“ขอบใจมากนะชิน” หันไปส่งยิ้มหวานขอบคุณชินวุฒิที่ขับรถมาส่งเธอที่หอพักหลังจากเสร็จจากงานรับปริญญา
“อืม หลังจากนี้เราคงไม่ได้เจอริตาบ่อยๆ แล้วสิ คิดถึงแทบตายแน่เลย”
“ชิน” พิมริตารู้ว่าชินวุฒิคิดอะไรกับเธอ แล้วเธอก็ปฏิเสธเขามาหลายครั้งแล้วด้วย ไม่คิดว่าครั้งนี้ชายหนุ่มจะพูดจาให้เธอรู้สึกลำบากใจอีก
“เข้าใจแล้วว่าริตาคิดกับเราแค่เพื่อนจริงๆ ถ้าริตายังหางานไม่ได้โทรหาเราได้นะเราจะให้พ่อเรารับริตาทำงานเอง”
“ขอบใจมากนะชิน แต่ว่าตอนนี้มีบริษัท ใหญ่เสนอให้ริตาไปทำงานกับเค้าแล้ว”
“จริงสินะ ริตาเรียนโคตรเก่งใครก็อยากได้ไปทำงาน”
“ริตาไปก่อนนะชิน”
“โอเค ไว้นัดเจอกันนะ”
“โอเค บ๊าย บาย”
พิมริตายืนมองรถสปอร์ตคันหรูสีดำที่พึ่งขับออกไปจนลับตาจากนั้นก็หันเดินกลับเข้าหอพักโดยที่ไม่รู้เลยว่ามีสายตาของใครบางคนกำลังจ้องมองอยู่อย่างไม่พอใจ
“เฮ้อ...” งานรับปริญญาเสร็จไปเสียที อึดอัดเหลือเกินที่ต้องทนเห็นภาพ พ่อแม่พี่น้องของเพื่อนๆ มาร่วมฟังแสดงความยินดีในงานรับปริญญา เพราะเด็กกำพร้าอย่างเธอไม่สามารถมีภาพนั้นได้เลย
ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้ายที่เธอเรียนเก่งจนได้รับทุนได้เรียนมหาลัยเอกชนชั้นนำของประเทศ ได้อยู่ท่ามกลางหมู่มวลลูกคนใหญ่คนโตและทายาทเจ้าของกิจการใหญ่โตมากมาย เพราะตลอดเวลากว่าจะเรียนจบเธอต้องทนอยู่กับสายตาและคำพูดที่ดูถูกดูแคลนอยู่บ่อยครั้ง จะมีผู้ชายบางคนที่เข้ามาทำดีกับเธอตามตอแยเอาใจเจตนาก็เพราะว่าอยากได้เธอเป็นของเล่นเท่านั้น
ทำให้เรียนรู้ได้เป็นอย่างดีเลยว่าสังคมในรั้วมหาวิทยาลัยแบบนี้อยู่ยากแค่ไหน แต่ก็ใช่ว่าทุกอย่างจะเลวร้ายเสมอไป เธอยังมีเพื่อนดีๆ อย่างวันวิวาห์และชินวุฒิที่ยอมลดตัวมาคบกับเธอที่เป็นเด็กกำพร้าไม่มีชาติตระกูลอย่างไม่คิดดูถูกอะไร
วันเวลาพ้นผ่านร่วมอาทิตย์กว่าตอนนี้พิมริตาเก็บของออกจากหอพักย้ายมาอยู่ที่บ้านเกิดที่นนทบุรีเรียบร้อยแล้ว จากการที่เรียนไปด้วยทำงานไปด้วยทำให้เธอมีเงินเก็บอยู่จำนวนหนึ่ง ก่อนที่จะได้ทำงานประจำในเดือนหน้าช่วงเวลานี้เธอก็ใช้ไปกับการจัดแตกแต่งบ้านใหม่ให้มีชีวิตชีวาน่าอยู่
บ้านสีขาวชั้นเดียวหลังนี้มีอาณาเขตรอบบ้านประมาณสองงาน รอบๆ รั้วบ้านเต็มไปด้วยไม้ดอกไม้ประดับที่เธอเคยซื้อสะสมเอาไว้ทุกครั้งที่กลับมา หลังจากซื้อของตกแต่งบ้านเสร็จเรียบร้อยเธอก็มาเตรียมขุดดินปลูกพืชผักสวนครัวหวังว่าไม่นานมันจะออกดอกออกผลให้เธอได้เก็บมาบริโภคเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย เพราะหลังจากนี้เธอตั้งใจว่าจะทำงานเก็บเงินให้ได้มากที่สุดเพื่อเปิดกิจการร้านดอกไม้ในฝันของตัวเอง
จัดเตรียมดินเพื่อปลูกพืชผักสวนครัวได้ครึ่งค่อนวันก็เข้าบ้านอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า หญิงสาวในชุดเดรสสายเดี่ยวกระโปรงยาวสีขาวปล่อยผมสยายนั่งรับประทานอาหารกลางวันไปด้วยดูพื้นที่ที่เตรียมปลูกผักไปด้วยก็ทำให้อารมณ์ดีไม่น้อย แต่จู่ๆ พลันสมองก็ดันคิดถึงเรื่องเก่า
“หลังจากริตาเรียนจบพี่จะขอริตาแต่งงานแล้วก็จะเปิดร้านดอกไม้ให้ริตาด้วยดีไหม”
“ริตาอยากเปิดร้านด้วยเงินตัวเองมากกว่าค่ะ น่าภูมิใจกว่าตั้งเยอะ”
“แล้วแต่ริตาเลยครับ พี่รักริตา พี่ก็จะตามใจริตาทุกอย่าง”
แม้หัวใจคิดถึงคนคนนั้นเหลือเกินแต่เธอก็ไม่สามารถจะมีเขาอยู่ในชีวิตได้ เธอไม่ได้โกรธที่ตัวเองเกิดมาเป็นคนไม่มีชาติตระกูลดี แต่โกรธที่ทำไมโชคชะตาต้องทำให้เธอได้รักกับคนที่ไม่คู่ควรด้วย
“เฮ้อ...” เธอถอนหายใจก่อนจะวางช้อนส้อมแล้วยกแก้วดื่มน้ำเย็นอึกใหญ่ พิมริตาล้างถ้วยล้างจานเสร็จเรียบร้อยก็มานั่งทายาบรรเทาอาการฟกช้ำที่ฝ่ามือ ด้วยความที่ไม่ได้จับจอบจับเสียมเป็นประจำ การทำงานหนักหลายชั่วโมงครั้งนี้จึงทำให้มือไม้ของเธอบวมแดง
ระหว่างที่กำลังเก็บหลอดยาที่ลิ้นชักตู้กระจก ดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นกะทันหันเมื่อเห็นเงาสะท้อนของใครบางคน พิมริตารีบยืดตัวตรงหันหลังขวับมองไปยังหน้าประตูห้องนอน เมื่อเห็นชายหนุ่มที่ยืนตระหง่านอยู่หน้าประตูเต็มตาก็ตัวชาวาบ
“พะ...พี่ภู” เธอพูดจาติดขัดมองจ้องชายหนุ่มลูกครึ่งหนวดเครารุงรังปล่อยผมหยิกยาวประบ่าด้วยสายตาฉงน ทำไมเขาถึงเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้
“หึ่...ดีใจนะที่ยังจำกันได้”
เขาอยู่ต่างประเทศไม่ใช่เหรอ แล้วกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่ผ่านมาเขาสบายดีใช่ไหม? เป็นคำถามที่อยู่ในหัวแต่ก็ไม่สามารถที่จะเอ่ยปากพูดออกไปได้
“มาที่นี่ทำไมคะ” รู้ว่าเสียงของเธอตอนนี้เริ่มสั่นเครือ ไม่ใช่เสียใจที่ได้เจอกับเขา แต่เสียใจมากต่างหากที่ไม่สามารถพูดคุยถึงความรู้สึกที่อยู่ในใจได้
“ทำไม ทำอย่างกับผมไม่เคยมาที่นี่ คุณจะใจดีต้อนรับผมแบบเพื่อนคนหนึ่งไม่ได้เลยหรือไง”
“ออกไปจากบ้านริตาเถอะค่ะ เราสองคนเป็นได้แค่คนรู้จักที่ไม่สนิทมากพอจะเข้าออกบ้านของริตา”
“ทำไม”
“เราไม่ควรเป็นแม้กระทั่งคนรู้จักกันด้วยซ้ำ”
“จะบอกว่าฐานะของผมกับคุณมันแตกต่างกันเหมือนตอนที่บอกเลิกผมน่ะเหรอ”
“บอกให้กลับไปไงคะ” เธอทำใจเอ่ยเสียงแข็งไล่คนตัวโตขณะที่เขากำลังก้าวตรงมายังเธอช้าๆ