เสียงไซเรนกู้ภัยดังแทรกในความเงียบของค่ำคืน บนถนนสายหลักที่มีเพียงแสงไฟจากเสาไฟฟ้าส่องสว่าง รถยนต์หรูคันหนึ่งพุ่งชนเข้ากับเสาไฟจนฝากระโปรงด้านหน้าพังยับเยิน ควันสีขาวลอยคลุ้งออกมาจากห้องเครื่อง กลิ่นน้ำมันและโลหะไหม้ตลบอบอวลไปทั่วบริเวณ
พิมพ์ลดารีบวิ่งตรงเข้าไปยังจุดเกิดเหตุในทันทีที่ได้รับแจ้งเหตุ เธอสวมชุดอาสากู้ภัยพร้อมอุปกรณ์ครบมือ ดวงตาแน่วแน่ ไม่มีแววลังเลแม้แต่น้อย
“มีคนติดอยู่ข้างใน!” เสียงของเจ้าหน้าที่อีกคนตะโกนบอก เธอไม่รอช้า รีบพุ่งตัวเข้าไปยังประตูฝั่งคนขับที่บิดเบี้ยวจากแรงกระแทก
ภายในรถ ชายหนุ่มในชุดสูทเปื้อนของเหลวสีแดงพิงพนักเบาะ รชตะพยายามจะขยับตัวแต่ร่างกายกลับอ่อนแรงจนแทบยกแขนไม่ไหว ดวงตาคมมองผ่านกระจกรถที่ร้าวเป็นใยแมงมุม เขาเห็นเงาร่างหญิงสาวคนหนึ่งกำลังพยายามงัดประตูเพื่อเข้ามาช่วย
“คุณ! ได้ยินฉันไหมคะ” เสียงของพิมพ์ลดาดังขึ้นชัดเจนแม้จะมีเสียงรอบข้างวุ่นวาย เธอก้มลงมองผ่านช่องกระจกแตก เมื่อเห็นว่าเขายังลืมตาอยู่ก็รีบพูดปลอบให้กำลังใจ
“คุณอย่าเพิ่งหลับนะคะ เข้มแข็งเอาไว้ เดี๋ยวเราจะช่วยคุณออกไป”
รชตะจ้องใบหน้าหญิงสาวตรงหน้า แสงไฟกู้ภัยสะท้อนดวงตาห่วงใยของเธออย่างชัดเจน ภาพนั้นประทับแน่นในความทรงจำของเขา ทั้งน้ำเสียงที่มั่นคงและแววตาที่ไม่ยอมแพ้ ทำให้เขารู้สึกอุ่นใจขึ้นมาอย่างประหลาด
หลังจากงัดประตูเปิดออก พิมพ์ลดารีบคลายเข็มขัดนิรภัยและประคองร่างชายหนุ่มออกมาอย่างระมัดระวัง เจ้าหน้าที่อีกสองคนเข้ามาช่วยพยุงร่างของเขาไปยังรถพยาบาล เสียงคนรอบข้างตะโกนประสานงานกันไม่ขาดสาย
ก่อนที่สติของเขาจะดับวูบลง รชตะยังจำได้ว่าได้ยินเสียงหญิงสาวพูดอีกครั้งอยู่ข้างหู
“คุณปลอดภัยแล้วนะคะ” เขาเผลอยิ้มบาง ๆ ในใจพลางนึกขอบคุณคนที่ช่วยชีวิตเอาไว้ แล้วความมืดก็ค่อย ๆ กลืนกินสติของเขาไปอย่างช้า ๆ
หลังจากพักรักษาตัวในโรงพยาบาลอยู่นานเกือบหนึ่งเดือน รชตะจึงออกจากโรงพยาบาล แม้ร่างกายจะยังไม่แข็งแรงเต็มร้อย แต่ความคิดถึงอิสรภาพและความคุ้นชินในโลกของธุรกิจทำให้เขาไม่อยากอยู่นิ่งอีกต่อไป
ค่ำคืนนั้น ชายหนุ่มตัดสินใจแวะไปยังผับหรูที่เป็นหนึ่งในธุรกิจของครอบครัว เขาไม่ได้บอกใครล่วงหน้า ต้องการเพียงแค่แวะมาดูบรรยากาศและพักผ่อนเล็กน้อยเท่านั้น
เสียงเพลงจังหวะเร้าใจดังก้องไปทั่วบริเวณ ไฟสีสันต่าง ๆ วูบวาบสลับกัน พนักงานเดินขวักไขว่ เสิร์ฟเครื่องดื่มให้กับลูกค้าที่แน่นขนัด รชตะเดินเข้าไปอย่างสงบ
ระหว่างที่เขากำลังจะนั่งลง พิมพ์ลดาเดินถือถาดเครื่องดื่มสวนมาอย่างไม่ทันระวัง ดวงตาของทั้งคู่สบกันทันที หญิงสาวเบิกตากว้างเล็กน้อยเมื่อจำใบหน้าของชายหนุ่มตรงหน้าได้ คนที่เธอเคยช่วยชีวิตไว้ในคืนนั้น
เธอไม่ได้มีโอกาสพูดอะไร เพราะต้องรีบไปเสิร์ฟโต๊ะอื่นต่อ ความจริงแล้วพิมพ์ลดาทำงานประจำที่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่งในตอนกลางวัน ส่วนตอนกลางคืนก็ต้องมาทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟที่ผับแห่งนี้ เพื่อหารายได้เสริมช่วยแม่ส่งเสียน้องสาวและน้องชายอีกสามคนเรียนต่อ
ไม่นานหลังจากนั้น รชตะเริ่มรู้สึกแปลก ๆ ในร่างกาย มึนศีรษะ ใจเต้นแรงผิดปกติ ลมหายใจติดขัด เขาพอจะรู้ตัวว่าตัวเองถูกวางยาอะไรบางอย่างในเครื่องดื่ม เพราะร่างกายที่เคยแข็งแรงกลับอ่อนแรงรวดเร็วอย่างผิดปกติ
สายตาคมเหลือบไปเห็นพิมพ์ลดาอีกครั้ง เธอกำลังเดินผ่าน เขาจึงเรียกเธอเบา ๆ
“คุณช่วยผมหน่อย”
หญิงสาวหันกลับมาอย่างตกใจ เมื่อเห็นสีหน้าซีดเซียวของชายหนุ่มก็รีบเข้ามาพยุง
“คุณเป็นอะไรคะ”
“พาผม…ขึ้นห้องข้างบนหน่อย ผับนี้ของผม” เสียงของเขาแผ่วเบาแต่หนักแน่น
หญิงสาวรีบประคองร่างของรชตะขึ้นไปยังห้องพักด้านบน ซึ่งเป็นห้องส่วนตัวของเขาเอง
เมื่อมาถึงห้อง รชตะอ่อนแรงจนแทบยืนไม่ไหว เธอรีบพยุงเขามานั่งบนเตียง พยายามจะช่วยหาน้ำให้ดื่มและโทร.เรียกรถพยาบาล แต่เขาจับมือเธอไว้แน่น
“ไม่ต้อง ผมแค่ขอให้คุณอยู่ตรงนี้”
บรรยากาศในห้องเงียบสงัด มีเพียงเสียงหัวใจที่เต้นแรงของทั้งคู่ ความใกล้ชิดในระยะประชิดทำให้หญิงสาวรู้สึกประหม่าจนเผลอหลบสายตา ความอบอุ่นจากร่างกายของเขาและความมึนเมาที่กำลังครอบงำค่อย ๆ ดึงทั้งสองเข้าใกล้กันโดยไม่ทันรู้ตัว
เขากดเธอไปบนเตียงกว้างหนานุ่ม สัมผัสของเขาจู่โจมและกอดรัดแนบแน่น ไม่ให้เธอได้หนี
และในคืนนั้นเอง ความสัมพันธ์อันลึกซึ้งระหว่างคนทั้งสองก็เกิดขึ้น
เช้าวันถัดมา แสงแดดยามสายลอดผ่านผ้าม่านเข้ามาในห้องพักส่วนตัว กลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ จากผ้าปูที่นอนลอยติดจมูก รชตะลืมตาขึ้นช้า ๆ สมองยังมึนงงเล็กน้อยจากฤทธิ์ยาเมื่อคืน แต่ร่างกายกลับรู้สึกโล่งและสบายตัวกว่าที่คิด
ชายหนุ่มขยับตัว ลุกขึ้นนั่งบนเตียงอย่างเชื่องช้า ก่อนจะกวาดตามองไปรอบห้องตามนิสัย แต่สิ่งที่เขาสังเกตได้ทันทีคือเธอไม่อยู่แล้ว พิมพ์ลดาคือผู้หญิงที่ช่วยชีวิตเขาเอาไว้ถึงสองครั้งในเวลาห่างกันไม่กี่เดือน เธอได้หายออกไปจากห้องอย่างเงียบเชียบ ทิ้งร่องรอยที่ได้อยู่ร่วมกันของค่ำคืนที่ผ่านมา
ดวงตาคมหรี่ลงเล็กน้อย ความรู้สึกประหลาดแผ่ซ่านในอก เขาจำได้แม่นว่าผู้หญิงคนนั้นคืออาสากู้ภัยที่ช่วยเขาออกมาจากรถในคืนอุบัติเหตุ และเมื่อคืนเธอก็เป็นคนที่ช่วยเขาเอาไว้ในวินาทีที่ร่างกายถูกวางยา
“คุณรัชต์ ตื่นแล้วเหรอครับ” เสียงลูกน้องคนสนิทดังขึ้นจากหน้าประตูห้อง ก่อนจะเดินเข้ามาภายใน
รชตะสวมเสื้อเชิ้ตที่พาดอยู่บนเก้าอี้แล้วหันไปพูดเรียบ ๆ
“ไปเรียกผู้จัดการมาพบที่นี่หน่อย”
“ครับ” ไม่นานนัก ผู้จัดการซึ่งเป็นคนเก่าแก่ของผับก็รีบเดินเข้ามาในห้อง สีหน้ามีความเคารพปนเกรงใจ
“คุณรัชต์ มีอะไรให้ผมรับใช้ครับ”
ชายหนุ่มนั่งพิงพนักเตียง กอดอกมองตรงไปด้วยสายตานิ่งขรึม
“เมื่อคืน คนที่พาผมขึ้นมาบนห้อง ชื่ออะไร”
ผู้จัดการชะงักไปเล็กน้อย ก่อนพยักหน้าเข้าใจทันทีว่าเขาหมายถึงใคร
“อ๋อ…ลดาน่ะเหรอครับ พิมพ์ลดาเป็นพนักงานพาร์ทไทม์ครับ ทำงานดี ขยัน อัธยาศัยดีกับทุกคนครับ กลางวันเธอทำงานประจำที่บริษัท ส่วนกลางคืนมาช่วยเสิร์ฟที่นี่เพื่อหารายได้ส่งน้อง ๆ เรียนครับ”
รชตะนิ่งฟัง พลางนึกย้อนถึงแววตาแน่วแน่ในคืนที่เธองัดประตูรถช่วยเขา กับสายตาอบอุ่นเมื่อคืนที่ประคองเขาไว้ไม่ให้ล้ม ทั้งสองเหตุการณ์ชัดเจนเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน