ปาหนันเป็น'เพศรอง' หรือชายท้องได้ผู้มีใบหน้างดงามแต่เขากลับตกหลุมรักเพศรองด้วยกันที่เป็นเพื่อนสนิทมาตั้งแต่เล็กนามว่า 'มันต์ทิรา' ทว่าการแอบรักข้างเดียวเป็นเรื่องยากที่จะพูดออกไปเมื่อมีคำว่าเพศมากีดขวาง แล้วมันต์ทิรายังมีใจให้บุรุษคนอื่น "สิ่งที่บุรุษทำได้ ข้าก็ทำให้ได้" "ข้า..ขอโทษ" "เจ้าชอบมันเสียขนาดนั้น ถ้าข้าขอให้เจ้าเลือกข้าเจ้าจักยอมเลือกข้าหรือ" "..." "หากยังไม่มั่นใจเจ้าอยากลองกับข้าดูไหมล่ะ เพศรองก็ถือเป็นชายแล้วไยจักทำให้เจ้าท้องไม่ได้" *** Talk เอาเรื่องสั้นแนวพีเรียดโรมานซ์มาเสิร์ฟค่ะ หน้าปกคือพระเอกเรื่องนะคะ พอ.เรื่องนี้มีจริตคนสวยสูงมากไม่ใช่สายกล้ามร่างหนาแต่รับประกันความหลัว ภายในเรื่องพูดถึงความรักของชายท้องได้ด้วยกันแต่ไม่ได้ดราม่ามาก ไม่อิงประวัติศาสตร์ภาษาใช้คำเข้าใจง่าย อ่านแบบจอยๆได้เลยค่ะ #ปาหนันมันต์ทิรา
ก้นเครื่องถ้วยเบญจรงค์ลายกนกกระแทกวางบนโต๊ะไม้เคลือบกว้างกลางเรือนใหญ่โต น้ำในแก้วกระฉอกหกออกเปื้อนขอบบางส่วนหยดลงบนโต๊ะ มือเล็กขาวเนียนปลายเล็บดั่งลำเทียนกอบกุมเครื่องถ้วยที่เป็นต้นตอของเสียงเมื่อครู่
“เหตุใดถึงมิปลดขุนนางพวกนั้นออกให้หมด”
“ปาหนัน สำรวมกิริยาหน่อยเถิด เรื่องภายในหาใช่กงการของลูกไม่”
บนเรือนไม้ประดับใหญ่โตโอ่อ่ายกตัวสูงเป็นเครื่องบ่งบอกฐานันดรผู้อาศัย ที่แห่งนี้ถูกปกครองโดยเจ้าคุ้มเมืองเหนือผู้ที่ดำรงตำแหน่งมาตั้งแต่ช่วงยังหนุ่มยังแน่นจนตอนนี้อายุอานามเริ่มมากขึ้น ทำให้นอกจากเป็นผู้ที่มียศถาบรรดาศักดิ์สูงยังเป็นขุนนางผู้ใหญ่สร้างคุณงามและผลงานไว้มากมายให้หลายคนนับหน้าถือตา
“ขออภัยเจ้าค่ะคุณพี่” น้ำเสียงอ่อนน้อมจากคุณหญิงบุษบาผู้เป็นภรรยาหันไปขอโทษขอโพยแทนบุตรเพศรองแก่สามีที่เป็นถึงเจ้าคุ้ม
ในสมัยที่เพศเป็นตัวแบ่งหน้าที่ ปาหนันคิดว่าตนไม่สามารถทำอะไรได้ตามใจ บุรุษเป็นผู้ที่มีสิทธิ์เข้ารับราชการได้รับการศึกษาอ่านเขียนหนังสือ สตรีเพศหน้าที่คือคอยปรนนิบัติสามีคอยดูแลงานบ้านงานเรือนให้สงบร่มเย็น และเพศรองถือเป็นเพศที่หายาที่สุด ขนานนามว่าชายท้องได้แต่มีหน้าตางดงามกลิ่นกายหอมและมีหน้าที่เดียวกับสตรี
เจ้าคุ้มเมืองเหนือมีภรรยาถึงสามคนไม่นับเมียบ่าว เมียกลางเมืองคนแรกคือ ‘กันดา’ นางมีลูกชายซึ่งเป็นบุตรคนโตของเรือน ‘มิ่งหล้า’ บุตรคนนี้ชาญฉลาดมีแววได้เป็นขุนนางใหญ่โตตั้งแต่เล็กเนื่องจากถูกอบรมเรื่องการเมืองมาอย่างดี อีกทั้งนิสัยที่เป็นผู้ใหญ่คอยดูแลน้องๆ ต่างมารดาโดยไม่คิดท้วงติงจึงเป็นที่พึ่งพาใจสำหรับบุตรคนอื่น
เมียพระราชทานคนที่สอง ‘บุษบา’ พื้นเพนอกจากจะเป็นลูกขุนนาง นางยังได้มีโอกาสเข้าไปเป็นชาววังคอยรับใช้พระสนมเอกก่อนที่กษัตริย์จะส่งมอบให้เป็นเมียพระราชทาน บุษบามีลูกเพศรองคนเดียวในบ้าน นั่นก็คือ ‘ปาหนัน’ เหตุนี้ทำให้เขาถูกเลี้ยงดูราวกับไข่ในหิน มีคนคอยประคบประหงมฟูมฟักตั้งแต่เยาว์วัย ถูกเลี้ยงดูจากมารดาและเหล่าแม่ของพี่น้องมาให้มีความเพียบพร้อมด้านงานเรือนและมารยาท
หากแต่ไม่มีใครเคยถามว่านั่นคือสิ่งที่ปาหนันต้องการจริงๆ หรือไม่
เมียกลางเมืองคนสุดท้าย ‘คำเอื้อย’ มีบุตรชายคนสุดท้องห่างจากปาหนันเพียงหกปีชื่อว่า ‘เจ้าสาง’ แม้ยังเด็กดูเป็นคนร่าเริงแต่เขาถูกอมรบไม่ต่างจากพี่ชาย และถูกคาดหวังให้เจริญรอยตามเป็นขุนนางในอนาคต
“พวกนั้นทำร้ายคนไม่มีทางสู้ ต่อให้เป็นบ่าวไพร่ในเรือนแต่เขาก็เป็นชนชั้นถูกปกครอง เป็นคนที่ชนชั้นอย่างเราต้องดูแลมิใช่หรือขอรับคุณพ่อ”
“แม่บอกให้เงียบ” นางหันมาเอ็ดบุตรตนรอบที่สอง เป็นที่รู้กันว่าเรื่องนี้สตรีกับเพศรองไม่สมควรออกความเห็น บริเวณที่นั่งแถวหัวโต๊ะไม้กว้างคือชายมีอายุหากแต่ยังน่ายำเกรงซึ่งเป็นเจ้าคุ้มเมืองเหนือ ‘อินทร์แปง’ พ่อของปาหนัน
“ขออภัยขอรับ”
เป็นปาหนันที่ต้องเอ่ยปากขอโทษ เขาเพียงแต่อยากแสดงความคิดหากมองตนในฐานะบ่าวคนหนึ่งก็เท่านั้น วันหยุดช่วงบ่ายแก่คนเริ่มหัวข้อสนทนาเป็นเรื่องงานภายในอย่างปาหนันทำให้มารดาตนไม่พอใจ
ยามเด็กปาหนันเคยตั้งคำถามและเอ่ยมันออกไปเมื่อเห็นพี่มิ่งหล้ากับเจ้าสางถูกอบรมต่างจากตนจนเห็นได้ชัด
‘ข้าอยากเล่าเรียนแบบพี่มิ่งหล้าบ้าง พ่อสอนข้าด้วยไม่ได้หรือ’
‘เจ้าเป็นเพศรอง นี่มิใช่หน้าที่ที่เจ้าควรทำ กลับเรือนไปอยู่กับแม่เจ้าเสีย’
‘เพราะอะไรขอรับ ข้าเป็นเพศรองแล้วเหตุใดถึงทำแบบพี่มิ่งหล้าทำไม่ได้ เพศรองกับบุรุษต่างกันตรงไหนหรือขอรับ’ เด็กน้อยถามด้วยความใสซื่อ หากแต่มันเป็นคำถามที่ผู้ใหญ่ไม่สามารถตอบเขาได้ จนกระทั่งปาหนันเติบโตอายุราวสิบแปดปีเขาก็ยังไม่ได้รับคำตอบ
“คุณท่านเจ้าขา คุณหนูมันต์ทิรามาเจ้าค่ะ” หญิงสาวร่างท้วมผิวคล้ำอมแดงจากการทำงานหนัก คลานเข้ามาภายใต้ชายคาที่มีนายทั้งสามคนนั่งพูดคุยกันอยู่
“มันต์ทิรารึ”
เขาถามซ้ำพร้อมกับรอยยิ้มดีใจก่อนที่ร่างระหงงดงามจะหันไปกล่าวลาพ่อแม่เพื่อไปหาผู้มาเยือนเรือน ‘มันต์ทิรา’ เป็นบุตรของขุนนางระดับขุนจอม อีกทั้งยังเป็นเพศรองเหมือนปาหนัน ถึงตำแหน่งฝ่ายพ่อของปาหนันจะยศสูงกว่ามากแต่พวกเขาสนิทสนมกันตั้งแต่เล็กจึงมักไปมาหาสู่กันเช่นนี้ประจำ
อีกฝ่ายมีหน้าตางดงามผิวขาวราวไข่มุก ยามยิ้มแย้มมันสุกสว่างเสียยิ่งกว่าพระอาทิตย์ ร่างกายสะโอดสะองน่ามอง ทั้งมันต์ทิราและปาหนันล้วนมีคุณสมบัติทั่วไปของสตรีกับเพศรองที่บุรุษนิยมชมชอบทั้งคู่
มันต์ทิราใส่ผ้าไหมกับสวมเครื่องประดับเมืองน่าน มือขาวสะอาดเอาผมทัดหูระหว่างจัดแจงขนมใส่เครื่องถ้วยที่ตนตั้งใจทำมาจากเรือน ปาหนันเมื่อมาถึงเผลอไผลมองการกระทำอ่อนหวานอย่างหลงใหล นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนของเพศรองเสมือนกำลังเคลิบเคลิ้ม
เขากับมันต์ทิราใครๆ ก็มองว่าเป็นมิตรสหาย
แน่นอนว่ามันต์ทิราก็คงคิดเช่นนั้นแต่ใครเล่าจะรู้ความจริงว่าปาหนันแอบหลงรักเพศเดียวกันมานานตั้งแต่เล็กและไม่กล้าเอ่ยปากบอกใครเพราะกลัวคำว่าสถานะเพศรองของตัวเอง มันเป็นสิ่งขวางกั้นความต้องการเขาทุกอย่างแม้กระทั่งความรัก
'[กรุณายืนยันทำภารกิจ]' 'เอก' นักสืบพาร์ทไทม์วัยสิบห้าปีจากบริษัทนักสืบเอกชนมีระบบเก็บแต้มสืบสวนที่ไม่รู้ว่ามันเก็บแต้มไว้เพื่ออะไร ได้แฝงตัวเข้าไปสืบคดีฆาตกรรมในโรงเรียนประจำที่มีกฎเคร่งครัด คือห้ามนักเรียนออกจากหอหลังสองทุ่ม แต่ยังเริ่มสืบไม่ทันไรก็มารู้ว่าฆาตกรเป็นแวมไพร์.. แล้วทำไมไอสารวัตรนักเรียนหน้านิ่งจอมเผด็จการ 'โอดิน' ศัตรูคู่(แอบ)อาฆาตของเอกตั้งแต่วันแรกที่เข้าหอ คนเจ้ากี้เจ้าการเรื่องกฎโรงเรียนนักหนามันดันเป็นแวมไพร์ไปด้วยวะนั่น! 'หัวหน้า! ฆาตกรเป็นแวมไพร์จริงด้วย' 'ฉันใส่ไม้กางเขนไว้ในกระเป๋าให้แล้ว ขอให้โชคดี..' หัวหน้าsaid: ตัวใครตัวมันนะจ๊ะ💅 *เรื่องนี้เป็น ชายxชาย* … !!คำเตือน!! คำหยาบ/เลือด/สภาพศพ/ความรุนแรง/ปีศาจ/ความเชื่อ/การทารุณกรรม/ฉากเพศสัมพันธ์ุ/มีเพศสัมพันธุ์หมู่โดยไม่ยินยอม/ทำร้ายร่างกาย
ซูมู่หยูคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลที่พลัดพรากจากกันไปนาน หลังจากกลับมาสู่ครอบครัว เธอพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเอาใจญาติๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวตน เกียรติศักดิ์ หรือผลงานการออกแบบ เธอก็ถูกบังคับให้มอบสิ่งเหล่านี้ให้กับลูกสาวบุญธรรม อย่างไรก็ตาม เธอไม่ได้รับความรักและการดูแลจากครอบครัวแต่อย่างใด แต่กลับโดนเอาเปรียบตลอด นับแต่นั้นเป็นต้นมา มู่หยูไม่ยอมให้ใครอีกเลย และตัดความรู้สึกและความรักทั้งหมดออกไป ปัจจุบันเธอเป็นสายดำระดับเก้า เชี่ยวชาญภาษาถึงแปดภาษา เป็นผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ และนักออกแบบระดับโลก ซูมู่หยูกล่าวว่า "จากนี้ไป ฉันเป็นหนึ่งของตระกูลซู"
รูรักอันบริสุทธิ์เมื่อถูกปลายลิ้นร้อนของชายหนุ่มเป็นครั้งแรกดูเหมือนว่าจะตอบสนองได้เป็นอย่างดี ร่องของนางขมิบรัว สะโพกของนางยกขึ้นยังเด้งเข้าไปหาปากร้อน ฝ่าบาทเก่งกาจยังสามารถแยงลิ้นเข้าไปในรู อันซูเซี่ยถูกทาขี้ผึ้งหอมรอบปากทาง ขี้ผึ้งนี้นอกจากจะมีรสชาติดีส่งเสริมรสน้ำรักของนางแล้วยังมีคุณสมบัติอันวิเศษ แม้จะเป็นหญิงพรหมจรรย์ก็จะไม่รู้สึกเจ็บปวด และเผลอทำร้ายฝ่าบาทจนบาดเจ็บ อี้หลงดูดแบะขาของนางให้กว้างขึ้นแล้วรวบขึ้นไปให้ขาชี้ฟ้า จากนั้นมุดใบหน้าลงมาอย่างหลงใหล “หอมอร่อยเหลือเกิน รู้สึกเหมือนดื่มสุราไม่เมามาย อ้า ข้าชอบยิ่ง หอยของฮองเฮาช่างใหญ่โต ดูโคกเนื้อโยนีแทบจะล้นริมฝีปากของข้า สีแดงเช่นนี้คงไม่เคยผ่านสิ่งใดมาก่อน บริสุทธิ์ยิ่งนัก ซี้ด” นางดิ้นเร่าอยู่ในปาก ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรนอกจากเชื่อฟังในคำของฝ่าบาท “อืม อร่อยยิ่งนัก อ้า ข้าไม่ไหวแล้วขอดูหน้าฮองเฮาของข้าหน่อยเถิด” ดูเหมือนว่าร่องรักของนางยังขมิบ นางไม่อยากให้เขาเงยหน้าขึ้นจากตรงนั้นด้วยซ้ำ อยากถูกปลายลิ้นเลียเช่นนั้นจนกว่านางจะได้รับการปลดปล่อย “อ้า ฝ่าบาทเพคะ อย่าหยุดเพคะ อื้อ” นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักสำหรับผู้ใหญ่ มี 2 เล่มจบ เป็นนิยายแบบพล็อตอ่อน เน้นฉากรักบนเตียงของตัวละครเป็นหลัก เหมาะสำหรับผู้มีอายุ 25 ปีขึ้นไป ไม่เหมาะสำหรับสายคลีนใส ๆ นะคะ หากใครไม่ชอบอ่าน NC เยอะ ๆ กรุณาเลื่อนผ่าน เพราะเรื่องนี้เน้น NC เป็นหลักค่ะ ซีไซต์ นักเขียน
หวังฉีหลิน อายุ 25 ปีสาวเจ้าหน้าที่การเกษตรและพ่วงมาด้วยเจ้าของสวนสมุนไพรรายใหญ่ เสียชีวิตกระทันหันหลังจากกลับมาจากท่องเที่ยวพักผ่อนและเธอได้เก็บเอาก้อนหินสีรุ้งมาจากพระราชวังโปตาลามาได้เพียงสามเดือน ด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ หากตายไปแล้วก็ไม่เป็นไรเพราะเธอเองเติบโตมาอย่างโดดเดี่ยวในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าจนกระทั่งมีอายุได้ 18ปี ถึงได้ออกไปใช้ชีวิตด้วยตัวเองตอนนี้เธอ ไม่มีอะไรให้ต้องห่วงแล้ว เพียงแต่เสียดายที่เธอยังไม่ได้ทำตามความฝันของตัวเองเลย เฮ้อ ชีวิตคนเรานั้นมันแสนสั้น อายุ25 แฟนไม่เคยมี สามียังอยากได้ ไหนจะลูกๆที่ฝันอยากจะมีอีก คงต้องหยุดความหวังและความฝันเอาไว้เท่านี้ เหนือสิ่งอื่นใด ตายแล้วตายเลยจะไม่ว่า แต่ดันตื่นขึ้นมาในร่างหญิงชาวนายากจน ชื่อหวังฉีหลินเช่นเดียวกับเธอพ่วงมาด้วยภาระชิ้นใหญ่ อย่างสามีที่ป่วยติดเตียงและลูกชายฝาแฝดทั้งสอง แถมยังมีภาระชิ้นใหญ่ม๊ากกกมาก กอไกล่ล้านตัวอย่างพ่อแม่สามีและน้องๆของสามี ที่โดนบ้านสายหลักกดขี่ข่มเหงรังแก เอารัดเอาเปรียบและบังคับแยกบ้านหลังจากที่สามีของนางได้รับบาดเจ็บสาหัส สาเหตุที่หวังฉีหลินต้องมาตายไปนั้นเพราะโดนลูกสะใภ้บ้านสายหลักผลักตกเขาระหว่างที่กำลังยื้อแย่งโสมคนที่หวังฉีหลินขุดมาได้
เส้าหยวนหยวนแต่งงานกับแม่ทัพเทพทรงพลังที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนส่งผลกระทบต่อทางจิตใจหลังจาดที่เธอย้อนเวลา เธอไม่ต้องการเข้าไปพัวพันกับการสมรู้ร่วมคิด และต้องการร่วมมือกับเขาเพื่อแสวงหาอิสรภาพ เธอก่อตั้งธุรกิจ รักษาโรคของคนไข้ และช่วยชีวิตผู้คน เป็นคนที่ยอดเยี่ยม กลายเป็นผู้ช่วยที่ดีของแม่ทัพ แต่ต่อมาแม่ทัพกลับคืนคำ ไหนตกลงไว้ว่าจะหย่าล่ะ?
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"