆ ของพ่อแม่บุญธรรมของเธอเพื่อชดใช้ค่ารักษาพยาบาลของคนใช้ เรื่องราวจะเป็นเช่นเดียวกับซินเดอเรลล่าหรือไม่? อย่างไรก็ตาม ชายที่เธอจะแต่งงานด้วยนั้นไม่เหมือนเจ้าชายเลยสักนิดนอกจากรูปร่างหน้าตาของเขาที่สามารถเทียบเท่ากับเจ้าชายได้เท่านั้นเอง ลู่เหยี่ยนเป็นลูกชายนอกสมรสของครอบเศรษฐีครอบครัวหนึ่ง เขาใช้ชีวิตไปวันๆ (พอลอดไปด้วยค่ะ)มาโดยตลอด ที่เขาตกลงแต่งกับชูจี้ก็เพราะอยากจะทำให้ความปรารถนาสุดท้ายของแม่ของเขาสมหวังเท่านั้น แต่ในคืนวันแต่งงาน เขากลับพบว่าเจ้าสาวคนนี้มีพฤติกรรมที่ผิดกับที่เคยได้ยินได้ฟังมา โชคชะตาจะบันดาลให้พวกเขาเป็นอย่างไร และลู่เหยี่ยนจะเป็นดั่งที่เราคิดหรือไม่ สิ่งที่น่าประหลาดใจคือลู่เหยี่ยนมีหลายอย่างที่คล้ายๆ กับมหาเศรษฐีที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้อย่างพิลึก สุดท้ายแล้ว ลู่เหยี่ยนจะสามารถรู้ได้หรือไม่ว่าชูจี้ คือเจ้าสาวจำเป็นที่ต้องได้แต่งงานแทนพี่สาวของเธอ การแต่งงานของพวกเขาจะเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวสุดโรแมนติกหรือวิบากกรรมของชีวิต โปรด ติดตามและค้นหาชีวิตและเรื่องราวของทั้งสองคนด้วยกันเถอะ
ในชาติก่อน ซูเยว่ซีถูกอวิ๋นถังยวี่ทำร้ายจนตาย ทำผิดต่อครอบครัวของท่านตา และตัวเองยังถูกทรมานจนตาย เกิดใหม่ครั้งนี้ นางตั้งใจจะจัดการกับพวกผู้ชายชั่วและหญิงเลวจัดการพ่อชั่ว เพื่อปกป้องแม่และครอบครัวของท่านตาให้ปลอดภัย พวกผู้ชายชั่วเข้ามาใกล้งั้นเหรอ นางจะใช้แผนให้เขาเสียชื่อเสียง หญิงตีสองหน้าเก่งชอบทำตัวอ่อนแองั้นเหรอ นางจะเปิดโปงธาตุแท้อีกฝ่ายและไล่นางออกจากจวนซู! ในชาตินี้ สิ่งที่นางต้องทำคือการจัดการพวกปลวกที่แอบแฝงอยู่ในราชสำนัก แก้แค้นคนทรยศ เพื่อปกป้องท่านตาที่เป็นคนซื่อสัตย์ นางใช้มือเรียวเป็นเครื่องมือ ก่อให้เมืองจิงเกิดความวุ่นวาย แต่ท่ามกลางความโกลาหล นางได้พบกับองค์ชาย ผู้ที่ทุกคนเล่าลือว่าเป็นคนพิการ “อวิ๋นเฮิง เจ้าจะมาขวางข้าหรือ” อวิ๋นเฮิงยิ้มเบาๆ “ไม่ ข้าตั้งใจจะมาช่วยเจ้า”
“ก่อนทำเรื่องนี้พี่ขอถามน้องภาสักข้อได้ไหม” ธาวิศพูดแล้วก้าวเท้าเข้าไปหาคนบนเตียง “ได้ค่ะ” นิภาก้มหน้ายามตอบ ธาวิศทิ้งสะโพกลงนั่งด้านข้าง พร้อมกับดันปลายคางของหญิงสาวให้ขึ้นมองหน้าเขา “น้องภาเต็มใจใช่ไหม” แววตาของคนถูกถามสั่นระริกไปมา ปากจิ้มลิ้มก็ขยับขึ้นลงเหมือนคนคิดไม่ออกว่าควรตอบอย่างไร “น้องภาพี่ถามว่าเต็มใจใช่ไหม หรือว่าถูกคุณยายบังคับ” คราวนี้ธาวิศเน้นน้ำหนักเสียงมากขึ้นกว่าเดิม “ภาเต็มใจค่ะ” หญิงสาวตอบเขาแล้ว แต่เป็นคำตอบที่เต็มไปด้วยความไม่มั่นใจในตัวเอง “ไม่ได้ถูกบังคับแน่นะ” “ค่ะ ภาไม่ได้ถูกบังคับ ภาเต็มใจค่ะพี่ภูมิ” ธาวิศกัดฟันกรอดในคำตอบที่เขาไม่ปรารถนาจะได้ยิน ออกแรงผลักหน้าอกนิภาจนล้มลงไปนอนอยู่บนเตียง ปลดกระดุมเสื้อนอนของตนเองออกทีละเม็ด โดยที่สายตาก็ยังจดจ้องอยู่กับคนตรงหน้า “ระหว่างเรามันจะไม่มีความผูกพันอะไรกันทั้งนั้น เราทำเรื่องนี้ก็เพื่อคุณยาย เสร็จจากนี้ไปพี่ก็จะกลับกรุงเทพฯ ไปใช้ชีวิตกับคนรักของพี่ตามเดิม ภายังรับได้อยู่ใช่ไหม” ชายหนุ่มพูดจบก็ทิ้งเสื้อนอนลงบนพื้น คนบนเตียงก็ยังเม้มริมฝีปากตัวเองเอาไว้แน่น คำตอบไม่มาสักทีเขาเลยต้องเลิกคิ้วขึงตาใส่ “ค่ะภารับได้” คำพูดที่เปล่งออกมาช่างเบาหวิว คงไม่ต่างไปจากอารมณ์ของคนพูด “รับได้ก็ดี อย่ามาเรียกร้องอะไรทีหลังก็แล้วกัน ไม่งั้นพี่เอาตายแน่” ธาวิศทาบร่างตัวเองลงบนลำตัวของนิภา มองจุดหมายแรกที่จะเริ่มต้นทำรัก ประทับจูบลงบนริมฝีปากนุ่มนิ่มของหญิงสาว สัมผัสแรกของทั้งคู่ช่างตราตรึงในความรู้สึก จากที่จะจูบเพียงแผ่วเบากลายเป็นแทรกลึกดูดดื่มขึ้นตามอารมณ์ (รักซ้ำรอย)
【สาวน้อยผู้มีความรักในใจกลายเป็นหญิงสาวที่มีสติปัญญา vs ซีอีโอผู้ตามรักอย่างบ้าคลั่ง】 ในปีที่ห้าของการแต่งงานแบบลับๆ ของเธอ เสิ่นจาวหนิงเห็นสามีของไปเปิดห้องที่โรงแรมกับรักแรกของเขากับตาตนเอง จากนั้นเธอเพิ่งรู้ว่าลี่เยี่ยนซิวแต่งงานกับเธอเพราะเธอดูคล้ายกับรักแรกของเขา เสิ่นจาวหนิงตายใจและหลอกให้ลี่เยี่ยนซิวเซ็นสัญญาหย่า หนึ่งเดือนต่อมา เธอประกาศต่อหน้าผู้คนว่า “ลี่เยี่ยนซิว ฉันไม่ต้องการคุณอีกแล้ว อให้คุณกับรักแรกของคุณจะอยู่ด้วยกันตลอดไป” ลี่เยี่ยนซิวกอดเธอพร้อมน้ำตาคลอเบ้า “เสิ่นจาวหนิง คุณเป็นคนที่เข้ามาหาผมก่อน แล้วตอนนี้คุณจะทิ้งผมง่ายๆ ได้ยังไง?” ****** หลังจากที่เสิ่นจาวหนิงหย่า งานของเธอไปได้ดีขึ้นเรื่อยๆ บริษัทก็เตรียมที่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ ในงานเลี้ยงฉลอง ลี่เยี่ยนซิวก็เข้าร่วมด้วย เขามองอดีตภรรยาที่จับมือผู้ชายอื่นด้วยความหึงหวงอย่างแรง ขณะที่เสิ่นจาวหนิงเตรียมเปลี่ยนชุด เขาก็ตรงเข้ามาหาเธอในห้องลองเสื้อ “ผู้ชายคนนั้นดีขนาดนั้นเลยเหรอ?” เสิ่นจาวหนิงถึงสังเกตเห็นว่าลี่เยี่ยนซิวร้องไห้แล้ว น้ำตาของเขาตกลงบนกระดูกไหปลาร้าของเธอและมันรู้สึกร้อนๆ “เสิ่นจาวหนิง ผมเสียใจแล้ว เราคืนดีกันได้ไหม?”
คนเราบางครั้งก็หวนนึกขึ้นมาได้ว่าตายแล้วไปไหน ซึ่งเป็นคำถามที่ไร้คำตอบเพราะไม่มีใครสามารถมาตอบได้ว่าตายไปแล้วไปไหน หากจะรอคำตอบจากคนที่ตายไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาให้คำตอบที่กระจ่างชัด ชลดา หญิงสาวที่เลยวัยสาวมามากแล้วทำงานในโรงงานทอผ้าซึ่งตอนนี้เป็นเวลาพักเบรค ชลดาและเพื่อนๆก็มานั่งเมาท์มอยซอยเก้าที่โรงอาหารอันเป็นที่ประจำสำหรับพนักงานพักผ่อน เพื่อนของชลดาที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า "นี่พวกแกเวลาคนเราตายแล้วไปไหน" เอ๋ "ถามอะไรงี่เง่าเอ๋ ใครจะไปตอบได้วะไม่เคยตายสักหน่อย" พร "แกล่ะดารู้หรือเปล่าตายแล้วไปไหน" เอ๋ยังถามต่อ "จะไปรู้ได้ยังไง ขนาดพ่อแม่ของฉันตายไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าพวกท่านไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะท่านก็ไม่เคยมาบอกฉันสักคำ" "อืม เข้าใจนะแก แต่ก็อยากรู้อ่ะว่าตายแล้วคนเราจะไปไหนได้บ้าง" "อืม เอาไว้ฉันตายเมื่อไหร่ จะมาบอกนะว่าไปไหน" ชลดาตอบเพื่อนไม่จริงจังนักติดไปทางพูดเล่นเสียมากกว่า "ว๊าย ยัยดาพูดอะไร ตายเตยอะไรไม่เป็นมงคล ยัยเอ๋แกก็เลิกถามได้แล้ว บ้าไปกันใหญ่" พรหนึ่งในกลุ่มเพื่อนโวยวายขึ้นมาทันที แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นที่คุยกันที่โรงอาหารจะเป็นการคุยเล่นกันวันสุดท้ายของชลดา เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาชลดาก็เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับหอพักด้วยสาเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันและมีการยิงกันเกิดขึ้นและชลดาคือผู้โชคร้ายที่ผ่านทางมาพอดี ท่ามกลางความเสียใจของเพื่อนๆ เอ๋ได้แต่หวังว่า ชลดาคงไม่มาบอกกับเธอจริงๆหรอกใช่ไหมว่าตายแล้วไปไหน
เพราะเพื่อน..เธอจึงต้องทำอะไรลับๆ ล่อๆ เป็นเหตุให้เขาเข้าใจผิดคิดว่าเธอแอบชอบ ในขณะเดียวกัน เธอเองก็คิดว่าเขาเป็นเกย์ เพราะสถานการณ์บางอย่างเช่นกัน แล้วความวุ่นวายก็บังเกิด เมื่อเธอดัน…หลงรักเกย์ ‘ฮื่อ! เป็นเกย์นะเว้ยไม่ได้เป็นหวัด รักษาวันเดียวจะหายได้ไง สู้ต่อไปศิศิรา ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น อย่างน้อยตอนนี้เขาก็ยังไม่มีผัวเป็นตัวเป็นตน เพราะงั้นฉันก็ยังมีหวัง เฮ้อ! อย่างมากก็แค่ผิดหวังล่ะน่า’ ***“สาบานได้ว่าครั้งนี้ผมจะไม่หยุด จนกว่าเรา…จะเป็นของกันและกัน” เขาบอกก่อนจะผละลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ขณะที่สองมือค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อ สองตาก็ยังไม่ยอมเลื่อนไปจากเรือนร่างขาวโพลนตรงหน้า และไอ้สายตาคมกล้าประหนึ่งเสือรอตะครุบเหยื่อของเขาก็ทำให้เธอหนาวๆ ร้อนๆ บอกไม่ถูก “ไม่! เราพวกเดียวกัน เรากินกันไม่ได้” เธอพยายามเตือนสติ เพราะคิดว่าเขาอาจจะกำลังขาดสติ “แต่ผมเคยกินคุณแล้ว แล้วผมก็ชอบกินคุณ” เขาพูดพลางหลุบตามองไปที่แพนตี้ของเธอ ทำเอาเจ้าของแพนตี้ทำตาโต ไม่แน่ใจในคำว่ากินของเขา ที่สำคัญ…กะๆ กินอะไร “มะหมายความว่าไง”
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY