เก้าทัพ กันต์ดนัย ลูกชายสายเฟียร์สของหมอกฤษฎิ์ หล่อร้าย เจ้าเล่ห์ และแสนเย็นชากับทุกคน ยกเว้นเธอนับดาว ภายใต้ใบหน้าหล่อเหลาที่แสนเย็นชากลับมีความอ่อนโยนซ่อนอยู่อย่างมิดชิด รักครั้งแรกจากใครบางคนเขาจะขอทวงมันกลับมาคืนทั้งตัวและหัวใจ นับดาว นภาดา เด็กสาวที่เติบโตมาในบ้านเด็กกำพร้าและสู้ชีวิตมาตั้งแต่เด็ก น่ารัก อ่อนหวาน ไร้เดียงสา อ่อนโยน ตกหลุมรักเก้าทัพตั้งแต่แรกพบและมั่นคงในรักเสมอมา รักครั้งแรกลาลับไปพร้อมกับคำว่า แอบรักรุ่นพี่ รักครั้งใหม่มาเยือนพร้อมกับคำว่า แอบรักพ่อของลูก เด็กชายกองทัพ กันต์กวี ของขวัญจากเขาชายผู้เป็นที่รักหาใช่ความผิดพลาดที่ใครต่อใครตราหน้าเธอไม่ เด็กแสบ เด็กซน ที่เป็นรอยยิ้มและกำลังใจของนับดาว เด็กแสบและแสนร้ายคู่กัด No.1 ของเขาคนนั้นรักแรกของมารดา เรียกพ่อมันยากเรียกเก้าทัพง่ายกว่าเป็นไหนๆ
เย็นวันฝนพรำ
โครม!!!!
หยาดฝนที่เทกระหน่ำลงมาราวกับฟ้ารั่วทำเอานับดาวที่กำลังวิ่งข้ามถนนมาพร้อมกับตะกร้าใส่ขนมไทยถึงกับลื่นล้มอยู่กลางถนน ขนมในตะกร้าใบใหญ่หกกระจัดกระจายเต็มท้องถนน ร่างบางรีบลุกขึ้นเก็บขนมไทยที่แม่ปรานีทำเพื่อให้เธอนำไปขายที่ตลาดยามเย็นโดยที่ไม่สนใจแผลถลอกที่เข่าเลยสักนิด รถหลายคันผ่านไปมาโดยที่ไม่มีใครลงมาช่วยสาวน้อยผมสั้นในชุดเดรสเก่า ๆ ที่กำลังตากฝนเก็บขนมอยู่ท่ามกลางสายฝนพรำเลยสักคน
จนทั่งกระร่างสูงของใครบางคนที่หยุดลงตรงหน้านับดาวเด็กสาวผู้โชคร้ายพร้อมกับร่มคันใหญ่ที่ถูกกางเพื่อกันฝนให้สาวน้อยร่างผอมบางที่กำลังเก็บบรรดาขนมที่ตกหล่นอยู่บนพื้นถนน นับดาวชะงักมือที่กำลังก้มเก็บขนมพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองใครบางคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเธอ ใบหน้าหล่อเหลาราวกับหลุดออกมาจากเทพนิยายทำเอาเธอถึงกับใจเต้นแรงไม่เป็นส่ำสายตาที่ติดจะเย็นชาเล็กน้อยนั่นดึงดูดเธอราวกับต้องมนตร์สะกด
เก้าทัพเลือกที่จะนั่งยอง ๆ ลงบนพื้นถนนแล้วยื่นร่มให้หญิงสาวแปลกหน้า นับดาวมองเขาพร้อมรับร่มมาถือไว้อย่าง-งง ๆ ชายหนุ่มร่างสูงหันไปเอื้อมมือเก็บขนมที่อยู่ไกลออกไปมาใส่ตะกร้าให้เธอจนครบ ความใกล้ชิดที่เกิดขึ้นทำให้กลิ่นน้ำหอมของเก้าทัพลอยมาเตะจมูกของนับดาว สาววัยแรกแย้มที่ไม่เคยมีประสบการณ์ความรักมาก่อนให้ใจเต้นแรงและใจสั่นอย่างควบคุมอาการไม่อยู่
“ขอบคุณนะคะ”
เสียงหวานเอ่ยขอบคุณคนตรงหน้าอย่างซาบซึ้งในน้ำใจก่อนที่จะยื่นร่มคืนให้ เก้าทัพรับร่มมาถือเอาไว้พร้อมยืนมือใหญ่มาตรงหน้าสาวน้อยที่กำลังมองมือใหญ่ตรงหน้าเธอด้วยความคิดไม่ถึงว่านอกจากเขาจะลงมาช่วยเธอเก็บขนมที่หล่นอยู่กลางถนนแล้วพี่ผู้ชายคนนี้ยังจะช่วยดึงเธอลุกขึ้นอีกด้วย
มือบางค่อย ๆ ทาบวางลงบนมือใหญ่ก่อนที่ฝ่ามือที่เย็นชื้นไปด้วยน้ำฝนจะกุมมือเธอเอาไว้อย่างแนบแน่นความอบอุ่นที่ไม่เคยรู้สึกกับใครมาก่อนพลันแล่นพล่านไปทั่วทั้งร่างกายและหัวใจที่ไร้เดียงสาดวงน้อย ก่อนที่นับดาวจะลุกขึ้นมาตามแรงฉุดอย่างเบามือของคนตัวโตท่ามกลางสายฝน
สองหนุ่มสาวยืนเผชิญหน้ากันก่อนที่ดวงตากลมโตจะช้อนขึ้นมองสายตาเย็นชาของคนใจดีตรงหน้าแล้วกระพุ่มมือไหว้อย่างงดงามเพื่อขอบคุณอีกครั้ง
“ขอบคุณพี่มากจริง ๆ นะคะที่ลงมาช่วยนับดาวเก็บขนม”
รอยยิ้มสดใสถูกส่งไปให้ร่างสูงของเก้าทัพทำเอาเขาชะงักไปเล็กน้อยกับรอยยิ้มที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสาของสาวน้อยตรงหน้า เก้าทัพเผยรอยยิ้มกว้างตอบกลับก่อนที่จะยื่นร่มส่งให้เธอ สาวน้อยทำหน้างุนงง ซึ่งท่าทางแบบนั้นเก้าทัพมองว่ามันน่ารักมากสำหรับเขา
“อีกนานกว่าฝนจะหยุดตกน้องเอาร่มไปเถอะนะ อีกอย่างขนมนี่พี่ช่วยอุดหนุนเราแล้วกัน อันไหนที่ยังกินได้ก็เอาไปแจกเพื่อน ๆ เสียนะ”
มือใหญ่ยัดร่มใส่มือนับดาวที่ยังคงงง ๆ อยู่โดยที่ไม่ลืมยัดแบงก์สีเทาใส่มือเล็กนุ่มนิ่มหลังจากนั้นเก้าทัพก็วิ่งออกจากร่มคันใหญ่กลับไปที่รถทันที นับดาวเมื่อได้สติก็รีบก้าวเตรียมจะวิ่งไปหาพี่ชายแปลกหน้าเพื่อคืนเงิน แต่เท้าเล็กกลับบังเอิญเหยียบอะไรบางอย่างเข้าทำให้เด็กสาวชะงักไป ก่อนที่จะยกเท้าขึ้นแล้วก้มลงหยิบสร้อยสีเงินที่มีบางอย่างคล้องอยู่ซึ่งเธอก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่พอมองไปทางรถคันหรูของพี่ชายสุดหล่อกลับพบเพียงความว่างเปล่า
นับดาวมองสร้อยในมือที่เธอเก็บได้ซึ่งเธอเดาว่าน่าจะเป็นของพี่ชายคนนั้นที่ทำหล่นเอาไว้อย่างแน่นอน รอยยิ้มไร้เดียงสาเผยออกมาเล็กน้อยก่อนที่จะรีบเก็บสร้อยใส่ไว้ในกระเป๋าผ้าใบเก่าที่เปียกโชกพร้อมกับแบงก์พันที่พี่ชายใจดีช่วยอุดหนุนขนมของเธอ
“ขอบคุณนะคะพี่ชาย”
เสียงหวานพึมพำขอบคุณเขาถึงแม้ว่าพี่ชายคนนั้นจะไม่อยู่ตรงนี้เพื่อฟังคำขอบคุณของเธอแล้วก็ตาม ความประทับใจในตัวของพี่ชายใจดีคนนั้นนับดาวจะจดจำไว้ตลอดไป หากมีวาสนาหรือโอกาสขอให้เธอได้พบกับพี่ชายคนนั้นเพื่อตอบแทนบุญคุณในครั้งนี้ด้วยเถิด นับดาวยิ้มหวานอย่างมีความสุขไปตลอดทางที่เดินกลับบ้านเด็กกำพร้าปรานีบ้านที่เธออาศัยอยู่มาตั้งแต่เกิด
นับดาวเติบโตมาที่บ้านเด็กกำพร้าโดยที่เธอก็ไม่รู้ว่าใครคือพ่อแม่ที่แท้จริง เพราะพวกท่านนำเธอมาทิ้งไว้ที่หน้าบ้านเด็กกำพร้าในวันที่ท้องฟ้ามืดมิด แต่กลับมองเห็นดวงดาวมากมายที่ส่องเป็นประกาย แม่ปรานีที่มาเห็นเธอเข้าจึงรับเลี้ยงและตั้งชื่อให้เธอว่า นับดาว นภาดา แปลว่าดวงดาวบนท้องฟ้าที่สดใส ซึ่งตัวเธอนั้นชื่นชอบชื่อนี้ของตัวเองมาก
เรื่องราวในวันนี้ถือเป็นความสุขเล็ก ๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเธอความใจดีจากคนแปลกหน้าที่เธอได้รับจะเป็นความสุขที่อยู่ในหัวใจของเธอตลอดไป
ใบหน้าหล่อเหลาที่ตราตรึงอยู่ในความทรงจำ รอยยิ้มกว้างที่เธอประทับใจไม่รู้ลืมพร้อมกับหัวใจที่เต้นแรงราวกับว่ากำลังตกหลุมรักเข้าโดยไม่รู้ตัว
แกรก
แอด
เสียงเปิดประตูบ้านไม้หลังเก่าที่ดังขึ้นเรียกความสนใจให้ปรานีที่กำลังเย็บซ่อมแซมชุดของเด็ก ๆ ในบ้านอยู่เงยหน้าขึ้นมองตามเสียงก่อนที่จะรีบวางเสื้อในมือลงแล้วเดินมาแย่งตะกร้าขนมในมือของนับดาวเอาไปวางไว้บนโต๊ะ พร้อมกับรีบเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาเช็ดผมทรงนักเรียนมัธยมของเด็กสาวที่เปียกลู่แนบใบหูด้วยความเป็นห่วง
“ทำไมไม่รอให้ฝนหยุดตกแล้วค่อยมาล่ะลูก ดูสิเปียกโชกไปทั้งตัวเดี๋ยวพรุ่งนี้เกิดเป็นหวัดขึ้นมาก็ไปโรงเรียนไม่ได้กันพอดี”
น้ำเสียงที่แสดงถึงความห่วงใยเอ็ดนับดาวเบา ๆ ก่อนที่สาวน้อยจะยิ้มกว้างออกมาอย่างเอาใจแม่ปรานีที่เลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่เด็กคนที่เธอเรียกว่าแม่อย่างรู้สึกภาคภูมิใจในตัวท่านที่ทำงานทุกอย่างเพื่อเลี้ยงดูเธอกับเด็กหลาย ๆ คนที่อยู่ในบ้าน
แต่ตอนนี้มีเพียงเธอกับอ้อมใจและเอื้ออารีเท่านั้น เด็กสาวสองคนที่ขออยู่ที่บ้านนี้ต่อกับแม่ปรานี เพราะไม่อยากไปอยู่กับครอบครัวใหม่ที่พวกเธอไม่คุ้นเคย ซึ่งนับดาวก็เช่นกันที่ขออยู่ทำงานช่วยแม่ปรานีเพื่อหาเลี้ยงน้อง ๆ ทั้งสองคนที่กำลังอยู่ในวัยมัธยมเฉกเช่นเดียวกับเธอที่ตอนนี้กำลังจะจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6
“ไปได้เหมือนเดิมนั่นแหละค่ะแม่ เพราะนับดาวคนนี้แข็งแรงอยู่แล้วไม่ป่วยง่าย ๆ หรอก”
นับดาวย่นจมูกใส่ปรานีอย่างน่ารักทำเอาคนเป็นแม่อดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นเกี่ยวผมที่ลงมาปรกใบหน้าสวยหวานไปทัดที่ใบหูให้อย่างอ่อนโยน เด็กคนนี้คือของขวัญที่แสนพิเศษและล้ำค่าสำหรับเธอ เด็กสาวที่มาพร้อมกับความสดใสและความร่าเริงที่ทำให้เธออยากมีชีวิตอยู่ต่อเพื่อต่อสู้กับโลกที่แสนกว้างใหญ่ใบนี้
“รีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วลงมากินข้าวเย็นได้แล้ว วันนี้มีแกงส้มของโปรดหนูด้วยนะ”
ปรานีเอ่ยบอกเด็กสาวที่กำลังตาโตด้วยความตื่นเต้นก่อนที่จะยิ้มออกมาด้วยความดีใจแล้วตั้งท่าจะวิ่งขึ้นไปชั้นบนของบ้าน แต่พอวิ่งไปได้เพียงสามเก้าก็พลันชะงักเท้า และหันกลับมาเปิดกระเป๋าผ้าหยิบแบงก์พันออกมายื่นให้ปรานีที่ขมวดคิ้วมุ่นด้วยความแปลกใจที่นับดาวยื่นเงินที่มากกว่าค่าขนมที่เธอทำให้นับดาวไปขายเสียอีก
“พอดีมีพี่ชายใจดีช่วยอุดหนุนขนมที่เปียกและหล่นลงพื้นน่ะค่ะแม่ พี่เขาบอกให้นับดาวเอาขนมที่ยังกินได้มาแจกให้เพื่อนบ้าน”
นับดาวบอกปรานีที่พยักหน้ารับอย่างเข้าใจก่อนที่จะยัดเงินใส่มือมารดาแล้วรีบวิ่งขึ้นชั้นบนไปทันทีเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าลงมาทานมื้อเย็น ที่ถึงแม้ว่าแกงส้มของแม่ปรานีจะมีแค่ดอกแคไร้ซึ่งกุ้งตัวโต ๆ แต่เธอก็มีความสุขแล้วกับอาหารทุกมื้อที่คุณแม่ทำให้กินและทุกช่วงเวลาที่ได้เติบโตขึ้นมาภายใต้ชายคาบ้านเด็กกำพร้าปรานีแห่งนี้
คืนนั้นนับดาวนอนหลับไปพร้อม ๆ กับสร้อยที่คล้องด้วยเฟืองที่มีชื่อสลักเอาไว้ว่า KHAOTHUP รอยยิ้มหวานประดับอยู่บนใบหน้าดวงตากลมโตบัดนี้หลับตาพริ้มอย่างมีความสุขไปกับฝันดีฝันที่มีพี่ชายแปลกหน้าอยู่ในความฝัน
Sign on love ❤️ เดิมพันรัก มาเฟียร้าย กรรฐ์ กวีวัธน์ พิสิฐกุลวัตรดิลก มาเฟียในคราบชุดกาวน์ที่ยอมสลัดคราบผู้ชายเย็นชากระโจนเข้าสู่หลุมพรางของเธอ เธอชอบเขา...เขารู้ แล้วที่เขาชอบเธอ...เธอนั้นรู้หรือยัง ? มีน มินตรา อดิพัทธ์เรืองรัตนกุล ดารานางแบบสาวสวยชื่อดังที่คนชอบมองว่าหยิ่งแท้จริงแล้วนิสัยดี จริงใจ รักเพื่อนฝูง กล้าได้กล้าเสีย โบราณบอกเอาไว้ว่ามารยาหญิงมีร้อยเล่มเกวียนถ้าอย่างนั้นเธอก็จะของัดมาสักเล่มเพื่อยั่วเขาให้ตกหลุมพรางของเธอก็แล้วกัน เขาชอบเธอ...เธอไม่เคยรู้ แล้วที่เธอชอบเขา...เขารู้หรือยัง ?
มิ้นท์ รามิล "พี่มิ้นท์ของขนมพาย" ใจที่แข็งดั่งหินผาสุดท้ายก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับความน่ารักไร้เดียงสาของเธอ "ขนมพาย" "รักฉันเท่าที่เธออยากจะรัก" ขนมพาย พิมพ์ชนก "ขนมพายของพี่มิ้นท์" เพราะความบริสุทธิ์ไร้เดียงสาทำให้เธอเดินหลงเข้าไปติดกับดักรักของเขาโดยไม่รู้ตัว "รักเธอไปหมดแล้วทั้งใจ"
ภีม ภีมวัจน์ อภิรักษ์วัฒนกุล ทายาทรุ่นที่ 3 แห่ง AK Group นักธุรกิจหนุ่มที่ได้รับรางวัลผู้บริหารหน้าใหม่ไฟแรงถึง 4 ปีซ้อน อายุ 26 ปี หล่อ รวย รักสนุกแต่ไม่คิดจะหยุดที่ใคร ใบหน้าหล่อเหลาที่แสนเย็นชาคือเสน่ห์ที่ดึงดูดสาวๆให้เข้ามาพัวพันกับเขาอยู่เสมอ ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าจบลงเพียงชั่วข้ามคืนเพียงเพราะเขายังไม่เจอคนที่ ถูกใจ จนกระทั่งวันหนึ่งที่โชคชะตาเล่นตลกให้เขาได้พบกับเธอ แม่สาววันไนท์ที่ใช้ลิปสติกเขียนบนใบหน้าของเขาด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย แถมยังเซ็นเช็คให้เขาถึงหนึ่งร้อยล้านบาทพร้อมยิ้มมุมปากบอกเขาว่าคือ ค่าตัว หลังจากวันนั้นเขาได้แต่ I told พระแม่ว่าขออย่าให้ได้พบ ได้เจอกับผู้หญิงคนนี้อีกเลยแต่ใครเลยจะรู้ว่าพระแม่ไม่แยแสต่อคำขอร้องของเขาด้วยซ้ำถึงได้ส่ง ตัวแม่ ตัวมัม มาล่อลวงหัวใจของ เขาให้สั่นไหวและตกหลุมรักเธอจนโงหัวไม่ขึ้น กอหญ้า การต์รวี พิสิฐกุลวัตรดิลก / เกียรติมงคลรัตน อายุ 21 ปี ลูกสาวฝาแฝดคนเล็กของแก้มใส พิสิฐกุลวัตรดิลก สาวน้อยแสนแสบและแสนซน ใครดีมาเธอดีตอบ ใครร้ายมาเธอฟาดกลับคืนหมดไม่สนลูกใครหน้าไหนทั้งนั้น ตัวแม่ ตัวมัมเรื่องความใจกล้า เสียตัวแล้วเสียไปเธอไม่เสียใจแถมเธอยังใจดีเซ็นเช็คค่าตัวให้เขาถึงหนึ่งร้อยล้านบาท พร้อมภาวนาต่อพระแม่ว่าเธอ I told ผู้ชายคนนี้พียงคนเดียวเท่านั้น และใช่พระแม่เห็นใจและเข้าใจเธอถึงได้ส่งเธอให้มาเจอกับเขา ผู้ชายปากร้ายแต่หน้าตาหล่อเหลาที่ทำให้เธอหลงเสน่ห์ของเขาจนอยากจะชวนขึ้นเตียงวันละหลายหน จากความคิดที่เพียงแค่อยากเล่นสนุกกลับกลายเป็นความสัมพันธ์ที่ยากจะตัดใจและเธอเองก็ไม่เคยคิดที่จะตัดใจ ถ้าเธอล่อลวงหัวใจของเขามาเป็นของเธอไม่ได้ก็อย่ามาเรียกเธอว่าตัวแม่ตัวมัมอีกเลย คำเตือน ⚠️ Trigger Warning นิยายเรื่องนี้มีเนื่อหาการร่วมเพศอย่างชัดเจนรบกวนผู้อ่านใช้วิจารณญาณในการเสพ
ท่ามกลางรัตติกาลที่มืดมิดสองหนุ่มสาวต่างหลงทางอยู่ในนิทราที่แสนหวาน และเมื่อรุ่งอรุณมาเยือนหนุ่มสาวตื่นจากการหลับไหลนิทราที่แสนหวาน กลับกลายเป็นเธอกับเขาและความรักของเราที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้่น
ผู้ชายที่พรากความบริสุทธิ์ของเธอไปเพียงชั่วข้ามคืนด้วยความเข้าใจผิด ทำให้เธอกับเขาต้องผูกติดกันไปตลอดชีวิตด้วยคำว่ารัก ❤️❤️❤️ หมอไทม์ ธามไธ ศัลยแพทย์โรงพยาบาล N ภายนอกดูเหมือนเป็นคนเย็นชาที่ไม่ค่อยสนใจใคร แต่ใครเลยจะรู้ว่าข้างในหัวใจกลับซ่อนความหวั่นไหวและอบอุ่นเอาไว้อย่างมิดชิด ครั้งหนึ่งเขาเคยตั้งปฎิญาณเอาไว้ว่าจะไม่รักใครแต่แล้วโชคชะตากลับเล่นตลกให้เขาต้องมาตกหลุมรักผู้หญิง ที่เขาหวังเพียงแค่ค้างคืนแต่กลับคือรักจริงและรักเดียวของเขาตลอดไป ไออุ่น อัยย์วรินทร์ เด็กสาวที่มองโลกในแง่ดีน่ารักและบริสุทธิ์สดใส รอยยิ้มของเธอทำให้ใครต่อใครตกหลุมรักโดยไม่รู้ตัว รวมถึงเขาหมอไทม์ ธามไธ ความอบอุ่นของเธอหลอมละลายหัวใจที่เย็นชาดั่งน้ำแข็งของเขา ให้กลายมาเป็นความรักที่ลึกซึ้ง
คิณ อัคนี สุริยวานิชกุล ทายาทคนโตของสุริยวานิชกุลกรุ๊ป อายุ 26 ปี นักธุรกิจหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลาราวกับเทพบุตร เย็นชากับผู้หญิงทั้งโลกยกเว้นเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น เอย อรนลิน "เมื่อเขาดึงเธอเข้ามาในวังวนของไฟรักที่แผดเผาหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้ไหม้ไปทั้งดวง" "เธอแน่ใจนะว่าจะให้ฉันช่วยค่าตอบแทนมันสูงเธอจ่ายไหวเหรอ?" เอย อรนลิน พิศาลวรางกูล ดาวเด่นของวงการบันเทิงที่ผันตัวไปรับบทนางร้าย เธอสวย เซ็กซี่ ขี้ยั่วกับเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น "เขาคือดวงไฟที่จุดประกายขึ้นในหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้หลงเริงร่าอยู่ในวังวนแห่งไฟรัก" "อะ อึก จะ เจ็บ เอยเจ็บค่ะคุณคิณ"
จางหยู่เสวียน เดิมทีเป็นสตรีปากร้ายและถูกผีพนันเข้าสิงจนไม่ใส่ใจลูกและสามีที่เกิดอุบัติเหตุจนพิการไป สตรีนางนั้นก็เริ่มทอดทิ้งสามีแล้วเลือกที่จะทอดสะพานให้บัณฑิตหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่ง จนทำให้ภรรยาของเขาเกิดความหึงหวงผลักนางตกน้ำจนพบจุดจบที่น่าอดสู ทว่าเมื่อจางหยู่เสวียน นักฆ่าสาว เจ้าของรหัสหมายเลข 13 ในองค์กรนักฆ่าระดับโลกมีเหตุให้ถูกฆ่าตาย เนื่องจากไม่ยอมสังหารคนดี เธอจึงได้รับโอกาสใหม่จากสวรรค์เพื่อตอบแทนความดีครั้งนี้ในการมาเกิดใหม่ในร่างคนอื่นในยุคจีนโบราณ ทว่าเจ้าของร่างเดิมนั้นทำตัวเหลวแหลก ไม่เคยใส่ใจความรู้สึกของครอบครัว จนถึงขนาดคิดขายลูกกิน นักฆ่าสาวที่ข้ามเวลามาจากอนาคตจึงต้องทำทุกทางเพื่อแก้ไขเรื่องราวที่ยุ่งเหยิงนี้ ก่อนที่จะมีจุดจบเลวร้ายไม่ต่างไปจากเจ้าของร่างเดิม ชีวิตใหม่ครั้งนี้ นางจะใช้มันอย่างดีเพื่อดูแลครอบครัวนี้ให้มีความสุข และลบแผลใจแย่ๆ ให้หมดไปจากทุกคนในครอบครัว "ท่านแม่จะทิ้งเราเหรอ!" ไม่รู้เด็ก ๆ ที่วิ่งเล่นกันอยู่ด้านนอกเข้ามาได้ยินที่ประโยคไหน เข้าใจว่าผู้เป็นแม่จะออกไปและไม่กลับมาอีก สองพี่น้องกอดหมับที่ขามารดาคนละข้าง ทิ้งน้ำหนักลงพื้นเต็มที่ หากจะไปพวกเขาจะเกาะหนึบนางไปเช่นนี้ "ท่านแม่อย่าทิ้งข้าเลยนะเจ้า" ซ่งอวี้หลานร้องไห้โฮ น้ำตาทะลักออกจนชายชุดนางชุ่มในเวลาไม่กี่พริบตา ทางด้านซ่งหยวนหมิงก็รู้สึกว่าจะแพ้ไม่ได้ เลยกลั้นใจบีบน้ำตาจนหน้าแดง เห็นลูกทุ่มเทช่วยเขาขนาดนี้ ซ่งอี้หนานก็คุกเข่าลง ประคองมือนางไว้ไม่ปล่อย ใบหน้าคมคายจากมุมมองที่สูงกว่า ทำให้เขาดูคล้ายสุนัขตัวโต "ข้า เอ่อ" จางหยู่เสวียนพูดไม่ออก
ในวันแต่งงาน เสิ่นเยวียนถูกคู่หมั้นและน้องสาวของเธอทำร้าย และถูกจำคุกเป็นเวลาสามปีด้วยความทุกข์ทรมาน หลังจากได้รับการปล่อยตัวจากคุก น้องสาวผู้ชั่วร้ายได้คุกคามด้วยชีวิตแม่และพยายามให้เธอมอบตัวกับชายชรา อย่างไรก็ตาม เธอได้พบกับเซียวเป่ยหาน ซึ่งเป็นผู้ทรงอิธิพลที่หล่อเหลาและเย็นชาแห่งแห่งสังคมด้านมืด อย่างไม่คาดคิด และชะตากรรมของเธอก็เปลี่ยนไปตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แม้ว่าเซียวเป่ยหานจะเย็นชา แต่เขากลับปฏิบัติต่อเสิ่นเยวียนดั่งเป็นสมบัติล้ำค่า นับแต่นั้นมา เธอจัดการคนเสแสร้ง เอาคืนแม่เลี้ยงและไม่ถูกกลั่นแกล้งอีกต่อไป
องค์หญิงสิบสามนามหลินฮุ่ยหมินสตรีผู้ที่งดงามโดดเด่นไม่เป็นรองผู้ใดแต่กลับมีฐานะต่ำต้อยในวังหลวงด้วยพระมารดาเสียชีวิตตั้งแต่นางยังเด็ก ท่ามกลางความคับแค้นใจนางยังต้องคำสาปร้ายต้องกลายร่างเป็นสัตว์ทุกคืนวันพระจันทร์เต็มดวง เขาคือ หยางเอ้อหลาง แม่ทัพหนุ่มผู้มีความสามารถรูปโฉมสง่างามและเป็นวีรบุรุษคนสุดท้ายของสกุลหยาง ทั้งยังเป็นที่รักเคารพของชาวเมือง ทว่าด้วยความสามารถและตำแหน่งใหญ่โต ฮ่องเต้มิอาจวางใจจึงได้คิดกำจัดเขาให้พ้นตำแหน่งเสีย โดยมอบสมรสพระราชทานให้หยางเอ้อหลางกับพระธิดาของตน เดิมทีชีวิตของคนสองคนย่อมไม่บรรจบ เมื่อสตรีที่หมายหมั้นกับหยางเอ้อหลางคือองค์หญิงใหญ่ที่ปักใจรักเขาตั้งแต่เยาว์วัย ทว่าเรื่องไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อคนทั้งคู่เกิดอุบัติเหตุจนคนเข้าพิธีสมรสกลายเป็นองค์หญิงสิบสาม ท่ามกลางความหวาดกลัวขององค์หญิงสิบสามที่กลัวความลับจะเปิดเผย ท่ามกลางหยางเอ้อหลางที่พยายามพาสกุลหยางให้รอดพ้น ท่ามกลางการแตกหักของความสัมพันธ์พี่น้องที่แสนรักใคร่ระหว่างองค์หญิงใหญ่และองค์หญิงสิบสามเพราะบุรุษเพียงผู้เดียว หลินฮุ่ยหมินจะทำเช่นใด เพื่อจะยุติเรื่องราวน่าเวียนหัวนี้
นางเจ็บปวดปางตายเมื่อเขาโยนร่างบอบช้ำทิ้งไว้หลังจวนโดยไม่แยแส เมิ่งลี่เฟยน้ำตาไหลพรากทว่ากลับไม่ทำให้คนที่เพิ่งเหยียบย่ำร่างกายเล็กเห็นใจแต่ประการใด"เฝ้านางเอาไว้ให้ดีอย่าให้ออกมาทำเรื่องชั่วอีก"
ตลอดระยะเวลาสามปีของการแต่งงาน เธอรู้สึกสิ้นหวัง ที่ถูกบังคับให้เซ็นใบหย่า ทั้งๆที่เธอกำลังท้อง เธอใจสลายกับความไร้มนุษยธรรมของเขา กระทั่งเธอออกไปจากชีวิตของเขา เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเธอคือรักแท้ของเขา ไม่มีวิธีใดที่จะเยียวยาหัวใจที่บอบช้ำของเธอให้หายขาดได้ เขาจึงมอบความรักทั้งหมดของเขาให้แก่เธอเพื่อชดเชย
ซูมู่หยูคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลที่พลัดพรากจากกันไปนาน หลังจากกลับมาสู่ครอบครัว เธอพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเอาใจญาติๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวตน เกียรติศักดิ์ หรือผลงานการออกแบบ เธอก็ถูกบังคับให้มอบสิ่งเหล่านี้ให้กับลูกสาวบุญธรรม อย่างไรก็ตาม เธอไม่ได้รับความรักและการดูแลจากครอบครัวแต่อย่างใด แต่กลับโดนเอาเปรียบตลอด นับแต่นั้นเป็นต้นมา มู่หยูไม่ยอมให้ใครอีกเลย และตัดความรู้สึกและความรักทั้งหมดออกไป ปัจจุบันเธอเป็นสายดำระดับเก้า เชี่ยวชาญภาษาถึงแปดภาษา เป็นผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ และนักออกแบบระดับโลก ซูมู่หยูกล่าวว่า "จากนี้ไป ฉันเป็นหนึ่งของตระกูลซู"