เขาคือเจ้าของฟาร์มนกกระจอกเทศที่ใหญ่ติดอันดับต้นๆ ของโลก ส่วนเธอคือหญิงสาวที่เขารับมาทำงานด้วยเพราะถูกน้องชายขอร้อง อะไรจะเกิดขึ้น? เมื่อคนที่เขาคิดว่าขี้เหร่นักหนากลายเป็นนางฟ้าเดินดินที่อยากครอบครอง
เขาคือเจ้าของฟาร์มนกกระจอกเทศที่ใหญ่ติดอันดับต้นๆ ของโลก ส่วนเธอคือหญิงสาวที่เขารับมาทำงานด้วยเพราะถูกน้องชายขอร้อง อะไรจะเกิดขึ้น? เมื่อคนที่เขาคิดว่าขี้เหร่นักหนากลายเป็นนางฟ้าเดินดินที่อยากครอบครอง
บทที่ 1
จิระรีบลุกจากม้านั่งหิน เมื่อเห็นรถของเพื่อนสนิทเลี้ยวเข้ามาภายในบริเวณลานวัด ใกล้กับที่เขานั่งคอยอยู่ เขารีบเดินเข้าไปเปิดประตูรถ แล้วขึ้นไปนั่งด้านข้างคนขับ
“นึกว่านายจะไม่มาซะแล้ว”
“รับปากแล้วก็ต้องมาสิวะ” ธีรสิทธิ์ตอบเพื่อนรัก มองหน้าที่เต็มไปด้วยความวิตกกังวลของอีกฝ่าย “ไปหาที่คุยกันดีกว่า”
“ไม่ต้องหรอก คุยที่นี่แหละ ถ้าตกลงจะได้ไม่เสียเวลา”
“มีเรื่องอะไรหรือเปล่า ทำไมถึงรีบให้ฉันมาหาวะ” คำพูดมีนัยยะของเพื่อนรักทำให้เขาสงสัย
จิระพยักหน้ารับ มองเพื่อนอย่างลังเล ก่อนตัดสินใจขอความช่วยเหลือ
“ฉันฝากน้องสาวไปทำงานกับนายสักปีสิวะขัน”
“ทำไมวะ หรือว่าแกจะไปไหน”
“อือ ฉันถูกบริษัทส่งตัวไปสิงคโปร์ว่ะ ที่นั่นเงินเดือนและสวัสดิการค่อนข้างดี อยู่ฟรีกินฟรี ไปอยู่ที่นั่นฉันคงลืมตาอ้าปากได้บ้าง แต่ฉันก็ไม่กล้าทิ้งให้เกลมันอยู่คนเดียว นายก็รู้ว่าน้องฉันสวยขนาดไหน แล้วนายก็เห็น ๆ อยู่ว่าแถวที่ฉันอยู่เป็นยังไง ฉันเป็นห่วงมันว่ะขัน”
“แค่นั้นเหรอที่แกห่วง” ธีรสิทธิ์หยั่งเชิง เพราะรู้ว่าเพื่อนรักเล่าไม่หมด
“นายก็รู้ ๆ อยู่”
“ฉันถึงบอกให้แกเอาเงินฉันไปใช้เจ้าหนี้พวกนั้นก่อน แล้วค่อยมาผ่อนให้ฉันทีหลัง” เขาเต็มใจช่วยเหลือเพื่อนรักคนนี้ เพราะรู้ว่าหนี้ที่มันเป็นอยู่ เกิดจากการหาเงินส่งเสียค่าเล่าเรียนตัวเอง และน้องสาวที่เป็นลูกของอาที่เสียชีวิตไปแล้ว และยังต้องหาเงินรักษาอาการป่วยของบิดา ที่เพิ่งเสียชีวิตเมื่อปีที่ผ่านมา
“ที่นายช่วยฉันมาก็เยอะแล้วไอ้ขัน ฉันเอาจากนายอีกไม่ได้หรอก ฉันละอายแก่ใจว่ะ”
“แล้วแกจะให้เจ้าหนี้ตามทวงอยู่แบบนี้เหรอ แต่ละเดือนจ่ายได้แต่ดอก ผ่อนต้นบางส่วนก็ไม่ได้ ต้องจ่ายเป็นก้อนเหมือนตอนที่ยืม ไอ้พวกนี้มันฉลาด มันจะกินแต่ดอกจากแกไง”
“ฉันถึงต้องไปนี่ไง”
“แล้วแกจะจ่ายดอกพวกมันยังไง”
“เรื่องนั้นนายไม่ต้องเป็นห่วงหรอก แค่ตอบรับเรื่องน้องสาวฉันก็พอ”
“แล้วนายไว้ใจฉันเหรอ” ธีรสิทธิ์ถามหยั่งเชิงเพื่อนรัก
“เออ” จิระตอบอย่างไม่ลังเล “นายกับฉันกินนอนมาด้วยกันตั้งแต่เข้ามหาลัย นายก็สนิทกับน้องฉันมาตั้งแต่สมัยนั้น ฉันดูออกว่านายคิดกับเกลมันยังไง” เขามั่นใจในตัวเพื่อนรัก รู้ดีว่าธีรสิทธิ์เห็นน้องสาวของเขาเหมือนน้องสาวคนหนึ่งเท่านั้น
“ฉันให้น้องเกลไปอยู่กับฉันที่ฟาร์มก็ได้ แต่แกต้องเอาเงินจากฉันไปใช้หนี้พวกมันให้หมดก่อน เพราะไม่อยากให้เจ้าหนี้ของนายโผล่ไปทวงหนี้เกลถึงที่ฟาร์มของฉัน เกลมันไม่รู้เรื่องนี้ไม่ใช่เหรอ” ธีรสิทธิ์ให้เหตุผล และถามตบท้ายอย่างไม่แน่ใจ
“รู้แค่ว่าใช้หนี้หมดแล้ว”
“ถ้านายเป็นห่วงเกล นายต้องทำอย่างที่ฉันบอก ไปคิดมาก็แล้วกันว่าเป็นหนี้ทั้งหมดอยู่อีกเท่าไหร่ ฉันจะได้โอนให้ แล้วนายก็ไปตั้งหน้าตั้งตาทำงาน กลับมาได้เอาเงินมาใช้หนี้ฉัน ลงจากรถไปได้แล้ว ฉันมีนัดกับสาวเว้ย”
“แล้วเรื่องน้องฉันล่ะ”
“แจ้งยอดหนี้ให้ฉันเมื่อไหร่ ฉันก็มารับน้องนายเมื่อนั้นแหละ คุยกับเกลมันให้รู้เรื่องก็แล้วกัน”
“เรื่องเงิน ฉันคิดไว้ว่าจะลองยื่นกู้ที่บริษัทดูน่ะขัน ฉันไม่อยากรบกวนนายจริง ๆ”
“เอาที่ฉันไปนี่แหละ ไม่ต้องเสียดอก ไม่ต้องมีประวัติที่บริษัท ทำตามที่ฉันบอกดีที่สุดแล้ว”
จิระครุ่นคิดอยู่สักพักก่อนจะพยักหน้ารับ “อือ ขอบใจมากนะไอ้ขัน แล้วฉันจะรีบติดต่อกลับไป”
“โอเค ลงไปให้ไว ฉันรีบ ฝากบอกน้องเกลด้วยว่าพี่ขันคิดถึง พรุ่งนี้บ่าย ๆ จะมารับไปกินโอมากาเสะ มึงก็ไปด้วยล่ะ”
“อือ เดี๋ยวจะบอกให้” แล้วจิระก็เปิดประตูลงจากรถของเพื่อนรัก...
ตุลฎาเปิดประตูออกมาจากห้องพักพนักงาน ส่งยิ้มให้เพื่อนร่วมงานที่เข้ามาต่อกะพร้อมโบกมือลา
“กลับก่อนนะ อย่าหลับล่ะ”
“จ้ะ วันนี้กลับบ้านเลย หรือว่าไปทำพิเศษที่อื่นต่อล่ะ” เพื่อนร่วมงานสาวทักทายกลับ
“สองทุ่มแล้วนะ จะให้ไปทำพิเศษอีกเหรอ”
“ก็บีเห็นเกลทำงานต่อเนื่องอย่างกับหุ่นยนต์”
“ตอนนี้เรียนจบแล้วจ้ะ ก็เลยลดงานลงบางส่วน แต่ก็มีรับงานจากคนรู้จักไปทำที่บ้านบ้าง”
“ทำอะไรเหรอ”
“ทำดอกไม้จันทน์ สนใจไหม”
“หึ ไม่ทำดีกว่า” เพื่อนร่วมงานหัวเราะคิกคักเมื่อพูดจบ
“เกลกลับก่อนนะ พี่ชายมารับแล้ว” ตุลฎาบอกลาเพื่อน เมื่อเห็นพี่ชายมาจอดมอเตอร์ไซค์ที่หน้าร้าน
“จ้ะ ฝากบอกพี่ชายด้วยนะว่าอย่าหล่อให้มาก สาวเซเว่นใจละลายหมดแล้ว”
“จ้ะ ไปก่อนนะ” หญิงสาวโบกมือให้เพื่อน แล้วรีบเดินออกไปจากร้าน
“ซื้อข้าวไปกินที่บ้านไหม หรือว่าจะกินจากที่ร้านไปเลย” จิระถามน้องสาวเมื่อเธอเดินมาถึงที่รถ
“เกลซื้อกะหล่ำปลีกับมาม่าไว้แล้ว ตั้งใจจะทำผัดมาม่าใส่ไข่กับผัก แต่ถ้าพี่จิระไม่อยากกิน ก็กินข้าวก็ได้” แม้จะเรียนจบปริญญาตรีแล้ว และลุงซึ่งเป็นพ่อของจิระจะเสียชีวิตไปแล้ว แต่หญิงสาวก็รู้ว่าหนี้สินที่พี่ชายเป็นอยู่ยังมีอีกมาก ถึงแม้เขาจะบอกว่าใช้หมดแล้ว แต่เธอรู้ว่ามันไม่จริง ดังนั้นอะไรที่ช่วยประหยัดได้เธอจึงอยากช่วย
“ผัดมาม่าก็ดีเหมือนกัน ไม่ได้กินนานแล้ว ของพี่ใส่ผักเยอะ ๆ นะ”
“ได้ค่ะคุณพี่” ตุลฎาโค้งกายรับคำสั่งอย่างนอบน้อม
จิระหัวเราะกับความขี้เล่นของน้องสาว “ขึ้นรถเร็ว ท้องพี่เริ่มร้องแล้ว” แล้วชักชวนน้องสาวเพื่อรีบกลับบ้าน ส่งหมวกกันน็อกให้เธอ...
กลับถึงบ้านเธอก็รีบทำอาหารทันที ไม่นานผัดมาม่าสองจาน ในปริมาณที่ไม่เท่ากันก็เสร็จเรียบร้อย
อิ่มจากอาหารเย็นเรียบร้อยแล้ว จิระจึงเริ่มพูดถึงเรื่องที่ตั้งใจเอาไว้
“เกล”
“จ๋า”
“ไม่ต้องหางานแล้วนะ พี่ฝากงานให้เราเรียบร้อยแล้ว”
“ทำไมต้องฝากให้เกลด้วยล่ะพี่จิระ เกลอยากใช้ความสามารถของตัวเองมากกว่า”
“เส้นเสิ้นที่ไหนล่ะ ไอ้ขันมันบอกพี่ว่าอยากให้เราไปเป็นผู้ช่วยของมันที่ฟาร์ม”
“ทำไมต้องให้เกลไปทำงานกับพี่ขันด้วยล่ะ เกลหางานทำแถวนี้ก็ได้นี่ เมื่อกี้ผู้จัดการก็เรียกเกลไปคุย บอกว่าจะให้เกลรับตำแหน่งผู้จัดการสาขา เพราะรู้ว่าเกลเรียนจบแล้ว”
“แล้วจะอยู่ยังไง เกลก็รู้ว่าพี่ต้องไปสิงคโปร์เป็นปี พี่ไม่กล้าทิ้งให้เราอยู่ที่นี่คนเดียวหรอก ไปอยู่กับไอ้ขันน่ะดีแล้ว พี่ไว้ใจมันที่สุด เพราะมันก็รักเกลเหมือนน้องเหมือนนุ่ง เชื่อพี่นะ” จิระให้เหตุผลพร้อมกับคำขอร้อง
"ณัฐวรา" สถาปนิกสาวสวยแม่ม่ายลูกสอง ความน่ารักของเธอถูกตาต้องใจประธานคนใหม่อย่างแรง เขารุก ๆ และรุก แล้วเธอจะหนีทำไม ในเมื่อหัวใจก็เรียกร้องต้องการ ก็เขาตรงตามสเป็กซะขนาดนั้น สูงใหญ่ บึกบึน แถมเป็นลูกครึ่งด้วยสิ คงหนีไม่พ้นเขาแน่ ๆ "เควิน" ---------------- เหตุการณ์บางอย่างทำให้ "สินี" ต้องล้มเหลวกับชีวิตคู่ เธอเริ่มมองเขาที่เคยเป็นกำลังใจและให้ความช่วยเหลือเธออยู่ตลอดเวลา จนมันพัฒนามาเป็นความรักครั้งใหม่ในระยะเวลาสั้น ๆ "นภดล" ผู้ชายที่แอบเฝ้ามอง แอบหลงรักเธอมาตลอดเวลาห้าปี ------------------------------- หญิงสาวฟุบตัวลงกับอกแกร่งอย่างเหนื่อยหอบ เพราะงัดกลยุทธ์ออกมาพิชิตใจเขาจนหมดสิ้น “เควี่คะ” เรียกเขาเสียงหอบ “ว่าไงครับฮันนี่” เขาลูบศีรษะเธอแผ่วเบา “ถูกใจกับของขวัญมั้ยคะ” เธอถามเพราะอยากรู้ว่าตัวเองทำได้ดีพอมั้ยสำหรับครั้งแรก “ถ้าบอกว่าไม่ถูกใจจะขอแก้ตัวมั้ยครับ” แล้วหัวเราะเบา ๆ เมื่อถูกค้อนใส่ “ถูกใจที่สุดเลยครับ ให้ผมบ่อย ๆ นะ ผมรับได้ทุกโอกาส ทุกเทศกาลเลยนะครับ นะครับฮันนี่” เขาอ้อนวอนขอ “ค่ะ ถ้าคุณทำตัวน่ารักกับน้ำผึ้งนะคะ” “ผมจะทำตัวน่ารัก และเป็นสามีที่ดีของคุณภรรยานะครับ” “สามีภรรยาอะไรคะ พูดแบบนี้น้ำผึ้งเขินนะ” แล้วขยับตัวจะลงไปนอนบนที่นอน แต่เขารั้งไว้ไม่ยอมปล่อย “นอนกับอกผมนี้แหละ ไม่ต้องกลัวว่าผมจะหนัก เพราะตัวคุณเบาอย่างกับนุ่น” แล้วกอดเธอกระชับขึ้น “ไม่เอาค่ะ ขอน้ำผึ้งนอนบนเตียงแล้วซบอกคุณดีกว่า อุ่นดี”
ชติรสรีบพลิกตัวหันหลังให้ชายหนุ่มทันทีที่เขาผละจากเธอไปยืนอยู่ข้างเตียง ควานมือไปด้านหลังเพื่อหาผ้าห่มมาคลุมร่างที่เปลือยเปล่าของตนให้พ้นจากสายตาร้อนแรงสีน้ำตาลเฮเซลคู่นั้น แต่ให้ตายเถอะผ้าห่มมันหายไปไหนวะ! ชายหนุ่มกอดผ้าห่มไว้กับอก มองทรวดทรงอวบอัดที่มีส่วนเว้าส่วนโค้งอย่างชัดเจน เธอคือผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบไร้ที่ติในสายตาของเขาจริงๆ คิดไปคิดมาความต้องการที่เพิ่งสงบลงไปก็เริ่มตื่นตัวอีกครั้ง เขารีบคลี่ผ้าห่มคลุมร่างให้เธอแล้วแต่งตัวเพราะกลัวอดใจไม่ไหว กลัวจะทำให้เธอเจ็บปวดทรมานจนเข็ดขยาด “ผมไปก่อนนะยอดรัก” เขาเกี่ยวร่างที่ตะแคงหันหลังให้ด้วยมือข้างเดียว แล้วโน้มหน้าไปกระหน่ำจูบที่เรียวปากอิ่มนั้นอย่างเสน่หา ก่อนจะออกไปจากห้องเขายังหยิบโทรศัพท์ของเธอมากดเข้าหาเบอร์ตัวเอง และอดไม่ได้ที่จะรั้งร่างบางมากอดแนบอกและดูดดื่มความหวานของเรียวปากอย่างอาลัยอาวรณ์ “อย่าลืมสัญญาของเราล่ะ” เธอเน้นย้ำเมื่อเขาจะจากไป เขามองร่างที่กอดกระชับผ้าห่มนวมเอาไว้ด้วยความรักใคร่อย่างเปิดเผย “ผมจะรักษาสัญญาอย่างเคร่งครัดถ้าคุณไม่ผิดคำสัญญา” “เราควรทำหนังสือสัญญาต่อกัน” “ไม่จำเป็น หน้าที่ของคุณคือเป็นตัวแทนของลิก้า หน้าที่ของผมคือห้ามยุ่งกับลิก้า ดังนั้นคุณและผมแค่ทำหน้าของตัวเองอย่างเคร่งครัดหนังสือสัญญาก็ไม่มีความหมาย” “ถ้าฉันรู้ว่าคุณยุ่งกับพี่สาวของฉันทั้งที่ฉันยอมคุณถึงขนาดนี้ เราได้เห็นดีกันแน่” เธอข่มขู่ “ผมไม่โง่เสียคุณไปหรอกยอดรัก คุณเด็ดกว่าเธอเป็นไหนๆ” “อย่ามาหยาบคายกับฉัน ไสหัวออกไปจากห้องฉันได้แล้ว” เธอหยิบหมอนปาใส่คนปากเปราะนัยน์ตาลามกด้วยความอับอายระคนโกรธแค้น
ผู้ชายที่สมบูรณ์แบบทุกกระเบียดนิ้วอย่างเขา ทำไมต้องมาแต่งงานกับผู้หญิงที่เป็นง่อยอย่างเธอด้วยล่ะ.. ------------------ เขากอดเธอแน่น จูบหนักหน่วงขึ้น เรียกว่าแทบจะสูบเอาวิญญาณออกมา จูบจนเธอต้องเบือนหน้าหนีเพื่อสูดเอาอากาศเข้าปอด “หายใจไม่ทันเหรอ” ถามเสียงนิ่ง จ้องใบหน้านวลไม่กะพริบ “ตอบผมสิ” คะยั้นคะยอขอคำตอบเมื่อเธอเอาแต่อ้ำอึ้ง ไม่กล้าจะสบตาด้วย “..ค่ะ” ตอบอย่างขัดเขิน “มองหน้าผมให้เต็มตาแล้วค่อยตอบสิหนูเล็ก” ไม่พูดเปล่า แต่ยังเอื้อมมือไปจับปลายคาง รั้งใบหน้าเธอให้หันมามองตน.. แต่ใบหน้าเรียวแดงซ่านช่างน่ารักเหลือเกิน อดใจไม่ได้ต้องโน้มไปหาและจูบเสียอีกที หอมอีกสองฟอด “เด็กเลี้ยงแกะ!” แล้วตำหนิเสียงขรึม แววตาวาว คนถูกดุเหลือบสายตามองโต้ ทั้งเขินทั้งงง ไม่เข้าใจว่าตนกลายเป็นเด็กเลี้ยงแกะได้อย่างไร
อดีตนักดนตรีรูปหล่อพ่อรวยที่ผันตัวเองมาเป็นนักธุรกิจเต็มตัวเพื่อสืบทอดกิจการของครอบครัว สามปีที่เขามัวแต่เรียนรู้เรื่องงานที่ไม่ถนัดจนต้องปล่อยวางเรื่องความรัก ตอนนี้เขาพร้อมแล้วที่จะรับมือกับมัน แต่ให้ตายเถอะ! ทำไมผู้หญิงแต่ละคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกถวิลหาได้เหมือนเธอคนนั้นเลยสักคน ตอนนี้เธออยู่ไหน ทำอะไรอยู่นะ เขาอยากเจอเธออีกสักครั้ง และครั้งนี้จะไม่ปล่อยให้เธอหลุดมือเด็ดขาด เชิญพบกับความรักของพี่โฉดผู้น่ารักกับน้องแนนผู้ใสซื่อ(จากบัญชารักจากหัวใจ)ได้ในเล่มนี้เลยค่ะ
“เป็นอะไร หน้ามืดเหรอ” เขาตีหน้าเครียดถามไถ่ เก็บซ่อนอาการขำขันด้วยความเอ็นดูเอาไว้มิดชิด เธออายจนต้องยกมือปิดหน้า ซ้ำยังบิดตัวซุกหลบกับอกแกร่งเพราะกลัวจะตก “คุๆๆๆ คุณ..คุณไคปล่อยครีมลงเถอะค่ะ” “ไม่ปล่อย” “ทำไมล่ะคะ” “ก็ไม่อยากปล่อย ตั้งแต่แต่งงานกันมาเรายังไม่เคยทำตัวเป็นสามีภรรยากันเลย ผมก็อยากอุ้มภรรยาดูบ้างไม่ได้เหรอ” “ได้ค่ะ แต่ไม่ใช่เวลานี้ ตอนนี้คุณไคไม่สบายอยู่นะคะ ปล่อยครีมลงก่อนดีกว่าค่ะ อุ้มของหนักมากๆ เดี๋ยวยิ่งปวดหัวนะคะ” เธอแก้ตัวบ้าบออะไรของเธอเนี่ย ทำไมยิ่งฟังยิ่งน่ารักน่าฟัด พาให้หมั่นเขี้ยวนัก
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
เรื่องราวความรักที่มาพร้อมกับการแข่งขันที่วัดด้วยความเร็ว แผ่นหลังขาวเนียนของ ‘แพรธิมา’ สะดุดสายตาของนักแข่งรถผู้ร้อนแรงอย่าง ‘รณภูมิ’ จนต้องตามหัวใจที่เรียกร้องให้เข้าไปรู้จักจนเกิดเป็นความรัก แต่แล้วแพรธิมากลับกลายมาเป็นคู่แข่งคนสำคัญในสนามความเร็ว ซึ่งจะมีเพียงหนึ่งเดียวที่เท่านั้นสำหรับคำว่าแชมป์++++ “พะ...พอแล้วนะเชน” แพรธิมารวบรวมคำพูดเอ่ยห้ามเขา แค่นี้เธอก็ร้อนไปทั้งตัวแล้ว ล่องลอยไปไกลอย่างลืมตัว แต่ก็กลัวว่าจะมีคนเข้ามาเห็นด้วย แต่รณภูมิกลับไม่ฟังเสียงชายหนุ่มเอนตัวแพรธิมาลงไปนอนกับโซฟา ก่อนจะจูบเธอตั้งแต่เอวคอดขึ้นสูงถึงหน้าอก จับมือทั้งสองข้างที่หญิงสาวพยายามเอามาปิดหน้าอกอวบๆ ให้ออกห่าง ก่อนจะจับเธอนอนคว่ำเพื่อจะจูบแผ่นหลัง“อีกนิดนะครับ” รณภูมิเอ่ยบอกชิดใบหูเล็กๆ ก่อนจะจูบลงไปบนท้ายทอยเธอ จากนั้นก็จูบต่ำลงไปเรื่อยตามกระดูกสันหลังแพรธิมาสะดุ้งรับทุกครั้งที่ชายหนุ่มสัมผัสถูกผิวกาย มันวาบหวิว จั๊กจี้มากจนเธอต้องกัดริมฝีปากล่างของตัวเองแน่น มือทั้งสองข้างขย้ำขยี้หมอนอิง พยายามเก็บเสียงร้องของความสุขไว้ถึงที่สุด รณภูมิจูบแผ่นหลังขาวเนียนของแพรธิมาทุกจุดอย่างหลงใหล จูบ ขบเม้ม ต่ำลงไปเรื่อยๆ จนถึงขอบกางเกง อยากสัมผัสต่ำลงไปกว่านี้แต่อดใจไว้ก่อน ชายหนุ่มหยุดการประทำทุกอย่างก่อนจะขึ้นไปนอนกับแพรธิมาบนโซฟารั้งตัวเธอเข้ามากอด ก่อนจะจูบให้เธอหายใจหายคอไม่ออกอีกครั้ง “พอแล้วครับ” ชายหนุ่มถอนจูบออกอย่างอ้อยอิ่ง ทั้งๆ ที่เขามีความต้องการเธอมากจน ปวดหนึบทรมานไปทุกจุดโดยเฉพาะส่วนกลางลำตัว แต่รณภูมิก็เลือกที่จะหยุดเพียงแค่นี้ แพรธิมานอนหายใจหอบเหนื่อยในอ้อมกอดชายหนุ่ม ประสบการณ์ครั้งนี้มันทำให้เธอแทบบ้า ไม่รู้มาก่อนว่าเขาจะทำให้เธอล่องลอยไปไกลขนาดนี้ได้ ความรู้สึกประหลาดๆ วาบหวิว รู้สึกเสียวท้องน้อยมากอยากบอกให้เขาหยุดแต่ร่างกายกลับยอมให้เขาสัมผัสไม่หยุด++++
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
นางเจ็บปวดปางตายเมื่อเขาโยนร่างบอบช้ำทิ้งไว้หลังจวนโดยไม่แยแส เมิ่งลี่เฟยน้ำตาไหลพรากทว่ากลับไม่ทำให้คนที่เพิ่งเหยียบย่ำร่างกายเล็กเห็นใจแต่ประการใด"เฝ้านางเอาไว้ให้ดีอย่าให้ออกมาทำเรื่องชั่วอีก"
หลังจากแต่งงานมาสามปี เสิ่นเนียนอันคิดว่าตนเองสามารถเอาชนะใจโฮ่วอวินโจวได้ แต่กลับพบว่าเขามีเพียงคนรักแรกอยู่ในใจ "ฉันจะปล่อยเธอไปหลังจากที่เธอคลอดลูก" ในวันที่เสิ่นเนียนอันมีปัญหาในการคลอดบุตร โฮ่วอวินโจวได้พาผู้หญิงอีกคนออกจากประเทศด้วยเครื่องบินส่วนตัว "ไม่ว่าคุณจะชอบใครก็แล้วไป สิ่งที่ฉันเป็นหนี้คุณ ฉันคืนให้หมดแล้ว" หลังจากที่เสิ่นเนียนอันจากไป โฮ่วอวินโจวก็เสียใจ "กลับมาหาฉันอีกครั้งได้ไหม"
เขาเสนอตัวขอรับเลี้ยงเธอตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ… เธอปฏิเสธมัน แต่สุดท้ายเมื่อไม่มีทางเลือก เธอกลับต้องร้องขอความช่วยเหลือจากเขาอีกครั้ง ในข้อตกลงที่ไม่มีทางเลือกนั้น กลับกลายเป็นเงื่อนไขที่เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อน… "ที่พี่บอกว่าจ่ายหนัก... หนักแค่ไหนคะ?" "หึ... ก็อยู่ที่ว่าเธอทำให้ฉันพอใจแค่ไหน" ในข้อตกลงที่มีราคาสูง... เธออาจจะต้องจ่ายมากกว่าที่คิด
© 2018-now MeghaBook
บนสุด