ตลอดระยะเวลาสามปีที่หยุยเอินแต่งงานกับฝู้ถิงหย่วน เธอพยายามทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด เธอคิดว่าความอ่อนโยนของตนจะสามารถละลายใจที่เย็นชาของฝู้ถิงหย่วนได้ แต่ต่อมาเธอก็รู้ตัวว่าไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ผู้ชายคนนี้ก็ไม่มีวันจะตกหลุมรักเธอได้ ด้วยความสิ้นหวังของเธอ สุดท้ายเธอตัดสินใจที่จะยุติการแต่งงานครั้งนี้ ในสายตาของฝู้ถิงหย่วน หยุยเอิน ภรรยาของเขาเป็นผู้หญิงที่โง่ ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าภรรยาของเขาจะกล้าโยนใบหย่าใส่เขาต่อหน้าคนมากมายในงานเลี้ยงวันครบรอบฝู้ซื่อ กรุ๊ป หลังจากหย่าร้าง ทุกคนต่างคิดว่าพวกเขาจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป แต่เรื่องราวระหว่างทั้งสองคงไม่ได้จบลงอย่างง่าย ๆ แบบนี้ หยุยเอินได้รับรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และคนที่เป็นผู้มอบถ้วยรางวัลให้กับเธอก็คือฝู้ถิงหย่วน หยุยเอินคิดไม่ถึงว่าผู้ชายที่สูงส่งและแสนเย็นชาคนนี้จะลดตัวลงอ้อนวอนเธอต่อหน้าผู้ชมทั้งหมด"หยุยเอิน ก่อนหน้านี้คือผมผิดเอง ขอโอกาสให้ผมอีกครั้งได้ไหม"หยุยเอินยิ้มด้วยความมั่นใจ"ขอโทษนะคุณฝู้ ตอนนี้ฉันสนใจแต่เรื่องงาน"ชายหนุ่มคว้ามือเธอไว้ ดวยตานั้นเต็มไปด้วยความผิดหวัง หยุยเอินสบัดมือเขาและเดินจากไปโดยปราศจากความลังเลใด ๆ
“ถิงหย่วน แกก็แต่งงานกับหยุยเอินมาสามปีแล้วนะ ควรคิดที่จะมีลูกได้แล้ว”
น้ำเสียงอันหนักแน่นของชายชราลอยออกมาจากห้องอ่านหนังสือที่ประตูเปิดไว้อยู่
คำพูดอันแสนเย็นชาของชายคนหนึ่งดังขึ้นตามมา “จะให้มีลูกกับผู้หญิงที่ไม่ได้รักได้ยังไงกันครับ”
หยุยเอินกำลังจะเคาะประตูบอกพวกเขาว่าอาหารเย็นพร้อมแล้ว เมื่อได้ยินคำพูดนั้น เธอก็หยุดชะงักทันที ใบหน้าอันอ่อนโยนของเธอก็ซีดเผือดลง
เสียงของชายหนุ่มดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เขาเริ่มหมดความอดทนลงเล็กน้อย “คุณปู่ครับ ผมจะพูดกับคุณปู่ให้ชัดเจนอีกรอบนะครับ ผมกับหยุยเอินมีลูกด้วยกันไม่ได้ คุณปู่ล้มเลิกความคิดพวกนี้ไปได้เลย”
“ไอ้เด็กเปรตเอ๊ย!” ชายชราสบถออกมาด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว เขาทิ้งแก้วใบหนึ่งลงกับพื้น พร้อมกับเสียงฝีเท้าของชายคนหนึ่งที่เดินออกไป
หยุยเอินรีบไปซ่อนตัวอยู่ในห้องน้ำที่อยู่ข้าง ๆ เพราะว่าเธอตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก เอวของเธอจึงถูกขอบแหลม ๆ ของอ่างล้างมือบาดเข้าอย่างแรง
บาดแผลนั้นเจ็บลึกไปทั่วทั้งตัว แผ่ขยายไปจนถึงในหัวใจเลยทีเดียว เธอเจ็บปวดมากจนน้ำตาเอ่อล้นไปท้วมดวงตา
เมื่อไม่กี่วันก่อน เธอได้รับแจ้งใบรับรองการตั้งครรภ์ใบหนึ่งในโทรศัพท์ ซึ่งคนที่ส่งมาคือ เซิ่นเหยา นางฟ้าที่สามีของเธอฝู้ถิงหย่วนกำลังหลงใหลอยู่
ส่งมาพร้อมกับคำพูดเสียดสีของเซิ่นเหยาด้วย……
“หยุยเอิน เธอแต่งงานกับถิงหย่วนมาสามปีแล้ว แต่เขาไม่เคยรักเธอเลย เธอนี่ช่างล้มเหลวเสียจริงนะ”
“เธอได้เเต่ตัวของเขา เเต่กลับไม่ได้ใจของเขาเลย มีแต่เธอเท่านั้นแหละที่ถนัดทำเรื่องต่ำต้อยไม่เคารพตัวเองเช่นนี้ ถ้าเป็นฉันก็คงจะอับอายจนกระโดดตึกฆ่าตัวตายไปนานแล้ว”
ก่อนแต่งงาน หยุยเอินไม่รู้ด้วยซ้ำว่า เซิ่นเหยามีตัวตนอยู่จริง
จนกระทั่งถึงวันแต่งงาน ฝู้ถิงหย่วนไม่กลับมาทั้งคืน เช้าวันรุ่งขึ้นข่าวอื้อฉาวของเขากับเซิ่นเหยาดาราสาวชื่อดังที่เดินเข้าออกโรงแรมก็ดังสนั่นไปทั่ว
เธอถึงได้เข้าใจว่า ที่แท้สามีของเธอมีคนอยู่ในใจอยู่แล้ว
ที่น่าตลกก็คือ ในตอนนั้นเธอยังคงคาดหวังว่าเธอจะได้ความรักเเละความสุขจากเขา เธอคิดว่า เขาคงจะเปลี่ยนเเปลงตัวเองได้หลังจากที่เเต่งงานกันเเล้ว เธอจึงลาออกจากงาน เเล้วกลายมาเป็นภรรยาอย่างเต็มตัวของเขาด้วยความอุ่นใจ
เเต่น่าเสียดายที่สามปีต่อมา……
ทันทีที่เธอเข้าไปซ่อนตัวในห้องน้ำ ประตูก็ถูกผลักเปิดออกอย่างแรง เธอเดินเซถอยหลังไปสองสามก้าว
ในสายตาอันปริ่มน้ำตาของเธอนั้น เธอเห็นชายผู้เย็นชาเดินเข้ามา เขาก็คือ ฝู้ถิงหย่วน สามีของเธอนั่นเอง
ท่าทางของเขาเย็นยะเยือกยิ่งนัก ชุดสูทสีดำทั้งตัวของเขายิ่งเพิ่มรัศมีโหดร้ายให้แผ่ออกมามากขึ้นไปอีก พอเข้ามา เขาก็บีบกรามของเธออย่างไม่เกรงใจใด ๆ “ไปยุให้คุณปู่เร่งให้ผมมีลูกกับคุณเหรอ? หยุยเอิน ไม่กี่ปีมานี้ฝีมือของเธอช่างพัฒนาขึ้นมาเรื่อย ๆ เลยนะ จริงไหม? !”
ยังไม่ทันที่หยุยเอินจะอ้าปากพูดอะไร ดวงตาของเขาก็ยิ่งหนาวเหน็บราวกับป่าดิบชื้น “เมื่อสามปีก่อน คุณได้วางแผนเข้ามาเป็นสะใภ้ในตระกูลฝู้ ตอนนี้คุณคงอยากใช้ลูกเป็นข้ออ้างในการพึ่งพาตระกูลฝู้ไปตลอดชีวิตเลยใช่ไหม?”
สีหน้าของหยุยเอินเปลี่ยนไป เธอกัดริมฝีปากแน่น “ไม่ใช่นะ!”
“ถ้าไม่ใช่ แล้วทำไมถึงต้องเป็นยายแม่มดมาแอบฟังการสนทนาของผมกับคุณปู่ด้วยล่ะ?”
สายตาของถิงหย่วนเย้ยหยันยิ่งนัก “แต่ว่า คุณคงมาได้ยินพอดีสินะ จะได้รู้ว่าผมรู้สึกกับคุณยังไง หยุยเอิน คุณจะให้กำเนิดลูกของผมอย่างนั้นเหรอ คุณไม่คู่ควรเลย!”
คำพูดอันแสนโหดร้ายของถิงหย่วนทำให้หยุยเอินกำมือทั้งสองข้างไว้เเน่น เล็บของเธอจิกเข้าไปในฝ่ามือของเธอเป็นรอยลึก
เธอรู้มาตลอดว่า ถิงหย่วนไม่ได้รักเธอ แต่พอได้ยินเขาพูดกับปากของเขาเองว่า “ไม่คู่ควร” วลีนี้ได้ทิ่มแทงหัวใจเธอราวกับโดนมีดปักนับหมื่นเล่ม
เป็นเวลาสามปีแล้วที่เธอพยายามทำหน้าที่เป็นภรรยาของเขาอย่างเต็มที่ เธอไม่กล้าที่จะหยุดพักเลยแม้แต่นิดเดียว
เธอคิดว่า เธอสามารถทำให้หัวใจของถิงหย่วนจะค่อย ๆ ละลายลงมาบ้าง แต่ตอนนี้เธอพบว่า หัวใจของเขาเป็นภูเขาน้ำแข็งหมื่นปี ไม่ว่าเธอจะพยายามมากแค่ไหนก็ไม่สามารถละลายมันได้
“ถิงหย่วน ในช่วงระยะเวลาสามปีมานี้ คุณเคย…… ชอบฉันสักนิดไหม?”
เธอพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ร่างกายของเธออดทนแรงสั่นสะเทือนเอาไว้อย่างแรงกล้า ราวกับว่าเธอได้ใช้พละกำลังและความกล้าหาญทั้งหมดของเธอไปหมดเเล้ว
คำถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำและแผ่วเบาเช่นนี้ทำให้ในใจของถิงหย่วนรู้สึกแปลก ๆ แต่ชั่วพริบตาก็จางหายไป
ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชา “แล้วคุณว่าไงล่ะ?”
การเยาะเย้ยถากถางของเขาทำลายฟางเส้นสุดท้ายในใจของหยุยเอิน หัวใจของเธอเจ็บปวดมากเสียจนรู้สึกชาไปทั่วร่าง
ลู่เจียหง นักวิทยาศาสตร์ชื่อดังในยุคปัจจุบัน จับผลัดจับพลูลงลิฟต์ก็โผล่ไปยังยุคโบราณ แถมยังอยู่ในชุดเจ้าสาวอีก ถ้าประหลาดแค่นั้นไม่พอคงไม่เป็นไร ถ้าไม่พบว่าตัวเองกำลังถูกตามล่าจากว่าทีสามีที่ยังไม่ทันเข้าหอ งานนี้นางถือคติไม่ยุ่งเกี่ยวต่างคนต่างอยู่ แต่ท่านอ๋องผู้นั้นก็เอาแต่วนเวียนอยู่ข้างตัวนางไม่หยุด แบบนี้นางจะหย่าสำเร็จได้ตอนไหนกัน!!
ซูมู่หยูคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลที่พลัดพรากจากกันไปนาน หลังจากกลับมาสู่ครอบครัว เธอพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเอาใจญาติๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวตน เกียรติศักดิ์ หรือผลงานการออกแบบ เธอก็ถูกบังคับให้มอบสิ่งเหล่านี้ให้กับลูกสาวบุญธรรม อย่างไรก็ตาม เธอไม่ได้รับความรักและการดูแลจากครอบครัวแต่อย่างใด แต่กลับโดนเอาเปรียบตลอด นับแต่นั้นเป็นต้นมา มู่หยูไม่ยอมให้ใครอีกเลย และตัดความรู้สึกและความรักทั้งหมดออกไป ปัจจุบันเธอเป็นสายดำระดับเก้า เชี่ยวชาญภาษาถึงแปดภาษา เป็นผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ และนักออกแบบระดับโลก ซูมู่หยูกล่าวว่า "จากนี้ไป ฉันเป็นหนึ่งของตระกูลซู"
“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง
เส้าหยวนหยวนแต่งงานกับแม่ทัพเทพทรงพลังที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนส่งผลกระทบต่อทางจิตใจหลังจาดที่เธอย้อนเวลา เธอไม่ต้องการเข้าไปพัวพันกับการสมรู้ร่วมคิด และต้องการร่วมมือกับเขาเพื่อแสวงหาอิสรภาพ เธอก่อตั้งธุรกิจ รักษาโรคของคนไข้ และช่วยชีวิตผู้คน เป็นคนที่ยอดเยี่ยม กลายเป็นผู้ช่วยที่ดีของแม่ทัพ แต่ต่อมาแม่ทัพกลับคืนคำ ไหนตกลงไว้ว่าจะหย่าล่ะ?
เดิมทีฟางจินซิ่วมีอวกาศติดตัวได้เปิดคลินิกการแพทย์แผนจีนในยุคปัจจุบันและเจริญรุ่งเรือง ไม่มีการแข่งขันหนัก และทำงานมีวันหยุด เธอใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย แต่แล้วมีวันหนึ่งที่เธอตื่นขึ้นมากลับข้ามมิติกลายเป็นชาวนาที่ฟมู่บ้านยากจน อีกทั้งได้เจอภัยแล้ง จากนั้นก็โดนขาย โชคดีที่ครอบครัวที่ซื้อเธอแตกต่างจากที่เธอจินตนาการไว้ เธอไม่ได้ถูกทารุณกรรม แต่ได้รับการดูแลอย่างดี ในยุคแห่งความขาดแคลนอาหาร และมีภัยแล้ง ฟางจินซิ่วตัดสินใจตอบแทนความเมตตาของครอบครัวนี้ แม่สามีป่วยหนัก? สำหรับปัญหาเล็กๆ น้อยๆ เธอเก็บสมุนไพรและแช่ในสระศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งรักษาเธอให้หายดีภายในไม่กี่นาที ที่บ้านไม่มีอาหาร? ปัญหาเล็กๆ น้อยๆ เธอไปล่าสัตว์กับครอบครัวและโชคก็เข้าข้างเธอ ไม่ว่าเธอจะไปที่ไหน เหยื่อก็จะตกหลุมพรางเสมอ กินแต่เนื้อสัตว์โดยไม่มีผักหรือ? มันเป็นปัญหาเล็กๆ เทน้ำในสระศักดิ์สิทธิ์เพียงหยดเดียว ก็สามารถปลูกพืชได้ทุกชนิดและกินผักและผลไม้อะไรก็ได้ที่พวกเธอต้องการ ญาติที่อิจฉากำลังมาก่อเรื่องเมื่อเห็นว่าพวกเธอใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย สำหรับปัญหาเล็กน้อยนี้ เธอเรียกผู้ชายที่มีความแข็งแกร่งของเธอมาจัดการพวกเขา อะไร คุณถามว่าสามีของฉันทำไมเชื่อฟังได้ขนาดนี้? จงหวี่เดินเข้ามาด้วยสายตาเร่าร้อน "คุณภรรยา ตราบใดเจ้ายอมอยู่เคียงข้างข้าตลอดชีวิต ถึงเอาชีวิตข้าไปข้าก็ยอม"
ในเมื่อความปรารถนาสูงสุดของอีกฝ่ายไม่ใช่ครอบครัว เธอจึงกลายเป็นคนที่เขาอยากเขี่ยทิ้งไปให้พ้นตัว เหตุผลที่เขาก้าวเข้ามาในชีวิตของเธอ ใช้ถ้อยคำหวานหลอกล่อจนหญิงสาวตายใจ ในที่สุดเธอก็ได้ตัดสินใจแต่งานกับเขาอย่างไม่มีข้อแม้ใด ๆ ท้ายที่สุดแล้วความจริงก็ปรากฏขึ้น เพราะปรเมศเข้าใจผิด คิดว่าเขมิกาคือสาเหตุที่ทำให้ผู้เป็นมารดาของเขาต้องจากโลกนี้ไปโดยไม่ได้เอ่ยคำบอกลา “เขมท้อง!” หญิงสาวตัดสินใจพูดเรื่องทารกน้อยในครรภ์ เพราะลึก ๆ แล้วยังแอบหวังที่จะได้อยู่กับครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตา อารมณ์ของเขมมิกาแปรปรวน เธอเองไม่อาจควบคุมได้ บางทีก็คิดอยากอยู่ประเดี๋ยวก็อยากไป “กี่เดือน” “หกสัปดาห์แล้วค่ะ” “เด็กคนนี้เป็นลูกของใคร” “คุณปรเมศ!” เขมมิการู้สึกผิดหวังในตัวชายหนุ่ม เขาไม่ควรตั้งคำถามนี้กับเธอ “เอาเด็กนั่นออกซะ! นี่คือเงินที่ผมจะจ่ายให้กับคุณ นับจากนี้ไปเราสองคนเป็นเพียงแค่คนแปลกหน้าสำหรับกัน” “คุณคิดดีแล้วใช่ไหมคะ” “ผมไม่เคยลังเลที่อยากเก็บเด็กคนนี้เอาไว้เลยสักนิด” คำตอบที่ได้ทำเอาหญิงสาวพูดไม่ออก มันจุกในอกเสียจนเธอแทบเสียสติ แต่ก็กลับมาได้เพราะทารกน้อย เธอต้องปกป้องเด็กคนนี้ให้ถึงที่สุด ปรเมศจะต้องเสียใจกับถ้อยคำที่เขาพูดกับเธอในวันนี้