ดาวน์โหลดแอป ฮิต
หน้าแรก / โรแมนติก / วอนรักเกมลวง
วอนรักเกมลวง

วอนรักเกมลวง

5.0
31 บท
343 ชม
อ่านเลย

เกี่ยวกับ

สารบัญ

แม้นการแต่งงานครั้งนี้จะเป็นเรื่องลวงหลอกเพราะความจำเป็นแต่เธอก็อยากให้เขารักเธอแบบที่เธอรักจะเป็นไปได้หรือไม่ว่าความดีของเธอจะเอาชนะใจของเขาได้... เรื่องราวในนิยายจะย้อนกลับไปเมื่อเกือบสี่สิบปีที่แล้ว ปิ่นงามหญิงสาวชาวเชียงใหม่หน้าตาจิ้มลิ้มเรียบร้อยน่ารักจำเป็นต้องเดินทางมาแต่งงานกับชายหนุ่มเจ้าของไร่ที่อยู่โคราชเธอไม่ใช่เจ้าสาวตัวจริง..คุณหนูปรางค์ทิพย์หลานสาวคนเดียวของพ่อเลี้ยงแสนคำต่างหากที่ใช่...เธอก็เป็นเพียงแค่ลูกคนรับใช้ในบ้านที่ถูกปรางค์ทิพย์อ้อนวอนให้ช่วยเหลือเท่านั้น เมื่อเดินทางมาถึงที่หมายได้เธอก็ต้องมาเจอกับว่าที่สามีที่แสนเจ้าชู้เขาพยายามกลั่นแกล้งเธอสารพัดเพื่อให้เธออยู่ไม่ได้แต่มีหรือคนอย่างเธอจะยอมแพ้ การแต่งงานครั้งนี้แม้นต่างคนต่างก็ไม่ได้พึงพอใจกันตั้งแต่แรกแต่นานวันเข้าความใกล้ชิดสนิทสนมก็ก่อเกิดความรู้สึกดีๆมากมายจนหญิงสาวลืมไปเลยว่าเธอนั้นไม่ใช่เจ้าสาวตัวจริงและหากความจริงเรื่องนี้ได้เปิดเผยว่าเธอโกหกทุกคนตลอดมา..เธอจะสามารถอยู่ที่นี่ต่อได้หรือไม่ความสัมพันธ์ของเธอและเขาจะเป็นอย่างไรติดตามได้ในเรื่อง..วอนรักเกมลวงได้เลยนะคะ.. เรื่องราวในนิยายล้วนเกิดจากจินตนาการชื่อสถานที่หรือตัวละครล้วนเป็นสิ่งสมมติขึ้นไม่มีเจตนาอ้างอิงถึงใครหรือสิ่งใดขอทำความเข้าใจ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ ติดตามการอัพเดตนิยายใหม่ๆของปลายฟ้าได้ที่ FB: prayfa นิยายรักโรแมนติก

บทที่ 1 กลัวไปทำใครท้อง

ไร่คีรีรักษ์เป็นไร่ของพ่อเลี้ยงอินและดวงแก้วเป็นไร่ที่มีอาณาเขตกว้างขวางปลูกพืชไร่พืชสวนหลายชนิดมีคนงานในไร่มากมายทั้งสองช่วยกันบุกเบิกมาตั้งแต่ยังหนุ่มยังสาว

จนตอนนี้มีโซ่ทองคล้องใจถึงสองคนและอายุก็เข้าสู่ช่วงวัยหนุ่มสาวที่จะต้องมีครอบครัวแล้วด้วยพ่อเลี้ยงอินจึงให้ลูกชายคนโตอย่างคีรีหนุ่มรูปงามวัย26ที่เป็นที่หมายปองของสาวๆทั้งในไร่และในระแวกหมู่บ้านนี้เป็นคนดูแลควบคุมทุกอย่างต่อ

ส่วนลูกสาวคนเล็กอย่างนภาหญิงสาววัย22ก็เป็นคนทำบัญชีและดูแลเรื่องโรงครัวของทางไร่แม้นพวกเขาทั้งสองจะละมือจากการควบคุมดูแลไร่แล้วก็ยังออกช่วยคนงานทำไร่ทำสวนเป็นการออกกำลังไปในตัว

ยามเย็นโพล้เพล้พระอาทิตย์จะตกไม่ตกแหล่เหล่าคนงานในไร่คีรีรักษ์ต่างก็เก็บอุปกรณ์การเกษตรที่เอามาจากโรงนาเก็บเข้าที่ก่อนจะเตรียมตัวกลับที่พัก

กลุ่มผู้หญิงโสดก็เดินเป็นกลุ่มพูดคุยไถ่ถามเรื่องทั่วไปทั้งงานและเรื่องสารทุกข์สุขดิบในระหว่างเดินทางกลับส่วนผู้หญิงที่มีผัวแล้วก็เร่งรีบที่จะต้องกลับไปทำกับข้าวกับปลาไว้ให้ลูกผัว

พวกผู้ชายที่มีเมียแล้วรักดีหน่อยก็กลับบ้านพร้อมเมียแต่บางคนก็รวมกลุ่มตั้งวงกินเหล้ากินยากันตามประสาผู้ชายที่ชอบสังสรรหนุ่มโสดที่ยังไม่มีคู่ก็ใช้เวลานี้เข้าหาสาวๆที่ยังโสดเหมือนกันเพื่อเกี้ยวพาราสีเป็นปกติอย่างนี้เช่นทุกเย็น

สองสามีภรรยาพ่อเลี้ยงอินและแม่เลี้ยงดอกแก้วนั่งคุยกันอยู่ที่ชานเรือนไม้หลังใหญ่รับลมยามเย็นหลังจากที่เข้าไร่เข้ากงมาทั้งวัน

“พ่อ...ลูกเราจะแต่งงานอยู่รอมร่อแต่ดูทำตัวสิยังเกเรไปทั่วฉันกลัวเหลือเกินวันนึงจะไปทำใครท้องเข้าทีนี้เรื่องใหญ่แน่”

ดอกแก้วหญิงร่างเล็กวัยกลางคนชะเง้อคอมองหาลูกชายด้วยสีหน้าที่เป็นกังวลเย็นป่านนี้แล้วก็ยังไม่เห็นจะกลับบ้านกลับเรือนยิ่งช่วงนี้เธอยิ่งได้ยินคนไนไร่พูดถึงลูกชายเธอในเรื่องผู้หญิงเธอยิ่งไม่สบายใจเพราะอีกไม่กี่วันแสนคำผู้ใหญ่ที่มีพระคุณกับพวกเธอก็จะส่งหลานสาวมาแต่งงานกับลูกชายเธอแล้วหลังจากที่ส่งสินสอดหลายสิบหมื่นไปสู่ขอ

“แม่ก็รู้ว่าถึงลูกเราค่อนข้างจะเอาแต่ใจแต่ก็คงไม่หาเรื่องเดือดร้อนมาให้เราหลอกเชื่อพ่อสิ”

อินพ่อเลี้ยงวัยเกือบห้าสิบชายร่างท้วมสูงใหญ่นั่งชันเช่าในชุดม่อฮ่อมผูกผ้าขาวม้าสีขาวสลับดำที่เอวเอ่ยออกมาอย่างไม่เป็นกังวลมากนักแม้นจะรู้ว่าลูกตนค่อนข้างหัวดื้อไม่ค่อยฟังใครแต่ก็มีความรับผิดชอบสูงไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ยกไร่ทั้งไร่ให้ดูแลอีกอย่างลูกของเขาถึงจะขึ้นชื่อเรื่องชอบเกี้ยวพาราสีสาวๆระแวกนี้ไปทั่วแต่ก็คงไม่ทำให้มีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจมาถึงพวกเขาแน่นอน

“กับข้าวเสร็จแล้วจ่ะ”

นภาสาวน้อยร่างเล็กหน้าตาคมเข้มผิวสีน้ำผึ้งจัดสำรับกับข้าวเย็นเสร็จก็เดินขึ้นเรือนมาตามพ่อกับแม่ตนลงไปกินข้าวที่ครัวข้างล่าง

“พี่เราเค้าจะกลับมากินข้าวเย็นหรือเปล่าล่ะลูก”

ดอกแก้วเอ่ยถามลูกสาวตนด้วยเห็นว่าทำงานอยู่ในสำนักงานที่ไร่ด้วยกันทั้งวัน

“เห็นว่าจะไปกินกับพวกพี่สรวงน่ะจ่ะ”

นภาตอบกลับแม่เธอด้วนสีหน้าอ่อนใจเธอเองก็ห้ามพี่ชายเธอแล้วแต่ก็ห้าไม่ได้เช่นเคยบทพี่ชายเธอจะทำอะไรก็ต้องทำให้ได้อยู่แล้ว

“ไปบ้านไอ้สรวงอีกแล้วงั้นรึ...เฮ้อ”

ดอกแก้วถอนหายใจพรืดใหญ่เพราะคีรีไปบ้านสรวงผู้จัดการที่ไร่นี้ทีไรเป็นเมาหัวราน้ำกลับมาทุกครั้ง

“เอาน่าแม่ลูกเรามันไม่ให้ทำให้เราเดือดร้อนหรอกน่า..กินข้าวกันเถอะพ่อหิวแล้วล่ะ”

อินเข้าใจว่าผู้ชายโสดอย่างลูกเขาก็ต้องมีดื่มสังสรรค์กันบ้างอีกหน่อยก็แต่งงานแล้วคงไม่มีเวลาให้เพื่อนให้ฝูงเท่าไร

“ภาก็เชื่อว่าพี่คีรู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่”

นภาเองก็เชื่อใจพี่ชายเธอเหมือนกันว่าคงไม่ทำอะไรนอกลู่นอกทางเพราะรู้จักนิสัยใจคอกันดีเว้นเสียแต่ว่าพี่เธอนั้นจะคิดทำอะไรแผลงๆเพราะไม่อยากแต่งงานอย่างที่พ่อบังคับน่ะสิ

"นายดื่มหนักไปแล้วนะ"

สรวงหนุ่มวัย25ผู้จัดการไร่คนสนิทของคีรีแม้นว่าเขาจะชอบชวนนายตนสังสรรค์หลังเลิกงานแต่ก็ไม่ได้อยากให้เจ้านายมาเมาเละเทะจนคนงานในไร่เอาไปนินทา

"เรื่องของข้าโว้ย"

คีรีหนุ่มวัย26ร่างกายบึกบึนสูงใหญ่ใบหน้าหล่อเหลาคมคายผิวสีแทนตัดผมทรงรากไทรเขาปัดไม้ปัดมือคนที่กำลังจะดึงแก้วน้ำเมาออกจากมือเพราะช่วงนี้เขาค่อนข้างเครียดคนที่รักอิสระและผู้หญิงเยอะอย่างเขาจะต้องมาถูกจับคลุมถุงชนแต่งงานกับคนที่ไม่รู้จักแถมการมีเมียเป็นตัวเป็นตนก็จะทำให้การเกี้ยวพาราสีสาวๆระแวกนี้ยากขึ้นไปอีก

"อีกไม่กี่วันนายก็จะแต่งงานแล้วฉันไม่เห็นนายจะเตรียมตัวอะไรเลยล่ะ"

คมเด็กหนุ่มโสดในไร่ที่นั่งร่วมวงดื่มเขาได้ยินมาว่าอีกไม่กี่วันเจ้านายตนก็จะได้แต่งงานแต่ไม่ยักเห็นจะเตรียมตัวทั้งทีพวกเขาเตรียมหาชุดใหม่ใส่ในวันงานกันแล้ว

ปึก

"หึ่...จะเตรียมตัวอะไรวะ...ข้าไม่ได้อยากแต่งซะหน่อยที่ต้องยอมเพราะพ่อข้าบังคับ"

คีรีวางแก้วเสียงกระทบแคร่ไม้สนั่นได้ยินเรื่องงานแต่งเขาก็เริ่มหงุดหงิดกระฟัดกระเฟียดขึ้นมาปกติแล้วพ่อของเขาก็ไม่ได้วุ่นวายอะไรกับชีวิตเขามากนักไม่ยักรู้ครั้งนี้ทำไมถึงได้บังคับเขานักหนาว่าจะต้องแต่งกับผู้หญิงเมืองเหนือที่เขาไม่เคยแม้นแต่จะรู้จักชื่อหรือเห็นหน้าถึงขั้นหากไม่ยอมคงไม่ต้องมาเรียกพ่อเรียกลูกกันทำให้เขาต้องจำใจยอมแต่โดยดี

"แล้วผู้หญิงที่จะมาแต่งงานกับนายสวยหรือเปล่าเห็นว่าเป็นผู้ดีจากเมืองเหนือเลยนี่นาย"

"ข้าไม่รู้ไม่เคยเห็นไม่รู้จักชื่อด้วยซ้ำ...แต่ถึงจะแต่งข้าก็จะทำให้แม่ผู้ดีนั่นอยู่ไม่ได้เตลิดไปในไม่ช้า...เพราะข้าไม่ได้อยากมีครอบครัวแล้วก็ไม่ชอบการคลุมถุงชนแบบนี้ด้วย"

คีรีไม่ใช่เพียงแค่พูดไปเรื่องเพราะฤทธิ์น้ำเมาแต่เขาคิดแผนการเอาไว้จริงๆ

"ไม่แน่นะ...นายอาจจะรักผู้หญิงคนนี้จริงๆก็ได้"

สรวงเอ่ยหยอกคนเป็นนายให้หายเครียด

"จริงสินาย...ผู้หญิงคนนั้นอาจจะสวยหยาดเยิ้มจนนายหลงหัวปลักหัวปลำก็ได้..ฮ่าๆๆๆ"

"ฮ่าๆๆ.."

คนในวงสังสรรค์ตอนนี้ก็เช่นกันเพราะเห็นมานักต่อนักแล้วคนที่ไม่อยากแต่งงานพอได้แต่งแล้วแทบจะไม่อยากห่างเมียตนไปไหนกันเลย

"ตลกอะไรนักหนาวะ..”

คีรีเริ่มเสียงแข็งคนในวงตอนนี้เลยเริ่มหัวเราะไม่ออก

“ข้าจะกลับแล้วไอ้สรวงพาข้าไปหาผกา"

สิ้นเสียงไม่พอใจคีรีก็สั่งให้สรวงพาเขาไปหาผกาแม่ค้าขนมหวานที่ตลาดในหมู่บ้านเพราะรู้ตัวว่าตอนนี้ขับรถไปไม่ไหวแน่

"นายจะไปทำไม"

สรวงขมวดคิ้วจนผูกโบว์เขาไม่เคยเห็นนายของเขาไปหาใครตอนดึกดื่นเลยสักครั้งยิ่งครั้งนี้นายตนใกล้จะเข้าพิธีแต่งงานแล้วด้วยเขายิ่งไม่อยากตามใจนายตนนักเพราะพ่อเลี้ยงอินอาจจะหมายหัวเขาเอาได้หากปล่อยให้คีรีเถลไถล

"บอกให้พาไปก็พาไปสิวะรึจะให้ข้าขับรถไปเอง"

สรวงจำต้องยอมขับรถจิ๊บพาคีรีไปที่บ้านผกาขืนปล่อยให้คีรีขับเองคงได้ตกคงตกเขากันไปพอดี

ผกาที่คีรีพูดถึงนั้นเป็นสาวสวยประจำหมู่บ้านเธอเป็นสาวโสดที่ตอนนี้ใช้ชีวิตอยู่เพียงคนเดียวเพราะพ่อแม่เสียหมดทำให้คีรีมาหาเธอได้ทุกเวลาและมาได้เป็นประจำโดยที่ไม่มีใครกล้ามาท้วงมาติง

"นายกลับบ้านเถอะ"

เมื่อขับรถมาถึงหน้าบ้านไม้ที่อยู่ท้ายตลาดซึ่งเป็นบ้านของผกาแม่ค้าขนมหวานสาวสวยในหมู่บ้านสรวงก็ท้วงนายตนอีกรอบว่าให้กลับบ้าน

"เอ็งกลับไปได้แล้วไปส่งข้าแค่นี้พอ"

คีรีหรือจะฟังใครเขารีบลงจากรถเดินโซซัดโซเซยืนอยู่หน้าบ้านของผกาเขาตั้งใจมาที่นี่เพราะเขาอยากทำให้มันเป็นเรื่องให้คนลือเรื่องว่าเขามาหาผู้หญิงดึกๆดื่นๆเผื่อคนที่จะมาแต่งงานกับเขาจะได้รู้เอาไว้ว่าเขาไม่ได้ต้องการให้เกียรติอะไรเธอแม้แต่น้อย

"โถ่..นาย..."

สรวงจำต้องขับรถกลับแต่เห็นทีเขาจะปล่อยให้นายของเขาอยู่ที่นี่นานไม่ได้จึงบึ่งหน้าไปที่บ้านของพ่อเลี้ยงอินทันทีเพราะรู้ว่าพ่อเลี้ยงอินคนเดียวที่จะดึงเข้านายของเขาหยุดกระทำเรื่องไม่ดีได้แม้เขาจะตามใจเจ้านายของเขาเพียงใดแต่ก็ไม่ได้อยากให้ใครมามองคีรีในทางเสื่อมเสีย

อ่านต่อ
img ไปดูความคิดเห็นเพิ่มเติมที่แอป
ดาวน์โหลดแอป
icon APP STORE
icon GOOGLE PLAY