รักลับ... ซ่อนปมฆาตกรรม "ยา" สายลับหนุ่มรูปงาม ต้องเข้าไปพัวพันกับ "จรัญ" ผู้พิพากษาผู้เย็นชา ในคดีฆาตกรรมอันซับซ้อน ภารกิจพิชิตใจและสืบหาความจริงจึงเริ่มต้นขึ้น ท่ามกลางความลับที่ซ่อนอยู่ เกมพลิกล็อก ความรัก และความลับ จะนำพาพวกเขาไปพบกับอะไร? หัวใจของ "ยา" และ "จรัญ" จะพลิกผันแค่ไหน? ติดตามเรื่องราวสุดฟิน ชวนให้ลุ้นระทึก พร้อมลุ้นว่า "ยา" จะสืบคดีและพิชิตใจ "จรัญ" ได้หรือไม่?
ในโลกของสายลับ การสืบคดีและรวบคนร้ายให้อยู่หมัด ถือเป็นงานที่มีเกียรติและน่าภาคภูมิใจ ครอบครัว ลูก เมีย และความรัก เป็นสิ่งที่ควรอยู่ให้ห่างไกลที่สุด ซึ่งถ้าให้เลือกระหว่างตายในหน้าที่กับออกเรือนแต่งงาน…
“ผมยอมตายซะเลยจะดีกว่า!”
ในยุคเทคโนโลยี โลกที่ตำรวจ สายลับ หรือแม้แต่โจร ติดต่อและล้วงข้อมูลของกันและกันได้ภายในเสี้ยววินาที โลกที่เสรีทั้งเรื่องเพศ ภาษา และ สังคม
โอ๊ย! ใครจะไปคิดว่า ผมจะถูกจับคลุมถุงชนแบบนี้! โน…โน…โนว!
อาคารที่ตกทอดมารุ่นสู่รุ่นที่แม้ไม่ได้โอ่อ่าอลังการ แต่ก็เป็นที่กล่าวขานและรู้กันดีว่าที่นี่คือ ‘บ้านหม่อมทินกร ตระกูลเก่าผู้ดีภาคใต้’
บ้านแฝดสองชั้นตั้งคู่ขนานขั้นกลางด้วยตัวตึกที่ก่อสร้างมานานเป็นร้อยปี อยู่กันมาตั้งแต่รุ่นพ่อของพ่อ ตัวบ้านตกแต่งด้วยสีและเฟอร์นิเจอร์เน้นโทนขาว ให้ความรู้สึกทั้งสะอาดและสบายตา หลังบ้านเป็นแปลงผักและสวนดอกที่ได้รับการตัดแต่งเป็นประจำอย่างดีจากเจ้าของบ้าน
แต่ถ้าวัดสีตามภาพในใจของคนที่นั่งกินข้าวอยู่ตอนนี้บอกเลยว่าบ้านหลังนี้สีเทาล้วน แถมเป็นเทาเข้มเสียด้วย
“ลูกชายคนเดียวของหม่อมทินกร นายแบบผู้แสนน่ารัก เรียบร้อย เพอร์เฟค"
"..."
"ช่างเหมาะสมกับท่านผู้พิพากษาจรัญ ราวกับ'กิ่งทองใบหยก' สมแล้วที่ไอ้เจตมันเลี้ยงลูกมันเองกับมือ ได้ดีเป็นผู้พิพากษาเหมือนมันไม่มีผิด ฮ่าๆ เพื่อนพ่อเท่เหมือนพ่อเลยใช่ไหมลูก ฮ่าๆ”
ชายวัยเกษียณผู้มีความสามารถในการชื่นชมคนอื่นมากมว่าลูกในไส้ ในชุดเสื้อโปโลสบายๆจับไหล่ลูกชายในชุดสูทสีขาวที่กำลังนั่งกินข้าวอยู่ที่โต๊ะรับประทานอาหารของบ้านเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่สามารถเรียกได้ว่า กล่อมประสาท
ไม่รู้ว่าชาติไหนพ่อผมจะเลิกยัดคำว่ากิ่งทองใบหยกมานิยามผมกับตานั่นสักที บางทีถ้าพ่อรู้ว่าตานั่นน่าหงุดหงิดขนาดไหน พ่ออาจจะใช้คำว่า ผีเน่ากับโลงผุแทนก็ได้ ไม่สิ ถ้าตานั่นเป็นผี ผมจะเป็นหมอผี ถ้าตานั่นเป็นโรงไม้ ผมขอเป็นศาลาวัดดีกว่า
คุณหนูตุ๊กตาบาร์บี้ ผมดำ ตัวเล็กๆ ดวงตาสีน้ำตาลประกาย ผิวสีขาวเหลืองอยากจะคายข้าวทิ้งในทันที
"แต่งมันวันนี้พรุ่งนี้เลยดีไหมลูก"
พรวด!
"แค่กๆ"
ที่ผมยอมเข้าไปใกล้ชิดตานั่น ก็เพราะตานั่นมันเกี่ยวข้องกับคดีการตายของนายเจง ถ้าต้องตบแต่งกันจริงๆ สาบานได้ว่าเขาจะได้ยาพิษใส่แก้วน้ำชนิดตรวจไม่เจอเป็นของขวัญวันแต่งงาน!
ผมชอบความยุติธรรมก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่าอยากมีสามีเป็นผู้พิพากษานะพ่อ!
โบราณว่าคำบิดามารดาเป็นดั่งวาจาประกาศิต ก็คงศักดิ์สิทธิ์จริงๆ เล่นเอาคนสำลักข้าวคว้าแก้วน้ำมาดื่มแทบไม่ทัน เมื่อข้าวสวยประจำบ้านเกือบติดคอตาย เพราะคำบิดาเป็นเหตุ
แกร๊ง
ช้อนส้อมถูกจัดวางอย่างเรียบร้อยบนจานข้าวที่ยังคงเหลือข้าวอยู่มากกว่าครึ่ง ถ้าเขาไม่ได้กินข้าวต่อหน้าบิดา ช้อนส้อมที่ว่าคงถูกวางแบบไม่ไยดี ไม่ต้องพิรี้พิไร
ว่าที่เจ้าสาวที่ไม่สาวแต่กลับเป็นหนุ่มหล่อออกไปทางจิ้มลิ้ม ยกน้ำในแก้วทรงกระบอกขึ้นดื่ม น้ำเปล่าที่ควรจะปราศจากรสชาติ ทว่ายามได้ยินชื่อคนที่ไม่ถูกชะตาน้ำจืดก็ฝาดเฝือนคอจนยากจะกลืน
“อ้าว อิ่มแล้วเหรอลูกยา”
กระเดือกลงคอไม่ลงอะพ่อ พ่อเล่นเอาแต่พ่นชื่อตานั่นไม่หยุด
หม่อมทินกรถามเหมือนประหลาดใจ แต่คนถูกถามกลับรู้อยู่แก่ใจว่า ท่าทางอยากรู้อยากเห็นดูกระตือรือล้นเช่นนี้ เป็นอาการดีใจจนเก็บทรงไม่อยู่
“ครับ”
คนโตตาวาวรีบเดินมาเล็งสูทของลูกชาย มองซ้ายมองขวา จัดความเรียบร้อบตรงไหล่นิด ตรงเนคไทป์หน่อย
“ดีเลย งั้นเดี๋ยวพ่อให้คนไปส่งที่ทำงานของพี่จรัญนะลูก”
หม่อมทินกรผู้รอฟังคำตอบนี้มานาน รีบจับลูกชายหัวแก้วหัวแหวนยัดใส่กล่องพัสดุเตรียมแพ็คส่งออกนอกบ้าน ซึ่งท่าทางกระดี๊กระด๊าปิดไม่มิดนี้ แน่นอนว่าคนมองทำได้แต่ยิ้มแห้งตอบ
นั่นไง ว่าแล้ว!
“ครับ”
รอยยิ้มแหยๆ เหมือนพินอคคิโอถูกส่งกลับไปอีกครั้ง ท่ามกลางความไม่สงสัยไม่เอะใจใดๆของคนมอง แล้วยาก็ได้แต่เตรียมตัวขึ้นรถตามระเบียบ
………………………
ถนนสายรองที่ไม่ได้ตัดผ่านตัวเมืองทำให้หมดกังวลเรื่องปัญหารถติด ท่ามกลางร้านค้าและรถเข็นขายของข้างทางของพวกชาวบ้านและนักช็อปแนวสตรีท รถสปอร์ตสีขาวคันงามแปลกตาจากคันอื่นๆกำลังเคลื่อนไปช้าๆตามเส้นถนน
ความเร็วรถนี้มันช่าง…เต่ามาก! เต่ากว่านี้อีกนิดหนึ่งได้จอดคาที่กลางถนนแล้ว!
ที่กลางเบาะด้านหลังคุณชายในชุดสูทขาว เจ้าของสีหน้าเบื่อโลก กำลังเคลื่อนนิ้วหารายชื่อปลายทางในโทรศัพท์มือถือหาอะไรทำฆ่าเวลาบนท้องถนน ที่แม้จะไม่มีรถติดก็คงใช้เวลาไม่ต่างกัน คุณลุงคนขับรถประจำบ้านขับรถเงียบๆเป็นใบ้เหมือนอย่างที่เคย ถึงในรถจะมีสองคนก็ไม่ต่างจากการอยู่คนเดียว ทุกอย่างเงียบเสียจนสามารถนั่งสมาธิได้
ติ้ด.
(ตูด….ตูด….ตูด….)
เอี๊ยด!
รถกระชากเล็กน้อยจากการที่คนขับแตะเบรกหยุดกะทันหัน คนไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัยพุ่งไปข้างหน้าเล็กน้อย ดีที่เอามือซ้ายที่ไม่ได้ถือโทรศัพท์เท้ายันเบาะหน้าไว้ก่อน ก็เลยไม่ได้หัวทิ่มหัวตำ
“ขอโทษครับคุณหนู” คุณลุงคนขับรีบหันไปขอโทษขอโพยทำสีหน้าเหมือนกลัวจะโดนไล่ออก
คนตกใจนิดหน่อยยิ้มตอบส่ายหัวเล็กน้อยว่าไม่ถือสา เขาไม่ถือสาจริงๆทั้งยังคิดว่าดีแล้วที่คนขับขับช้าและที่นี่เป็นถนนนอก ถ้าเป็นเส้นหลักในเมือง คงไม่ได้มานั่งส่ายหัวใจดีใส่กันแบบนี้หรอก
(ฮัลโหลสวัสดีครับ ผู้พิพากษาจรัญครับ)
คุณลุงเมินยาหันกลับไปบังคับพวงมาลัยต่อ ส่วนยาที่กำลังฟังประโยคที่คุ้นเคยจากเจ้าเครื่องสี่เหลี่ยมที่กำลังแนบหู ตอนนี้นอกจะจะไม่ห่วงเรื่องตัวเองจะเผลอไปกดตัดสายแล้ว ยังอยากจะตัดสายทิ้งด้วยตัวเองเสียด้วยซ้ำ
ชัดเลย โทรกี่ครั้งก็แบบเดิม ไม่คิดจะเมมเบอร์กันเลยสินะ หรือว่าเมมเบอร์ไม่เป็น
ยายกยิ้มขืนๆ ด้วยท่าทางที่กำลังพยายามข่มใจให้เย็นกรอกเสียงสุภาพนุ่มนวลลงสาย
“ผมว่าผมจะถึงที่ทำงานของพี่อีกครึ่งชั่วโมงครับ พี่จรัญจะฝากซื้ออะไรไหมครับ”
(...ติ้ด.)
ตัดสาย! ตัดสายเนี่ยนะ!!
โอ๊ย ไอผู้พิพากษาขี้เก๊ก เฮงซวย หล่อตายแหละ ถ้าไม่ต้องสืบเรื่องนายเจงนะ สาบานเลยว่าชาตินี้ทั้งชาติจะไม่มีวันญาติดีด้วย ไอ้งานหมั้นหมายคลุมถุงชนซังกะบ๊วยนี่นะ พ่อจะพังให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย
“คุณหนูหมอบครับ!”
เอี๊ยด!
!!!
กึก!
ทันทีหลังจากสิ้นเสียงตะโกนของคนขับรถ รถหรูก็เบรกกะทันหันอีกครั้ง แถมครั้งนี้ก็ทำเอาเขาหัวทิ่มลงไปจริงๆ
สถานการณ์ไม่ชอบมาพากล คนขับก้มลงต่ำเหมือนหลบใครบางคน เนื้อตัวสั่นเล็กน้อย สีหน้าตื่นตระหนก กำลังหันมามองเขา เป็นเชิงปรามไม่ให้เงยหน้ากลับขึ้นไป สัญชาตญานบอกยาว่าด้านนอกมีอันตราย ก่อนเขาจะได้ยินเสียงปืนสองสามนัดดังแทรกเข้ามาในรถ และเสียงปืนมันก็ชัดขึ้นเรื่อยๆ
“เกิดอะไรขึ้น”
ยาไม่มีทางสับสนระหว่างเสียงปืนกับเสียงประทัด เขามั่นใจว่ามีลางร้ายบางอย่างกำลังก่อตัว ทว่าคนตอบคำถามดูบ้าบอเกินกว่าจะตอบคำถามในทันที จนยาต้องเป็นฝ่ายตะคอกเสียงดัง
“เกิดอะไรขึ้น!”
ในที่สุดคนสะดุ้งเล็กน้อยก็รู้สติ ยามองเค้นตาโต ในขณะที่ด้านนอกยังมีเสียงปืนดังเปรี้ยงปร้าง
“มีคนร้ายสองสามคนกำลังกราดยิงพวกชาวบ้านครับ”
ปึก!
มือซ้ายเอื้อมไปเปิดประตูเบาะหลังอย่างไวโดยไม่ต้องคิด แต่คนขับเอื้อมมือมาจับแขนเสื้อรั้งเขาไว้ เขาหันไปสลัดออกโดยไว
ทำไมเรื่องต้องมาเกิดแถวบ้านพ่อด้วยเนี่ย! ต้องทำตัวเรียบร้อยในสถานการณ์แบบนี้ไม่ไหวหรอกนะ
เขารู้สึกได้ถึงจังหวะนรกที่มาผิดที่ผิดเวลา แต่ถึงเขาไม่ใช่ตำรวจ แต่เลือดของผู้กล้ารักความยุติธรรมก็มีไม่แพ้กัน จะให้ยืนดู แอบดูเฉยๆ เขาทำไม่ได้และจะไม่ทำ
“คุณหนูจะไปไหนครับ อย่าไปครับ มันอันตราย!” คุณลุงพยายามรั้งสุดชีวิต ทว่าอีกฝ่ายใจร้อนเกินกว่าจะเอาน้ำลายมาหยุดได้
“ฮวาหลวน ลูกต้องช่วยงานเย็บปักของตระกูล” “ไม่มีทางหรอกแม่”ของมีคมสำหรับผม มันคือไวอากร้าน่ะสิ!แต่ใครจะไปคิดว่า…“ขนาดเกิดใหม่ ยังโดนสั่งให้เย็บผ้าอีก!”“ไม่ทำ ตัดนิ้ว” แม่ทัพใหญ่แม้จะทำเสียงดุ
ไวน์ นักศึกษาปี 2 เดือนคณะผู้ปฏิญาณตนว่าจะโสดตลอดไป เจ้าของใบหน้าหล่อออกหวานนิดๆแบบเกาหลี คนที่วันๆอยู่กับการวิ่งไปแย่งคอมตัวแรงเพื่อดูหุ้นไม่ก็จมหัวอยู่ที่ร้านหมูกะทะ เรื่องโน่นนี่ไม่สนก็จริง แต่ใครอย่ามาปากหมาใส่แล้วกัน แปลงร่างเป็นพิตบูทันที เบียร์ เอกอินเตอร์บริหาร คุณชายตระกูลดังขี้รำคาญ ใบหน้าหล่อคมที่ใครๆก็บอกว่าควรขึ้นตำแหน่งเดือนมหาลัย คุณชายที่ขับรถหรู ใช้ของแบรนด์เนมทั้งตัว แต่ติดที่ปากเสีย ขี้เหวี่ยง ไม่คบค้าสมาคมกับใคร ขู่ได้แม้กระทั่งอธิการบดี ꧁{★… ★}꧂ ไอ้ผู้ชายปากหมานั่นใครวะ หยิ่งฉิบหาย พอแหย่เขาแล้วเขาไม่เล่นด้วย ไวน์เลยตามตอแยทุกวิถีทาง แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้คิดอะไรนะ ด่าเขาปาวๆ บอกแค่จะเอาของมาคืน! เบียร์เห็นก็เลยแก้เผ็ด วุ่นวายดีนัก ตีหัวรวบเข้าบ้านเลยแล้วกัน “อย่าดื้อ หมอสั่ง” “หรือวะ หมอสั่งให้กูอยู่กับมึงนานขนาดนี้เลย?” ฟอด!!! คุณตำรวจ มีคนลวนลาม! “ไอ้เห้เบียร์!!” ꧁{★… ★}꧂ Trigger Warning ***สำหรับนักอ่านที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน*** นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียน ไม่มีความเกี่ยวข้องกับบุคคล สถานที่ หรือเหตุการณ์จริงใดๆ นิยายเรื่องนี้มีเนื้อหาติดเรท 18+ คำหยาบคาย และฉากไม่เหมาะสม. โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน. *พฤติกรรมบางอย่างไม่ควรลอกเลียนแบบ
เหมยลี่ อายุ 25 ปี คุณหนูผู้ร่ำรวย สาวตากลมตัวเล็กผิวขาวมาดซีอีโอนุ่มนิ่ม เธอใช้เงินบัลดาลทุกอย่างตามใจ ไม่แคร์โลก ใครจะรู้ว่าภายใต้หน้ากากของซีอีโอสาวสุดเพอร์เฟค จะเต็มไปด้วยเรื่องราวของนิยายในหัว แถมมีอยู่เรื่องเดียวซะด้วย งานนี้งานการไม่ทำมันแล้ว มู่จิน พระเอกนิยายติงต๊อง ที่ฆ่าเมียตัวเองตายในคืนเข้าหอ ชายหนุ่มร่างใหญ่เจ้าของเรือนผมดำยาวและสันกรามทรงเสน่ห์ เขามีประวัติความเป็นมาหรือเรื่องราวของเขาเป็นมาอย่างไร ไม่มีผู้ใดรู้ได้ เขาเบื่อหน่ายโลกใบนี้เต็มทน ชีวิตคนสำหรับเขาก็เป็นเพียงเศษหญ้าเท่านั้น ꧁⊱ ⊰꧂ เพราะถูกรถชนตายตอนที่เพิ่งอ่านนิยายจบรอบที่ 99 ยังไม่ครบร้อย พอลืมตามาก็อยู่ในร่างตัวประกอบ ไม่ใช่นางเอกไม่พอยังต้องแต่งงานกับคนบ้า 'เหมยลี่' คนนี้เลยต้องพยายามฆ่าเจ้าบ่าวในห้องหอ ก่อนที่เธอจะถูกเขาฆ่าตามบทในนิยายอีกครั้ง แต่แล้ว ความพยายามของเธอก็ไร้ค่า เธอตายอีกครั้งแล้วไม่ได้กลับโลกเดิม แต่ย้อนกลับมาที่คืนเข้าหอ ทว่าทำไมรอบนี้คุณพระเอกเจ้าบ่าวมองเธอตาเยิ้มขนาดนั้นล่ะเนี่ย ꧁⊱ ⊰꧂ Trigger Warning ***สำหรับนักอ่านที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน*** นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียน ไม่มีความเกี่ยวข้องกับบุคคล สถานที่ หรือเหตุการณ์จริงใดๆ นิยายเรื่องนี้มีเนื้อหาติดเรท 18+ คำหยาบคาย และฉากไม่เหมาะสม. โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน. *พฤติกรรมบางอย่างไม่ควรลอกเลียนแบบ*
เตียวเฉิน ก่อนตายเป็นอย่างไรไม่รู้ แต่ในโลกใหม่ เขาเป็นพระรองมาดแมนแม้ตัวจะไม่มีกล้ามแซงหน้าพระเอก ในเมื่อเกิดมาหล่อ รวย หน้าตาการศึกษาดี แต่ข้างในวิญญาณไม่มีความรู้สักกะติ๊ด เขาจึงพยายามใช้สมองอันน้อยนิดหาหนทางรอด ด้วยการ มุดโพลงหมาลอดออกไปเป็นขอทานเสียเลย มู่จิน พระเอกของโลกใบนี้ นักธุรกิจและผู้มีอำนาจที่สุดในเมือง ชายหุ่นกล้ามที่ชอบใส่สูทผูกไทป์ แล้วหมกตัวอยู่แต่ในบ้าน สีหน้าของเขาเยือกเย็นตลอดเวลา อะไรๆในโลกก็น่ารำคาญไปหมด ยกเว้นวันที่เห็นตัวอะไรปีนเข้าบ้าน ꧁{★… ★}꧂ เกิดใหม่ก็ต้องดิ้นรนหนีออกจากบ้าน พอนึกไปแล้ว เข้าร่างพระรองมาได้ไม่กี่เดือน แต่เดี๋ยก็ถึงเวลาที่พระเอกนายเอกเขาก็จะเจอกันแล้ว ผมก็ชิงหนีออกไปเป็นขอทานก่อนน่ะสิ เรื่องอะไรจะอยู่รอแบดเอ็น เอ๊ะ ผู้ชายที่เปลื่อยกายนั่นหน้าคุ้นๆ ทำไมบ้านที่ผมปีนกำแพงเข้าไปมันดันเป็นบ้านพระเอกล่ะ ซวยแล้ว งั้นตีเนียนไม่รู้ไม่ชี้ก่อนแล้วกัน ทั้งที่ตั้งใจจะอยู่ที่นี่อีกนิดเดียวแท้ๆ พวกคนใช้เองก็บูลลี่กันอยู่ได้ ผมมั่นใจว่าพระเอกต้องโยนผมออกไปในไม่ช้า เขาน่ะระแวงผมเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่... แปลกๆ นะ ขอทานแล้วได้เสื้อผ้า อาหาร เพชรพลอย ที่แปลกกว่าคือ พอผมอาละวาทพังบ้าน เกิดอะไรขึ้นรู้ไหม เจ้าของบ้านซื้อเฟอร์ใหม่มาให้พังเพิ่มน่ะสิ วันๆหัวจะปวด เขาจับผมมัดตั้งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในห้องทำงาน แล้วก็เอาแต่นั่งครุ่นคิดว่าพรุ่งนี้จะเอาอะไรมาให้ตอนผมขอทานดี ผมนี่ขมวดคิ้วเลย ꧁{★… ★}꧂
เมื่อคู่แห่งโชคชะตา4ขวบ อัลฟ่าพัมธุ์แท้คนสุดท้าย ผู้เพรียบพร้อมด้วยเงินและอำนาจ วันหนึ่งลูกน้องก็พังประตูเข้ามาบอกว่า เจอคู่โชคชะตาเขาแล้ว ทว่า จะป้ำลูกยังไง ก็เนื้อคู่เขาใส่ชุดอนุบาลหมีน้อยกอดตุ๊กตา
อาหลีพยายามหาหลัวในฝันผ่านตู้ปลากัด ใครที่เดินผ่านปลากัดแล้วจ้องตาเขาตอน9โมงตรงคนนั้นคือ เนื้อคู่ ...เจ้าของร้านเอือมจนขี้เกียจไล่ มาบ่อยแค่ไหนถามใจเธอดู แต่โชคชะตาก็เล่นตลกเมื่อเนื้อคู่ไม่ชอบป้าบ!
นุชพินตา ควรเป็นเจ้าสาวที่น่าอิจฉาที่สุดที่ได้แต่งงานกับ ปุลวัชร เจ้าบ่าวที่ทั้งหล่อ รวย เนื้อหอม เป็นเจ้าชายในฝันของสาวๆ ทั้งเมือง แต่ใครจะรู้ว่าเจ้าบ่าวในฝันนั้น...ทั้งไร้หัวใจ และไม่ได้รักเธอสักนิด! การแต่งงานที่ไร้รัก อยู่กันไปก็มีแต่เจ็บปวดเท่านั้น แต่จะทำยังไงได้ ในเมื่อเธอไม่อาจปฏิเสธ แม้จะต้องถูกเขาทำร้ายหัวใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า จะทำอย่างไรหากใจที่ไม่คิดปรารถนารักกลับอยากได้ความรักจากเขา ------------------------------ “เธอเคยนอนกับผู้ชายหรือเปล่า” เขาถามออกมาจากปากร้าย ตอนที่เธอได้ยินถึงกับสะอึก ไม่คิดว่าเขาจะถามตรง ๆ และในนาทีต่อมา นุชพินตาก็รู้สึกโกรธมาก หญิงสาวโต้เขากลับ “ทำไมผู้ชายดี ๆ การศึกษาดี ๆ ถึงได้พูดจาแบบนี้คะ มาพูดดูถูกกัน เมื่อกี้ก็หาว่าพวกเราขายตัว และตอนนี้ยังมากล่าวหาฉันอีกว่าฉันสำส่อน คุณถามคำถามแบบนี้กับผู้หญิงทุกคน ที่คุณเคยนอนด้วยหรือยังไงคะ” ความเจ็บปวดระบายออกมาทางสายตา เขาเป็นบ้าอะไรกันนี่ คำพูดแบบนี้มาจากสันดานข้างในหรือเพราะว่าเขาเมา “แล้วเธอเคยมีอะไรกับผู้ชายหรือเปล่าล่ะ” เขาย้ำอีกครั้ง จ้องสบตาด้วยนัยน์ตาแดงก่ำ “ปากร้าย ประโยคนี้คุณไม่ควรถามออกมาด้วยซ้ำไป” จากที่เรียกเขาว่าพี่ปุ่น ชักขุ่นและมีอารมณ์โมโหขึ้นมาเปลี่ยนสรรพนามที่คนฟังก็รู้ว่าห่างเหิน “ผู้หญิงที่ดี ๆ ที่ไหน จะตอบตกลงแต่งงานกันชายแปลกหน้าอย่างรวดเร็วโดยไม่คิด เวลาเพียงแค่หนึ่งเดือนเท่านั้น” “แล้วมันยังไงคะ” นุชพินตาก็ไม่ยอมเหมือนกัน “เธออาจจะเป็นมือสองก็ได้” ‘เมื่อคืนเขาไปนอนที่ไหน แล้วไปนอนกับใคร’ ‘อ้อ… ก็คงจะเป็นผู้หญิงคนนั้นสินะ’ ดวงตาเศร้าลง เธอลุกขึ้นไปเปิดม่านหน้าต่าง และมองออกไปยังท้องทะเล แสงอาทิตย์กระทบกับระลอกคลื่นที่ไล่เรียงกันกระทบเข้าฝั่ง นุชพินตาถึงกับถอนหายใจดังเฮือก ‘ฉันมาทำอะไรอยู่ตรงนี้ มาให้เขาย่ำยีเล่นใช่หรือไม่’ เฝ้าถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมา ‘ยะหยาอย่าเสียใจไปเลยนะ เธอต้องทำตัวเองให้เข้มแข็ง แข็งแรงเถอะ ในเมื่อเธอก็ไม่ได้รักเขาเหมือนกัน’ คำพูดปลอบโยนตัวเอง ‘ใช่… ฉันไม่ได้รักเขา และจะเกลียดเขาให้มากกว่านี้’ เธอตอกย้ำคำนี้เข้าไปในหัวใจของตัวเองด้วยความมุ่งมั่นและสายตาที่แน่วแน่ แม้จะรู้สึกเจ็บแน่นในหัวอก ------------------------------ “ฉันจะหย่ากับเธอ” เขาเอ่ยอย่างใจดำ หญิงสาวถึงกับใจหล่นวูบ เธอเม้มขบริมฝีปาก กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่แล้ว นุชพินตาพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว “นางผู้หญิงไร้ยางอาย แพศยาฉันเกลียดผู้หญิงหลายใจ ฉันเกลียดผู้หญิงที่นอกใจ ไปให้พ้นจากบ้านของฉัน ไปให้พ้นจากหน้าฉัน พรุ่งนี้จะให้ทนายทำใบหย่า” “พี่ปุ่นคะ” เธอยกมือขึ้นมาไหว้เขาปลก ๆ “เราสองคนเพิ่งแต่งงานกันเองนะคะ ยะหยาไม่อยากให้คุณลุงและคุณย่าเสียใจ” “แต่สิ่งที่เธอทำล่ะ มันน่าอาย แล้วเธอไม่ละอายบ้างเหรอ หน้าด้าน” เขามีอาการเสียใจ และหัวเสีย นุชพินตาเอง เธอไม่คิดว่าปุลวัชรจะปากร้ายด่าทอเธอได้ถึงเพียงนี้ “ฉันจะหย่ากับเธอแน่นอน เตรียมปากกาไว้เซ็นใบหย่าในวันพรุ่งนี้ก็แล้วกัน” พูดจบ เขาเดินเข้าไปใช้มือปัดแจกันที่อยู่ใกล้ และชกบานกระจกที่ใช้ตกแต่งอยู่ในห้องโถงด้วย จนกระจกแตกละเอียดทั้งบาน มือของปุลวัชรมีเลือดไหลซึม เขาจะเดินเข้าห้องทำงานและปิดประตูตามหลังดังโครม นุชพินตาตกใจ และหวาดกลัวกับสิ่งที่เธอได้เห็น ความดีใจที่สามีจะกลับมา เธอจะบอกข่าวดีเขา และกินข้าวด้วยกัน ได้มลายหายไปสิ้น มีเพียงความเศร้าเข้ามาทับถมอยู่ในจิตใจของนุชพินตา แล้วหญิงสาวยกมือขึ้นมาปิดหน้าปิดตาปล่อยโฮ
เพิ่งหย่ากับอดีตสามีไปไม่นานแต่ปรากฏว่าตัวเองท้อง จะทำอย่างไรดี? หรือจะให้อดีตสามีรับผิดชอบ แต่ก็ไม่คิดว่าอดีตสามีมีคนรักใหม่ไปแล้ว ชีวิตของถังชีชีนั้นช่างสับสน ช่างน่าวิตกกังวลและไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เธอต้องคอยระวังไม่ให้คุณเฟิงรู้เรื่องการตั้งครรภ์จนกระทั่งคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย แต่ไม่คิดว่าจะถูกเขาบังคับถึงเพียงนี้ "เราหย่ากันแค่สี่เดือน แต่เธอกลับตั้งครรภ์ได้เจ็ดเดือนแล้ว บอกมาดี ๆ ว่า ลูกเป็นของใคร!"
เขาแอบชอบเธอตั้งแต่เจอกันครั้งแรกแต่เธอกลับกลัวและพยายามอยู่ให้ห่างจากเขาแล้วเขาจะทำอย่างไรที่จะตามจีบเธอดีในเมื่อเธอเป็นน้องรหัสของเขา
เธอคิดว่าพวกเขาจะต่างคนต่างไปหลังจากการหย่าร้าง โดยเขาใช้ชีวิตของเขาเอง ส่วนเธอก็มีความสุขกับเธอไป-- แต่แล้ว... "ที่รัก ผมผิดไปแล้ว คุณกลับมาได้ไหม" ชายใจร้ายที่เคยหักหลังเธอสุดท้ายก็ก้มหัวที่หยิ่งผยองลง "เราคืนดีกันเถอะ ผมขอร้องล่ะ" ซูเชียนชือผลักดอกไม้ที่ชายคนนั้นมอบให้ออกไปอย่างเย็นชา และตอบอย่างใจเย็น "มันสายไปแล้ว"
อวิ๋นหลาน นักฆ่าอันดับหนึ่งแห่งศตวรรษที่ 25 ได้ข้ามภพและเกิดใหม่ในร่างของหญิงสาวผู้ไร้ประโยชน์ซึ่งมีชื่อเดียวกันในจวนเทพเจ้าแห่งสงคราม รากวิญญาณถูกทำลายไป? บำเพ็ญวิชาไม่ได้? คู่หมั้นถอนหมั้น? ทุกคนหัวเราะเยาะนาง? การควบคุมอสูร ยาพิษ ยาลูกกลอนปีศาจ อาวุธลับ...นางจัดการได้อย่างสบายๆ อดีตผู้ไร้ค่า แต่บัดนี้มาแก้แค้นชาาเจ้าชู้ เอาคืนทุกคนที่รังแกตนเอง ได้ประสบความสำเร็จ และขึ้นไปสู่จุดสูงสุด ผู้แข็งแกร่งอย่าคิดจะทำอะไรตามใจ ผู้อ่อนแออย่าท้อแท้ กล้ามารุกรานข้า งั้นก็อย่าหาว่าข้าไม่เตือนก็แล้วกัน เขาเป็นจ้าวแห่งอาณาจักรปีศาจ ชอบเอาใจนาง นางฆ่าคน เขาช่วยปิดปาก นางทำลายศพ เขาช่วยกำจัดหลักฐาน เขายอมทำทุกอย่างเพื่อนาง ชีวิตนี้ยอมร่วมทุกข์ร่วมสุขไม่ทอดทิ้งกัน
หลังจากถูกแฟนหนุ่มและเพื่อนสนิทของเธอจัดฉาก เฉี่ยนซีก็จบลงด้วยการใช้เวลาทั้งคืนกับชายแปลกหน้าลึกลับคนนั้น เธอมีความสุขมาก แต่พอเธอตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้น เธอก็รู้สึกแย่กับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกผิดทั้งหมดของเธอถูกชะล้างออกไป เมื่อเธอเห็นใบหน้าของชายที่นอนอยู่ข้างเธอ เธอจึงเอ่ยด้วยเสียงเบา ๆ ที่ว่า "ผู้ชายอะไร ทำไมหล่อจัง" และเธอก็ต้องตกใจกับสิ่งที่เห็น ความผิดของเธอกลายเป็นความละอายใจโดยทันที และมันทำให้เธอตัดสินใจทิ้งเงินจำนวนหนึ่งไว้ให้ชายผู้นั้นก่อนที่เธอจะจากไป "เจ๋อข่าย" รู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นเงินดังกล่าว พร้อมกับคิดว่า 'ผู้หญิงคนนั้นพยายามจะจ่ายเงินให้ฉัน ราวกับว่า ฉันเป็นผู้ชายขายบริการอย่างนั้นหรอ? ' เขารู้สึกโกรธ จึงต้องการดูภาพจากกล้องวงจรปิดของโรงแรม เขาสั่งผู้ช่วยของเขาด้วยใบหน้าที่จริงจังพร้อมขมวดคิ้ว "ผมอยากรู้ว่า ใครอยู่ในห้องของผมเมื่อคืนนี้" 'อย่าให้เจอนะ ถ้าเจอเมื่อไหร่จะสั่งสอนให้เข็ดเลย! ' เรื่องราวของพวกเขาจะเป็นอย่างไรต่อไปนะ