มันน่าจะเป็นเพราะความโง่เขลาเบาปัญญาของฉันเอง ความคิดสมัยเด็กของฉันความคิดเช่นนั้นเลยฝังหัวมาจนถึงปัจจุบัน เป็นความหลงใหลกับรูปลักษณ์ภายนอกของคนคนหนึ่งที่หลอกล่อให้ฉันงงงวย ชายสูงศักดิ์ผู้นั้นเปรียบเหมือนเทพบุตรสำหรับฉัน แต่...เมื่อโตขึ้น ฉันเลยเพิ่งค้นพบความจริง เทพบุตรที่ตนเองฝันถึง เขาเป็น...จอมทมิฬ...ที่ใจร้ายเหลือเกิน... แพรฟ้าคือชื่อของฉัน เด็กตัวดำรูปร่างแคระแกร็นเพราะวัยเด็กของฉันไม่ได้สมบูรณ์เหมือนคนอื่น ฉันโตมากับความยากจน มีแค่มารดาเท่านั้นที่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทร เด็กน้อยตัวเล็กแอบมองบ้านหลังใหญ่ด้วยความอิจฉา นึกอยากได้อยากมีบ้านแบบนั้นบ้าง...แต่ก็คงทำได้แค่ฝัน มารดาที่ไร้ความรู้คงไม่สามารถเนรมิตปราสาทหลังใหญ่ให้ฉันได้ นั้นเป็นจุดเชื่อมต่อของฉัน กับเทพบุตรในฝันคนนั้นไง...
บทที่1.ถ้าฉันเลือกได้...
เริ่มวันใหม่ด้วยเสียงโหวกเหวกของเพื่อนบ้าน ฉันงัวเงียลุกจากที่นอน กวาดตามองหาแม่ที่น่าจะตื่นก่อนนานแล้ว เสียงกุกกักดังมาจากในครัวโทรมๆ ด้านหลังผนังบ้านไม้ระแนงที่ค่อนข้างผุกร่อน แสงไฟสีส้มที่ให้แสงสว่างไม่มากพอจะทำให้มองทุกอย่างชัดนัก แต่ทำไงได้ล่ะ แค่มีไฟฟ้าใช้ก็ถือว่าโชคดีแล้วสำหรับบ้านเรือนในสลัมแห่งนี้ บ้านของฉันทั้งหลังมีไฟใช้แค่สองดวง คือในครัวกับกลางบ้าน เครื่องใช้ไฟฟ้ามีราคาไม่ต้องถามถึง มีพัดลมเก่าๆ ตัวหนึ่งที่ช่วยระบายความร้อนได้อย่างดีตอนกลางคืน แม้เสียงจะดังจนน่ารำคาญ แต่ก็ดีกว่านอนไม่หลับเพราะอากาศร้อนอบอ้าว
“ตื่นแล้วเรอะแพร ลุกมาช่วยแม่เตรียมของหน่อยสิ”
มือผอมบางควานหายางรัดถุงแกงที่เก็บไว้ในกระป๋องนมเก่าๆ ข้างที่นอน แล้วจัดการรวบผมยาวเคลียไหล่มัดเป็นพวงไว้หลังท้ายทอย
เมื่อฉันโผล่หน้าเข้าไปในครัว แม่กำลังสาละวนกับการปรุงรสโจ๊กหม้อใหญ่บนเตาไฟ แม่หันมายิ้มเซียวๆ ให้ “ไปล้างหน้าก่อนสิ” ฉันเดินเลยไปอีกนิดยกฝาถังน้ำพลาสติกใช้ขันใบเล็กตักน้ำในนั้นขึ้นราดลงบนใบหน้า หลังล้างคราบขี้ตาและแถมด้วยการแปรงฟัน ฉันแอบย่นจมูก ความอัตคัดทำให้ฉันต้องพบเจอกับความขาดแคลนอยู่เสมอ หลอดยาสีฟันที่บีบจนแบนและเนื้อสีขาวด้านในแทบไม่มีเหลือ ฉันแค่นเคล้นจนได้ก้อนยาสีฟันติดที่แปรงสีฟันไม่เท่าเม็ดถั่ว ฟองไม่ใคร่มีหรอก แต่ก็ยังดีกว่าการแปรงฟันด้วยน้ำเปล่า อย่างน้อยยาสีฟันก็ช่วยให้ฉันมั่นใจว่าปากของฉันสะอาดมากพอ
“แม่จ๋า ยาสีฟันหมดแล้วนะจ๊ะ”
แม่หันมายิ้มให้ฉันอีกครั้ง “เตือนแม่ตอนขายของหมดด้วยนะแพร ไม่อย่างนั้นพรุ่งนี้แพรได้แปรงฟันกับเกลือแทนแน่” แม่ไม่ใช่คนขี้ลืมหรอก แต่งานในแต่ละวันรัดตัวจนทำให้หลงลืมไปบ้าง
ฉันพยักหน้ารับ เดินไปหยิบตะกร้าที่มีผ้าสีขาวคลุมไว้ ยกตะกร้าใบใหญ่นั้นขึ้นจนตัวเอียง เพราะในตะกร้าเต็มไปด้วยชามพลาสติกที่มีไว้สำหรับใส่โจ๊ก ใช่เลย...แม่ฉันมีอาชีพเป็นแม่ค้าขายโจ๊กตอนเช้ามืด แต่ไม่ได้หมดแค่นั้นหรอกนะ ตกตอนเย็นแม่ฉันก็เป็นแม่ค้าขายข้าวแกง ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมผู้หญิงวัยสามสิบปลายๆ คนนี้ถึงดูแก่เกินวัยนัก
พลอยคือชื่อของแม่ฉัน...ฉันไม่เคยถามหาพ่อ เพราะทุกครั้งที่พูดถึงพ่อ แววตาแม่จะเศร้าจนฉันใจไม่ดี
แม่พร่ำสอนฉันตอนเข้านอน แม่ไม่มีสมบัติติดตัว ไม่มีอะไรที่ทำให้ฉันสะดวกสบายได้ ดังนั้นหากฉันไม่อยากลำบากเหมือนแม่ ความรู้คือสิ่งเดียวที่ฉันจะทำได้ วันหน้าในอนาคต สิ่งที่ฉันร่ำเรียนมาจะช่วยให้แม่และฉันสบายขึ้น
ฉันก้มหน้าก้มตาเรียน พยายามไม่สนใจสายตาดูแคลนจากเพื่อนรอบตัว ความยากจนของฉันทำให้ฉันถูกรังเกียจ ฉันไม่แคร์คนเหล่านั้นเลย พวกเขาไม่ได้ทำให้ฉันอิ่มท้อง...คำดูถูกเหล่านั้นทำให้ฉันพยายามมากยิ่งขึ้น ผลการเรียนของฉันดีกว่าเพื่อนทุกคนในห้อง ฉันสอบได้ที่หนึ่งทุกปี ทั้งที่ฉันไม่เคยเรียนพิเศษ ไม่เคยมีติวเตอร์ส่วนตัว ทุกอย่างฉันควานหาในเวลาเรียนเท่านั้น ฉันรักแม่ และสงสารแม่ด้วย อะไรที่ฉันช่วยผ่อนแรงแม่ได้ ฉันไม่เคยรีรอที่จะอาสา ดังนั้น มันจึงเป็นภาพที่คนละแวกนั้นชินชา เด็กหญิงตัวเล็กๆ ที่ขันอาสาช่วยแม่ทุกอย่างตั้งแต่ล้างจาน และช่วยทอนสตางค์ ฉันไม่เคยเถลไถลไปเล่นเหมือนเด็กคนอื่น กิจวัตรประจำวันตั้งแต่ลืมตาตื่นจนถึงหัวถึงหมอนเหมือนกันทุกวัน
แต่ทว่า...ความขยันอย่างเดียวไม่ได้ช่วยให้ฐานะของแม่ฉันดีขึ้นเลย
ฉันยังอาศัยอยู่ในบ้านโทรมๆ หลังเดิม
ถัดไปจากซอยที่ฉันอาศัยอยู่ ความเหลื่อมล้ำที่ฉันไม่มีวันตะกายไปถึง...บ้านจัดสรรขนาดใหญ่ แบบบ้านสวยจนครั้งแรกที่ฉันเห็นใบปลิวตกอยู่ตรงหน้ายังแอบเคลิ้มไม่ได้ หากฉันมีเงิน ฉันจะพาแม่ไปอยู่ที่นั่น
“แม่จ๋าบ้านในนี้เขาขายหลังละเท่าไรคะ?” ฉันถามแม่ตามประสาเด็กน้อย
แม่ยิ้มให้ยกมือลูบศีรษะฉันและตอบสั้นๆ ว่า “ต่อให้แพรกับแม่ขายของจนตายก็ไม่มีปัญญาซื้อบ้านที่นั่นได้หรอกแพรเอ๋ย มันแพง”
แต่ฉันไม่ได้คิดแบบนั้น ฉันฝันไปไกลกว่านั้น วันที่ฉันโตขึ้น ฉันจะซื้อบ้านแบบนี้ให้แม่อยู่
ยี่หวาไม่เคยคิดว่าปลายทางชีวิตของเธอจะจบลงแบบนี้ ก่อนที่เธอจะทิ้งอนาคตที่เหลือไปอย่างไร้ค่า เนื่องจากสุดที่จะทนกับความชอกช้ำที่ได้รับมาจากสามีคนเดียว เธอตัดสินใจฝากดวงใจของตัวเองไว้กับน้องสาวฝาแฝด น้องสาวที่ไม่มีคนรอบตัวรู้จัก มันคือความลับที่เธอปิดบังพวกเขาไว้ สมัยเด็กๆ พ่อกับแม่แยกทางกัน ทั้งสองท่านเลยแบ่งลูกไปเลี้ยงดูคนละคน ยี่หวาอยู่กับแม่ ส่วนญาดาไปอยู่กับบิดา สองสาวที่เหมือนกันทุกกระบิ แตกต่างที่นิสัย คนหนึ่งเรียบร้อย พูดน้อย น่ารัก ส่วนอีกคนตรงข้ามทุกอย่าง แกร่ง และกล้าท้าชน… และเพราะแค้นใจแทนพี่สาว ญาดาเลยรับปากก่อนยี่หวาสิ้นลม เธอจะเอาคืนทั้งสองคนนั้นให้สาสม ไม่ว่าจะเป็นปกป้องสามีสุดที่รักของยี่หวา หรือแม้แต่...ฉันทา ว่าที่ภรรยาคนใหม่แสนผยองคนนั้น สองคนนี้ต้องหาความสุขไม่ได้ เธอจะรังควานพวกเขา ให้เหมือนตกนรกทั้งเป็น...การจองเวรคืองานที่เธอควรทำ…ถ้าเป็นดั่งที่ตั้งใจไว้ ญาดาคงไม่กลุ้มใจหนัก ‘ความรัก’ บทจะมาก็มาประชิด เธออยากแก้แค้น แต่ดันไปหลงรัก ผู้ชายเลวคนนั้นเสียอีก หลังจากเฉดหัวฉันทา คงต้องหาทางมัดใจปกป้อง อย่างน้อยก็ทำเพื่อหลาน ถ้าเธอตกนรก เธอจะลากปกป้องตามไปด้วย...
คงไม่มีความซวยไหนเลวร้ายเท่ากับการถูกตราหน้าว่าเป็น ‘เด็กดริ้ง’ ความตั้งใจของณิรินคือไปจับผิดว่าที่พี่เขย แต่กลับกลายเป็นว่าเธอถูกเข้าใจผิดเสียเอง แถมผู้ชายคนนั้นดันเป็นคนสำคัญที่เธอต้องคอยดูแลระหว่างที่เขามาเจรจา เพื่อเป็นคู่ค้ากับบริษัทของลุงกับป้า หน้าที่นั้นเลยถูกโยนมาให้ณิรินรับผิดชอบ ผู้ชายปากร้ายเอาแต่ใจตัวเอง ค่อนข้างงี่เง่าคนนั้น เขาคิดว่าเธอมีอาชีพเสริม และพยายามเกาะแกะจนณิรินโมโห บางครั้งณิรินก็อดคิดไม่ได้ มันเป็นเพราะช่วงเบญจเพศของเธอหรือเปล่า เรื่องซวยๆ เลยเกิดขึ้นกับเธอไม่หยุดหย่อน
เสียงของเขาดังก้องอยู่ในหู ฉันไม่สามารถสลัดเสียงแหบๆ ของเขาออกไปจากความทรงจำได้เลย นี่เกิดอะไรขึ้นกับฉันนะ สิ่งที่ฉันคิดอยู่นี่คือ...ความผิด แม้จะเป็นแค่ความคิด แต่มันเป็นก้าวแรกที่ฉันตั้งใจทำผิดศีลธรรม กับผู้ชายที่มีภรรยาแล้ว!! ฉันกำลังเป็นคนเลว และอีกไม่ช้า ฉันคงโดนคนทั้งโลกประณามหากฉันไม่หยุดความคิดทุเรศๆ นั่นเสียตั้งแต่ตอนนี้ จะทำยังไงดีล่ะ? ฉันคิดอะไรไม่ออกเลย มีเพียงเสียงแหบๆ ของคน คนนั้นดังก้องอยู่ในหูเท่านั้น “สามีของเธอเดินทางไปทำธุรกิจ” “เธอบอกว่าสามีของเธอจะไม่อยู่ประมาณหนึ่งอาทิตย์!!” “มันจะดีแค่ไหนนะ หากฉันเปลี่ยนสิ่งที่ได้ยินได้ เขาน่าจะไปซัก7ปี” ผมพยายามข่มใจให้รู้สึกเศร้าตาม แต่หัวใจของผมกลับเต้นระรัวเกินกว่าจะควบคุมได้ “คุณอยู่ที่ไหน?
รัชศกปีที่สิบ มันเป็นช่วงเวลาแสนสุขที่ลืมไม่ลง แม้เวลาจะผ่านมาเนิ่นนาน ครั้งหนึ่ง ข้าเคยเป็น ‘สาวงาม’ ที่ผู้คนทั้งเมืองหลงใหล เมืองหลวงกว้างใหญ่ใต้แผ่นฟ้าเดียว ข้าผู้มาก่อนกาล เดิมทีข้าคิดว่าเป็นแค่ความฝันหนึ่งตื่น แต่ที่ไหนได้ ทุกเหตุการณ์ที่ข้าพบเจอ คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริง ความสุขที่ท่วมท้นอยู่ในใจ เป็นความทรงจำเดียวที่ทำให้ข้าอยากมีชีวิตอยู่ต่อ เพื่อ...รอ...ใครบางคน
เมื่อสามีตะโกนใส่หน้า “ผมต้องการหย่ากับเธอ!! คนที่ผมรักเขากลับมาหาผมแล้ว” เมษาเซ็นจำใจชื่อบนใบหย่าพร้อมทั้งน้ำตาที่ไหลพรู เธอตัดสินใจเก็บงำความลับไว้กับตัว พร้อมกับจากไปโดยไม่ปริปากบอกคีรินเลยสักคำ ผ่านไป 5 ปี เด็กชายคนหนึ่งมาตามหาพ่อ... “ผมจะไปหาพ่อผม ปล่อยผมนะ!!” เสียงแผดก้องบริเวณหน้า ล็อบบี้ แม้แต่คีรินเองยังอดสนใจไม่ได้ เด็กชายคนหนึ่งถูก รปภ. รั้งตัวไว้ เขาดิ้นกระแด๋วๆ ตะโกนลั่น ผิวทั้งหน้าแดงก่ำ มีเม็ดเหงื่อผุดเต็มไปหน้า และเมื่อเด็กชายวิ่งตรงมาหาเขา “พ่อคร๊าฟฟฟฟฟ” คิรินเข่าอ่อน สัญชาตญาณบางอย่างเตือน เด็กชายตรงหน้าเขานี่ เป็นเลือดเนื้อส่วนหนึ่งของเขาร้อยเปอร์เซ็นต์
เป็นข้อเสนอที่น่าสนใจไม่หยอก หากสามารถปราบพยศผู้ชายเจ้าอารมณ์ได้ ดานันจะเป็นอิสระจากข้อผูกมัดของบิดา ทว่า...ในความโชคร้าย มีความโชคดีแอบแฝงอยู่ ว่าที่สามีของเธอ เป็นบุตรชายผู้มั่งคั่งของตระกูลใหญ่ แต่เขาเพิ่งสูญเสียดวงตาไปจากอุบัติเหตุ ดานันต้องรองรับความเกรี้ยวกราดเช่นนี้ จนกว่าจะเปลี่ยนความคิดของเขาได้ ครามไม่ได้พิกลพิการมาตั้งแต่กำเนิด เขามีหนทางรักษาได้ ขึ้นอยู่กับว่า...ดานันจะโน้มน้าวว่าที่สามีของเธอได้หรือเปล่า
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"
ตลอดระยะเวลาสามปีของการแต่งงาน เธอรู้สึกสิ้นหวัง ที่ถูกบังคับให้เซ็นใบหย่า ทั้งๆที่เธอกำลังท้อง เธอใจสลายกับความไร้มนุษยธรรมของเขา กระทั่งเธอออกไปจากชีวิตของเขา เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเธอคือรักแท้ของเขา ไม่มีวิธีใดที่จะเยียวยาหัวใจที่บอบช้ำของเธอให้หายขาดได้ เขาจึงมอบความรักทั้งหมดของเขาให้แก่เธอเพื่อชดเชย
ตลอดระยะเวลาสามปีที่หยุยเอินแต่งงานกับฝู้ถิงหย่วน เธอพยายามทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด เธอคิดว่าความอ่อนโยนของตนจะสามารถละลายใจที่เย็นชาของฝู้ถิงหย่วนได้ แต่ต่อมาเธอก็รู้ตัวว่าไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ผู้ชายคนนี้ก็ไม่มีวันจะตกหลุมรักเธอได้ ด้วยความสิ้นหวังของเธอ สุดท้ายเธอตัดสินใจที่จะยุติการแต่งงานครั้งนี้ ในสายตาของฝู้ถิงหย่วน หยุยเอิน ภรรยาของเขาเป็นผู้หญิงที่โง่ ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าภรรยาของเขาจะกล้าโยนใบหย่าใส่เขาต่อหน้าคนมากมายในงานเลี้ยงวันครบรอบฝู้ซื่อ กรุ๊ป หลังจากหย่าร้าง ทุกคนต่างคิดว่าพวกเขาจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป แต่เรื่องราวระหว่างทั้งสองคงไม่ได้จบลงอย่างง่าย ๆ แบบนี้ หยุยเอินได้รับรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และคนที่เป็นผู้มอบถ้วยรางวัลให้กับเธอก็คือฝู้ถิงหย่วน หยุยเอินคิดไม่ถึงว่าผู้ชายที่สูงส่งและแสนเย็นชาคนนี้จะลดตัวลงอ้อนวอนเธอต่อหน้าผู้ชมทั้งหมด"หยุยเอิน ก่อนหน้านี้คือผมผิดเอง ขอโอกาสให้ผมอีกครั้งได้ไหม"หยุยเอินยิ้มด้วยความมั่นใจ"ขอโทษนะคุณฝู้ ตอนนี้ฉันสนใจแต่เรื่องงาน"ชายหนุ่มคว้ามือเธอไว้ ดวยตานั้นเต็มไปด้วยความผิดหวัง หยุยเอินสบัดมือเขาและเดินจากไปโดยปราศจากความลังเลใด ๆ
หลังจากแต่งงานกันมาสองปี สามีของเธอไม่เคยเหยียบเข้าไปในบ้านและมองดู 'ภรรยาขี้เหร่' ของเขาเลย แถมเขาก็มีเรื่องอื้อฉาวกับดาราหน้าใหม่หลายคนทุกวัน ซูเหว่ยทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอตัดสินใจปล่อยเขาไป ต่อไปก็ต่างคนต่างไปเลย แต่เมื่อเธอเสนอเรื่องหย่า... ฟู่เหยียนอันพบว่านักออกแบบในบริษัทนั้นสะดุดตาเป็นพิเศษ เขาค่อยๆ ทำความรู้จักกับเธอเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเธอเข้า เขาเสียใจแล้ว