Sign on love ❤️ เดิมพันรัก มาเฟียร้าย กรรฐ์ กวีวัธน์ พิสิฐกุลวัตรดิลก มาเฟียในคราบชุดกาวน์ที่ยอมสลัดคราบผู้ชายเย็นชากระโจนเข้าสู่หลุมพรางของเธอ เธอชอบเขา...เขารู้ แล้วที่เขาชอบเธอ...เธอนั้นรู้หรือยัง ? มีน มินตรา อดิพัทธ์เรืองรัตนกุล ดารานางแบบสาวสวยชื่อดังที่คนชอบมองว่าหยิ่งแท้จริงแล้วนิสัยดี จริงใจ รักเพื่อนฝูง กล้าได้กล้าเสีย โบราณบอกเอาไว้ว่ามารยาหญิงมีร้อยเล่มเกวียนถ้าอย่างนั้นเธอก็จะของัดมาสักเล่มเพื่อยั่วเขาให้ตกหลุมพรางของเธอก็แล้วกัน เขาชอบเธอ...เธอไม่เคยรู้ แล้วที่เธอชอบเขา...เขารู้หรือยัง ?
คลับ
ค็อกเทลบาร์
“Old Fashioned ที่คุณสั่งได้แล้วครับ”
กรรฐ์ดึงสายตาที่กำลังจ้องมองบรรยากาศเรื่อยเปื่อยโดยรอบกลับคืนมาด้วยท่าทีเกียจคร้านเมื่อได้ยินว่าค็อกเทลที่เขาสั่งเอาไว้เสร็จเรียบร้อยแล้วกรรฐ์สูดกลิ่นหอมของเปลือกส้มตากแห้งที่แต่งหน้าวางอยู่บนน้ำแข็งด้วยความสดชื่นก่อนที่นิ้วเรียวยาวขาวเนียนดุจหยกจะยื่นไปหยิบแก้วค็อกเทลที่อยู่ตรงหน้าขึ้นจิบช้าๆในใจพลันรู้สึกว่า...
‘รสชาติดีแต่ไม่ใช่ดีที่สุด…’
“อืม รสชาติพอใช้”
รอยยิ้มได้ใจบนใบหน้าของไวนพลันแข็งค้างเมื่อคำชมที่เขาหวังจะได้ยินกลายเป็นคำพูดที่ไม่น่าฟังเลยสักนิดที่ผ่านมาเขาพยายามฝึกปรือฝีมือการชงค็อกเทลเพื่อให้ได้รับการยอมรับและคำชมจากเหล่านักท่องราตรีมาโดยตลอดซึ่งเขาก็ทำสำเร็จแต่ดูเหมือนว่าสำหรับคนตรงหน้าแล้วฝีมือของเขานั้นคงจะยังไม่ถูกใจอีกฝ่ายสักเท่าไหร่คำชมที่ได้รับจึงอยู่ในระดับแค่ ‘รสชาติพอใช้’ เท่านั้น
ถึงแม้ว่าในใจของไวน์จะรู้สึกขุ่นเคืองใจกับคำพูดของอีกฝ่ายมากแค่ไหนเขาก็ทำได้เพียงก้มหน้ายอมรับคำติชมที่ไม่เต็มใจยอมรับนี้เอาไว้พร้อมกล้ำกลืนความไม่พอใจเอาไว้เต็มท้องเท่านั้นเขาก็แค่ลูกจ้างคนหนึ่งจะไปมีสิทธิ์มีเสียงต่อว่าลูกค้าที่คือพระเจ้าได้อย่างไรเมื่อคิดมาถึงความจริงข้อนี้สีหน้าของไวน์ก็พลันหม่นหมองลงอย่างเห็นได้
“อยากชงค็อกเทลให้อร่อยกว่านี้ไหม ?”
คิ้วหนาเข้มที่ขมวดแน่นกับสายตาขุ่นเคืองคู่หนึ่งพลันคืบคลานเข้ามาใกล้เกือบจะเรียกได้ว่าชนจมูกเมื่อได้ยินคำถามจากหนุ่มหล่อตรงหน้าที่ยังคงนั่งจิบค็อกเทลด้วยท่าทีที่แฝงไปด้วยความเกียจคร้านเช่นเคย
“ถามแบบนี้พี่จะสอนผมหรือไง ? หรือว่าจะส่งผมไปเรียนเพิ่มแล้วมาชงให้พี่ชมว่ารสชาติดีมาก”
มุมปากของกรรฐ์พลันกดลึกปรากฏเป็นรอยยิ้มที่มองแล้วแฝงไปด้วยความเสเพลอยู่หลายส่วนเมื่อได้ยินคำพูดยียวนคล้ายต้องการหาเรื่องเขาของอีกฝ่ายก่อนที่ดวงตาดอกท้อที่เจือรอยยิ้มบางเบาจะสบเข้ากับสายตาที่แฝงไปด้วยความน้อยใจราวกับได้รับความไม่เป็นธรรมของเด็กหนุ่มนิ้วเรียวยาวขาวราวหยกงามเคาะลงบนเคาน์เตอร์บาร์เบาๆราวกับกำลังใช้ความคิด
“อืม ฉันจะสอนนายเองรับรองว่ารสชาติดีกว่าแก้วนี้ที่นายชงแน่นอน”
ความยินดีพลันฉายชัดอยู่ในดวงตาของเด็กหนุ่มก่อนที่มันจะจางหายไปอย่างรวดเร็วดวงตาของไวน์หรี่ลงเล็กน้อยพร้อมจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาของคนตรงหน้าอย่างคลางแคลงใจนี่เขาพูดจริงจากใจหรือว่าพูดเล่นเอาฮากันแน่อย่างเขาเนี่ยนะจะชงค็อกเทลเป็น ?
“ทำหน้าแบบนี้ไม่เชื่ออะดิ หึ นายคิดว่าคนอย่างฉันมีดีแค่หน้าตาหรือไงลองนายได้รู้จักฉันจริงๆนิ้วมือสิบนิ้วยังไม่พอให้นับถึงความสามารถที่มีของฉันเลย”
คำพูดโอ้อวดของพี่ชายรูปหล่อทำให้ไวน์เผลอเบะปากท่าทางของเด็กหนุ่มในตอนนี้คล้ายกำลังบอกให้กรรฐ์เลิกพูดเรื่องไร้สาระสักทีเถอะเขาทนฟังต่อไปไม่ไหวอีกแล้วกรรฐ์ที่เห็นว่าเด็กหนุ่มไม่เชื่อในสิ่งที่เขาพูดก็ไม่อยากเสียเวลาพูดมากอีกต่อไปเขาลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินอ้อมไปยังด้านหลังเคาน์เตอร์แล้วยกนิ้วชี้บอกให้ไวน์หลบไปซึ่งไวน์ก็ยอมถอยหลบไปยืนอยู่ด้านหลังเขาแต่โดยดี
ดวงตาคู่คมไล่มองส่วนผสมที่อยู่ตรงหน้าพร้อมยื่นมือที่ขาวราวกับหยกชั้นดีหยิบแก้วจากที่วางมาใบหนึ่งก่อนที่กรรฐ์จะเริ่มผสมเหล้าตามสูตรด้วยความรวดเร็วโดยที่ไม่มีการวัดตวงใดๆทั้งสิ้นเขาอาศัยการคาดคะเนจากสายตาที่ผ่านการชงค็อกเทลมานับครั้งไม่ถ้วนและเทส่วนผสมของค็อกเทลที่มีชื่อเรียกว่า Singapore Sling ลงไปในแก้วด้วยความรวดเร็วกรรฐ์ใช้เวลาเพียงห้านาทีก็ผลักแก้วเหล้าที่เสร็จเรียบร้อยมาตรงหน้าของไวน์ที่กำลังยืนอึ้งด้วยความตกใจ
นะ นี่จะเป็นไปได้อย่างไรกันเครื่องดื่มแต่ละแก้วตัวเขาเองยังใช้เวลาสิบถึงสิบห้านาทีขนาดพี่ตะวันที่สอนเขายังใช้เวลาตั้งสิบนาทีแต่ผู้ชายคนนี้กลับใช้เวลาเพียงห้านาทีแถมสายตาของเขายังดีมากอีกด้วยเทส่วนผสมลงไปโดยที่ไม่มีการวัดตวงที่สำคัญไม่มีการหยิบผิดหรือหยิบสลับเลยแม้แต่น้อยการชงเครื่องดื่มที่รวดเร็วและชำนาญขนาดนี้มีแต่คนที่ผ่านการชงมานับครั้งไม่ถ้วนเท่านั้นแหละที่สามารถทำได้
“อ้าว มัวแต่ยืนอึ้งอยู่ทำไม ? ลองชิมดูสิ”
ใบหน้าหล่อเหลาของกรรฐ์ยกยิ้มจนตาหยีทำเอาไวน์ถึงกับตาพร่าไปชั่วขณะที่ผ่านมาเขาพบเจอกับผู้คนมามากหน้าหลายตาไม่ว่าจะเป็นนักแสดงหรือนักร้องแถวหน้าชื่อดังของวงการแต่ไม่มีใครที่ทำให้ไวน์รู้สึกว่าหน้าตาของเขานั้นหล่อเหลาสะกดตาคนมองได้เท่ากับผู้ชายที่กำลังส่งยิ้มให้เขาคนนี้เลยในใจของเด็กหนุ่มพลันบังเกิดความรู้สึกอิจฉาอยู่เล็กน้อยจนทำให้เขาถึงกับเหม่อไปชั่วขณะ
ป๊อก
“อูย เจ็บ”
นิ้วเรียวที่เคาะลงบนหน้าผากของไวน์ทำให้ความคิดที่กำลังอิจฉาคนตรงหน้าถูกดึงกลับมาไวน์ยกมือขึ้นลูบบริเวณที่ถูกกรรฐ์ดีดด้วยความเจ็บ
“จ้องหน้าฉันตาไม่กระพริบแบบนี้แอบชอบกันอยู่หรือไง หืม ?”
คำพูดชวนขนหัวลุกของกรรฐ์ทำให้ไวน์ถอยออกห่างจากเขาเล็กน้อยปากก็เอ่ยแก้ตัวด้วยความร้อนรน
“ผมไม่ได้แอบชอบพี่สักหน่อยถึงพี่จะหน้าตาดีกว่าผู้ชายทุกคนที่ผมเคยเจอแต่ผมผู้ชายทั้งแท่งนะครับ”
“อ้อ ไอ้เราก็นึกว่าจะแอบชอบกันแล้วซะอีก”
กรรฐ์เอ่ยสัพยอกเด็กหนุ่มด้วยใบหน้ายิ้มแย้มดวงตาดอกท้อคู่งามเจือไปด้วยรอยยิ้มที่ชวนให้คนหลงใหลก่อนที่เขาจะดันแก้วเหล้ามาตรงหน้าของไวน์ที่รีบยื่นมือไปหยิบแก้วเหล้าขึ้นมาจิบทันทีที่ลิ้นของเขาสัมผัสกับรสชาติของเหล้าที่หอมหวานดวงตาของไวน์พลันเบิกกว้างด้วยความตกตะลึง
‘เหล้าแก้วนี้รสชาติดีเกินไปแล้ว’
“อืม รสชาติดีมาก”
ไวน์เอ่ยขึ้นอย่างไม่ตระหนี่ถี่เหนียวคำชมในขณะที่คนถูกชมก็พยักหน้ารับอย่างไม่เกรงใจเช่นกัน
“เหล้ารสชาติจะดีหรือไม่ดีก็ต้องดูด้วยว่าใครเป็นคนชง”
กรรฐ์เอ่ยชื่นชมตัวเองอย่างไม่นึกกระดากปากเลยแม้แต่น้อยในขณะที่ไวน์เองก็ต้องยอมรับว่าฝีมือการชงเหล้าของพี่ชายรูปหล่อคนนี้นั้นดีมากจริงๆ
“ผมขอฝากเนื้อฝากตัว...”
“Dry Martini แก้วหนึ่งค่ะ”
ในขณะที่ไวน์กำลังจะเอ่ยขอฝากเนื้อฝากตัวเป็นลูกศิษย์ของกรรฐ์เสียงหวานใสก็ดังขึ้นแทรกเข้ามาก่อนทำเอาเด็กหนุ่มถึงกับชะงักไปเล็กน้อยก่อนที่เขาจะหันไปมองยังมาผู้มาใหม่ที่ทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ด้วยท่าทางเกียจคร้านแต่กลับชวนให้คนมองไม่อาจละสายตาจากไปได้ มินตราฟุบใบหน้าลงบนเคาน์เตอร์บาร์อย่างไม่คิดที่จะรักษาภาพลักษณ์ให้ดูดีต่อให้มีคนแอบถ่ายรูปของเธอไปนั่งเทียนเขียนข่าวในทางที่ไม่ดีเธอก็ไม่คิดจะสนใจคนอย่างเธอเคยสนใจพวกข่าวไร้สาระแบบนั้นที่ไหนกัน
ดวงตาดอกท้อคู่งามของกรรฐ์พลันยกยิ้มจนตาหยีโค้งราวกับพระจันทร์เสี้ยวเมื่อเห็นว่าลูกค้าที่เข้ามาใหม่คือใครก่อนที่รอยยิ้มแห่งความพึงพอใจจะหุบลงทันทีเมื่อเห็นว่าไวน์กำลังหรี่ตาจ้องมาที่เขาด้วยสายตาจับผิดในที่สุดคนที่เขารอคอยก็มาถึงสักทีกรรฐ์ยื่นมือไปผลักไวน์ให้หลบพ้นทางก่อนที่เขาจะลงมือชง Dry Martini ให้มินตราด้วยตัวเอง
“Dry Martini ได้แล้วครับ”
น้ำเสียงที่ฟังดูคุ้นหูทำให้มินตราที่จิตใจกำลังห่อเหี่ยวค่อยๆเงยหน้าขึ้นมาดวงตาคู่สวยที่ดูไม่สบอารมณ์พลันเปลี่ยนเป็นความความตื่นเต้นดีใจเมื่อเห็นว่าใครที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเธอ
“ไหนคุณบอกว่าไม่ว่างไงแล้วใครกันน้าที่ยืนอยู่ตรงหน้ามีนตอนนี้ ?”
มินตราเท้าคางจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาของกรรฐ์ด้วยแววตากรุ้มกริ่มนิ้วมือพลันยื่นไปจิ้มหน้าอกของเขาอย่างต้องการหยอกล้อในขณะที่ไวน์เลิกคิ้วจ้องหน้ามินตราและกรรฐ์สลับกันไปมาด้วยแววตาสนใจใคร่รู้หน้าตาท่าทางที่ดูผิดปกติของทั้งคู่ทำให้ไวน์แอบคาดเดาอยู่ในใจว่าทั้งคู่ต้องมีซัมติงกันอย่างแน่นอนไวน์ฟันธง!
“ตอนนั้นผมไม่ว่างจริงๆนี่นาแต่ว่าตอนนี้ว่างแล้วครับแถมยังว่างทั้งคืนไปจนถึงเช้า”
คำตอบที่แฝงไปด้วยความนัยของกรรฐ์ทำให้หัวใจของมินตราเต้นแรงจนแทบกระเด็นออกมานอกอกในใจพลันคาดหวังถึงบางสิ่งบางอย่างด้วยความรู้สึกตื่นเต้นดีใจจนแทบอยากจะเผยรอยยิ้มกว้างออกมาด้วยความยินดีแต่สุดท้ายก็จำต้องเก็บความรู้สึกเหล่านั้นเอาไว้แล้วแสร้งทำเป็นแง่งอนอย่างน่ารักน่าเอ็นดูชวนให้หัวใจของกรรฐ์รู้สึกคันยุบยิบราวกับมีมดนับพันกำลังไต่ไปมา
“เหอะ คนโกหกเป็นห่วงมีนก็บอกมาเถอะไม่ต้องทำมาเป็นปากแข็ง”
มินตราย่นจมูกใส่คนหน้าตายด้วยความหมั่นไส้ก่อนที่เธอจะยกแก้วเหล้ากระดกรวดเดียวหมดแก้วโดยที่หน้าไม่เปลี่ยนสีทั้ง ๆ ที่ความขมปร่าแสบคอกำลังไหลลงสู่กระเพาะชวนให้ร่างกายรู้สึกร้อนวูบวาบอย่างบอกไม่ถูก
“อืม ผมโกหกคุณจริงๆนั้นแหละความจริงแล้วผมเป็นห่วงคุณมาก”
เมื่อได้ยินกรรฐ์ยอมรับอย่างตรงไปตรงมาอารมณ์ของมินตราก็พลันดีขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัดบรรยากาศรอบตัวคล้ายกับมีดอกไม้ผลิบานส่งกลิ่นหอมฟุ้งเต็มไปหมด
“ในที่สุดคุณก็ยอมรับแล้วเป็นห่วงมีน”
มินตราแย้มยิ้มด้วยความเบิกบานใจอย่างถึงที่สุดก่อนที่เธอจะกลับมานั่งเท้าคางจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาของกรรฐ์ด้วยแววตาหลงใหลในขณะที่กรรฐ์เองก็ไม่ได้หลบเลี่ยงสายตาที่ร้อนแรงของเธอแต่อย่างใด
“เฮ้อ หล่อเกินไปจนใจเจ็บมีนหลงคุณจนโงหัวไม่ขึ้นแล้วรู้ไหมคะ ?”
มินตราสารภาพความในใจออกมาอย่างไร้ซึ่งความเขินอายก่อนที่เธอจะยกนิ้วชี้โบกไปมาทำให้ไวน์ที่ลอบสังเกตท่าทีของหนุ่มสาวทั้งสองคนอยู่ห่างๆพลันเข้าใจความหมายที่มินตราต้องการจะสื่อในทันที
“เพิ่งดื่มไปแก้วเดียวก็เพ้อนี่คุณกำลังเมาเหล้าหรือเมารักกันแน่ ?”
คำพูดของหยอกล้อมินตราของกรรฐ์ทำให้มือของไวน์ที่กำลังชงค็อกเทลถึงกับชะงักนี่เขากำลังได้ยินเรื่องอะไรกันคำพูดนี้ของลูกพี่กรรฐ์หมายความว่าคุณมินตรากำลังตำหลุมรักลูกพี่ของเขาใช่ไหม ?
"แน่นอนว่าต้องเมารักอยู่แล้วแถมยังเมาหนักมากด้วยคุณว่ามีนต้องทำยังไงดีถึงจะสร่างจากอาการเมารักในครั้งนี้ได้ ?"
วาจาที่ฟังดูคล้ายสาวน้อยที่กำลังเพ้อเพราะตกอยู่ในห้วงแห่งความรักของมินตราทำให้ความรู้สึกลำคอแห้งผากของกรรฐ์กลับมาอีกครั้งก่อนที่เขาจะยื่นมือไปหยิบค็อกเทลที่วางอยู่ข้างกายขึ้นมาดื่มเพื่อดับความรู้สึกร้อนรุ่มที่เต็มไปด้วยความกระหายอยากในบางสิ่งบางอย่าง
"เมาเหล้านอนตื่นเดียวก็หายแต่ถ้าเมารักก็คงต้องนอนกับผมแล้วล่ะคุณถึงจะหายเมา"
ดวงตาของมินตราพลันเบิกกว้างเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำตอบของกรรฐ์ดังขึ้นอยู่ข้างใบหูอย่างชัดเจนลมหายใจอุ่นร้อนของเขาที่ค่อยๆผละจากไปทำให้มินตรารู้สึกอาวรณ์อย่างไม่บอกไม่ถูกทันใดนั้นมินตราก็ยื่นมือไปหยิบแก้วเหล้าที่วางอยู่ตรงหน้าขึ้นมากระดกรวดเดียวจนหมดแก้วก่อนที่เธอจะเงยหน้าเรียวเล็กขึ้นมองใบหน้าหล่อเหลาของกรรฐ์พร้อมเอ่ยถามถึงสิ่งที่เธอเพิ่งตัดสินใจไปด้วยน้ำเสียงที่สั่นเล็กน้อย
“คุณ..อึก นอนด้วยกันไหม ? “
กรรฐ์รู้สึกตกใจไม่น้อยเมื่อได้ยินคำถามของมินตราเขาไม่คิดเลยว่าคำพูดล้อเล่นของตัวเองจะทำให้เธอคิดจริงจังถึงขั้นตัดสินใจเอ่ยชวนเขาด้วยแววตาที่ทั้งดื่มด่ำและลุ่มหลงในตัวเขาเช่นนี้
“อืม เอาสิ สดหรือใส่ถุงดีล่ะ? “
ดวงตาคู่สวยที่ติดตรึงอยู่บนใบหน้าของกรรฐ์พลันเบิกกว้างเมื่อได้ยินคำตอบของเขาริมฝีปากอวบอิ่มของเธอเผยอเล็กน้อยด้วยความตกใจกว่าจะรู้ตัวว่าหลุดปากพูดอะไรออกไปอ้อมแขนที่แข็งแกร่งของเขาก็พันธนาการเธอเอาไว้ในอ้อมกอดเสียแล้ว
“ชวนผมขึ้นเตียงแล้วห้ามกลับคำคนอย่างผมพูดแล้วต้องทำต่อให้คุณรู้สึกเสียใจทีหลังก็ช่วยไม่ได้”
กรรฐ์ไม่ให้เวลามินตราได้คิดทบทวนคำพูดของเธอเลยสักนิดเขาหยิบการ์ดสีดำใบหนึ่งวางลงตรงหน้าเด็กหนุ่มที่เพิ่งกลับเข้ามาพร้อมโอบเอวมินตราที่ยังคงอยู่ในอาการสับสนและมึนงงเดินจากไปส่วนไวน์ที่เพิ่งมาถึงได้แต่ยกมือขึ้นเกาศีรษะพร้อมมองแผ่นหลังของทั้งคู่ที่เดินจากไปด้วยความงุนงง
มิ้นท์ รามิล "พี่มิ้นท์ของขนมพาย" ใจที่แข็งดั่งหินผาสุดท้ายก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับความน่ารักไร้เดียงสาของเธอ "ขนมพาย" "รักฉันเท่าที่เธออยากจะรัก" ขนมพาย พิมพ์ชนก "ขนมพายของพี่มิ้นท์" เพราะความบริสุทธิ์ไร้เดียงสาทำให้เธอเดินหลงเข้าไปติดกับดักรักของเขาโดยไม่รู้ตัว "รักเธอไปหมดแล้วทั้งใจ"
ภีม ภีมวัจน์ อภิรักษ์วัฒนกุล ทายาทรุ่นที่ 3 แห่ง AK Group นักธุรกิจหนุ่มที่ได้รับรางวัลผู้บริหารหน้าใหม่ไฟแรงถึง 4 ปีซ้อน อายุ 26 ปี หล่อ รวย รักสนุกแต่ไม่คิดจะหยุดที่ใคร ใบหน้าหล่อเหลาที่แสนเย็นชาคือเสน่ห์ที่ดึงดูดสาวๆให้เข้ามาพัวพันกับเขาอยู่เสมอ ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าจบลงเพียงชั่วข้ามคืนเพียงเพราะเขายังไม่เจอคนที่ ถูกใจ จนกระทั่งวันหนึ่งที่โชคชะตาเล่นตลกให้เขาได้พบกับเธอ แม่สาววันไนท์ที่ใช้ลิปสติกเขียนบนใบหน้าของเขาด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย แถมยังเซ็นเช็คให้เขาถึงหนึ่งร้อยล้านบาทพร้อมยิ้มมุมปากบอกเขาว่าคือ ค่าตัว หลังจากวันนั้นเขาได้แต่ I told พระแม่ว่าขออย่าให้ได้พบ ได้เจอกับผู้หญิงคนนี้อีกเลยแต่ใครเลยจะรู้ว่าพระแม่ไม่แยแสต่อคำขอร้องของเขาด้วยซ้ำถึงได้ส่ง ตัวแม่ ตัวมัม มาล่อลวงหัวใจของ เขาให้สั่นไหวและตกหลุมรักเธอจนโงหัวไม่ขึ้น กอหญ้า การต์รวี พิสิฐกุลวัตรดิลก / เกียรติมงคลรัตน อายุ 21 ปี ลูกสาวฝาแฝดคนเล็กของแก้มใส พิสิฐกุลวัตรดิลก สาวน้อยแสนแสบและแสนซน ใครดีมาเธอดีตอบ ใครร้ายมาเธอฟาดกลับคืนหมดไม่สนลูกใครหน้าไหนทั้งนั้น ตัวแม่ ตัวมัมเรื่องความใจกล้า เสียตัวแล้วเสียไปเธอไม่เสียใจแถมเธอยังใจดีเซ็นเช็คค่าตัวให้เขาถึงหนึ่งร้อยล้านบาท พร้อมภาวนาต่อพระแม่ว่าเธอ I told ผู้ชายคนนี้พียงคนเดียวเท่านั้น และใช่พระแม่เห็นใจและเข้าใจเธอถึงได้ส่งเธอให้มาเจอกับเขา ผู้ชายปากร้ายแต่หน้าตาหล่อเหลาที่ทำให้เธอหลงเสน่ห์ของเขาจนอยากจะชวนขึ้นเตียงวันละหลายหน จากความคิดที่เพียงแค่อยากเล่นสนุกกลับกลายเป็นความสัมพันธ์ที่ยากจะตัดใจและเธอเองก็ไม่เคยคิดที่จะตัดใจ ถ้าเธอล่อลวงหัวใจของเขามาเป็นของเธอไม่ได้ก็อย่ามาเรียกเธอว่าตัวแม่ตัวมัมอีกเลย คำเตือน ⚠️ Trigger Warning นิยายเรื่องนี้มีเนื่อหาการร่วมเพศอย่างชัดเจนรบกวนผู้อ่านใช้วิจารณญาณในการเสพ
ท่ามกลางรัตติกาลที่มืดมิดสองหนุ่มสาวต่างหลงทางอยู่ในนิทราที่แสนหวาน และเมื่อรุ่งอรุณมาเยือนหนุ่มสาวตื่นจากการหลับไหลนิทราที่แสนหวาน กลับกลายเป็นเธอกับเขาและความรักของเราที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้่น
ผู้ชายที่พรากความบริสุทธิ์ของเธอไปเพียงชั่วข้ามคืนด้วยความเข้าใจผิด ทำให้เธอกับเขาต้องผูกติดกันไปตลอดชีวิตด้วยคำว่ารัก ❤️❤️❤️ หมอไทม์ ธามไธ ศัลยแพทย์โรงพยาบาล N ภายนอกดูเหมือนเป็นคนเย็นชาที่ไม่ค่อยสนใจใคร แต่ใครเลยจะรู้ว่าข้างในหัวใจกลับซ่อนความหวั่นไหวและอบอุ่นเอาไว้อย่างมิดชิด ครั้งหนึ่งเขาเคยตั้งปฎิญาณเอาไว้ว่าจะไม่รักใครแต่แล้วโชคชะตากลับเล่นตลกให้เขาต้องมาตกหลุมรักผู้หญิง ที่เขาหวังเพียงแค่ค้างคืนแต่กลับคือรักจริงและรักเดียวของเขาตลอดไป ไออุ่น อัยย์วรินทร์ เด็กสาวที่มองโลกในแง่ดีน่ารักและบริสุทธิ์สดใส รอยยิ้มของเธอทำให้ใครต่อใครตกหลุมรักโดยไม่รู้ตัว รวมถึงเขาหมอไทม์ ธามไธ ความอบอุ่นของเธอหลอมละลายหัวใจที่เย็นชาดั่งน้ำแข็งของเขา ให้กลายมาเป็นความรักที่ลึกซึ้ง
คิณ อัคนี สุริยวานิชกุล ทายาทคนโตของสุริยวานิชกุลกรุ๊ป อายุ 26 ปี นักธุรกิจหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลาราวกับเทพบุตร เย็นชากับผู้หญิงทั้งโลกยกเว้นเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น เอย อรนลิน "เมื่อเขาดึงเธอเข้ามาในวังวนของไฟรักที่แผดเผาหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้ไหม้ไปทั้งดวง" "เธอแน่ใจนะว่าจะให้ฉันช่วยค่าตอบแทนมันสูงเธอจ่ายไหวเหรอ?" เอย อรนลิน พิศาลวรางกูล ดาวเด่นของวงการบันเทิงที่ผันตัวไปรับบทนางร้าย เธอสวย เซ็กซี่ ขี้ยั่วกับเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น "เขาคือดวงไฟที่จุดประกายขึ้นในหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้หลงเริงร่าอยู่ในวังวนแห่งไฟรัก" "อะ อึก จะ เจ็บ เอยเจ็บค่ะคุณคิณ"
กาย กันต์ธีร์ พิสิฐกุลวัตรดิลก ฉายาราชาแห่งคณะวิศวกรรมศาสตร์ หนุ่มหล่อแห่งคณะวิศวกรรมศาสตร์เอกคอมพิวเตอร์ ปี 4 เขาหล่อ เขาเฟียร์ส เขาเฟี้ยว เขาซ่าส์ แต่โคตรทะลึ่ง และสุดแสนจะทะเล้น จีบหญิงไม่เก่ง แต่ผมเยเก่งนะครับที่สำคัญผมโสดสนิท!!แต่อยู่ดีๆดันมาเสียหัวใจให้กับยัยตัวร้ายแบบเธอ!!!อลิส อังสุมาลิน "รักนะไอ้ต้าวลิส" อลิส อังสุมาลิน ฐิศานันตกุล นิเทศศาสตร์ ปี 2 เธอสวย เธอเซ็กซี่ เจ้าแม่แห่ง Sex appeal ปากไม่แดงไม่มีแรงเดิน ใครดีมาเธอดีตอบ ใครร้ายมาเธอตบ!!หลงรักกายหนุ่มหล่อแสนเจ้าเล่ห์ที่อยู่ๆก็มาจูบปากเธอ แถมเล่นเกินเบอร์เรียกเธอว่าเมีย!! น่ารักเบอร์นี้อลิสยินดีตกหลุมรักจ้ะพี่จ๋า ชาตินี้ไม่ได้พี่กายเป็นผัว อลิสจะโสดคอยดู!!ตื้อเท่านั้นที่ครองโลก🥰มารยาหญิงร้อยเก้าเล่มเกวียนงัดมาให้หมด ☺️☺️ "รักนะน้อนพี่กาย"
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
เมื่อเธออายุยี่สิบ ชิงฉือได้รู้ว่าตนเองไม่ใช่ลูกโดยกำเนิดของตระกูลต้วน เธอถูกลูกสาวที่แท้จริงของตระกูลต้วนล้อมกรอบ จนถูกพ่อแม่บุญธรรมไล่ออกจากบ้านและกลายเป็นตัวตลกในเมือง เมื่อเธอกลับไปหาพ่อแม่ชาวนา จากนั้นก็พบว่าบิดาผู้ให้กำเนิดของเธอเป็นคนที่รวยที่สุดในเมืองเจียงเฉิงส่วนพี่ชายของตนเองเป็นอัจฉริยะในแวดวงต่างๆ ทุกคนมองดูเด็กสาวตัวเล็กคนนี้ด้วยความเห็นใจและถือว่าเธอเป็นสมบัติล้ำค่า แต่ค่อยๆ พบว่า... ที่แท้ว่าน้องสาวเป็นคนมากความสามารถ? อดีตแฟนหนุ่มผู้น่ารังเกียจหัวเราะเยาะ "อย่ามาตามเซ้าซี้ไม่เลิก ฉันมีแต่เมียนเมียนอยู่ในใจ!" คนใหญ่แห่งเมืองหลวงปรากฏตัว "เมียฉันจะเห็นหัวนายเหรอ?"
หลี่เมิ่งเหยาย้อนเวลามาอยู่ในร่าง ของเด็กสาววัยสิบสองปี ในวันที่มารดาอนุผู้โง่เขลา ถูกขับไล่ออกจากจวน โชคยังดีที่ตอนตาย นางสวมกำไลหยกโลกันตร์เอาไว้ มันจึงติดตามนางมาที่นี่ด้วย +++ 1 : มารดาโง่ จนถูกไล่ออกจากตระกูล จวนตระกูลหลี่เจ้าเมืองถัง สตรีสองนางถูกสาวใช้จับคุกเข่าลง ตรงหน้าของหลี่หงซวนเจ้าเมืองถัง ทั้งยังเป็นพ่อสามีของทั้งคู่อีกด้วย ท่านกำลังสอบสวนเรื่องของสะใภ้ใหญ่ของบ้านสาม ถูกฮูหยินรองกับอนุรวมหัวกันลอบทำร้าย ด้วยการวางยาขับเลือดในถ้วยน้ำแกงบำรุงครรภ์ ทำให้นางต้องสูญเสียทารกในครรภ์ไป “ท่านพ่อข้าไม่รู้จริง ๆ ว่านั่นเป็นยาขับเลือด ฮูหยินรองบอกว่าเป็นน้ำแกงบำรุงครรภ์ ให้ข้าเป็นคนนำไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ เป็นนางนั่นเอง นางหลอกข้า !” เฉาซูหลิ่งชี้นิ้วไปทางสตรีด้านข้าง ร้อนรนเอ่ยออกมาเหมือนคนไม่ได้รับความเป็นธรรม “อนุเฉาเจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ เจ้าทำคนเดียวทั้งนั้นไม่เกี่ยวกับข้าเลย” ฮูหยินรอง ถูซวงอี้ ชี้นิ้วใส่หน้าเฉาซูหลิ่งกลับคืน ต่างคนต่างโยนความผิดให้กัน ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเยี่ยนหนานโบกมือให้คนเข้ามา “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าสองคนพูดความจริง แต่กลับไม่มีใครยอมรับความผิดแม้แต่คนเดียว มันน่าจับส่งทางการให้รู้แล้วรู้รอด” พ่อบ้านหลัวให้คนลากสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา สภาพของนางถูกทรมานจนเนื้อตัวบวมช้ำไปหมด “เรียนนายท่านข้าให้คนไปค้นห้องสาวใช้ทุกคนในจวน พบเทียบยาซ่อนไว้ใต้หมอน จากห้องของสาวใช้คนนี้ขอรับ” ถูซวงอี้ถึงกับคุกเข่าต่อไปไม่ไหว ทิ้งตัวลงไปนั่งอยู่บนพื้น สาวใช้ที่ถูกทรมานจนสภาพน่าเวทนานั่น เป็นเสี่ยวอิงสาวใช้สินเดิมของนางเอง “ฮูหยินรอง ข้าขอโทษ ข้าทนต่อไปไม่ไหวจริง ๆ ข้าขอโทษ !” เสี่ยวอิงโขกศีรษะลงตรงหน้าของถูซวงอี้แรง ๆ น้ำตาไหลนองหน้าจน แทบไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว พ่อบ้านหลัวเอ่ย “ข้าให้คนไปถามที่หอโอสถแล้วขอรับนายท่าน เป็นเทียบยาขับเลือดจริง ๆ” หลี่หงซวนมองไปทางบุตรชายคนที่สามของตน พบว่าเขามีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก สตรีที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าคือฮูหยินรอง กับอนุภรรยาที่เขารักใคร่ไม่ต่างกัน เหตุใดถึงได้คิดร้ายต่อฮูหยินใหญ่ของเขาได้ เป็นเหตุให้เขาต้องสูญเสียลูกที่อยู่ในท้องของนางไป เดิมทีฮูหยินใหญ่ของเขาก็ตั้งท้องยากอยู่แล้ว เขารอมาตั้งนานกว่าจะมีวันนี้ได้ ไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องสูญเสียไปเช่นนี้ “หย่วนเจ๋อนี่เป็นเรื่องในเรือนของเจ้า เจ้าอยากตัดสินเรื่องนี้ด้วยตัวเองหรือไม่” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามบุตรชาย “ไม่ ข้าไม่อยากเห็นหน้าพวกนางอีกต่อไป แล้วแต่ท่านพ่อเถอะขอรับ ข้าขอตัวไปดูฮูหยินใหญ่ก่อน” หลี่หย่วนเจ๋อคำนับบิดา สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปในทันที หางตายังไม่แม้แต่จะมองสตรีทั้งสองนาง เฉาซูหลิ่งลนลานตามเขาไป “ท่านพี่ช่วยข้าด้วย ข้าไม่ผิดนะเจ้าคะ ท่านพี่ !” แต่ถูกบ่าวรับใช้ขวางทางเอาไว้ หลี่หงซวน “หยุดโวยวายได้แล้วอนุเฉา เจ้าเป็นคนถือถ้วยน้ำแกงใส่ยาขับเลือด ไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ด้วยตัวเอง ยังคิดจะหนีความผิดนี้ไปได้อีกรึ” “ท่านพ่อขะข้าข้า...ไม่ผิด” เฉาซูหลิ่งทิ้งตัวไปด้านหลังอย่างหมดเรี่ยวแรง เดิมทีนางก็ไม่เป็นที่โปรดปรานของพ่อแม่สามีอยู่แล้ว เพราะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้ ครั้นได้บุตรสาวก็นิสัยขี้ขลาดขี้กลัว ไหนเลยจะเชิดหน้าชูตาให้ตระกูลหลี่ได้ เฉาซูหลิ่งนั่งเหม่อลอย คล้ายคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขณะที่หลี่หงซวนกำลังประกาศโทษทัณฑ์ของพวกนาง ถูซวงอี้กับคนของนาง ถูกขายออกจากจวน ไปอยู่หอนางโลมอย่างเงียบ ๆ ชาตินี้อย่าได้ก้าวเท้า กลับมาเหยียบที่จวนตระกูลหลี่อีก ส่วนเฉาซูหลิ่งถูกขับไล่ออกจากจวน ไปพร้อมกับบุตรสาว ให้ไปอยู่เรือนร้างของตระกูลหลี่ที่เมืองฉาง ห้ามกลับมาที่ตระกูลหลี่อีกชั่วชีวิต “ท่านพ่อท่านขับไล่ข้าไป ข้ายังพอรับได้ เหตุใดต้องขับไล่เหยาเอ๋อร์ไปด้วย นางเพิ่งจะสิบสองปีเองนะเจ้าคะ” เฉาซูหลิ่งนึกถึงบุตรสาวร่างกายผ่ายผอม นอนซมเพราะพิษไข้อยู่ เกิดนึกสงสารนางขึ้นมาจับใจ ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปมองสามีเล็กน้อย นางเห็นเด็กสาวคนนั้นมาตั้งแต่เกิด แม้ไม่ได้เอ็นดูแต่ก็นับว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน “ฮูหยินเรื่องนี้ข้าตัดสินใจไปแล้ว ไม่อาจคืนคำได้” คำพูดของประมุขของตระกูล มีหรือใครจะกล้าขัด เฉาซูหลิ่งปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาดัง ๆ นางโง่งมจนทำให้บุตรสาว ต้องมารับเคราะห์กรรมตามไปด้วย “ลากตัวอนุเฉาออกไป หารถม้าสักคันให้คนส่งนาง ไปที่เรือนร้างเมืองฉาง” คำสั่งของหลี่หงซวนเป็นคำขาด บ่าวไพร่รีบทำตามในทันที ครั้นได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังกับฮูหยินผู้เฒ่า หลี่หงซวนถึงได้บอกเหตุผล ที่ต้องตัดสินใจทำเช่นนี้ นั่นเพราะตระกูลจี้ได้ยื่นคำขาดมา ให้ขับไล่พวกเขาออกไปให้หมด อย่าให้เหลืออยู่แม้แต่ตนเดียว ไม่ต้องการให้คนที่ทำร้ายบุตรสาวของพวกเขา อยู่ระคายสายตาของจี้ชิวหรงอีกต่อไป ฮูหยินผู้เฒ่าแค่นออกมาหนึ่งคำ “อ้างเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ความจริงแล้วต้องการกำจัดอนุในเรือนบุตรสาวทิ้งให้หมด นี่กระทั่งเด็กคนหนึ่งก็ไม่เว้น แต่ก็เอาเถอะ เหยาเอ๋อร์อยู่ที่นี่ ก็ใช่จะมีประโยชน์อันใด นางไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเราด้วยซ้ำ ให้นางไปกับแม่ของนางนั่นแหละดีแล้ว” หลี่หงซวนนั้นเป็นเพียงเจ้าเมืองเล็ก ๆ มีตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นที่ห้า ฝั่งตระกูลจี้บ้านเดิมของจี้ชิวหรงนั้น อยู่ในเมืองหลวงมีตำแหน่งใหญ่โตกว่าหนึ่งขั้น เรื่องนี้เขาจึงต้องขบคิด ถึงผลได้ผลเสียในอนาคตอีกด้วย การเสียสละอนุกับหลานสาวคนหนึ่ง เพื่อชดเชยให้แก่คนตระกูลจี้ นับว่าเป็นเรื่องสมควรทำแล้ว “ข้าก็คิดเช่นฮูหยินนั่นแหละ เพียงแต่สะใภ้สามแท้งคราวนี้ ไม่รู้จะยังสามารถตั้งท้องได้อีกหรือไม่ พวกเรารอดูไปก่อนดีกว่า หากนางไม่สามารถตั้งท้องได้จริง ๆ เราค่อยหาอนุมาให้หย่วนเจ๋อภายหลังก็ยังได้ ยามนั้นคนตระกูลจี้จะเอาอะไรมาง้างกับเราได้อีก” “จริงดังท่านว่าเจ้าค่ะ” ฝ่ายเฉาซูหลิ่งที่ถูกคนใช้ ลากตัวออกมาให้เก็บของในเรือน นางส่งเสียงเอะอะโวยวายตลอดทาง พร่ำบอกต้องการพบหลี่หย่วนเจ๋อให้ได้ แต่ถูกสาวใช้ขวางไว้ไม่ให้ไป นางจำใจกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง รีบเก็บของสำคัญใส่ห่อผ้าเพื่อออกเดินทาง
ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวของเฉียวซิงเฉินหนีไปกับผู้หญิงอีกคน เธอโกรธมาก จึงสุ่มหาชายคนหนึ่งมาแต่งงานด้วยทันที "ตราบใดที่คุณกล้าแต่งงานกับฉัน ฉันก็ยอมเป็นเมียคุณ" หลังจากแต่งงาน เธอได้ค้นพบว่าสามีของเธอคือลูกชายคนโตของตระกูลลู่ที่ขึ้นชื่อว่าไร้ประโยชน์ ชื่อลู่ถิงเซียว ทุกคนเยาะเย้ยว่า "เธอยนี่ช่วยไม่ได้จริงๆ" และผู้ชายที่ทรยศเธอก็มาเกลี้ยกล่อมว่า "ไม่เห็นต้องทำร้ายตัวเองเพราะฉันหรอก สักวันเธอต้องเสียใจแน่ๆ" เฉียวซิงเฉินหัวเราะเยาะและโต้ตอบว่า "ไปให้พ้น ฉันกับสามีรักกันมาก" ทุกคนต่าก็คิดว่าเธอเป็นบ้า ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวตนที่แท้จริงของลู่ถิงเซียวถูกเปิดเผย ที่แท้เขาเป็นคนรวยอันดับต้นๆในโลก ในการถ่ายทอดสดทั่วโลก ชายคนนี้คุกเข่าข้างเดียว ถือแหวนเพชรมูลค่าหลักพันล้าน และพูดช้าๆ ว่า "คุณภรรยา ชีวิตที่เหลือนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ"
“ผู้หญิงคนนี้เป็นของมาร์โก ใครก็ห้ามมายุ่งอีกเด็ดขาด” เขาประกาศให้รับรู้ทั่วกัน แต่ถามว่าผู้หญิงของเขาตอนนี้มีสีหน้ายังไง ถามได้! เธอยังช็อกไม่หายปล่อยให้เขาจับจูงเข้าไปในห้องจนเหตุการณ์สงบแล้วเธอก็ยังไม่รู้ตัวเหมือนเดิม! พระเจ้านี่มันเรื่องบ้าอะไร! เธอกลายเป็นผู้หญิงของมาเฟียได้ยังไง เรื่องชักจะวุ่นวายเกินไปแล้ว เธอตามไม่ทันจริง... ตั้งสติไว้ยัยแอน เธอต้องตั้งสติ ตั้งสติบ้าอะไร เขาก็ประกาศอยู่ว่าเธอเป็นของเขา ไม่ ๆ ไม่ใช่ พวกเราแค่นอนด้วยกันคืนเดียว ยังไงก็แค่เรื่องเข้าใจผิด ยังไงเขาก็คงคิดจะขู่เล่น ๆ โธ่เอ้ยยัยโง่ เขาประกาศขนาดนั้น ลองไปสิเธอได้ถูกผูกติดกับเตียงแน่ ชาตินี้อย่าหวังจะไปไหนได้เลย เธอลืมไปแล้วหรือไงว่าคนนั้นคือมาเฟียมาร์โก มาเฟียที่มีอิทธิพลสุดในเมืองนี้! เธอจะบ้าตายเพราะเถียงกับตัวเองนี่แหละ แถมยังต้องมานั่งเสียใจที่มาเจอคนที่น่ากลัวที่สุดในเมือง พระเจ้าแกล้งเธอเกินไปแล้ว แบบนี้เธอจะทำยังไงดี!!
สำหรับเขาผู้หญิงก็เป็นได้แค่ที่ระบายความใคร่ เขาไม่เคยมีความรักไม่เคยรักใคร แต่พอได้มาเจอเธอ เพื่อนของน้องสาวเขา ใจที่ด้านชากลับเต้นแรงขึ้นมาอีกครั้ง…