โปรย เขาหายไปจากชีวิตของเธอ และกลับมาอีกครั้งในวันที่เธอมีลูกน้อยให้เขา ตัวอย่างบางช่วงบางตอน “เวมีลูกแล้วเหรอ” สิบทิศเอ่ยถาม พลางรั้งแขนของหญิงสาวเอาไว้ เขามองเด็กน้อยแล้วหัวใจกระตุก เด็กคนนี้หน้าเหมือนใครสักคนที่เขาเห็นมาแต่เกิด สิบทิศไม่รอให้ตัวเองต้องสงสัยนาน เขาหันไปมองกระจกทางด้านหลังของห้างสรรพสินค้าก่อนที่จะตาโต เด็กคนนี้หน้าเหมือนเขาราวกับแกะ คงไม่หรอกมั้ง อย่าบอกนะว่า!!! “กรุณาปล่อยแขนของดิฉันด้วยค่ะ” ประโยคห่างเหินนั้นทำให้สิบทิศได้สติ รีบเอ่ยถามในสิ่งที่เขาอยากรู้ทันที “เด็กคนนี้ลูกของใครเว ตอบพี่มา” “ต้นกล้าเป็นลูกของเวค่ะ ลูกของเวคนเดียว ไม่ใช่ลูกของผู้ชายเห็นแก่ตัวที่ไหน” “พี่ไม่เชื่อ” สิบทิศพูดออกมาอย่างมั่นใจ
“อุ๊ย! ขอโทษค่ะ” เวทิตา สิริศักดิ์ หญิงสาววัยยี่สิบห้าอุทานพร้อมเอ่ยขอโทษเมื่อเดินชนเข้ากับชายหนุ่มคนหนึ่ง
“ไม่เป็นไรครับ” สิบทิศ เขมสิทธิ์ ชายหนุ่มวัยยี่สิบเก้ารีบเอ่ยออกมาว่าไม่เป็นอะไร แต่พอเงยหน้าขึ้นมอง เขาก็ต้องตกตะลึง
หญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าพร้อมเด็กน้อยที่ถูกมารดาประคองขึ้นจากพื้นด้วยใบหน้าเหยเกคือคนคุ้นเคยที่เขารู้จักเป็นอย่างดี
“เว เวจริง ๆ ด้วย” ท่าทีดีใจของผู้ชายตรงหน้าทำให้เวทิตาถอยหนี ก่อนจะพาลูกน้อยไปหลบอยู่ทางด้านหลัง
“คุณแม่ครับ ใครเหรอครับ รู้จักคุณแม่ด้วย” เด็กชายต้นกล้า เด็กน้อยวัยหกขวบเอ่ยถามมารดาด้วยความสงสัย ตามประสาเด็กฉลาดเฉลียว
“เขาคงจำคงผิดละจ้ะ เราไปกันเถอะจ้ะ”
“เวมีลูกแล้วเหรอ” สิบทิศเอ่ยถาม พลางรั้งแขนของหญิงสาวเอาไว้ เขามองเด็กน้อยแล้วหัวใจกระตุก เด็กคนนี้หน้าเหมือนใครสักคนที่เขาเห็นมาแต่เกิด
สิบทิศไม่รอให้ตัวเองต้องสงสัยนาน เขาหันไปมองกระจกทางด้านหลังของห้างสรรพสินค้าก่อนที่จะตาโต เด็กคนนี้หน้าเหมือนเขาราวกับแกะ
คงไม่หรอกมั้ง อย่าบอกนะว่า!!!
“กรุณาปล่อยแขนของดิฉันด้วยค่ะ” ประโยคห่างเหินนั้นทำให้สิบทิศได้สติ รีบเอ่ยถามในสิ่งที่เขาอยากรู้ทันที
“เด็กคนนี้ลูกของใครเว ตอบพี่มา”
“ต้นกล้าเป็นลูกของเวค่ะ ลูกของเวคนเดียว ไม่ใช่ลูกของผู้ชายเห็นแก่ตัวที่ไหน”
“พี่ไม่เชื่อ” สิบทิศพูดออกมาอย่างมั่นใจ
ในอดีตเขากับเวทิตาเป็นแฟนกัน เธอเป็นคนรักนวลสงวนตัว และที่เธอเผลอพลั้งมีอะไรกับเขาก็เพราะว่าวันนั้นเป็นวันฝนตก ติดฝนอยู่ด้วยกันนาน เปียกปอนทั้งคู่ ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นมันเลยเป็นไปอย่างไม่ทันตั้งตัว
เขายอมรับว่าในเวลานั้นยังเป็นแค่นักศึกษาเพิ่งจบใหม่ อยากทำงานรับผิดชอบตัวเองก่อน แม้จะยังไม่คิดเรื่องการมีครอบครัว แต่เขาก็รักเวทิตามาก คบกับเธอก็คบกับเธอเพียงคนเดียว ไม่เคยคบซ้อนหรือคบใครเผื่อเลือก เขาเป็นคนรักใครรักจริง และรักทีละคน นอกจากเลิกกันไปแล้ว ถึงจะเปิดใจคบคนใหม่
แต่ตอนนั้นเขาคิดว่าการที่ผู้หญิงกับผู้ชายมีอะไรกัน เขาก็คิดว่าเป็นเรื่องปกติของการเป็นแฟนกัน ใคร ๆ เขาก็มีอะไรกันทั้งนั้น แต่จะอยู่ด้วยกันรอดหรือไม่รอดมันอยู่ที่นิสัยใจคอมากกว่า เขาจึงเน้นความรู้สึก ความสัมพันธ์ และความรักมาประกอบกัน มากกว่าความรักเพียงอย่างเดียว รักอย่างเดียวหากนิสัยเข้ากันไม่ได้ ก็อยู่ด้วยกันไม่รอด
“ไม่เชื่อก็เรื่องของคุณสิ กรุณาปล่อยฉันเดี๋ยวนี้” เธอดึงมือออกจากการเกาะกุม แต่เขาไม่ยอมปล่อย
“ปล่อยแม่ของผมเดี๋ยวนี้นะ”
“ดุเสียด้วย ชื่อต้นกล้าเหรอเรา” สิบทิศนั่งลงตรงหน้าของเด็กน้อย ต้นกล้าแยกเขี้ยวใส่คนตรงหน้าทันที
“ชื่ออะไรแล้วเกี่ยวอะไรกับลุงด้วย”
“เรียกพี่ให้พันห้า เรียกลุงให้ยี่สิบ โอ๊ย!” สิบทิศร้องเสียงหลงเมื่อเจ้าตัวน้อยกัดเข้าที่แขนของเขา ก่อนที่จะพาคนเป็นแม่วิ่งหนีไป
“แสบนักนะ” สิบทิศมองตามร่างของคนทั้งสองไปไม่วางตา เขาเป็นคนที่อยากรู้อะไรจะต้องรู้ให้ได้
ย้อนไปก่อนหน้าที่เขาจะไปใช้ชีวิตอยู่ที่กรุงเทพฯ เขาเพิ่งเป็นนักศึกษาจบใหม่ในระดับปริญญาตรี ตอนนั้นเขาคบหากับเวทิตา นักศึกษา ปวช. ปีสุดท้าย เธอเรียนสายอาชีพ และทางบ้านค่อนข้างยากจน เขาจีบเธอหลายเดือนกว่าจะได้เป็นแฟนกัน เธอเป็นคนขยันเรียนมาก ๆ พ่อแม่เสียหมดแล้วอาศัยอยู่กับยายแค่สองคน
เวทิตาในอดีตนั้นทำงานส่งเสียตัวเองเรียน เธอทำงานที่ร้านสะดวกซื้อ ขายขนมที่คุณยายของเธอทำไปด้วย เขาเองยังอุดหนุนขนมของเธอบ่อย ๆ ซื้อไปฝากบิดามารดา มารดาของเขายังชมว่าขนมอร่อย
จุดเปลี่ยนของชีวิตก็ตอนที่บิดามารดาของเขาเสียชีวิตทั้งคู่ คุณยายจึงอยากให้เขาไปอยู่ด้วยกันที่กรุงเทพฯ ดูแลกิจการของท่าน เพราะท่านไม่มีลูกหลานคนไหนอีกนอกจากเขา อีกทั้งอาการป่วยของท่านก็ทำให้เขาต้องไปดูแล เพราะเขาผูกพันกับยายมาตั้งแต่เกิด ท่านเลี้ยงเขามาแต่อ้อนแต่ออก เขาโตจนเรียนมัธยมถึงได้ย้ายมาอยู่กับบิดามารดาทางเหนือ
วันก่อนเดินทาง เขาได้ฝากฝังพลอยเพชรเพื่อนของเวทิตามาบอกหล่อนว่าเขาจะเดินทาง เขารอเธออยู่นานจนเครื่องจะออก คุณยายก็รบเร้าให้ขึ้นเครื่อง เขากับเธอจึงไม่ได้เจอกัน
ในสมัยนั้นแม้จะมีโทรศัพท์ใช้กันแล้ว แต่เวทิตาก็ไม่มีโทรศัพท์ใช้ ทางบ้านของเธอยากจนมาก เธอเรียนไปทำงานไป ปากกัดตีนถีบ เขาเคยคิดจะซื้อโทรศัพท์ให้เธอ โดยการพาไปยังร้านโทรศัพท์ ให้เธอเลือกเอาตามที่ชอบ แต่เธอกลับปฏิเสธไม่ยอมรับท่าเดียว เขาเลยต้องยอมแพ้
ความคิดของสิบทิศหยุดชะงักลงเมื่อเขาเดินเหม่อออกมายังลานจอดรถ ก่อนที่ชายหนุ่มจะถอนใจเฮือกใหญ่
“หนีสำเร็จแล้วครับคุณแม่” เด็กน้อยเอ่ยขึ้น
เวทิตาหนีจากผู้ชายใจร้ายมาได้ เธอก็เอาแต่ร้องไห้ อยู่ในรถเก๋งกลางเก่ากลางใหม่ของตัวเอง
“คุณแม่เป็นอะไรครับ” เด็กชายต้นกล้าเอ่ยถาม พลางลูบหลังลูบไหล่มารดาเบา ๆ คล้ายจะปลอบโยน
“เปล่าจ้ะ ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ” เธอหันไปมองเลือดเนื้อเชื้อไขของตนเองและผู้ชายใจร้าย ก่อนเขาฟันเธอแล้วทิ้ง เขาได้ทิ้งสิ่งที่มีค่าที่สุดเอาไว้ให้เธอ นั่นก็คือลูกที่กำลังก่อกำเนิดในครรภ์ของเธอ
ในวันนั้นยายของเธอป่วยหนัก เธอต้องเฝ้ายายอยู่ที่โรงพยาบาล เธอฝากข่าวเรื่องที่ยายของเธอป่วยหนักผ่านการันต์ เพื่อนของเขาไปบอก แต่เขากลับเดินทางไปกรุงเทพฯ โดยไม่ร่ำลา คำรักปลอม ๆ ที่เขามอบให้ มันทำให้เธอเจ็บปวดเจียนตาย
ยายของเธอสุขภาพไม่แข็งแรง พอออกจากโรงพยาบาลได้ไม่ทันไร ท่านก็จากไปในเวลาอันรวดเร็ว การจากไปของยายทำให้เธอร้องไห้เสียใจอยู่นาน ในขณะที่ตัวเองตั้งท้อง ถูกชาวบ้านนินทาว่าท้องไม่มีพ่อ กว่าจะผ่านจุดนั้นมาได้ ลำบากจนเลือดตาแทบกระเด็น
บ้านไม้หลังเก่า ๆ ซอมซ่อกับการอุ้มท้องลูกคนเดียวและคำดูถูกนินทา เรียนหนังสือก็จบแค่ ปวช. เธอต้องใช้ชีวิตปากกัดตีนถีบ ดีว่าลูกในท้องเป็นเด็กดี ไม่ทำให้เธอแพ้ท้องมาก จนไม่สามารถทำอะไรได้
เธอออกมาทำขนมส่งขายจนเกือบใกล้คลอด หยิบยืมเงินญาติ ๆ จนเขาระอา
พอคลอดออกมาก็ยิ่งลำบาก ด้วยความที่เธอไม่เคยเลี้ยงลูกมาก่อน ดีหน่อยว่าให้ลูกกินนมตัวเอง ตอนนั้นเธอทำขนมส่งขายแต่ไม่มีใครซื้อ ผู้หญิงที่มีลูกอ่อน มักทำของกินและขนมขายได้ยาก คนไม่นิยมซื้อกินเพราะคิดว่าไม่สะอาด
เธอจึงต้องกัดฟันเลี้ยงลูกมาแบบอดมื้อกินมื้อ เพราะมีลูกน้อยจะไปทำงานทำการอะไรไม่ได้ จะกระเตงลูกไปด้วยก็ลำบาก
แต่คนเราชีวิตไม่สิ้นก็ต้องดิ้นกันไป ในคืนนั้นเธอฝันว่ายายมาหา ยายกระซิบบอกว่าบ้านเลขที่ของเราดีนะ
เธอแอบชอบเขาเพราะเขาคือพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยเธอเอาไว้ เธอจึงสารภาพรักกับเขาเมื่อเรียนจบและได้เข้าทำงานในบริษัทของเขา แต่เขากลับให้เธอเขียนใบลาออก เธอจึงหนีหายไปจากชีวิตของเขา ได้เจอกันอีกครั้งความจริงก็ถูกเปิดเผย!
เขาเป็นคุณอาของเพื่อน เย็นชา หน้านิ่ง แถมยังดุอีกด้วย ในค่ำคืนหนึ่งที่โดนเพื่อนชายวางยา เขากลับช่วยเธอเอาไว้ แล้วกลายเป็นคุณอาหนุ่มคลั่งรักที่ทำเอาเธอกลายเป็นนางฟ้าตัวน้อย ๆ ในอ้อมแขนแข็งแกร่งอบอุ่นอ่อนโยนของเขา
เธอพลาดท่าเสียทีเขาในค่ำคืนหนึ่ง เขาออกตามหาเธอจนแทบพลิกแผ่นดิน จู่ ๆ ก็มีหญิงสาวคนหนึ่งอุ้มลูกน้อยมาบอกเขาว่า เขาคือพ่อของลูก แล้วจากไป เขาได้เจอผู้หญิงอีกคน กลับตกหลุมรักเธอในทันที และความลับมากมายที่ถูกเก็บซ่อนก็เปิดเผยออกมาให้เขาได้รับรู้
เธอต้องหมั้นหมายกับหลานชายของเขา แต่เพราะประสบอุบัติเหตุทำให้เกิดผลข้างเคียงกลายเป็นผู้หญิงอ้วนสุดแสนอัปลักษณ์ หลานชายของเขาจึงขอถอนหมั้น แต่เธอไม่คิดว่าเขาผู้มีศักดิ์เป็นอาจะเป็นคนหมั้นหมายกับเธอแทน คุณอาหนุ่ม เพื่อนรุ่นน้องของบิดามารดาที่เธอแอบชอบมานานหลายปีแล้ว ในที่สุดจะได้เป็นสามีของเธอจริงๆ
พิมพ์ลภัสโดนมารดาเลี้ยงกับน้องสาวใจร้ายโยนออกจากบ้านท่ามกลางสายฝน และโพทะนาไปว่าเธอหนีตามผู้ชายไป เพื่อทำลายชื่อเสียงของเธอ กลับมาอีกครั้ง พิมพ์ลภัสจึงเปลี่ยนจากบทนางเอกกลายเป็นนางร้ายเอาคืนคนที่ทำเอาไว้กับเธออย่างสาสม!
หวังจื่อหลินอ่านนิยายจบด้วยความโมโหที่นางเอกในนิยายโดนทำร้ายจนตาย เธอเดินข้ามถนนไม่ทันระวังจึงโดนรถชน หลิวเหวินจงเพื่อนชายคนสนิทที่แอบรักเธอจึงเข้ามาช่วยเอาไว้ แต่ทั้งสองก็โดนรถชนอยู่ดี สองหนุ่มสาวกลายเป็นเจ้าชายและเจ้าหญิงนิทรานอนหลับไม่ฟื้น แต่ขณะเดียวกันก็ทะลุมิติเข้าไปอยู่ในนิยายเล่มที่ตัวเองอ่าน และเข้าไปแก้ไขสถานการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นให้แปรเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น
นุชพินตา ควรเป็นเจ้าสาวที่น่าอิจฉาที่สุดที่ได้แต่งงานกับ ปุลวัชร เจ้าบ่าวที่ทั้งหล่อ รวย เนื้อหอม เป็นเจ้าชายในฝันของสาวๆ ทั้งเมือง แต่ใครจะรู้ว่าเจ้าบ่าวในฝันนั้น...ทั้งไร้หัวใจ และไม่ได้รักเธอสักนิด! การแต่งงานที่ไร้รัก อยู่กันไปก็มีแต่เจ็บปวดเท่านั้น แต่จะทำยังไงได้ ในเมื่อเธอไม่อาจปฏิเสธ แม้จะต้องถูกเขาทำร้ายหัวใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า จะทำอย่างไรหากใจที่ไม่คิดปรารถนารักกลับอยากได้ความรักจากเขา ------------------------------ “เธอเคยนอนกับผู้ชายหรือเปล่า” เขาถามออกมาจากปากร้าย ตอนที่เธอได้ยินถึงกับสะอึก ไม่คิดว่าเขาจะถามตรง ๆ และในนาทีต่อมา นุชพินตาก็รู้สึกโกรธมาก หญิงสาวโต้เขากลับ “ทำไมผู้ชายดี ๆ การศึกษาดี ๆ ถึงได้พูดจาแบบนี้คะ มาพูดดูถูกกัน เมื่อกี้ก็หาว่าพวกเราขายตัว และตอนนี้ยังมากล่าวหาฉันอีกว่าฉันสำส่อน คุณถามคำถามแบบนี้กับผู้หญิงทุกคน ที่คุณเคยนอนด้วยหรือยังไงคะ” ความเจ็บปวดระบายออกมาทางสายตา เขาเป็นบ้าอะไรกันนี่ คำพูดแบบนี้มาจากสันดานข้างในหรือเพราะว่าเขาเมา “แล้วเธอเคยมีอะไรกับผู้ชายหรือเปล่าล่ะ” เขาย้ำอีกครั้ง จ้องสบตาด้วยนัยน์ตาแดงก่ำ “ปากร้าย ประโยคนี้คุณไม่ควรถามออกมาด้วยซ้ำไป” จากที่เรียกเขาว่าพี่ปุ่น ชักขุ่นและมีอารมณ์โมโหขึ้นมาเปลี่ยนสรรพนามที่คนฟังก็รู้ว่าห่างเหิน “ผู้หญิงที่ดี ๆ ที่ไหน จะตอบตกลงแต่งงานกันชายแปลกหน้าอย่างรวดเร็วโดยไม่คิด เวลาเพียงแค่หนึ่งเดือนเท่านั้น” “แล้วมันยังไงคะ” นุชพินตาก็ไม่ยอมเหมือนกัน “เธออาจจะเป็นมือสองก็ได้” ‘เมื่อคืนเขาไปนอนที่ไหน แล้วไปนอนกับใคร’ ‘อ้อ… ก็คงจะเป็นผู้หญิงคนนั้นสินะ’ ดวงตาเศร้าลง เธอลุกขึ้นไปเปิดม่านหน้าต่าง และมองออกไปยังท้องทะเล แสงอาทิตย์กระทบกับระลอกคลื่นที่ไล่เรียงกันกระทบเข้าฝั่ง นุชพินตาถึงกับถอนหายใจดังเฮือก ‘ฉันมาทำอะไรอยู่ตรงนี้ มาให้เขาย่ำยีเล่นใช่หรือไม่’ เฝ้าถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมา ‘ยะหยาอย่าเสียใจไปเลยนะ เธอต้องทำตัวเองให้เข้มแข็ง แข็งแรงเถอะ ในเมื่อเธอก็ไม่ได้รักเขาเหมือนกัน’ คำพูดปลอบโยนตัวเอง ‘ใช่… ฉันไม่ได้รักเขา และจะเกลียดเขาให้มากกว่านี้’ เธอตอกย้ำคำนี้เข้าไปในหัวใจของตัวเองด้วยความมุ่งมั่นและสายตาที่แน่วแน่ แม้จะรู้สึกเจ็บแน่นในหัวอก ------------------------------ “ฉันจะหย่ากับเธอ” เขาเอ่ยอย่างใจดำ หญิงสาวถึงกับใจหล่นวูบ เธอเม้มขบริมฝีปาก กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่แล้ว นุชพินตาพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว “นางผู้หญิงไร้ยางอาย แพศยาฉันเกลียดผู้หญิงหลายใจ ฉันเกลียดผู้หญิงที่นอกใจ ไปให้พ้นจากบ้านของฉัน ไปให้พ้นจากหน้าฉัน พรุ่งนี้จะให้ทนายทำใบหย่า” “พี่ปุ่นคะ” เธอยกมือขึ้นมาไหว้เขาปลก ๆ “เราสองคนเพิ่งแต่งงานกันเองนะคะ ยะหยาไม่อยากให้คุณลุงและคุณย่าเสียใจ” “แต่สิ่งที่เธอทำล่ะ มันน่าอาย แล้วเธอไม่ละอายบ้างเหรอ หน้าด้าน” เขามีอาการเสียใจ และหัวเสีย นุชพินตาเอง เธอไม่คิดว่าปุลวัชรจะปากร้ายด่าทอเธอได้ถึงเพียงนี้ “ฉันจะหย่ากับเธอแน่นอน เตรียมปากกาไว้เซ็นใบหย่าในวันพรุ่งนี้ก็แล้วกัน” พูดจบ เขาเดินเข้าไปใช้มือปัดแจกันที่อยู่ใกล้ และชกบานกระจกที่ใช้ตกแต่งอยู่ในห้องโถงด้วย จนกระจกแตกละเอียดทั้งบาน มือของปุลวัชรมีเลือดไหลซึม เขาจะเดินเข้าห้องทำงานและปิดประตูตามหลังดังโครม นุชพินตาตกใจ และหวาดกลัวกับสิ่งที่เธอได้เห็น ความดีใจที่สามีจะกลับมา เธอจะบอกข่าวดีเขา และกินข้าวด้วยกัน ได้มลายหายไปสิ้น มีเพียงความเศร้าเข้ามาทับถมอยู่ในจิตใจของนุชพินตา แล้วหญิงสาวยกมือขึ้นมาปิดหน้าปิดตาปล่อยโฮ
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
“ผู้หญิงคนนี้เป็นของมาร์โก ใครก็ห้ามมายุ่งอีกเด็ดขาด” เขาประกาศให้รับรู้ทั่วกัน แต่ถามว่าผู้หญิงของเขาตอนนี้มีสีหน้ายังไง ถามได้! เธอยังช็อกไม่หายปล่อยให้เขาจับจูงเข้าไปในห้องจนเหตุการณ์สงบแล้วเธอก็ยังไม่รู้ตัวเหมือนเดิม! พระเจ้านี่มันเรื่องบ้าอะไร! เธอกลายเป็นผู้หญิงของมาเฟียได้ยังไง เรื่องชักจะวุ่นวายเกินไปแล้ว เธอตามไม่ทันจริง... ตั้งสติไว้ยัยแอน เธอต้องตั้งสติ ตั้งสติบ้าอะไร เขาก็ประกาศอยู่ว่าเธอเป็นของเขา ไม่ ๆ ไม่ใช่ พวกเราแค่นอนด้วยกันคืนเดียว ยังไงก็แค่เรื่องเข้าใจผิด ยังไงเขาก็คงคิดจะขู่เล่น ๆ โธ่เอ้ยยัยโง่ เขาประกาศขนาดนั้น ลองไปสิเธอได้ถูกผูกติดกับเตียงแน่ ชาตินี้อย่าหวังจะไปไหนได้เลย เธอลืมไปแล้วหรือไงว่าคนนั้นคือมาเฟียมาร์โก มาเฟียที่มีอิทธิพลสุดในเมืองนี้! เธอจะบ้าตายเพราะเถียงกับตัวเองนี่แหละ แถมยังต้องมานั่งเสียใจที่มาเจอคนที่น่ากลัวที่สุดในเมือง พระเจ้าแกล้งเธอเกินไปแล้ว แบบนี้เธอจะทำยังไงดี!!
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
ตลอดระยะเวลาสามปีของการแต่งงาน เธอรู้สึกสิ้นหวัง ที่ถูกบังคับให้เซ็นใบหย่า ทั้งๆที่เธอกำลังท้อง เธอใจสลายกับความไร้มนุษยธรรมของเขา กระทั่งเธอออกไปจากชีวิตของเขา เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเธอคือรักแท้ของเขา ไม่มีวิธีใดที่จะเยียวยาหัวใจที่บอบช้ำของเธอให้หายขาดได้ เขาจึงมอบความรักทั้งหมดของเขาให้แก่เธอเพื่อชดเชย
หลิวชิวเยว่จบชีวิตจากชาติภพปัจจุบัน เมื่อฟื้นขึ้นมาก็อยู่ในร่างของหญิงอ้วน ชื่อเดียวกับตัวเอง อีกทั้งตัวเธออยู่ในเกี้ยวเจ้าสาวกำลังจะไปแต่งงานกับแม่ทัพเสิ่นมู่ฉือ แม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นชิงเป่ย จากซีอีโอสาวแสนสวย ผู้ทระนงตนว่า ฉันสวย รวยและเริ่ดในปฐพี ต้องกลายมาเป็นหญิงอ้วน น้ำหนักร่วมสองร้อยจิน (100กิโลกรัม) แถมด้วยฉายา สตรีกาลกิณี ! แล้วข่าวลือที่ว่าแม่ทัพหนุ่มสามีของเธอ เป็นพวกชอบตัดแขนเสื้อ (ชอบผู้ชาย) นั้นเป็นจริงหรือไม่...จำต้องพิสูจน์ให้กระจ่าง! ทว่า... ยามจันทร์เต็มดวง หลิวชิวเยว่กลับค้นพบความลับของสามี เมื่อเขากลายร่างเป็น หมีแพนด้า ! หลิวชิวเยว่จะใช้ชีวิตในยุคจีนโบราณอย่างไรให้แฮปปี้ เมื่อต้องมีสามีเป็น หมีแพนด้าผู้คลั่งรัก !