เกรย์ กันต์ณทีป์ ผู้ชายที่เลือกเดินตามรอยคุณทวดผู้ล่วงลับ ฉากหน้าเขาคือคุณหมอเทพบุตรที่แสนดี หากแต่ ฉากหลังเขาคือมาเฟียที่แสนเหี้ยมโหด ความรักคือสิ่งที่พยายามหลีกหนีแต่ความบังเอิญกลับเล่นตลกทำให้เขาต้องกลายมาเป็นแฟนของเธอ ผู้หญิงที่ทำให้ความรู้สึกที่เรียกว่ารักของเขาไม่ใช่เรื่องบังเอิญอีกต่อไป เพลงพิณ เพลงนรี เธอก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่อยากจะมีรักแท้กับใครสักคน แต่ทุกคนที่ผ่านเข้ามากลับเป็นได้แค่เพียงความรักที่ไม่สมหวัง จนเมื่อเธอได้พบกับเขา....เกรย์ กันต์ณทีป์ ผู้ชายแปลกหน้าที่กลายมาเป็นแฟนของเธอเพียงชั่วข้ามคืน ❤️❤️❤️
ประเทศไทย
แว่นตาสีดำค่อยๆ ถูกดึงออกจากใบหน้าหล่อเหลาก่อนที่เกรย์ กันต์ณทีป์ จะยืนมองเจดีย์ที่บรรจุอัฐิของบุคคลสำคัญทั้งสองที่อยู่ตรงหน้าด้วยแววตาที่แฝงไปด้วยความหม่นเศร้า รูปถ่ายที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของคุณทวดทั้งสองทำเอาผู้ชายที่ยิ้มยากอย่างเกรย์ค่อยๆ เผยรอยยิ้มออกมาด้วยความคิดถึง
“คุณทวดครับ”
เสียงเล็กๆ ร้องเรียกชายชราที่กำลังก้มหน้าก้มตาทำงานด้วยความขะมักเขม้นก่อนที่คุณทวดของเด็กชายเกรย์จะเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับส่งยิ้มมาให้เหลนชายตัวน้อยอย่างอบอุ่นและอ่อนโยน
“คิดถึงจังเลยหลานทวด”
เสียงนี้ยังคงดังก้องอยู่ในหัวของเกรย์ก่อนที่น้ำตาลูกผู้ชายจะไหลออกมาด้วยความคิดถึงคุณทวดทั้งสองที่ถึงแม้คุณทวดที่รักจะจากไปแล้วแต่รอยยิ้มของท่านยังคงงดงามอยู่ในใจของเขาเสมอ เขายังจำได้ดีในวันที่คุณทวดที่รักจากไปใบหน้าของท่านเต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มพร้อมกับพึมพำบอกเขากับทุกคนว่าคุณทวดกฤษฎิ์มารับท่านแล้ว ก่อนที่ท่านจะสิ้นลมจากไปอย่างสงบท่ามกลางความเศร้าเสียใจของลูกหลานพิสิฐกุลวัตรดิลก
“น้องเกรย์กลับมาแล้วนะครับ”
เสียงนุ่มทุ้มบอกคุณทวดทั้งสองก่อนที่เขาจะยกมือขึ้นปาดน้ำตาออกจากใบหน้าพร้อมกับก้มหัวลงเล็กน้อยเพื่อทำความเคารพบุคคลที่รักยิ่งทั้งสองคนที่บัดนี้ลาลับจากไปทิ้งไว้เพียงความทรงจำที่ยังคงสวยงามเสมอ ร่างสูงค่อยๆ หันหลังเดินจากไปท่ามกลางสายลมที่พัดผ่านมาต้องร่างเบาๆ ราวกับว่าคุณทวดทั้งสองรับรู้ถึงการมาของเหลนชายตัวน้อยที่บัดนี้เติบใหญ่และเดินตามรอยคุณปู่อย่างที่กฤษฎิ์เคยคาดหวังเอาไว้
Smokin’ Pub
“นี่มึงเสียใจที่โดนพี่คิมบอกเลิกขนาดนั้นเลยเหรอวะเพลง”
เจ้าเอยถามเพลงพิณด้วยความสงสัยเพราะตั้งแต่ที่พวกเธอมาถึงผับจนตอนนี้ใกล้จะเที่ยงคืนแล้วเพื่อนรักของเธออย่างเพลงพิณยังคงไม่หยุดดื่ม ทั้งๆ ที่ปกติแล้วเพลงพิณเป็นคนที่ดื่มแค่พอเป็นพิธีเท่านั้นเท่านั้นเพราะเพื่อนของเธอคนนี้ไม่ชอบการดื่มแอลกอฮอล์ที่รสชาติขมจนบาดคอสักเท่าไหร่
หากแต่วันนี้กลับแปลกไปจากทุกวันเพราะเพลงพิณยกแก้วขึ้นดื่มครั้งแล้วครั้งเล่าจนเธอกับเอวาหันมามองหน้ากันพร้อมกับพากันตั้งข้อสงสัย ว่าเพลงพิณอาจจะกำลังเสียใจที่โดนพี่คิมหันต์แฟนหนุ่มรุ่นพี่ปีสี่บอกเลิกอยู่หรือเปล่า
“เหอะ สวยๆ แบบกูทำไมต้องเสียใจให้กับผู้ชายที่คบกูหวังฟันด้วยว่ะ กูก็แค่เบื่ออะมึงเลิกกันไปแล้วทำไมไม่ยอมจบสักทียังคอยโทรมารังควานกูอยู่ได้ทุกวันทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นฝ่ายบอกเลิกก่อน ถ้ากูรู้ว่าพี่คิมมันจะน่ารำคาญขนาดนี้กูเลิกกับมันนานล่ะไม่เสียเวลาทนคบนานถึงสามเดือนหรอก”
เพลงพิณสาวสวยที่ถูกโหวตว่าหน้าตาดีที่สุดเป็นอันดับหนึ่งของมหาวิทยาลัยชื่อดังบ่นด้วยความรู้สึกเบื่อหน่ายและรำคาญแฟนหนุ่มคนล่าสุด ที่เป็นฝ่ายบอกเลิกเธอก่อนด้วยเหตุผลเพียงเพราะว่าเธอให้ไม่ได้ในสิ่งที่เขาต้องการซึ่งก็คือเรื่องของการมีความสัมพันธุ์ที่ลึกซึ้งตามประสาคนรักกันทั่วไป แต่มันต้องไม่ใช่กับเธอเพลงพิณคนนี้ที่ถึงแม้ว่าจะผ่านการมีแฟนมาแล้วหลายคนแต่ทุกคนนั้นกลับได้ใกล้ชิดเพลงพิณมากสุดคือการจับมือเท่านั้น
ซึ่งคิมหันต์แฟนคนล่าสุดไม่ใช่ผู้ชายคนแรกที่บอกเลิกเธอด้วยเหตุผลนี้เพราะแฟนทุกคนที่ผ่านมาของเธอต่างบอกเลิกเธอด้วยเหตุผลเดียวกับคิมหันต์ทั้งนั้น ซึ่งเพลงพิณก็ไม่เคยร้องไห้หรือตีโพยตีพายที่ถูกบอกเลิกด้วยเหตุผลที่เธอมองว่าไร้สาระมากให้เสียเวลาแต่เธอกลับดีใจที่ไม่ต้องทนคบกับพวกผู้ชายที่หวังเพียงอยากเชยชมร่างกายของเธอเท่านั้น
ถึงเธอจะเป็นผู้หญิงที่ชอบแต่งตัวเซ็กซี่ขี้ยั่วมากแค่ไหน แต่เธอกลับไม่เคยปล่อยตัวให้ใครได้เชยชมง่ายๆ เพราะเธอเชื่อว่าถ้าผู้ชายพวกนั้นรักเธอจริงพวกเขาจะยอมอดทนจนถึงวันแต่งงาน จะมองว่าเธอหัวโบราณก็ได้ในเรื่องของเซ็กซ์ระหว่างชายหญิงแต่เธอแค่ต้องการมอบสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตให้กับคนที่คู่ควรเท่านั้น
"กูถามจริงๆ เหอะเพลง มึงไม่อยากมีความรักที่ซาบซ่านซู่ซ่าบ้างเหรอวะ กูเห็นพวกคู่รักในมหาวิทยาลัยเขาก็คบกันแบบคู่ผัวเมียกันทั้งนั้น"
เอวาเพื่อนสนิทอีกคนถามเพลงพิณด้วยความสงสัยใคร่รู้ในคำตอบเพราะตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัยมาเพลงพิณมีแฟนมาทั้งหมดแล้วถึงห้าคนซึ่งแต่ละคนนั้นเพื่อนของเธอคบเพียงสามเดือนก็เลิกรากันไปด้วยเหตุผลเดิมๆ
ซึ่งสำหรับเอวากับเจ้าเอยแล้วการคบกันและมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งนั้นเป็นเรื่องธรรมดาของคนเป็นคู่รักกันซึ่งทั้งสองคนต่างก็ผ่านเรื่องราวเหล่านั้นมาก่อนมีเพียงเพลงพิณคนเดียวเท่านั้นที่ยังคงบริสุทธิ์ผุดผ่อง
"ซาบซ่านซู่ซ่าบ้านมึงสิเอวา ถึงกูจะชอบแต่งตัวเซ็กซี่ดูเหมือนจะขี้ยั่วแต่กูก็รักตัวเองนะเว้ยถ้าไม่เจอผู้ชายที่รักกูจริงๆ กูไม่ยอมเสียซิงเด็ดขาด"
คำพูดที่เด็ดขาดของเพลงพิณทำเอาคนที่กำลังนั่งดื่มเงียบๆ อยู่คนเดียวถึงกับยกยิ้มมุมปากด้วยความนึกชอบใจในทัศนคติของสาวน้อยคนนี้ที่รักนวลสงวนตัวไม่ยอมยกสิ่งที่มีค่าของตัวเองให้ใครง่ายๆ
ซึ่งน้อยนักที่จะมีคนคิดแบบนี้คงต้องบอกว่ามีเพียงสาวหัวโบราณเท่านั้นที่ยังคงคิดแบบนี้อยู่ในสังคมที่คู่รักหลายคู่ต่างพากันเดินเข้าไปอยู่ในความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งทั้งกายและใจ แต่พอถึงวันหนึ่งที่ความสัมพันธ์มันไปต่อด้วยกันไม่ได้และจบลงด้วยการเลิกราส่วนใหญ่แล้วผู้หญิงมักจะเป็นฝ่ายที่เสียใจและทำใจไม่ได้ส่วนหนึ่งมาจากความสัมพันธ์ทางกายที่ลึกซึ้งเกินกว่าที่จะลืมได้ง่ายๆ นั่นเอง
"หึ แล้วผู้ชายแบบไหนกันนะที่เธอจะยอมเสียซิงให้"
เกรย์พึมพำเสียงเบาอยู่คนเดียวก่อนที่เขาจะยกแก้วเหล้าที่ควงเล่นนั่งฟังสาวๆ สนทนากันมาสักพักขึ้นกระดกรวดเดียวจนหมดแก้วด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยถึงแม้ว่าเหล้าราคาแพงที่ไหลผ่านลำคอลงไปจะมีรสชาติที่คมจนบาดคอเพียงใดก็ตาม
นี่ก็เป็นเวลากว่าสองสัปดาห์แล้วที่เกรย์มานั่งดื่มเงียบๆ ที่นี่คนเดียวหลังจากที่เขาย้ายกลับมาอยู่ที่เมืองไทยถาวรเพื่อรอเวลาที่พร้อมเข้ารับตำแหน่งประธานโรงพยาบาล N ที่คุณย่าแก้มใสยกให้เขารับช่วงต่อโดยที่ได้รับความเห็นชอบจากลูกหลานตระกูลพิสิฐกุลวัตรดิลกทุกคน
"เฮีย เฮียเกรย์ผมฝากบาร์ทีดิหน้าร้านคนเยอะมากเด็กเสิร์ฟไม่พอขอแวบไปช่วยเขารับทิปแป๊บ"
อาร์มบาร์เทนเดอร์หนุ่มประจำผับวิ่งมาร้องขอความช่วยเหลือจากเกรย์ลูกค้าประจำที่เขาเพิ่งรู้จักได้ไม่นานแต่กลับมีความสนิทสนมกันราวกับว่ารู้จักกันมานานนับสิบปี เพราะครั้งแรกที่เกรย์มาเที่ยวเขาสั่งเครื่องดื่ม Sex on the beach ค็อกเทลรสโปรดของเขาแต่อาร์มกลับทำออกมาได้รสชาติไม่ถูกปากเขาเลยสักนิด
เกรย์จึงลงมือชงเองอย่างชำนาญก่อนที่เขาจะเอาให้อาร์มลองชิมดูและเปรียบเทียบแก้วของเขากับแก้วที่อาร์มทำซึ่งรสชาติที่กลมกล่อมของ Sex on the beach ทำให้อาร์มยอมรับอย่างไม่อายเลยว่ารสชาติที่ตัวเองทำออกมานั่นห่วยแตกมาก
หลังจากวันนั้นอาร์มก็ขอร้องให้เกรย์สอนเขาชงค็อกเทลใหม่ซึ่งเกรย์ที่กำลังว่างงานก็ตอบตกลงในทันทีอย่างคนที่ไม่หวงวิชา เพราะคุณทวดมักจะสอนเขาอยู่เสมอว่าวิชาความรู้ที่มีหากมีประโยชน์ต่อผู้อื่นก็จงแบ่งปันสิ่งนั้นให้เขาโดยที่ไม่ต้องเสียเวลาคิดให้เปลืองพื้นที่สมอง
ซึ่งที่ผ่านมาเกรย์ก็มักจะแบ่งปันความรู้ของตัวเองให้ผู้อื่นอยู่เสมอยกเว้นสิ่งเดียวที่เขาไม่สามารถแบ่งปันให้คนอื่นได้จริงๆ นั่นก็คือความสามารถทางด้านจิตรกรที่ลายเส้นของเขานั้นเต็มไปด้วยจิตวิญญาณของความเป็นศิลปินที่เขาไม่สามารถถ่ายทอดให้ใครได้
"อืม กำลังว่างจัดไปโกยทิปให้เต็มที่เลยเดี๋ยวเฮียดูแลบาร์ให้"
เกรย์รับปากอย่างว่าง่ายซึ่งนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเฝ้าบาร์แทนอาร์มแต่มันคือครั้งที่ห้าแล้วที่เจ้าเด็กทะลึ่งทะเล้นคนนี้ฝากบาร์ให้เขาดูแลชั่วคราว ส่วนตัวเองก็วิ่งไปช่วยหน้าร้านเสิร์ฟเหล้าเพื่อโกยทิปที่ได้มากถึงสามพันในแต่ละครั้งที่อาร์มไปช่วย
"เฮียเกรย์ของอาร์มน่ารักที่สุดเลย"
อาร์มวิ่งเข้ามาสวมกอดเกรย์ด้วยความดีใจและซาบซึ้งในความมีน้ำใจของเกรย์ที่ยอมอยู่เฝ้าบาร์เครื่องดื่มแทนเขาทั้งๆ ที่เกรย์ไม่ใช่พนักงานของที่นี่ แต่ทุกครั้งที่อาร์มมาขอความช่วยเหลือเกรย์กลับไม่เคยปฎิเสธเขาเลยสักครั้งมันทำให้อาร์มรู้สึกรักและเคารพในตัวเกรย์มากถึงแม้ว่าอาร์มจะเพิ่งรู้จักเกรย์ได้ไม่นานก็ตาม
"เอวา เจ้าเอยเดี๋ยวกูมานะขอไปเข้าห้องน้ำแป๊บ"
จังหวะที่เกรย์ลุกขึ้นเพื่อที่จะไปทำหน้าที่บาร์เทนเดอร์ชั่วคราวแทนอาร์มเพลงพิณที่รู้สึกอยากจะเข้าห้องน้ำก็ลุกขึ้นพร้อมกับบอกเพื่อนสนิททั้งสองคนที่พยักหน้าตอบรับคำพูดของเธอก่อนที่เพลงพิณจะหันหน้ามาสบตาเกรย์ด้วยความบังเอิญ
เกรย์มองผู้หญิงตรงหน้าที่เขายอมรับกับตัวเองในใจว่าสวยมากราวกับรูปปั้นเทพีวีนัสด้วยสายตาที่นิ่งเรียบแต่หัวใจเจ้ากรรมดันแอบเต้นแรงโดยที่ไม่รู้ตัว หึ ผู้หญิงคนนี้สินะแม่สาวหวงซิง
ส่วนเพลงพิณเองก็มองผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าด้วยหัวใจที่เต้นแรงจนแทบกระเด็นออกมานอกอกด้วยความตกตะลึงกับใบหน้าหล่อเหลาที่ดูดีไร้ที่ติไปหมดทุกส่วน
สองขาพลันก้าวไม่ออกได้แต่ยืนนิ่งอยู่กับที่และมองเขาอย่างไม่สามารถที่จะดึงสายตาออกมาได้ราวกับว่าเธอกำลังต้องมนต์สะกด ยิ่งยามที่เขายกยิ้มมุมปากน้อยๆ ยิ่งทำให้ใบหน้าหล่อเหลาดูดีมีเสน่ห์มากขึ้นไปอีก
ก่อนที่เกรย์จะเป็นฝ่ายเดินผ่านเพลงพิณที่ยกมือขึ้นมาแตะหน้าอกข้างซ้ายที่หัวใจดวงน้อยยังคงเต้นแรงถึงแม้ว่าเขาคนนั้นจะเดินผ่านไปแล้วก็ตาม
Sign on love ❤️ เดิมพันรัก มาเฟียร้าย กรรฐ์ กวีวัธน์ พิสิฐกุลวัตรดิลก มาเฟียในคราบชุดกาวน์ที่ยอมสลัดคราบผู้ชายเย็นชากระโจนเข้าสู่หลุมพรางของเธอ เธอชอบเขา...เขารู้ แล้วที่เขาชอบเธอ...เธอนั้นรู้หรือยัง ? มีน มินตรา อดิพัทธ์เรืองรัตนกุล ดารานางแบบสาวสวยชื่อดังที่คนชอบมองว่าหยิ่งแท้จริงแล้วนิสัยดี จริงใจ รักเพื่อนฝูง กล้าได้กล้าเสีย โบราณบอกเอาไว้ว่ามารยาหญิงมีร้อยเล่มเกวียนถ้าอย่างนั้นเธอก็จะของัดมาสักเล่มเพื่อยั่วเขาให้ตกหลุมพรางของเธอก็แล้วกัน เขาชอบเธอ...เธอไม่เคยรู้ แล้วที่เธอชอบเขา...เขารู้หรือยัง ?
มิ้นท์ รามิล "พี่มิ้นท์ของขนมพาย" ใจที่แข็งดั่งหินผาสุดท้ายก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับความน่ารักไร้เดียงสาของเธอ "ขนมพาย" "รักฉันเท่าที่เธออยากจะรัก" ขนมพาย พิมพ์ชนก "ขนมพายของพี่มิ้นท์" เพราะความบริสุทธิ์ไร้เดียงสาทำให้เธอเดินหลงเข้าไปติดกับดักรักของเขาโดยไม่รู้ตัว "รักเธอไปหมดแล้วทั้งใจ"
ภีม ภีมวัจน์ อภิรักษ์วัฒนกุล ทายาทรุ่นที่ 3 แห่ง AK Group นักธุรกิจหนุ่มที่ได้รับรางวัลผู้บริหารหน้าใหม่ไฟแรงถึง 4 ปีซ้อน อายุ 26 ปี หล่อ รวย รักสนุกแต่ไม่คิดจะหยุดที่ใคร ใบหน้าหล่อเหลาที่แสนเย็นชาคือเสน่ห์ที่ดึงดูดสาวๆให้เข้ามาพัวพันกับเขาอยู่เสมอ ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าจบลงเพียงชั่วข้ามคืนเพียงเพราะเขายังไม่เจอคนที่ ถูกใจ จนกระทั่งวันหนึ่งที่โชคชะตาเล่นตลกให้เขาได้พบกับเธอ แม่สาววันไนท์ที่ใช้ลิปสติกเขียนบนใบหน้าของเขาด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย แถมยังเซ็นเช็คให้เขาถึงหนึ่งร้อยล้านบาทพร้อมยิ้มมุมปากบอกเขาว่าคือ ค่าตัว หลังจากวันนั้นเขาได้แต่ I told พระแม่ว่าขออย่าให้ได้พบ ได้เจอกับผู้หญิงคนนี้อีกเลยแต่ใครเลยจะรู้ว่าพระแม่ไม่แยแสต่อคำขอร้องของเขาด้วยซ้ำถึงได้ส่ง ตัวแม่ ตัวมัม มาล่อลวงหัวใจของ เขาให้สั่นไหวและตกหลุมรักเธอจนโงหัวไม่ขึ้น กอหญ้า การต์รวี พิสิฐกุลวัตรดิลก / เกียรติมงคลรัตน อายุ 21 ปี ลูกสาวฝาแฝดคนเล็กของแก้มใส พิสิฐกุลวัตรดิลก สาวน้อยแสนแสบและแสนซน ใครดีมาเธอดีตอบ ใครร้ายมาเธอฟาดกลับคืนหมดไม่สนลูกใครหน้าไหนทั้งนั้น ตัวแม่ ตัวมัมเรื่องความใจกล้า เสียตัวแล้วเสียไปเธอไม่เสียใจแถมเธอยังใจดีเซ็นเช็คค่าตัวให้เขาถึงหนึ่งร้อยล้านบาท พร้อมภาวนาต่อพระแม่ว่าเธอ I told ผู้ชายคนนี้พียงคนเดียวเท่านั้น และใช่พระแม่เห็นใจและเข้าใจเธอถึงได้ส่งเธอให้มาเจอกับเขา ผู้ชายปากร้ายแต่หน้าตาหล่อเหลาที่ทำให้เธอหลงเสน่ห์ของเขาจนอยากจะชวนขึ้นเตียงวันละหลายหน จากความคิดที่เพียงแค่อยากเล่นสนุกกลับกลายเป็นความสัมพันธ์ที่ยากจะตัดใจและเธอเองก็ไม่เคยคิดที่จะตัดใจ ถ้าเธอล่อลวงหัวใจของเขามาเป็นของเธอไม่ได้ก็อย่ามาเรียกเธอว่าตัวแม่ตัวมัมอีกเลย คำเตือน ⚠️ Trigger Warning นิยายเรื่องนี้มีเนื่อหาการร่วมเพศอย่างชัดเจนรบกวนผู้อ่านใช้วิจารณญาณในการเสพ
ท่ามกลางรัตติกาลที่มืดมิดสองหนุ่มสาวต่างหลงทางอยู่ในนิทราที่แสนหวาน และเมื่อรุ่งอรุณมาเยือนหนุ่มสาวตื่นจากการหลับไหลนิทราที่แสนหวาน กลับกลายเป็นเธอกับเขาและความรักของเราที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้่น
ผู้ชายที่พรากความบริสุทธิ์ของเธอไปเพียงชั่วข้ามคืนด้วยความเข้าใจผิด ทำให้เธอกับเขาต้องผูกติดกันไปตลอดชีวิตด้วยคำว่ารัก ❤️❤️❤️ หมอไทม์ ธามไธ ศัลยแพทย์โรงพยาบาล N ภายนอกดูเหมือนเป็นคนเย็นชาที่ไม่ค่อยสนใจใคร แต่ใครเลยจะรู้ว่าข้างในหัวใจกลับซ่อนความหวั่นไหวและอบอุ่นเอาไว้อย่างมิดชิด ครั้งหนึ่งเขาเคยตั้งปฎิญาณเอาไว้ว่าจะไม่รักใครแต่แล้วโชคชะตากลับเล่นตลกให้เขาต้องมาตกหลุมรักผู้หญิง ที่เขาหวังเพียงแค่ค้างคืนแต่กลับคือรักจริงและรักเดียวของเขาตลอดไป ไออุ่น อัยย์วรินทร์ เด็กสาวที่มองโลกในแง่ดีน่ารักและบริสุทธิ์สดใส รอยยิ้มของเธอทำให้ใครต่อใครตกหลุมรักโดยไม่รู้ตัว รวมถึงเขาหมอไทม์ ธามไธ ความอบอุ่นของเธอหลอมละลายหัวใจที่เย็นชาดั่งน้ำแข็งของเขา ให้กลายมาเป็นความรักที่ลึกซึ้ง
คิณ อัคนี สุริยวานิชกุล ทายาทคนโตของสุริยวานิชกุลกรุ๊ป อายุ 26 ปี นักธุรกิจหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลาราวกับเทพบุตร เย็นชากับผู้หญิงทั้งโลกยกเว้นเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น เอย อรนลิน "เมื่อเขาดึงเธอเข้ามาในวังวนของไฟรักที่แผดเผาหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้ไหม้ไปทั้งดวง" "เธอแน่ใจนะว่าจะให้ฉันช่วยค่าตอบแทนมันสูงเธอจ่ายไหวเหรอ?" เอย อรนลิน พิศาลวรางกูล ดาวเด่นของวงการบันเทิงที่ผันตัวไปรับบทนางร้าย เธอสวย เซ็กซี่ ขี้ยั่วกับเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น "เขาคือดวงไฟที่จุดประกายขึ้นในหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้หลงเริงร่าอยู่ในวังวนแห่งไฟรัก" "อะ อึก จะ เจ็บ เอยเจ็บค่ะคุณคิณ"
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
เจียนเยว่ใช้ชีวิตอย่างยากลำบากจนกระทั่งพบอาของเธอ แต่เธอก็ตกหลุมรักอาของเธออย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ น่าเสียดายที่อาคนนั้นกำลังจะแต่งงาน เลยจัดให้เธอไปต่างประเทศ เพื่อแก้แค้น เธอจึงเรียนวิชาบุรุษวิทยาและหลังจากกลับมาอีกครั้ง เธอก็กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านบุรุษวิทยาที่มีชื่อเสียงที่สุด เชี่ยวชาญการรักษาภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ การหลั่งเร็ว ภาวะมีบุตรยาก... คราวนี้คุณอาดันเธอไว้ในห้องนอน "ถ้าอยากดูร่างกายของผู้ชายมาก ก็ช่วยตรวจให้ผมหน่อยสิ" เธอยิ้มอย่างชั่วร้าย และใช้มือปลดเข็มขัดของเขา "มิน่าเล่าขนาดอามีคู่หมั้นแล้ว แต่กลับไม่แต่งงานสักที ที่แท้มันใช้งานไม่ได้สินะ" "จะได้หรือไม่ได้ คุณก็ลองดูเองสิ" "ไม่เลย อาไปหาคนอื่นช่วยดูให้เถอะ"
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
ในชีวิตชาติที่แล้ว เพื่อช่วยรักแรกของตัวเอง คนชั่วสามคนได้ทำลายพลังการต่อสู้ของนาง ตัดแขนขาของนางออก ตัดเส้นเลือดของนางและปล่อยเลือดของนางไหลออกมาทั้งอย่างนั้น และทรมานนางจนตาย เมื่อเกิดใหม่ครั้งนี้ นางวางแผนอย่างรอบคอบ โดยสาบานว่าจะให้พวกเขาได้สัมผัสกับความทุกข์ทรมานที่นางเคยประสบมา! รักแรกที่ไร้เดียงสาอะไรกัน ที่จริงก็เป็นเพียงผู้หญิงที่ตีสองหน้าเก่ง อยากจะไต่ขึ้นไปสูงเหรอ งั้นก็จะให้เจ้าปีนขึ้นไป ยิ่งปีนขึ้นสูงมากเท่าไร ตอนตกลงมาก็จะยิ่งเจ็บมากเท่านั้น! พวกสวะสมควรได้รับบาปกรรมของพวกสวะ พวกมันทำชั่วกับนางไปชั่วชีวิตหนึ่ง นางจะทำให้พวกมันไม่ตายดี พวกคนที่เจ้าเล่ห์ ตีสองหน้าเก่ง นางจะจัดการกับทุกคน! แต่นางไม่เคยคิดเลยว่าในการแก้แค้นของนาง นางจะไปมีเรื่องกับเสด็จอาที่เป็นเจ้าแผนการเข้า ที่วัน ๆ ต้องการให้นางจูบและกอดเขาตลอดทั้งวัน ในขณะที่นางแก้แค้นคนชั่วนั้นยังสามารถสนิทสนมกับเสด็จอาด้วย ในความจริงแล้ว การที่เป็นผู้หญิงชั่วๆ ก็มีความสุขมาทีเดียวกว่าที่คิดเลย!
นิยายเรื่องนี้มีพระนาง2คู่ "อย่าหวังจะเอาความบริสุทธิ์ผุดผ่องมาจับฉัน ผู้หญิงของฉันทุกคนก็สาวบริสุทธิ์ทั้งนั้นแล้วอย่าลืมคุมกำเนิด ถ้าไม่อยากทำแท้ง! เพราะฉันไม่มีทางมีทายาทกับผู้หญิงชั้นต่ำ" VS "อะไรที่ฉันอยากได้ ฉันต้องได้ แม้แต่ตัวนายถ้าฉันต้องการ นายก็ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ"
“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง