นิยายเรื่องนี้แต่งจากจินตนาการของนักเขียน ไม่ได้เกิดขึ้นได้จริง มีการใช้ความรุนแรง มีการบบรยายฉากอีโรติกอย่างละเอียด ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุไม่ถึง 18 ปี โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
วังหลวง ตำหนักองค์ชายหกหมิงคุณ พิธีอภิเษกองค์ชายหกกับหลิวเนี่ยนเจิน
“ช่างเหมาะสมกันยิ่งนักว่าหรือไม่”
“หญิงงามอันดับหนึ่งของเมืองหลวงกับองค์ชายที่เก่งกล้า ไม่มีผู้ใดเหมาะสมกันเท่านี้อีกแล้ว”
“หลีกไปให้หมด!!”
“ว้าย ผู้ใดกันเหตุใดจึงอุกอาจเช่นนั้น”
“นั่น!! องค์ชายเก้า นั่นพระองค์จะทำสิ่งใดกัน”
“หมิงตงหยาง!! นั่นเจ้าจะทำสิ่งใด”
เจ้าบ่าวในชุดสีแดงร้องตะโกนให้กับบุรุษหนุ่มที่พึ่งขี่ม้าสีดำสนิทเข้ามาเหยียบย่ำบนพรมแดงในงานพระราชพิธีมงคลสมรสของเขาและพระชายา อาชาที่องอาจหยุดลงท่ามกลางเสียงตกใจของคนทั่วทั้งงาน เจ้าสาวชุดสีเขียวแดงที่ยืนถือพัดอยู่ริมสุดของทางเดินคู่เจ้าบ่าวที่พึ่งทำพิธีคำนับฟ้าดินเสร็จสิ้นหันมามองเขามือไม้สั่น
“ตงหยาง….นี่เจ้ามิใช่ว่าจะไปออกศึกในวันนี้หรอกหรือ”
“เสด็จพี่เข้าใจมิผิด วันนี้ข้าจะไปออกศึกปราบกฎที่เมืองเหรียน แค่คิดไม่ถึงว่าเสด็จพี่จะจัดงานมงคลทั้งที เหตุใดจึงไม่เห็นส่งเทียบเชิญข้าสักคำ”
“เอ่อ น้องเก้า คือว่าพี่คิดว่าเจ้า….จะไม่อยากมาร่วมยินดี”
“ที่ไหนกันเล่า เสด็จพี่ทรงคิดมากไปเสียแล้ว ตัวข้านั้นยิ่งกว่ายินดีกับพระองค์เสียอีก อ้อ เจ้าสาวของท่านช่างงดงามนัก”
“องค์ชายเก้าเพคะ คือว่าหม่อมฉัน…..”
“แม่นางหลิว วันนี้เป็นวันมงคลของเจ้าและเสด็จพี่ของข้า ในฐานะสหายคนสนิทเก่า เจ้าช่างแล้งน้ำใจเสียยิ่งนักที่ไม่แจ้งข่าวดีนี้กับข้าเลย หรือเกรงว่า….ข้าจะมาร่วมยินดีกับเจ้ามิได้เช่นนั้นหรือ”
“เขาคือผู้ใดหรือ”
หรงเว่ยอิง บุตรท่านโหวหรงเสวียนหันมาถามอวิ๋นลี่เฟย สหายที่มาร่วมงานนี้ด้วยกันเมื่อเห็นว่ามีม้าและทหารวิ่งเข้ามาในงานพิธีและตามลงมาด้วยบุรุษหนุ่มในชุดเกราะเต็มยศ
“นั่นองค์ชายเก้า ยอดขุนพลอาชาแห่งตงโจวผู้พิทักษ์ดินแดนตะวันออกผู้เลื่องชื่อ หรงเว่ยอิงนี่เจ้าอยู่แต่ในเรือนจนไม่รู้จักผู้ใดเลยหรืออย่างไร”
“เจ้าก็รู้ว่าข้าไม่ค่อยรู้จักคนในราชวงศ์ และครั้งนี้เขาก็พึ่งจะปรากฏตัวมิใช่หรือ”
“เฮ้อ มันก็ใช่ แต่ชื่อเสียงของเขากระจายไปทั่วหล้าเพราะความเก่งกาจและน่ากลัว ทั้งสง่างามเป็นที่หมายปองของสตรีทั้งตงโจว”
“แล้วเหตุใดองค์ชายหกจึงไม่เชิญเขามาร่วมงานกันเล่า”
“เจ้าไม่รู้อะไร องค์ชายเก้ากับหลิวเนี่ยนเจินเป็นคนรักเก่า เมื่อเขาออกศึกกับแคว้นจ้าวครั้งก่อน นางก็หันไปซบองค์ชายหกที่มีข่าวลือว่าจะขึ้นเป็นองค์รัชทายาทองค์ใหม่น่ะสิ เฮ้อ น่าสงสารองค์ชายเก้าเสียยิ่งนัก”
“แล้ว เช่นนั้น ที่เขามาในวันนี้…”
“ก็ต้องดูกันต่อไป เร็วเข้า เราไปดูข้างหน้ากัน จะได้เห็นชัดๆ นานๆ ทีเขาจะมาให้เห็นใกล้ๆ เพียงนี้”
“เดี๋ยวก่อน เดี๋ยว ทำเช่นนี้ อาจจะไม่เหมาะ”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า ไปเถอะๆ”
“พี่สาม ท่านจะไปงั้นหรือ”
หรงฟางเซียน น้องสาวต่างมารดาเอ่ยทักหรงเว่ยอิงที่ ถูกอวิ๋นลี่เฟยลากไปด้านหน้า ลี่เฟยหันมามองหน้าคนทักและทำท่ารำคาญเล็กน้อยเพราะนางเป็นไม้เบื่อไม้เมากับฟางเซียนอยู่แล้ว
“มิใช่ธุระของเจ้า ไปกันเว่ยอิง”
“เจ้า!!…ข้าก็แค่เกรงว่าพี่สามของข้าจะทำอะไรขายหน้าจวนสกุลหรงเท่านั้น มิได้อยากรู้เสียหน่อยว่าพวกเจ้าจะทำสิ่งใดกัน”
“สาระแน!!”
“นี่ลี่เฟย เจ้าว่าผู้ใดกัน”
“พูดลอยๆ ใครอยากรับก็รับไปสิ”
“ลี่เฟยพอเถอะ น้องสี่เจ้าก็หยุดก่อนเถอะนะ ที่นี่ในวังหลวง สำรวมกริยาหน่อย”
“ไม่ต้องมาสอนข้า ท่านน่ะทำตัวให้ดีอย่าทำอะไรอับอายจนสกุลหรงเสียชื่ออีกก็พอ”
“พูดเหมือนผายลม ไปกันเถอะเว่ยอิง”
พวกนางเร่งเดินไปด้านหน้าเพื่อจะได้เห็นเหตุการณ์ชัดๆ ฟางเซียนลอบยิ้มมุมปากก่อนจะเดินตามพวกนางไปเงียบๆ ด้านหลังโดยที่ทั้งคู่ไม่รู้สึกตัว
“ว่าอย่างไรเล่า หรือพวกท่านไม่ต้อนรับข้างั้นหรือพี่หก วันนี้ข้าแวะมาร่วมยินดีด้วยที่พวกท่านจะได้เป็นทองแผ่นเดียวกัน คิดว่าพวกท่านจะดีใจเสียอีก”
องค์ชายหกยิ้มมุมปากขึ้นอย่างผู้ชนะเมื่อมองไปยังผู้พูดที่เผชิญหน้ากับเขาอยู่ เขาแย่งสตรีคนรักขององค์ชายเก้ามาเพราะความทะเยอทะยานของฝ่ายหญิงที่อยากได้ตำแหน่งพระชายาองค์รัชทายาท นางจะได้อยู่จุดที่สูงที่สุดของสตรีในใต้หล้าอย่างแท้จริง
“หึ น้องเก้า ข้าเห็นว่าเจ้ากำลังจะออกศึกสำคัญข้าไม่อยากรบกวนสมาธิเจ้า และที่สำคัญ เกรงว่าเจ้า…..จะยังทำใจไม่ได้ที่เนี่ยนเจินเปลี่ยนใจเลือกข้าแทนที่จะเป็นเจ้า ข้าเข้าใจความรู้สึกนั้นดี ข้าเลย….เลือกทำสิ่งที่ถูกต้อง”
“อ้อ เช่นนี้นี่เอง เสด็จพี่คิดว่าข้าจะคิดมากเพียงแค่สตรีเพียงคนเดียวเช่นนั้นน่ะหรือ น่าเสียดายที่ข้ากลับเห็นใจท่านเสียมากกว่าที่จะเสียใจจนมาร่วมยินดีกับท่านไม่ได้”
“องค์ชายเก้า!! เหตุใดท่านจึงกล่าวเช่นนี้ อย่างไรเราก็…..”
หญิงสาวในชุดเจ้าสาวมองเขาด้วยความโกรธราวกับถูกน้ำที่เย็นจัดสาดใส่หน้า เพราะคำพูดขององค์ชายเก้าราวกับจะบอกว่านางมิได้สำคัญอะไรกับเขาขนาดที่จะทำให้เขาเสียใจที่สูญเสียนาง หมิงตงหยางหันมามองนางเพียงครู่เดียวและหันมามองที่องค์ชายหก
“เอาล่ะ ข้าต้องไปแล้ว อ้อ ข้ายังมีของขวัญให้พวกท่านด้วย ในเมื่อเป็นงานมงคล ก็ต้องมีสิ่งของมงคลมอบให้สินะ ยังไม่รีบนำเข้ามาอีก”
ทหารองครักษ์ในชุดเกราะสีเงินเดินนำเอาพานที่คลุมผ้าสีแดงมาสองพานและวางตรงหน้าทั้งคู่ อีกคนหนึ่งถึงถุงบางอย่างมาให้องค์ชายเก้า
“สำหรับงานมงคลให้วันนี้ ขอให้พวกท่านรักกันเนิ่นนาน จนแก่เฒ่า นี่คือของอวยพรจากข้า”
ทหารเปิดผ้าแดงเพื่อให้แขกได้เห็น ทุกคนที่ได้เห็นถึงกับรีบหันหน้าหนีบ้างก็ก็รีบเอามือปิดปาก และมีหลายคนที่ยืนหัวเราะเยาะ เพราะสิ่งที่อยู่บนสองพานนั้นคือ….
“หัวสุนัข!!”
“ยังมีอีก”
องค์ชายเก้าเทบางสิ่งลงที่พื้น มันคือเลือดสดๆ เมื่อเขาเทลงบนพื้นพรมแดงที่ปูเพื่อฉลองงานมงคล หลินเนี่ยนเจินแทบจะยืนไม่อยู่ นี่คือของขวัญวันแต่งงานที่องค์ชายเก้าตั้งใจมอบให้นาง แทนสิ่งที่นางทรยศต่อความไว้ใจของเขาเพราะความต้องการอำนาจของตัวนางเอง
“มอบของขวัญเสร็จแล้ว ก็ควรไปเสียที”
“บังอาจนัก เจ้าดูหมิ่นข้าถึงเพียงนี้เจ้าคิดว่าข้าจะยอมให้เจ้าเดินออกไปง่ายๆ งั้นหรือ”
ดาบในมือองค์ชายเก้าถูกชักออกมาและพาดไปบนบ่าเจ้าบ่าวที่เดินเข้ามาหมายจะทำร้ายเขา สายตาของหมิงตงหยางช่างดุดันและน่ากลัวเกินกว่าคนในงานจะกล้าหายใจ
“องค์ชายหกอยากจะทำร้ายแขกที่มาอวยพรเช่นนั้นน่ะหรือ ท่านไม่กลัวว่าเจ้าสาวของท่านจะเป็นหม้ายตั้งแต่วันแต่งงานหรือไร”
“เจ้า…เจ้า…วะ…วางดาบลงก่อนน้องเก้า …ข้าเพียงแค่….”
“วันนี้ข้าไม่มีอารมณ์จะฆ่าคน นี่เป็นวันมงคล ขอให้พวกท่านมีความสุข ข้ายังต้องเดินทางไกล ขอลาล่ะ”
ดาบตวัดกลับเข้าฝักอย่างรวดเร็ว แสงดาบนั้นพาดสะท้อนเข้าตาหรงเว่ยอิงจนแสบตาไปชั่วขณะ นางรู้สึกว่าเขาช่างดุดันและน่านับถือยิ่งนัก เมื่อเขาเริ่มเดินออกไป ฟางเซียนเห็นว่าเว่ยอิงกำลังขยี้ตาอยู่และไม่ทันระวังตัว นางจึงเดินเข้าไปและจงใจใช้ไหล่ชนจนเว่ยอิ่งล้มลงไปถูกเลือดสุนัขที่เปื้อนพื้นต่อหน้าองค์ชายเก้า
“ว๊าย อัปมงคลยิ่งนัก นางล้มโดนเลือดสุนัขนั่นเข้าแล้ว!!”
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
ในสายตาของเขา เธอเป็นคนขี้โกหก ในสายตาของเธอ เขาเป็นคนไร้หัวใจ เดิมทีถังหว่านคิดว่าเธอคือคนพิเศษหลังจากอยู่กับเสิ่นติงหลานมาสองปี แต่สุดท้ายก็พบว่าตัวเองเป็นแค่ของเล่นที่สามารถทิ้งได้อย่างตามใจเมื่อไม่มีค่าอีกต่อไป จนกระทั่งถังหว่านเห็นว่าเสิ่นติงหลานพาคนรักของเขาไปตรวจครรภ์ เธอจึงยอมแพ้แล้ว เธอหยุดติดตามเขาอีก แต่จู่ๆ เขากลับไม่ยอมปล่อยเธอไป "ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ทำไมคุณไม่ปล่อยฉันไปล่ะ?" ชายผู้เคยหยิ่งยะโสขนาดนั้น ตอนนี้ก้มหัวลงและขอร้องว่า "หวานหว่าน ฉันผิดไปแล้ว โปรดอย่าทิ้งฉันไป"
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"
ตลอดระยะเวลาสามปีที่หยุยเอินแต่งงานกับฝู้ถิงหย่วน เธอพยายามทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด เธอคิดว่าความอ่อนโยนของตนจะสามารถละลายใจที่เย็นชาของฝู้ถิงหย่วนได้ แต่ต่อมาเธอก็รู้ตัวว่าไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ผู้ชายคนนี้ก็ไม่มีวันจะตกหลุมรักเธอได้ ด้วยความสิ้นหวังของเธอ สุดท้ายเธอตัดสินใจที่จะยุติการแต่งงานครั้งนี้ ในสายตาของฝู้ถิงหย่วน หยุยเอิน ภรรยาของเขาเป็นผู้หญิงที่โง่ ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าภรรยาของเขาจะกล้าโยนใบหย่าใส่เขาต่อหน้าคนมากมายในงานเลี้ยงวันครบรอบฝู้ซื่อ กรุ๊ป หลังจากหย่าร้าง ทุกคนต่างคิดว่าพวกเขาจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป แต่เรื่องราวระหว่างทั้งสองคงไม่ได้จบลงอย่างง่าย ๆ แบบนี้ หยุยเอินได้รับรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และคนที่เป็นผู้มอบถ้วยรางวัลให้กับเธอก็คือฝู้ถิงหย่วน หยุยเอินคิดไม่ถึงว่าผู้ชายที่สูงส่งและแสนเย็นชาคนนี้จะลดตัวลงอ้อนวอนเธอต่อหน้าผู้ชมทั้งหมด"หยุยเอิน ก่อนหน้านี้คือผมผิดเอง ขอโอกาสให้ผมอีกครั้งได้ไหม"หยุยเอินยิ้มด้วยความมั่นใจ"ขอโทษนะคุณฝู้ ตอนนี้ฉันสนใจแต่เรื่องงาน"ชายหนุ่มคว้ามือเธอไว้ ดวยตานั้นเต็มไปด้วยความผิดหวัง หยุยเอินสบัดมือเขาและเดินจากไปโดยปราศจากความลังเลใด ๆ
เฉียวลู่ นักแสดงแถวหน้าของจีนมีข่าวฉาวออกมาทำให้ทางต้นสังกัดของเธอสั่งให้เธองดออกสื่อชั่วคราว จึงเป็นโอกาสที่หาได้ยากสำหรับคนงานยุ่งตลอดทั้งปีของเธอที่จะได้พักผ่อน เฉียวลู่เดินทางกลับบ้านเกิดของเธอและการกลับไปครั้งนี้ทำให้ชีวิตของเฉียวลู่เปลี่ยนไปตลอดการ ฉีหมิงเยี่ยน อนุชาองค์เล็กของฮ่องเต้แห่งแคว้นฉี ถูกลอบปลงพระชนม์ระหว่างที่เดินทางมาทำหน้าที่เจรจาสงบศึกกับเเเคว้นเซียว เพราะได้รับบาดเจ็บสาหัสทำให้ชินอ๋องความจำเสื่อมและได้รับการช่วยเหลือจากพ่อลูกตระกูลเฉียว เซียวยิ่น ฮ่องเต้แคว้นเซียวมีพระสนมมากมายเเต่กลับไม่สามารถให้กำเนิดพระโอรสได้โหรหลวงได้ทำนายเอาไว้ว่า ในอนาคตองค์รัชทายาทที่แท้จริงจะกลับมาเซียวยิ่นจึงมีรับสั่งให้ทหารออกตามหาพระโอรสและอดีตฮองเฮาของตนอย่างลับๆ ฉินอี้เหยา ได้รับบาดเจ็บสาหัสร่างลอยตามแม่น้ำมาพร้อมกับเด็กทารกในอ้อมแขนเมื่อฟื้นขึ้นมานางจึงแสร้งจำเรื่องราวในอดีตไม่ได้ เพื่อให้นางและบุตรชายมีชีวิตรอดต่อไป