ความรักที่วาริณีมีให้สนธิ์นั้นมากล้นเสียจนไม่มีสิ่งใดทดแทน ไม่สนใจว่าเขาจะทำร้ายเธอทั้งร่างกายและจิตใจครั้งแล้วครั้งเล่าก็ตาม เพราะความเมาในยาบางอย่างที่ญาติผู้พี่แอบผสมให้กินในอาหารเพื่อหวังในสมบัติ โดยว่าจ้างผู้หญิงไม่ดีมาคอยดูแล เธอคนนั้นยั่วเย้าเขา โดยเอาตัวเข้าแลก ให้ได้มาในสิ่งที่ต้องการ วาริณีพยายามกีดกันผู้หญิงคนนั้น แต่เขากลับเข้าข้างผู้หญิงคนใหม่ แต่วาริณีพยายามช่วยชายคนรักให้กลับมาเป็นคนเดิมให้ได้ แม้ว่าจะถูกคนกล่าวหาว่าเธอเป็นทาสผู้ชายที่กระทำชั่วร้ายเปรียบประดุจซาตานก็ตาม วาริณีจะช่วยสนธิ์สำเร็จไหมก็ต้องติดตามกันต่อไปค่ะ ด้วยความปรารถนาดี ดาวฉาย
ร่างบางกระจ้อยถูกผลักกระเด็นติดกับผนังวอลเปเปอร์สีครีมที่แทรกแซมด้วยเส้นสีเงินเล็กๆ ทว่า ความสวยงามไร้ความหมาย เมื่อวาริณีทรุดลงไปนอนกองกับพื้น น้ำตาแห่งความเสียใจไหลออกมา
เธอเสียใจมากกว่าเจ็บที่ถูกสนธิ์ผลักออกห่างจากตัวด้วยอารมณ์โกรธ ไม่เข้าใจว่าทำไมพักหลังที่ผ่านมา เขาเปลี่ยนไป จากหน้ามือเป็นหลังมือ
ไม่ว่าเธอทำอะไรเป็นต้องขวางหูขวางตาเขาไปหมด แม้แต่ทำความดี เขาไม่เคยชื่นชม
“ออกไป อย่ามายุ่งกับผม”
เสียงห้าว ๆ จากชายที่รักดังขึ้น ประหนึ่งกระชากหัวใจฝ่ายหญิงให้หลุดออกจากทรวง
“สนธิ์คะ เกิดอะไรขึ้น คุณทำอย่างนี้กับณีทำไมคะ”
“ไม่ต้องมาถามอะไรทั้งสิ้น ผมบอกว่าอย่ามายุ่งวุ่นวายกับชีวิตได้ไหม ทุกวันนี้ก็เบื่อเต็มที ตั้งแต่คุณพ่อตายมีแต่คนกรูเข้ามาเพื่อขอส่วนแบ่งสมบัติ ทุกคนหวังแต่เงินของผมทั้งนั้น”
สนธิ์จ้องตาวาริณี ราวกับจะบอกว่า เธอก็คือหนึ่งในนั้นที่หวังทรัพย์สมบัติของเขา
“สนธิ์ คุณคิดว่าณีจะเป็นเหมือนคนพวกนั้นหรือคะ โธ่ ณีเสียใจที่คุณมองไปในทางลบอย่างนั้น ณีจริงใจกับคุณนะคะ”
วาริณีเบิกตากว้าง น้ำตาไหลออกมาด้วยความตกใจและเสียใจในเวลาเดียวกัน เมื่อรับรู้ถึงความคิดของคนรักที่คบเป็นแฟนกันมาเกือบสามปี แต่เขาไม่เห็นความหวังดีที่เธอมอบให้ หาว่าเข้ามาเพื่อต้องการทรัพย์สมบัติ
“จริงใจหรือ ไม่รู้สินะ ผมสับสนไปหมดแล้ว โอ๊ย ! ปวดหัว”
ชายหนุ่มยกมือกุมศีรษะ พลางส่ายใบหน้าไปมา บ่งบอกว่าปวดศีรษะอย่างหนัก
“คุณคงไม่สบายนั่นแหละค่ะ คิดถึงพ่อที่ตายไปใช่ไหม อย่าคิดมากเลยค่ะ ท่านไปสบายแล้ว คุณต้องรักษาตัวให้คืนสู่สภาพเดิมให้ดีที่สุด”
“หยุด หยุดนะ อย่าพูดอีก พ่อใคร ใครก็รักด้วยกันทั้งนั้น แต่คุณห้ามไม่ให้ผมคิดถึงท่าน จิตใจเลวมาก คุณเป็นคนประเภทไหน เกิดมาจากกระบอกไม้ไผ่หรือยังไง ไม่รักพ่อแม่ ลูกอกตัญญู”
จู่ ๆ สนธิ์กล่าวหาวาริณีอย่างรุนแรง จนหญิงสาวตกใจ
“สนธิ์ ! ทำไมคุณว่าณีแรงขนาดนั้นล่ะคะ ณีไม่ได้หมายความว่าอย่างที่พูด นะคะ ณีต้องการให้คุณพักผ่อน ไม่ต้องคิดมากต่างหาก”
ในเวลานี้ วาริณีเสียใจขนาดหนัก ร้องไห้กระซิก ๆ ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ทุกข์เกินจะกล่าว น้ำตาเท่านั้นคือสิ่งที่ช่วยให้ระบายความอัดอั้นตันใจออกมา และทำให้สนธิ์เกิดความสงสาร
เปล่าเลย เขากลับตะคอกด้วยเสียห้วนห่าม จ้องตาไม่กะพริบ เวลานี้เหมือนกับหมาป่ากระหายเลือด
“ไม่ต้องแก้ตัว ออกไปห่าง ๆ จากผมเดี๋ยวนี้และห้ามเข้ามาในบ้านผมด้วย ออกไปเดี๋ยวนี้เลย ผมต้องการอยู่คนเดียว”
“สนธิ์ ทำไมคุณเปลี่ยนไปขนาดนี้ อะไรทำให้คุณ....”
“นี่คุณ พี่สนธิ์ไล่ออกไปแล้ว ยังหน้าด้านอยู่อีก ถ้าเป็นฉันไปตั้งนานแล้ว ไม่อยู่ให้เขาปวดหัวหรอก คนรักกันประเภทไหน ชอบให้เขาว้าวุ่นอยู่เรื่อย”
เสียงเล็กแหลมจากผึ้งดังขึ้น วาริณีหันไปมองด้วยความรู้สึกที่บอกแก่ตนเองว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่คนดีอะไร ดูจากการแต่งตัวก็รู้ เหมือนกับผู้หญิงในสถานอาบอบนวด และไม่เชื่อว่าเธอเป็นน้องของพวงพะยอมผู้เป็นญาติผู้พี่ของคนรัก
“นั่นสิ ผึ้งพูดถูกแล้ว เห็นหน้าเขาทีไร ปวดสมองจี๊ดเลย ถ้าไปให้พ้นผมจะรู้สึกโล่งมาก”
คำพูดของผู้เป็นคนรัก สร้างความเจ็บปวดให้แก่วาริณีเสียจนต้องปล่อยน้ำตาออกมาไหลอาบแก้มอีกครั้ง ริมฝีปากสั่นระริก หัวใจเหมือนว่าถูกบีบเค้นขนาดหนัก
“สนธิ์ คุณไม่เคยพูดอย่างนี้กับณีเลยนะคะ”
“ก็พูดอยู่นี่ไง ในเมื่อคุณทำให้ผมมีความรู้สึกว่าเหลืออด เหลือทน ผู้หญิงที่จ้องจับผู้ชายเพื่อเงินเพียงอย่างเดียว ไม่น่าเชื่อเลยว่าหน้าตาสวย ๆ อย่างนี้จะเป็นหญิงหน้าเงิน”
“คุณเข้าใจณีผิดแล้วค่ะ”
“ผมเข้าใจถูกมากกว่า แค่เพียงคุณอ้าปากก็เห็นลิ้นไก่แล้วล่ะ ผู้หญิงอย่างคุณ อยู่ใกล้แล้วหงุดหงิด ไปเสียให้ไกล ๆ แล้วอย่าเข้ามาใกล้ผม”
สนธิ์ไล่เป็นคำรบที่สอง วาริณีสุดจะทนอยู่อีกต่อไป เธอเป็นคนที่มีการศึกษา มียางอาย แม้ว่าคลางแคลงในตัวคนรัก ว่าอาจจะมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น สุดท้ายก็ต้องล่าถอยออกไปด้วยความเศร้าเสียใจ
วันเพ็ญหรือแพทเป็นนางระบำเปลื้องผ้า แต่ไม่ถูกกับใครในร้าน ความทะเยอทะยานเพื่อให้เป็นที่ปรารถนาแก่ผู้ชาย เพื่อให้ได้เงินเยอะ ๆ จึงไปหาร่างทรงพญามาร ให้ลงของ และให้คาถาเด็ด ซึ่งได้ผล ผู้ชายทั้งไทยและต่างชาติ มาติดพัน ทุ่มเงินให้เพื่อจะได้ครอบครองแพท เมื่อมีเงิน แพทมีเงินก็เย่อหยิ่ง ไม่เห็นหัวใคร ถ้าเธอไม่พอใจใครก็จะเล่นงานด้วยคาถาเลวร้าย จนมีคนที่ถูกคาถาเล่นงาน มีอันเป็นไป สิ่งหนึ่งของการใช้มนตร์คาถานี้นั่นก็คือมีข้อแม้ว่า หากทำไม่ได้ เธอจะพบกับความหายนะ ข้อแม้มันคืออะไรกันแน่ ดีหรือร้ายอย่างไร เพื่อน ๆ ต้องติดตามแล้วค่ะ ดาวฉาย
ผู้หญิงทุกคนต้องการที่จะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันกับชายคนรักในฐานะสามีภรรยาโดยยึดหลักที่ว่าจะต้องมีความรัก ความเข้าใจกัน ไม่ระแวง ไม่ทรยศหักหลัง ถ้าทำได้เช่นนี้จะมีความสุขมาก ในความเป็นจริงแล้วไม่ใช่ดั่งที่วาดฝัน เพราะผู้ชายเป็นเพศที่มีความเห็นแก่ตัวด้วยกันทุกคน มากบ้าง น้อยบ้าง ซึ่งเราไม่อาจรู้ได้ ขอแสดงความยินดีกับผู้หญิงโชคดีได้อยู่กับคนที่มีความรับผิดชอบ รักครอบครัว แม้ว่าจะออกนอกลู่นอกทางไปบ้างแต่ก็ไม่เสียหาย ไม่บ้าบอกับสิ่งจอมปลอมนอกบ้าน แต่ก็มีผู้หญิงอีกหลายคน ทนทุกข์ทรมานกับสามีที่ไม่ได้ความ เจ้าชู้เหลือกำลัง เห็นผู้หญิงสวย ๆ แล้วตาวาว ทุ่มเงินไม่อั้นเพื่อที่จะใกล้ชิด ผู้ชายคนไหนที่ประพฤติตัวเช่นนี้ก็คงเป็นกรรมของภรรยา ปาฏิหาริย์รักสองเรา คืออีกหนึ่งผลงานของ ฟ้าใส ไอรดา ที่ตั้งใจเขียนอย่างเต็มที่ เพื่อเตือนสติของผู้ชายที่กระทำตนนอกใจภรรยาที่แสนดี ปาฏิหาริย์รักสองเรา เป็นเรื่องราวความรักของชีวิตคู่ระหว่าง ธีมกับณอร ก่อนที่จะลงเอยด้วยการแต่งงาน แต่ละคนก็ผ่านชีวิตรักในรูปแบบต่าง ๆ มาแล้ว เมื่อเจอกัน ต้องชะตา ฟันฝ่าอุปสรรคเพื่อที่จะได้แต่งงาน ร่วมชีวิตคู่ ความรักที่คิดว่าราบรื่น ดันมีเมฆหมอกแห่งความชั่วร้ายมาบดบัง ทั้งความหลงลืมตัวของธีมในระหว่างมีเงิน แทบทำให้นาวาชีวิตคู่ล่ม แต่ณอรก็ทนเพื่อประคับประคองให้ไปถึงฝั่ง ทุกอย่างกำลังจะไปได้ดี เขากลับเป็นโรคร้ายที่จะต้องใช้เงินในการรักษาเป็นจำนวนมาก เธอเผชิญกับมรสุมชีวิตหนัก เหนื่อยต่อการหาเงิน ต้องดูแลธีมอย่างใกล้ชิด รองรับอารมณ์ที่แปรปรวน กระทั่งร่างกายทนไม่ไหว สติหลุดลอยไป ณอรจะเป็นอย่างไร ธีมหายจากโรคร้ายหรือไม่ คำตอบมีอยู่ภายในเล่มนี้แล้ว ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่ติดตามผลงานของ ฟ้าใส ไอรดา ขอบคุณจริง ๆ ค่ะ ด้วยความปรารถนาดี ฟ้าใส ไอรดา
หลายๆ คนเข้าใจผิด คิดว่าผู้หญิงเมื่ออายุเลย 35 ปีไปแล้ว เข้าสู่วัยสาวใหญ่ ความต้องการเรื่องเซ็กซ์จะลดน้อยลงไป เปล่าเลยค่ะ! ความจริงแล้วผู้หญิงไม่ว่าวัยไหนก็มีความต้องการทางเพศทุกคน เว้นแต่ว่าอายุมากแล้ว หมดเลือดหมดลม เรื่องอย่างว่าก็ลดน้อยตามไปด้วย แต่สาวใหญ่หลายๆ คนวัย 35 กะรัตขึ้นไป บอกได้เลยว่าความร้อนแรงเรื่องเซ็กซ์นั้นแทบจะทำให้ปรอทแตก ยิ่งอายุมาก ยิ่งแซบ อีกทั้งประสบการณ์เรื่องบนเตียงก็เพิ่มมากขึ้น ลีลารักจึงเด็ดขาด มีความต้องการเรื่องเซ็กซ์ เมื่อเจอคู่ขาที่ไปด้วยกันได้ ความแซบแบบสุดซี๊ดจึงตามมา สาวใหญ่ร้อนสวาท หรือ Hot woman เป็นเรื่องของเริงรมย์สาวใหญ่วัยเกือบ 40 ปี เธอผิดหวังกับแฟนหนุ่มที่อายุน้อยกว่า เมื่อเจอคนใหม่ที่รวยกว่า เขาทิ้งเธออย่างไม่ใยดีแถมพูดให้เจ็บใจว่าแก่ หน้าเหี่ยวอีก เธอเจ็บใจมากจึงไปทำศัลยกรรมทั้งใบหน้าและนม จนว้าว! ใบหน้าอ่อนวัย สวย เซ็กซี่ กลายเป็นเน็ตไอดอลที่หลายคนชื่นชอบ แต่ไม่มีใครรู้อายุที่แท้จริงของเธอ เริงรมย์จึงกินชายหนุ่มได้สบายๆ แต่ความลับไม่มีในโลก เมื่อแฟนหนุ่มคนถัดมารู้อายุที่แท้จริงของเธอจึงเผ่นหนี ทำให้เธอเสียใจอีกแล้ว ทว่า.... โลกนี้ไม่เลวร้ายไปหมดทุกเรื่อง เมื่อเธอเจอวิน ชายหนุ่มรูปหล่อ กล้ามโต เขาเป็นใครกันแน่...ก็ต้องติดตามอ่านกันให้จบค่ะ รักนักอ่านทุกท่าน ดาวฉาย
หลิงเวยนางปีศาจหมาจิ้งจอกอายุ 300 ปี กระทำการชั่วร้ายเข่นฆ่ามนุษย์จึงถูกเทพชิงกวงอ๊วง ซึ่งเป็นเทพยมบาลจองจำนางไว้ในโพรงไม้ที่โลกมนุษย์เป็นเวลาถึง 300 ปี กระทั่งคุณชายเป่าบุตรชายเศรษฐีหม่ากับตงฟางโจวพี่เลี้ยงมาล่าสัตว์ในป่าและยิงธนู ทำลายมนตร์เทพชิงกวงอ๊วง ทำให้นางนางปีศาจหมาจิ้งจอกหลิงเวยถูกปลดปล่อย มันพึงพอใจต่อรูปร่างหน้าตาของคุณชายเป่า มันตามคุณชายไปที่บ้านและรู้ว่าคุณชายมักมากในกามคุณ เรียกสาวใช้มาบำบัดสวาท มันอยากที่จะเสพสังวาสกับเขา มันใช้เล่ห์เหลี่ยมและมนตร์มายา เข้าสิงร่างของฉางซีหญิงชาวบ้านผู้งดงามที่ถูกแม่เลี้ยงกับลูกสาวแม่เลี้ยงข่มเหงรังแก นางปีศาจหมาจิ้งจอกหลิงเวยเห็นแม่เลี้ยงของฉางซีเล่นชู้กับคนเลี้ยงม้าของเศรษฐีหม่าจึงพาพ่อฉางซีไปขอความเป็นธรรมกับเศรษฐีหม่า เศรษฐีหม่าจึงให้แม่เลี้ยงของฉางซีอยู่กินกับคนเลี้ยงม้าแล้วให้เปาเปาลูกของนางแม่เลี้ยงไปรับใช้ที่บ้านเศรษฐีหม่าแทน คุณชายเป่าเห็นฉางซีก็ตกหลุมรักและไปหาฉางซีที่บ้านบ่อยๆ นางปีศาจหมาจิ้งจอกหลิงเวยแล้วใช้เวทมนตร์บังคับคุณชายเป่ามีอะไรด้วย และมันจึงปรากฏกายเยาะเย้ยฉางซีว่าคุณชายเป่ารักมันเพียงผู้เดียว ไม่ได้รักฉางซีแม้แต่น้อย เปาเปาหลงรักคุณชายเป่าให้ท่าทุกอย่าง นางกล้าแม้แต่พลีกายให้ตงฟางโจวพี่เลี้ยงคุณชายเป่าเพื่อเป็นการติดสินบน ทำให้นางได้ใกล้ชิดคุณชายเป่า และก็สมใจ เปาเปาได้ร่วมหลับนอนกับคุณชายเป่า ซึ่งก็สร้างความโกรธแค้นให้นางปีศาจหมาจิ้งจอกหลิงเวย มันจึงสิงร่างเปาเปาให้แก้ผ้าแล้วไล่ปล้ำผู้ชายในบ้านเศรษฐีหม่าดุจดั่งเป็นหญิงร่านสวาท กระทั่งเปาเปากลายเป็นบ้า ความร้ายกาจของนางปีศาจหมาจิ้งจอกหลิงเวยเพิ่มมากขึ้น มันจะทำร้ายฉางซีหรือไม่ คุณชายเป่าจะรักฉางซีที่เป็นนางหรือรักด้วยมนตร์ของนางปีศาจจิ้งจอกจอมวายร้ายตัวนั้น แล้วใครจะจัดการกับนางปีศาจจิ้งจอกร้ายตัวนี้ได้ ติดตามอ่านได้แล้วค่ะ ด้วยความปรารถนาดี ดอกท้อสีทอง
สตรีทุกนางย่อมปรารถนางานวิวาห์ ถ้าเป็นบุรุษรูปงาม มั่งคั่งทรัพย์สินมาขอวิวาห์ แต่จะทำอย่างไร เมื่อสตรีงามอยู่ในสำนักโคมเขียว มีมารดาเป็นผู้ช่วยเจ้าสำนักและยังเคยเป็นนางคณิกามาก่อน บิดากับมารดาฝ่ายชายจะรับได้หรือไม่
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"
อารียา ถูกโชคชะตาชักนำไปสู่บทพิศวาสที่แสนเร่าร้อนบนความเข้าใจผิด ก่อเกิดเป็น ‘รักต้องห้าม’ ที่ไม่อาจต้านทานได้ แล้ว ชีควาคิล จะทำเช่นไร ที่จะทำให้ยอดหญิงที่เป็นดั่งดวงหฤทัย กลายเป็น ‘รักเดียว ตลอดกาล’ มันคงไม่ยากนัก หาก ‘เขา’ ซึ่งเป็นถึงองค์รัชทายาทจะทรงต้องการ ‘นางสนมในฮาเร็ม’ เพิ่มอีกสักคน ถ้าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ ‘เธอ’ ครูสอนภาษาที่เป็นดังกุหลาบงามที่ซ่อนหนามแหลมเอาไว้ภายใน แม้จะทรงมีอำนาจเหนือใคร ก็อย่าหมายมารังแกเธอได้ง่ายๆ แต่ทว่าเขากำลังถือ ‘ไพ่’ เหนือเธอ จึงทรงบังคับขืนใจด้วยไฟแค้น พันธนาการเธอเอาไว้ด้วยเพลิงพิศวาสที่แสนหวาน แล้วครูสาวไร้เดียงสาอย่างอารียา จะสามารถต้านทานบทสวาทขั้นเทพของชีคหนุ่มผู้กระหายในรสรักได้อย่างไร “อ๊ะ...ท่านชีค” เสียงหวานๆ ครางแผ่วออกมาอย่างลืมอายเมื่อท่านชีคผู้แสนจัดเจนในสนามรัก งัดกลยุทธพิชิตกายสาวออกมาใช้กับหญิงสาวอย่างไม่หมกเม็ด เจ้าของเรือนร่างงดงามดุจรูปปั้นเปลือยเปล่าของนักรบเทพเจ้ากรีก ได้จุดประกายไฟพิศวาสให้ลามเลียไปทั่วร่างร้อนผ่าวที่พร้อมจะติดไฟรักได้ทุกเมื่อ แล้วเมื่อใบหน้าหล่อเหลาดุจเทพบุตรแห่งสวรรค์ ฝังจมูกลงมาบนช่อดอกรักอวบอูมกลางกายสาว คนใต้ร่างก็ไม่อาจกลั้นใจ “ท่านชีค อย่าค่ะ ไม่...โอว” ร่างบอบบางบิดเร่าๆสะท้านไหว กลีบดอกไม้ลู่ไปตามทิศทางลมที่พัดโหมจนกลายเป็นพายุสวาทลูกใหญ่ซัดกระหน่ำแทรกลึกซอกซอนเข้าไปยังกลีบดอกรักแสนสวยจนเกสรสีหวานสั่นระรัวและบวมเป่งเพราะอารมณ์เสน่หา
ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"
หลี่เมิ่งเหยาย้อนเวลามาอยู่ในร่าง ของเด็กสาววัยสิบสองปี ในวันที่มารดาอนุผู้โง่เขลา ถูกขับไล่ออกจากจวน โชคยังดีที่ตอนตาย นางสวมกำไลหยกโลกันตร์เอาไว้ มันจึงติดตามนางมาที่นี่ด้วย +++ 1 : มารดาโง่ จนถูกไล่ออกจากตระกูล จวนตระกูลหลี่เจ้าเมืองถัง สตรีสองนางถูกสาวใช้จับคุกเข่าลง ตรงหน้าของหลี่หงซวนเจ้าเมืองถัง ทั้งยังเป็นพ่อสามีของทั้งคู่อีกด้วย ท่านกำลังสอบสวนเรื่องของสะใภ้ใหญ่ของบ้านสาม ถูกฮูหยินรองกับอนุรวมหัวกันลอบทำร้าย ด้วยการวางยาขับเลือดในถ้วยน้ำแกงบำรุงครรภ์ ทำให้นางต้องสูญเสียทารกในครรภ์ไป “ท่านพ่อข้าไม่รู้จริง ๆ ว่านั่นเป็นยาขับเลือด ฮูหยินรองบอกว่าเป็นน้ำแกงบำรุงครรภ์ ให้ข้าเป็นคนนำไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ เป็นนางนั่นเอง นางหลอกข้า !” เฉาซูหลิ่งชี้นิ้วไปทางสตรีด้านข้าง ร้อนรนเอ่ยออกมาเหมือนคนไม่ได้รับความเป็นธรรม “อนุเฉาเจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ เจ้าทำคนเดียวทั้งนั้นไม่เกี่ยวกับข้าเลย” ฮูหยินรอง ถูซวงอี้ ชี้นิ้วใส่หน้าเฉาซูหลิ่งกลับคืน ต่างคนต่างโยนความผิดให้กัน ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเยี่ยนหนานโบกมือให้คนเข้ามา “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าสองคนพูดความจริง แต่กลับไม่มีใครยอมรับความผิดแม้แต่คนเดียว มันน่าจับส่งทางการให้รู้แล้วรู้รอด” พ่อบ้านหลัวให้คนลากสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา สภาพของนางถูกทรมานจนเนื้อตัวบวมช้ำไปหมด “เรียนนายท่านข้าให้คนไปค้นห้องสาวใช้ทุกคนในจวน พบเทียบยาซ่อนไว้ใต้หมอน จากห้องของสาวใช้คนนี้ขอรับ” ถูซวงอี้ถึงกับคุกเข่าต่อไปไม่ไหว ทิ้งตัวลงไปนั่งอยู่บนพื้น สาวใช้ที่ถูกทรมานจนสภาพน่าเวทนานั่น เป็นเสี่ยวอิงสาวใช้สินเดิมของนางเอง “ฮูหยินรอง ข้าขอโทษ ข้าทนต่อไปไม่ไหวจริง ๆ ข้าขอโทษ !” เสี่ยวอิงโขกศีรษะลงตรงหน้าของถูซวงอี้แรง ๆ น้ำตาไหลนองหน้าจน แทบไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว พ่อบ้านหลัวเอ่ย “ข้าให้คนไปถามที่หอโอสถแล้วขอรับนายท่าน เป็นเทียบยาขับเลือดจริง ๆ” หลี่หงซวนมองไปทางบุตรชายคนที่สามของตน พบว่าเขามีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก สตรีที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าคือฮูหยินรอง กับอนุภรรยาที่เขารักใคร่ไม่ต่างกัน เหตุใดถึงได้คิดร้ายต่อฮูหยินใหญ่ของเขาได้ เป็นเหตุให้เขาต้องสูญเสียลูกที่อยู่ในท้องของนางไป เดิมทีฮูหยินใหญ่ของเขาก็ตั้งท้องยากอยู่แล้ว เขารอมาตั้งนานกว่าจะมีวันนี้ได้ ไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องสูญเสียไปเช่นนี้ “หย่วนเจ๋อนี่เป็นเรื่องในเรือนของเจ้า เจ้าอยากตัดสินเรื่องนี้ด้วยตัวเองหรือไม่” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามบุตรชาย “ไม่ ข้าไม่อยากเห็นหน้าพวกนางอีกต่อไป แล้วแต่ท่านพ่อเถอะขอรับ ข้าขอตัวไปดูฮูหยินใหญ่ก่อน” หลี่หย่วนเจ๋อคำนับบิดา สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปในทันที หางตายังไม่แม้แต่จะมองสตรีทั้งสองนาง เฉาซูหลิ่งลนลานตามเขาไป “ท่านพี่ช่วยข้าด้วย ข้าไม่ผิดนะเจ้าคะ ท่านพี่ !” แต่ถูกบ่าวรับใช้ขวางทางเอาไว้ หลี่หงซวน “หยุดโวยวายได้แล้วอนุเฉา เจ้าเป็นคนถือถ้วยน้ำแกงใส่ยาขับเลือด ไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ด้วยตัวเอง ยังคิดจะหนีความผิดนี้ไปได้อีกรึ” “ท่านพ่อขะข้าข้า...ไม่ผิด” เฉาซูหลิ่งทิ้งตัวไปด้านหลังอย่างหมดเรี่ยวแรง เดิมทีนางก็ไม่เป็นที่โปรดปรานของพ่อแม่สามีอยู่แล้ว เพราะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้ ครั้นได้บุตรสาวก็นิสัยขี้ขลาดขี้กลัว ไหนเลยจะเชิดหน้าชูตาให้ตระกูลหลี่ได้ เฉาซูหลิ่งนั่งเหม่อลอย คล้ายคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขณะที่หลี่หงซวนกำลังประกาศโทษทัณฑ์ของพวกนาง ถูซวงอี้กับคนของนาง ถูกขายออกจากจวน ไปอยู่หอนางโลมอย่างเงียบ ๆ ชาตินี้อย่าได้ก้าวเท้า กลับมาเหยียบที่จวนตระกูลหลี่อีก ส่วนเฉาซูหลิ่งถูกขับไล่ออกจากจวน ไปพร้อมกับบุตรสาว ให้ไปอยู่เรือนร้างของตระกูลหลี่ที่เมืองฉาง ห้ามกลับมาที่ตระกูลหลี่อีกชั่วชีวิต “ท่านพ่อท่านขับไล่ข้าไป ข้ายังพอรับได้ เหตุใดต้องขับไล่เหยาเอ๋อร์ไปด้วย นางเพิ่งจะสิบสองปีเองนะเจ้าคะ” เฉาซูหลิ่งนึกถึงบุตรสาวร่างกายผ่ายผอม นอนซมเพราะพิษไข้อยู่ เกิดนึกสงสารนางขึ้นมาจับใจ ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปมองสามีเล็กน้อย นางเห็นเด็กสาวคนนั้นมาตั้งแต่เกิด แม้ไม่ได้เอ็นดูแต่ก็นับว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน “ฮูหยินเรื่องนี้ข้าตัดสินใจไปแล้ว ไม่อาจคืนคำได้” คำพูดของประมุขของตระกูล มีหรือใครจะกล้าขัด เฉาซูหลิ่งปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาดัง ๆ นางโง่งมจนทำให้บุตรสาว ต้องมารับเคราะห์กรรมตามไปด้วย “ลากตัวอนุเฉาออกไป หารถม้าสักคันให้คนส่งนาง ไปที่เรือนร้างเมืองฉาง” คำสั่งของหลี่หงซวนเป็นคำขาด บ่าวไพร่รีบทำตามในทันที ครั้นได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังกับฮูหยินผู้เฒ่า หลี่หงซวนถึงได้บอกเหตุผล ที่ต้องตัดสินใจทำเช่นนี้ นั่นเพราะตระกูลจี้ได้ยื่นคำขาดมา ให้ขับไล่พวกเขาออกไปให้หมด อย่าให้เหลืออยู่แม้แต่ตนเดียว ไม่ต้องการให้คนที่ทำร้ายบุตรสาวของพวกเขา อยู่ระคายสายตาของจี้ชิวหรงอีกต่อไป ฮูหยินผู้เฒ่าแค่นออกมาหนึ่งคำ “อ้างเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ความจริงแล้วต้องการกำจัดอนุในเรือนบุตรสาวทิ้งให้หมด นี่กระทั่งเด็กคนหนึ่งก็ไม่เว้น แต่ก็เอาเถอะ เหยาเอ๋อร์อยู่ที่นี่ ก็ใช่จะมีประโยชน์อันใด นางไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเราด้วยซ้ำ ให้นางไปกับแม่ของนางนั่นแหละดีแล้ว” หลี่หงซวนนั้นเป็นเพียงเจ้าเมืองเล็ก ๆ มีตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นที่ห้า ฝั่งตระกูลจี้บ้านเดิมของจี้ชิวหรงนั้น อยู่ในเมืองหลวงมีตำแหน่งใหญ่โตกว่าหนึ่งขั้น เรื่องนี้เขาจึงต้องขบคิด ถึงผลได้ผลเสียในอนาคตอีกด้วย การเสียสละอนุกับหลานสาวคนหนึ่ง เพื่อชดเชยให้แก่คนตระกูลจี้ นับว่าเป็นเรื่องสมควรทำแล้ว “ข้าก็คิดเช่นฮูหยินนั่นแหละ เพียงแต่สะใภ้สามแท้งคราวนี้ ไม่รู้จะยังสามารถตั้งท้องได้อีกหรือไม่ พวกเรารอดูไปก่อนดีกว่า หากนางไม่สามารถตั้งท้องได้จริง ๆ เราค่อยหาอนุมาให้หย่วนเจ๋อภายหลังก็ยังได้ ยามนั้นคนตระกูลจี้จะเอาอะไรมาง้างกับเราได้อีก” “จริงดังท่านว่าเจ้าค่ะ” ฝ่ายเฉาซูหลิ่งที่ถูกคนใช้ ลากตัวออกมาให้เก็บของในเรือน นางส่งเสียงเอะอะโวยวายตลอดทาง พร่ำบอกต้องการพบหลี่หย่วนเจ๋อให้ได้ แต่ถูกสาวใช้ขวางไว้ไม่ให้ไป นางจำใจกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง รีบเก็บของสำคัญใส่ห่อผ้าเพื่อออกเดินทาง
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
ในเมื่อความปรารถนาสูงสุดของอีกฝ่ายไม่ใช่ครอบครัว เธอจึงกลายเป็นคนที่เขาอยากเขี่ยทิ้งไปให้พ้นตัว เหตุผลที่เขาก้าวเข้ามาในชีวิตของเธอ ใช้ถ้อยคำหวานหลอกล่อจนหญิงสาวตายใจ ในที่สุดเธอก็ได้ตัดสินใจแต่งานกับเขาอย่างไม่มีข้อแม้ใด ๆ ท้ายที่สุดแล้วความจริงก็ปรากฏขึ้น เพราะปรเมศเข้าใจผิด คิดว่าเขมิกาคือสาเหตุที่ทำให้ผู้เป็นมารดาของเขาต้องจากโลกนี้ไปโดยไม่ได้เอ่ยคำบอกลา “เขมท้อง!” หญิงสาวตัดสินใจพูดเรื่องทารกน้อยในครรภ์ เพราะลึก ๆ แล้วยังแอบหวังที่จะได้อยู่กับครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตา อารมณ์ของเขมมิกาแปรปรวน เธอเองไม่อาจควบคุมได้ บางทีก็คิดอยากอยู่ประเดี๋ยวก็อยากไป “กี่เดือน” “หกสัปดาห์แล้วค่ะ” “เด็กคนนี้เป็นลูกของใคร” “คุณปรเมศ!” เขมมิการู้สึกผิดหวังในตัวชายหนุ่ม เขาไม่ควรตั้งคำถามนี้กับเธอ “เอาเด็กนั่นออกซะ! นี่คือเงินที่ผมจะจ่ายให้กับคุณ นับจากนี้ไปเราสองคนเป็นเพียงแค่คนแปลกหน้าสำหรับกัน” “คุณคิดดีแล้วใช่ไหมคะ” “ผมไม่เคยลังเลที่อยากเก็บเด็กคนนี้เอาไว้เลยสักนิด” คำตอบที่ได้ทำเอาหญิงสาวพูดไม่ออก มันจุกในอกเสียจนเธอแทบเสียสติ แต่ก็กลับมาได้เพราะทารกน้อย เธอต้องปกป้องเด็กคนนี้ให้ถึงที่สุด ปรเมศจะต้องเสียใจกับถ้อยคำที่เขาพูดกับเธอในวันนี้