หลิงเวยนางปีศาจหมาจิ้งจอกอายุ 300 ปี กระทำการชั่วร้ายเข่นฆ่ามนุษย์จึงถูกเทพชิงกวงอ๊วง ซึ่งเป็นเทพยมบาลจองจำนางไว้ในโพรงไม้ที่โลกมนุษย์เป็นเวลาถึง 300 ปี กระทั่งคุณชายเป่าบุตรชายเศรษฐีหม่ากับตงฟางโจวพี่เลี้ยงมาล่าสัตว์ในป่าและยิงธนู ทำลายมนตร์เทพชิงกวงอ๊วง ทำให้นางนางปีศาจหมาจิ้งจอกหลิงเวยถูกปลดปล่อย มันพึงพอใจต่อรูปร่างหน้าตาของคุณชายเป่า มันตามคุณชายไปที่บ้านและรู้ว่าคุณชายมักมากในกามคุณ เรียกสาวใช้มาบำบัดสวาท มันอยากที่จะเสพสังวาสกับเขา มันใช้เล่ห์เหลี่ยมและมนตร์มายา เข้าสิงร่างของฉางซีหญิงชาวบ้านผู้งดงามที่ถูกแม่เลี้ยงกับลูกสาวแม่เลี้ยงข่มเหงรังแก นางปีศาจหมาจิ้งจอกหลิงเวยเห็นแม่เลี้ยงของฉางซีเล่นชู้กับคนเลี้ยงม้าของเศรษฐีหม่าจึงพาพ่อฉางซีไปขอความเป็นธรรมกับเศรษฐีหม่า เศรษฐีหม่าจึงให้แม่เลี้ยงของฉางซีอยู่กินกับคนเลี้ยงม้าแล้วให้เปาเปาลูกของนางแม่เลี้ยงไปรับใช้ที่บ้านเศรษฐีหม่าแทน คุณชายเป่าเห็นฉางซีก็ตกหลุมรักและไปหาฉางซีที่บ้านบ่อยๆ นางปีศาจหมาจิ้งจอกหลิงเวยแล้วใช้เวทมนตร์บังคับคุณชายเป่ามีอะไรด้วย และมันจึงปรากฏกายเยาะเย้ยฉางซีว่าคุณชายเป่ารักมันเพียงผู้เดียว ไม่ได้รักฉางซีแม้แต่น้อย เปาเปาหลงรักคุณชายเป่าให้ท่าทุกอย่าง นางกล้าแม้แต่พลีกายให้ตงฟางโจวพี่เลี้ยงคุณชายเป่าเพื่อเป็นการติดสินบน ทำให้นางได้ใกล้ชิดคุณชายเป่า และก็สมใจ เปาเปาได้ร่วมหลับนอนกับคุณชายเป่า ซึ่งก็สร้างความโกรธแค้นให้นางปีศาจหมาจิ้งจอกหลิงเวย มันจึงสิงร่างเปาเปาให้แก้ผ้าแล้วไล่ปล้ำผู้ชายในบ้านเศรษฐีหม่าดุจดั่งเป็นหญิงร่านสวาท กระทั่งเปาเปากลายเป็นบ้า ความร้ายกาจของนางปีศาจหมาจิ้งจอกหลิงเวยเพิ่มมากขึ้น มันจะทำร้ายฉางซีหรือไม่ คุณชายเป่าจะรักฉางซีที่เป็นนางหรือรักด้วยมนตร์ของนางปีศาจจิ้งจอกจอมวายร้ายตัวนั้น แล้วใครจะจัดการกับนางปีศาจจิ้งจอกร้ายตัวนี้ได้ ติดตามอ่านได้แล้วค่ะ ด้วยความปรารถนาดี ดอกท้อสีทอง
“เจ้าหยุดก่อกรรมทำชั่วได้แล้วนางปีศาจจิ้งจอกหลิงเวย”
เสียงกัมปนาทดังสะเทือนแผ่นฟ้าและผืนดิน แม้แต่ดอกเหมยที่กำลังบานสะพรั่งบนกิ่งก้านยังหลุดร่วงลงมากองกับพื้น
ร่างอสุภะที่มีใบหน้าและผิวซีดขาวราวกับหิมะ สวมอาภรณ์สีขาวหม่น หันใบหน้าเรียวแหลมมามอง ดวงตาเล็กเรียวชี้ขึ้น จมูกเชิดสูง ปากกว้างเต็มไปด้วยเขี้ยวขาวซึ่งเปรอะเปื้อนเลือดสีแดงฉาน หูทั้งสองข้างเหมือนกับหูสุนัขขยับไปมา ส่วนผมมันปล่อยยาวเป็นกระเซิง
นางปีศาจจิ้งจอกหลิงเวยซึ่งมีอายุ 300 ปีทิ้งร่างเหยื่อซึ่งเป็นชายหาฟืนลงกับพื้น คอชายผู้นั้นเป็นแผลเหวอะหวะ เขาสิ้นลมหายใจตั้งแต่นางจิ้งจอกฝังคมเขี้ยวแรกลงไป
กลิ่นเหม็นสาบสางชวนสะอิดสะเอียนที่ลอยตามลม หาทำให้ร่างใหญ่ของเทพชิงกวงอ๊วง ซึ่งเป็นเทพยมบาลในยมโลกสะดุ้งสะเทือนแต่อย่างใด
“เจ้าเป็นใคร บังอาจสั่งข้าผู้เป็นใหญ่แห่งจิ้งจอกทั้งมวล”
นางปีศาจจิ้งจอกหลิงเวยแสดงอิทธิฤทธิ์โดยคำรามลั่น จนใบดอกเหมยร่วงกราวลงพื้นและมันพุ่งร่างเข้าหาเทพชิงกวงอ๊วงอย่างประสงค์ร้าย
ทว่า!
ร่างมันกลับนิ่งค้างกลางอากาศเมื่อเทพชิงกวงอ๊วงยกฝ่ามือขวาขึ้น พลังสีแดงพุ่งกระจายรอบทิศ นางปีศาจจิ้งจอกหลิงเวยจิตพรั่นพรึงเมื่อรู้ว่าบุรุษร่างใหญ่ท่าทางน่าเกรงขามผู้นี้คงไม่ใช่คนธรรมดา
“นางจิ้งจอกต่ำช้า นอกจากเจ้ายังไม่สำนึกความผิดที่กระทำแล้ว เจ้ายังโง่เขลา เบาปัญญาจนไม่รู้ว่าข้าเป็นใคร”
“แล้วเจ้าเป็นใครเล่า ทำไมถึงใช้พลังฝ่ามือกักกั้นข้าให้ค้างคากลางอากาศเช่นนี้”
“ในเมื่อเจ้าไม่รู้ ข้าจะบอกเจ้าเอาบุญ นังปีศาจจิ้งจอกผู้ต่ำตม ข้าคือเทพชิงกวงอ๊วงซึ่งเป็นเทพยมบาลในยมโลก”
หลังจากเทพชิงกวงอ๊วงกล่าวจบ เกิดอสุนีฟาดเปรี้ยงลงที่ร่างนางปีศาจจิ้งจอกหลิงเวยจนไฟลุกท่วมร่าง
ร่างมันเกร็งกระตุก ดวงตาเหลือกโพลงและร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด
“โอ๊ย ช่วยข้าด้วย ข้าเจ็บ ข้า ข้าทรมานเหลือทน อ๊าก”
“นี่คือการลงโทษแค่เพียงเบื้องต้นเท่านั้นนางปีศาจจิ้งจอกหลิงเวย”
“โอ ท่านเทพชิงกวงอ๊วง ข้า ข้าผิดไปแล้ว จงดับไฟอสุนีออกจากร่างข้าด้วยเถิด”
“เจ้าก็เหมือนผู้กระทำความผิดทั่วไป เมื่อถูกลงโทษก็ร้องอ้อนวอนว่าสำนึกผิด ข้ารู้ความชั่วช้าสามานย์ของเจ้ามันฝังหยั่งรากลึก หากปลดปล่อยเจ้ากลับคืนดังเดิม เจ้าก็ก่อกรรมทำเข็นกับมนุษย์อีก”
นางปีศาจจิ้งจอกหลิงเวยได้ยินดังนั้น มันรู้ว่าจะต้องไปรับโทษทัณฑ์หนักกว่าโดยสายอสุนีฟาด มันมองเทพชิงกวงอ๊วงด้วยสายตาอ้อนวอน
“ข้ายอมรับโทษทุกประการ ท่านเทพชิงกวงอ๊วง”
“ดี เช่นนั้น ข้าจะจองจำดวงวิญญาณเจ้าไว้ในโพรงไม้ตลอดไป เจ้าจะไม่ต้องไปฆ่าผู้คนอีก”
“โอ ท่านเทพชิงกวงอ๊วง โปรดเมตตาข้าด้วย”
ไม่มีคำพูดใดๆ จากเทพชิงกวงอ๊วงนอกจากยกมือขวาขึ้นสูงระดับอกแล้วหลับตา ท่องมนตร์เพียงชั่วครู่
พลัน! เกิดพลังแสงสีแดงแผ่กระจายฝ่ามือ เทพชิงกวงอ๊วงดันฝ่ามือออกไปสุดแรง ร่างนางปีศาจจิ้งจอกหลิงเวยปลิวไปยังต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง
และแล้วนางปีศาจจิ้งจอกหลิงเวยหายวับเข้าไปในโพรงไม้ ดวงวิญญาณชั่วช้าถูกจองจำไว้ในนั้นตราบนานเท่านาน
เทพชิงกวงอ๊วงติดผ้ายันต์สีแดงไว้ที่โพรงไม้แล้วท่องมนตร์กำกับ เพียงชั่วครู่ผ้ายันต์สูญสลายไปกับอากาศ ทั้งที่ความจริงแล้วผ้ายันต์ผืนนั้นยังอยู่ที่เดิมซึ่งเป็นการพรางตาไม่ให้ใครเห็น
นางปีศาจจิ้งจอกหลิงเวยร้องคร่ำครวญอยู่ในโพรงไม้ด้วยความทุกข์ทรมานเพราะดวงวิญญาณไม่อาจออกมาไล่ล่าผู้คนได้อีก
ณ ชายแดนเมืองฉงชิ่ง
คุณชายเป่าบุตรชายเศรษฐีหม่า อยู่ในวัยหนุ่มฉกรรจ์และเป็นบุรุษรูปงามได้ออกล่าสัตว์กับตงฟางโจวซึ่งเป็นพี่เลี้ยง กระต่ายตัวใหญ่สีขาวขนปุกปุยวิ่งผ่านหน้า คุณชายเป่าเงื้อคันธนูสุดกำลัง เตรียมปล่อยลูกธนูออกจากแหล่ง
เป้าหมายคือกระต่ายตัวขาวที่วิ่งเต็มฝีเหยียด เมื่อรู้ว่าภัยกำลังมาถึงตัว ตงฟางโจววิ่งอ้อมไปอีกด้าน เขาจะดักด้านหน้ากระต่ายให้วิ่งย้อนกลับไปหาผู้เป็นนาย
“คุณชายเป่า กระต่ายวิ่งไปหาท่านแล้ว”
“เจ้าก็เบาๆ หน่อยสิ เห็นไหมเล่ากระต่ายมันตกใจวิ่งไปทางโน้นแล้ว”
วันเพ็ญหรือแพทเป็นนางระบำเปลื้องผ้า แต่ไม่ถูกกับใครในร้าน ความทะเยอทะยานเพื่อให้เป็นที่ปรารถนาแก่ผู้ชาย เพื่อให้ได้เงินเยอะ ๆ จึงไปหาร่างทรงพญามาร ให้ลงของ และให้คาถาเด็ด ซึ่งได้ผล ผู้ชายทั้งไทยและต่างชาติ มาติดพัน ทุ่มเงินให้เพื่อจะได้ครอบครองแพท เมื่อมีเงิน แพทมีเงินก็เย่อหยิ่ง ไม่เห็นหัวใคร ถ้าเธอไม่พอใจใครก็จะเล่นงานด้วยคาถาเลวร้าย จนมีคนที่ถูกคาถาเล่นงาน มีอันเป็นไป สิ่งหนึ่งของการใช้มนตร์คาถานี้นั่นก็คือมีข้อแม้ว่า หากทำไม่ได้ เธอจะพบกับความหายนะ ข้อแม้มันคืออะไรกันแน่ ดีหรือร้ายอย่างไร เพื่อน ๆ ต้องติดตามแล้วค่ะ ดาวฉาย
ผู้หญิงทุกคนต้องการที่จะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันกับชายคนรักในฐานะสามีภรรยาโดยยึดหลักที่ว่าจะต้องมีความรัก ความเข้าใจกัน ไม่ระแวง ไม่ทรยศหักหลัง ถ้าทำได้เช่นนี้จะมีความสุขมาก ในความเป็นจริงแล้วไม่ใช่ดั่งที่วาดฝัน เพราะผู้ชายเป็นเพศที่มีความเห็นแก่ตัวด้วยกันทุกคน มากบ้าง น้อยบ้าง ซึ่งเราไม่อาจรู้ได้ ขอแสดงความยินดีกับผู้หญิงโชคดีได้อยู่กับคนที่มีความรับผิดชอบ รักครอบครัว แม้ว่าจะออกนอกลู่นอกทางไปบ้างแต่ก็ไม่เสียหาย ไม่บ้าบอกับสิ่งจอมปลอมนอกบ้าน แต่ก็มีผู้หญิงอีกหลายคน ทนทุกข์ทรมานกับสามีที่ไม่ได้ความ เจ้าชู้เหลือกำลัง เห็นผู้หญิงสวย ๆ แล้วตาวาว ทุ่มเงินไม่อั้นเพื่อที่จะใกล้ชิด ผู้ชายคนไหนที่ประพฤติตัวเช่นนี้ก็คงเป็นกรรมของภรรยา ปาฏิหาริย์รักสองเรา คืออีกหนึ่งผลงานของ ฟ้าใส ไอรดา ที่ตั้งใจเขียนอย่างเต็มที่ เพื่อเตือนสติของผู้ชายที่กระทำตนนอกใจภรรยาที่แสนดี ปาฏิหาริย์รักสองเรา เป็นเรื่องราวความรักของชีวิตคู่ระหว่าง ธีมกับณอร ก่อนที่จะลงเอยด้วยการแต่งงาน แต่ละคนก็ผ่านชีวิตรักในรูปแบบต่าง ๆ มาแล้ว เมื่อเจอกัน ต้องชะตา ฟันฝ่าอุปสรรคเพื่อที่จะได้แต่งงาน ร่วมชีวิตคู่ ความรักที่คิดว่าราบรื่น ดันมีเมฆหมอกแห่งความชั่วร้ายมาบดบัง ทั้งความหลงลืมตัวของธีมในระหว่างมีเงิน แทบทำให้นาวาชีวิตคู่ล่ม แต่ณอรก็ทนเพื่อประคับประคองให้ไปถึงฝั่ง ทุกอย่างกำลังจะไปได้ดี เขากลับเป็นโรคร้ายที่จะต้องใช้เงินในการรักษาเป็นจำนวนมาก เธอเผชิญกับมรสุมชีวิตหนัก เหนื่อยต่อการหาเงิน ต้องดูแลธีมอย่างใกล้ชิด รองรับอารมณ์ที่แปรปรวน กระทั่งร่างกายทนไม่ไหว สติหลุดลอยไป ณอรจะเป็นอย่างไร ธีมหายจากโรคร้ายหรือไม่ คำตอบมีอยู่ภายในเล่มนี้แล้ว ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่ติดตามผลงานของ ฟ้าใส ไอรดา ขอบคุณจริง ๆ ค่ะ ด้วยความปรารถนาดี ฟ้าใส ไอรดา
หลายๆ คนเข้าใจผิด คิดว่าผู้หญิงเมื่ออายุเลย 35 ปีไปแล้ว เข้าสู่วัยสาวใหญ่ ความต้องการเรื่องเซ็กซ์จะลดน้อยลงไป เปล่าเลยค่ะ! ความจริงแล้วผู้หญิงไม่ว่าวัยไหนก็มีความต้องการทางเพศทุกคน เว้นแต่ว่าอายุมากแล้ว หมดเลือดหมดลม เรื่องอย่างว่าก็ลดน้อยตามไปด้วย แต่สาวใหญ่หลายๆ คนวัย 35 กะรัตขึ้นไป บอกได้เลยว่าความร้อนแรงเรื่องเซ็กซ์นั้นแทบจะทำให้ปรอทแตก ยิ่งอายุมาก ยิ่งแซบ อีกทั้งประสบการณ์เรื่องบนเตียงก็เพิ่มมากขึ้น ลีลารักจึงเด็ดขาด มีความต้องการเรื่องเซ็กซ์ เมื่อเจอคู่ขาที่ไปด้วยกันได้ ความแซบแบบสุดซี๊ดจึงตามมา สาวใหญ่ร้อนสวาท หรือ Hot woman เป็นเรื่องของเริงรมย์สาวใหญ่วัยเกือบ 40 ปี เธอผิดหวังกับแฟนหนุ่มที่อายุน้อยกว่า เมื่อเจอคนใหม่ที่รวยกว่า เขาทิ้งเธออย่างไม่ใยดีแถมพูดให้เจ็บใจว่าแก่ หน้าเหี่ยวอีก เธอเจ็บใจมากจึงไปทำศัลยกรรมทั้งใบหน้าและนม จนว้าว! ใบหน้าอ่อนวัย สวย เซ็กซี่ กลายเป็นเน็ตไอดอลที่หลายคนชื่นชอบ แต่ไม่มีใครรู้อายุที่แท้จริงของเธอ เริงรมย์จึงกินชายหนุ่มได้สบายๆ แต่ความลับไม่มีในโลก เมื่อแฟนหนุ่มคนถัดมารู้อายุที่แท้จริงของเธอจึงเผ่นหนี ทำให้เธอเสียใจอีกแล้ว ทว่า.... โลกนี้ไม่เลวร้ายไปหมดทุกเรื่อง เมื่อเธอเจอวิน ชายหนุ่มรูปหล่อ กล้ามโต เขาเป็นใครกันแน่...ก็ต้องติดตามอ่านกันให้จบค่ะ รักนักอ่านทุกท่าน ดาวฉาย
ความรักที่วาริณีมีให้สนธิ์นั้นมากล้นเสียจนไม่มีสิ่งใดทดแทน ไม่สนใจว่าเขาจะทำร้ายเธอทั้งร่างกายและจิตใจครั้งแล้วครั้งเล่าก็ตาม เพราะความเมาในยาบางอย่างที่ญาติผู้พี่แอบผสมให้กินในอาหารเพื่อหวังในสมบัติ โดยว่าจ้างผู้หญิงไม่ดีมาคอยดูแล เธอคนนั้นยั่วเย้าเขา โดยเอาตัวเข้าแลก ให้ได้มาในสิ่งที่ต้องการ วาริณีพยายามกีดกันผู้หญิงคนนั้น แต่เขากลับเข้าข้างผู้หญิงคนใหม่ แต่วาริณีพยายามช่วยชายคนรักให้กลับมาเป็นคนเดิมให้ได้ แม้ว่าจะถูกคนกล่าวหาว่าเธอเป็นทาสผู้ชายที่กระทำชั่วร้ายเปรียบประดุจซาตานก็ตาม วาริณีจะช่วยสนธิ์สำเร็จไหมก็ต้องติดตามกันต่อไปค่ะ ด้วยความปรารถนาดี ดาวฉาย
สตรีทุกนางย่อมปรารถนางานวิวาห์ ถ้าเป็นบุรุษรูปงาม มั่งคั่งทรัพย์สินมาขอวิวาห์ แต่จะทำอย่างไร เมื่อสตรีงามอยู่ในสำนักโคมเขียว มีมารดาเป็นผู้ช่วยเจ้าสำนักและยังเคยเป็นนางคณิกามาก่อน บิดากับมารดาฝ่ายชายจะรับได้หรือไม่
ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวของเฉียวซิงเฉินหนีไปกับผู้หญิงอีกคน เธอโกรธมาก จึงสุ่มหาชายคนหนึ่งมาแต่งงานด้วยทันที "ตราบใดที่คุณกล้าแต่งงานกับฉัน ฉันก็ยอมเป็นเมียคุณ" หลังจากแต่งงาน เธอได้ค้นพบว่าสามีของเธอคือลูกชายคนโตของตระกูลลู่ที่ขึ้นชื่อว่าไร้ประโยชน์ ชื่อลู่ถิงเซียว ทุกคนเยาะเย้ยว่า "เธอยนี่ช่วยไม่ได้จริงๆ" และผู้ชายที่ทรยศเธอก็มาเกลี้ยกล่อมว่า "ไม่เห็นต้องทำร้ายตัวเองเพราะฉันหรอก สักวันเธอต้องเสียใจแน่ๆ" เฉียวซิงเฉินหัวเราะเยาะและโต้ตอบว่า "ไปให้พ้น ฉันกับสามีรักกันมาก" ทุกคนต่าก็คิดว่าเธอเป็นบ้า ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวตนที่แท้จริงของลู่ถิงเซียวถูกเปิดเผย ที่แท้เขาเป็นคนรวยอันดับต้นๆในโลก ในการถ่ายทอดสดทั่วโลก ชายคนนี้คุกเข่าข้างเดียว ถือแหวนเพชรมูลค่าหลักพันล้าน และพูดช้าๆ ว่า "คุณภรรยา ชีวิตที่เหลือนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ"
“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง
ทะลุมิติมาในนิยายยุค 80 ว่ายากลำบากแล้วเธอยังต้องมาเลี้ยงลูกแฝดและวางแผนหนีชะตาชีวิตที่นักเขียนระบุให้ตายอย่างทรมานภายใต้เงื้อมมือของพ่อตัวร้ายอีก สวรรค์!ยังจะมีตัวละครทะลุมิติใดบัดซบเท่าเธออีกหรือไม่
นรีรัตน์ตอบตกลงทำตามสัญญาที่ว่าเธอจะแต่งงานกับชยุดและต้องมีลูกกับเขาภายในเวลาหนึ่งปี มิเช่นนั้น เธอจะต้องสูญเสียทุกอย่างในชีวิตของเธอไป แต่การกระทำมักทำยากกว่าคำพูดเสมอ การที่เธอต้องเผชิญกับการถูกกลั่นแกล้งให้ขายหน้าวันแล้ววันเล่า จนที่สุดเธอหมดความอดทนและไม่อยากจะยอมก้มหัวอย่างคนพ่ายแพ้อีกต่อไป ในวันที่เขาประสบอุบัติเหตุ เธอได้อุทิศเสียสละโดยไม่ได้นึกถึงความปลอดภัยของตนเองเพื่อช่วยชีวิตของเขาไว้ ถึงแม้ว่าในตอนนี้เธอยังคงมีชีวิตอยู่ แต่ในอีกไม่ช้าเธอจะหายตัวไปจากชีวิตของเขา ตราบจนถึงเวลาที่ลูกของพวกเขาเติบโตขึ้นมา และเมื่อถึงเวลานั้นโชคชะตาจะพัดพาให้พวกเขากลับพันผูกกันอีกครั้ง เดิมทีเธอจะกลับไปหาเขาก็ได้ แต่ตอนนี้เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่จะอุทิศทุกสิ่งอย่างเพื่อความรักในตัวเขาอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้เธอพร้อมแล้วที่จะต่อสู้เพื่อลูกชายของตัวเอง
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
เสียงกระเส่าในยามค่ำคืน ไม่ได้มีแค่เสียงเดียวแต่มีถึงหลายคน สตรีนางน้อยที่อยู่บนเตียงหันมองสตรีที่จูบแม่ทัพปีศาจ นางพึ่งจะเป็นมือใหม่ที่ใหม่จนไม่กล้าทำสิ่งใด ได้แต่มองเขาเสพสมสตรีอื่นต่อหน้านาง เสียงเนื้อกระทบเนื้อที่ดังไม่หยุด ยิ่งทำให้นางประสาทเสีย หากแต่ว่าหากนางยังนิ่งมองอยู่เช่นนี้ เกรงว่าพรุ่งนี้จะไม่มีที่นอน เมื่อเป็นเช่นนี้ก็จัดเลยสิจะรออะไร ใช่ว่านางจะทำไม่เป็นเสียหน่อย