ดาวน์โหลดแอป ฮิต
หน้าแรก / นิยายวาย / มาสืบคดีแตเจอแวมไพร์เป็นฆาตกร(BL)
มาสืบคดีแตเจอแวมไพร์เป็นฆาตกร(BL)

มาสืบคดีแตเจอแวมไพร์เป็นฆาตกร(BL)

5.0
5 บท
174 ชม
อ่านเลย

เกี่ยวกับ

สารบัญ

'[กรุณายืนยันทำภารกิจ]' 'เอก' นักสืบพาร์ทไทม์วัยสิบห้าปีจากบริษัทนักสืบเอกชนมีระบบเก็บแต้มสืบสวนที่ไม่รู้ว่ามันเก็บแต้มไว้เพื่ออะไร ได้แฝงตัวเข้าไปสืบคดีฆาตกรรมในโรงเรียนประจำที่มีกฎเคร่งครัด คือห้ามนักเรียนออกจากหอหลังสองทุ่ม  แต่ยังเริ่มสืบไม่ทันไรก็มารู้ว่าฆาตกรเป็นแวมไพร์.. แล้วทำไมไอสารวัตรนักเรียนหน้านิ่งจอมเผด็จการ 'โอดิน' ศัตรูคู่(แอบ)อาฆาตของเอกตั้งแต่วันแรกที่เข้าหอ คนเจ้ากี้เจ้าการเรื่องกฎโรงเรียนนักหนามันดันเป็นแวมไพร์ไปด้วยวะนั่น! 'หัวหน้า! ฆาตกรเป็นแวมไพร์จริงด้วย' 'ฉันใส่ไม้กางเขนไว้ในกระเป๋าให้แล้ว ขอให้โชคดี..' หัวหน้าsaid: ตัวใครตัวมันนะจ๊ะ💅 *เรื่องนี้เป็น ชายxชาย* … !!คำเตือน!! คำหยาบ/เลือด/สภาพศพ/ความรุนแรง/ปีศาจ/ความเชื่อ/การทารุณกรรม/ฉากเพศสัมพันธ์ุ/มีเพศสัมพันธุ์หมู่โดยไม่ยินยอม/ทำร้ายร่างกาย

บทที่ 1 บทนำ

บรรยากาศเงียบสงัดปกคลุมบนทางเดินมืดมิด บนพื้นปูพรมหนาสีน้ำเงินเข้มปักลายขนนกสีทอง ฝีเท้าอ่อนนุ่มย่างระหว่างทาง แสงสว่างริบหรี่จากหน้าจอสมาร์ทโฟนส่องไปตามทางเดินกว้าง

เด็กสาวหน้าตาน่ารักในเสื้อยืดสีชมพูอ่อน กางเกงยีนส์ขาสั้นเดินสยายปราย เส้นผมสีน้ำตาล ใบหน้าอวบอิ่มอารมณ์ดีคลี่ยิ้มหลังจากเสร็จภารกิจร่วมรักกับแฟนหนุ่มหนาตาดีสดๆร้อนๆ

ยามวิกาลที่ทั้งหอหญิงและชายถูกแบ่งแยกคนละส่วน ทำให้เหล่านักเรียนวัยรุ่นแอบไปมาหาสู่มีเพศสัมพันธุ์เช่นนี้ประจำ

ความมืดรอบด้านถูกละความสนใจแทนที่ด้วยอารมณ์เบิกบาน หญิงสาวตัวเล็กก้าวเดินอย่างระวังพลางฮัมเพลงในหัว เพราะเกรงจะมีคนมาเห็นที่เธอแหกกฎโรงเรียน

โดยเฉพาะพวกสารวัตรนักเรียนนั่น..

ตึก ตึก

สองขากำลังก้าวไปข้างหน้าหยุดเดินกะทันหัน ผมสีน้ำตาลสะบัดพรึบตามแรงหันใบหน้า ดวงตากลมตาเหล่มองบานประตูด้านข้างที่เธอหยุดยืนอยู่ตรงหน้า เสียงเมื่อครู่ที่ได้ยินเหมือนมีใครบางคนกระทำบางอย่างอยู่ภายในนั้น

หรือว่าจะมีคนออกมานอกห้องเหมือนกัน..

เด็กสาวเกิดความสงสัยฉับพลัน

มือเล็กขยับยื่นไปจับกลอนประตูก่อนจะหมุนให้ลูกบิดคลาย

ใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นจังหวะราวกับอยู่ในหนังสยองขวัญ แค่เรื่องมีคนออกมาปวนเปี้ยนข้างนอกเหมือนเธอ แต่ทำไมภายในใจถึงสั่นเหมือนกำลังลุ้นระทึกโดยไม่ทราบสาเหตุ

เป็นพวกสารวัตรนักเรียน

หรือจะเป็นพวกที่มีรสนิยมทางเพศแบบเอาท์ดอร์กันนะ..

คิดแล้วคนพวกนี้ก็ใจสู้ใช่เล่น ที่แอบมาเอากันนอกหอพักหลังสองทุ่มในขณะที่พวกสารวัตรจอมเผด็จการนั่นจมูกไวยิ่งกว่าสุนัข ถึงจะหน้าตาดีก็เถอะ

เธอเก็บโทรศัพท์แล้วเพ่งลูกตาไปยังช่องเล็กที่ประตูเริ่มแง้มออกทีละนิด พอมันอ้าจนชะโงกหน้าเข้าไปด้านในได้ม่านตาก็หรี่เล็ก ไม่มีเสียง ไม่มีแสงไฟ ไม่มีอะไรเพราะมันมืดไปหมดทุกด้าน

เธอตัดสินใจล้วงสมาร์ทโฟนจากกระเป๋ากางเกงแล้วเปิดไฟส่องไปยังเบื้องหน้า เวลานี้มันจะเป็นอะไรก็ช่างแต่ความอยากรู้มันมีมากกว่า

แล้วเมื่อความสว่างมีมากพอเธอถึงได้เห็นภาพที่ทำให้เข่าทรุดไปกับพื้น โทรศัพท์ราคาแพงล่วงตุ้บเหลือแค่มือที่สั่นเร่าราวลูกนก ดวงตาทั้งสองเบิกกว้างพร้อมกับแผดเสียงออกมาดังลั่น

“กรี๊ดดดดดด!!!”

เบื้องหน้าเป็นนักเรียนชายคนหนึ่งนั่งบนเก้าอี้สีดำ ศีรษะเขาตะแคงซบบนเปียโน ใบหน้าซีดหันมาทางเธอ แต่ลูกตาสองเบ้ากลวงโบ๋ มีหยาดเลือดไหลจากเปลือกตาล่างเป็นเส้น มือทั้งสองข้างห้อยไกวลงมา

หญิงสาวคลานหลังชนกำแพงพลางเอามือปิดหน้าแผดร้องด้วยความกลัวสุดขีด ด้วยความตกใจทำเอาเธอช๊อคหวาดผวาไปทั่วตัว จากนั้นสติน้อยนิดก็ดับวูบท่ามกลางความมืดมิด

***

ชีวิตนักเรียนมัธยมปลายคนนึงเหมือนกำลังจมดิ่งสู่เหวลึก เวลาช่วงเย็นแทนที่จะได้นั่งอ่านหนังสือสอบหรือออกไปฉลองกับเพื่อน สร้างความทรงจำดีๆก่อนโตเป็นผู้ใหญ่แต่ ‘เอก’ ต้องอดหลับอดนอนทำงานหามรุ่งหามค่ำไม่เว้นวัน

ด้วยภาระหนี้สินทางบ้านกองท่วมหัวจนไม่รู้ว่าทั้งชีวิตสามารถจ่ายหนี้ให้ได้หมดไหม ทำให้เขาต้องกัดฟันแบกภาระสู้ด้วยน้ำพักน้ำแรงตัวเองที่มี

“แม่..ขอโทษนะที่ไม่สามารถส่งลูกเรียนต่อได้”

และตอนนี้ชีวิตของเอกกำลังพังยับเยินอีกครั้ง การศึกษาที่จะเป็นตัวเปลี่ยนชีวิตอย่างเดียวกำลังถูกพรากออกไปจากเด็กที่กำลังขึ้นมอห้า

อีกแค่สองปีจะได้ขึ้นมหาวิทยาลัย

อีกแค่ไม่กี่ปีจะได้มีงานดีๆทำแล้วแท้

แต่เอกก็โกรธแม่ไม่ลง แม่เขาไม่ได้ทำอะไรผิด ต่างคนต่างสู้สุดความสามารถแต่โชคชะตาให้เขามาได้ไกลแค่นี้

“ไม่เป็นไรครับ” เขาว่าเสียงเรียบแต่ภายในเหมือนใจกำลังแตกเป็นเสี่ยง เอกเดินผ่านมารดาแท้ๆเข้าห้องเก่าๆไปเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยสภาพห่อเหี่ยว

ขนาดทั้งเขาทั้งแม่ช่วยกันทำงานยังหาเงินไม่มากพอสำหรับการเรียนและปลดหนี้

เพราะไอพ่อเลี้ยงเฮงซวยนั่น!! ที่ทำให้ชีวิตแม่ลูกตกนรกแบบนี้

เอกสูดหายใจเข้าลึกๆ เปิดลิ้นชักหยิบป้ายชื่อที่มีสายห้อยคอขึ้นมา บนนั้นมีตราสัญลักษณ์ของบริษัทนักสืบเอกชนและตัวหนังสือสลักไว้ว่า‘เอริกา’

ตัดสินใจได้จึงเก็บมันใส่กระเป๋าออกจากหอเก่าซอมซ่อแล้วมุ่งหน้าไปยังที่ทำงานทันที บริษัทนักสืบเอกชนเป็นที่ทำงานพาร์ทไทม์ของเขาอีกงาน ตำแหน่งที่ตั้งอยู่ในซอกหลืบหลบสายตาผู้คนซึ่งว่าหายากแล้วแต่หน้าร้านยังถูกบังด้วยคาเฟ่มินิมอลเป็นฉากบังหน้า

“ลมอะไรโชยมาถึงที่นี่ล่ะ เอริจัง”

“เอริบ้านพ่อพี่สิครับ” เพียงเปิดประตูเข้ามาก็โดนเพื่อนร่วมงานทักทาย ชายหนุ่มอายุมากกว่าเอกหกปี เขาเป็นหนึ่งในนักสืบของเครือบริษัทแห่งนี้และวันนี้ก็เป็นเป็นเวรพี่แกเก็บหน้าร้าน เอกกับเพื่อนร่วมงานที่นี่ถือว่ามีความสัมพันธ์ที่ดีถึงแม้จะเดินเข้าบริษัทนับครั้งได้

เอกรู้ทางดีจึงไม่ต้องขออนุญาตให้ยุ่งยาก เดินเข้าไปหลังร้านแล้วขึ้นบันไดไปชั้นสาม จนถึงบานประตูแก้วติดฟิล์มสีดำสนิท

ติ๊ด

เพียงเขาใช้ป้ายชื่อที่หยิบมาเป็นบัตรแสกนเข้าเครื่อง บานประตูก็เลื่อนออกอัตโนมัติ เท้าเดินไปยังประตูห้องทำงานเล็กๆสีดำแล้วก็เปิดมันออกก่อนจะเดินเข้าไปทันที

“มาทำงานได้แล้วหรอ” เสียงทุ้มเอ่ยทักในขณะที่ร่างหนาในเสื้อสูทสีกากีนั่งไขวห้างหันหลังบนเก้าอี้หนัง มือยกแก้วกาแฟจิบสบายใจ พลางเบือนสายตาออกไปนอกกำแพงกระจก

“ช่วงนี้มีงานอะไรที่ได้เงินดีบ้างครับ”

“มาถึงก็พูดเรื่องเงินเลยนะ”

แน่นอนว่าบริษัทเล็กๆแห่งนี้ จัดตั้งเพื่อรับงานสืบสวนโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจิปาถะอย่างเช่นตามสืบผัวชาวบ้าน ยันคดีที่ตำรวจเทแล้วยัดงานมาให้บริษัททำ

พอรับงานมาหัวหน้าก็จะยัดงานให้ลูกน้องแต่ละคนทำอีกที

และหัวหน้าที่ว่าก็คือชายวัยกลางคนตรงหน้าเขานี่แหละ..

แต่เอกเป็นคนที่เด็กที่สุดซ้ำยังไม่บรรลุนิติภาวะ งานแต่ละอย่างที่เคยรับจึงเป็นพวกงานสืบข้อมูลชาวบ้านง่ายๆ มีบางครั้งที่มีโอกาสได้เป็นลูกมือของรุ่นพี่ในคดีที่ตำรวจโยนมาให้

ส่วนค่าแรงจะขึ้นอยู่ที่ผู้ว่าจ้าง เขารับทำงานนี้แบบพาร์ทไทม์เพราะงานสืบสวนต้องใช้เวลา เลยทำควบคู่การเรียนและงานอื่นไม่ไหว งานแต่ละอย่างที่ส่งมามักเป็นเรื่องชู้สาวเสียส่วนใหญ่ นานๆทีถึงได้คดีจากตำรวจมาทำแบบจริงๆจังๆ

เอกมีโอกาสได้เข้าทำงานเพราะหัวหน้าคนนี้ดันไปเจอเขาวันสอบเทียบวุฒิปริญญาตรีในคณะจิตวิทยาอาชญากรรมถึงจะสอบไม่ผ่าน แต่ไม่รู้อะไรเกิดดลใจหัวหน้าขึ้นมาเลยชักชวนให้เอกทำงานร่วมกันทั้งที่เขายังอายุไม่ถึงสิบแปด

นับว่าดีเพราะบริษัทเล็กๆนี้ เคยรับคดีของตำรวจมาทำและบางงานยังได้เครดิตเป็นนามแฝงอยู่บ้าง พอรู้อย่างนั้นเลยตัดสินใจเข้าทำงานเผื่อเก็บเป็นผลงานเข้ามหาวิทยาลัย

“ผมต้องการงานที่ได้ราคาดีๆ ช่วงนี้มีบ้างมั้ยครับ”

หัวหน้า‘อลัน’ผู้เป็นคนก่อตั้งบริษัทนักสืบ เอนหลังหมุนเก้าอี้หนังดำขลับหันกลับมาจนเห็นใบหน้าคมเข้มตามวัยเข้าเลขสี่ เขาวางแก้วกาแฟไว้บนจานรองแล้วหยิบแฟ้มข้างโน๊ตบุ๊ควางแหมะไว้กลางโต๊ะ

“ผู้ว่าจ้างให้มาในราคาสิบล้าน”

“สิบล้าน!” เอกตกใจถลึงลูกตากลมอยู่แล้วให้กว้างกว่าเดิม ตั้งแต่ทำงานมาไม่ว่าจะงานเล็กหรืองานใหญ่ของพวกพี่ๆ เขาไม่เคยเจอผู้ว่าจ้างที่เสนอราคาสูงเท่านี้มาก่อน ด้วยความไม่เชื่อหูจึงต้องหยิบแฟ้มขึ้นมาดูเนื้อหางานว่าทำไมผู้ว่าจ้างถึงกล้าให้ราคาแรง

“เดี๋ยวนะ นี่มัน..คดีฆาตกรรมเลยหนิครับ! แล้วไม่ได้เป็นคดีผ่านจากตำรวจด้วย”

“ผู้ว่าจ้างส่งมาด้วยตัวเอง แล้วตอนนี้คนอื่นก็รับงานกันหมดแต่นายก็เหมาะกับงานนี้ที่สุดอยู่ดี” เขากวาดสายตาอ่านเนื้อความในแฟ้ม คดีแนวนี้เอกคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยได้ยินอยู่ครั้งนึงแล้วก็โดนปิดข่าวภายหลัง

เนื้อหามันบอกว่าเกิดเหตุในโรงเรียนเอกชนแล้วยังเป็นโรงเรียนประจำ ด้านล่างเขียนสภาพของผู้เสียชีวิตเอาไว้คร่าวๆ

ร่างกายผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เริ่มซีดซึ่งคาดว่าเป็นพฤติการณ์การตายที่สมองขาดเลือดกะทันหัน บางรายถูกตัดอวัยวะบางส่วนออกไป แต่สิ่งที่เหมือนกันคือ แต่ละศพจะพบรูเล็กๆสองรูคล้ายคมเขี้ยวบริเวณลำคอ ต้นขา ข้อมือ เนินอก หรือส่วนอื่นตามร่างกาย อีกทั้งเลือดในร่างกายยังถูกสูบออกไป

“แต่พอมาคิดดูอีกที งานนี้ก็ดูอันตรายเหมือนกัน คดีนี้เคยเป็นข่าวเมื่อหลายปีก่อนแต่ก็โดนปิดข่าวไปดื้อๆ”

ฝ่ามือหนาเคาะนิ้วทั้งห้าบนโต๊ะทำงาน มองร่างเด็กหนุ่มผมสีครามน้ำทะเลยืนทำตาลุกวาวปนความสงสัยยามอ่านเนื้อหางาน

“เอริ..รู้จักแวมไพร์มั้ย” เด็กหนุ่มละดวงตากลมโตเป็นเอกลักษณ์จากแฟ้มในมือ สบตาใบหน้าขรึมของหัวหน้างาน

“เห็นผมเป็นเด็กหรอครับ อีกอย่างผมชื่อเอกไม่ใช่เอริ” หัวหน้านักสืบไหวไหล่ออกแนวยั่วยวน ลูกน้องที่เด็กที่สุดมักทำหน้าตลกทุกรอบเมื่อโดนพี่ๆในบริษัทเรียกชื่อว่าเอริ คงเป็นเพราะรูปร่างสูงโปร่งสักร้อยเจ็บสิบสี่ ดวงตากลมโตสีครามเหมือนลูกแก้วสวยยิ่งกว่าผู้หญิงเลยทำให้มีแต่คนเอ็นดู

“ใครจะไปรู้ ถ้าไม่ใช่ฆาตกรจัดฉากให้เหมือนแวมไพร์ก็อาจจะเป็นแวมไพร์จริงๆก็ได้..” ข่าวแบบนี้ถ้าค้นข้อมูลดูมันก็เคยเกิดขึ้นมาตั้งแต่หลายร้อยปีก่อนแต่ยังไม่มีใครสามารถหาตัวคนร้ายได้ จนหลายคนเชื่อว่าเป็นฝีมือของแวมไพร์

คำตอบมีแค่สองอย่าง..

ฆาตกรรมเลียนแบบ หรือ แวมไพร์ของจริง

เอกยืนพิจารณาตัวเลขกลมๆในเนื้อหาสัญญา เมื่อลองคิดถึงรายได้หลังจากจบงาน เงินจำนวนสิบล้านยังไงก็ปลดหนี้หมดแถมยังเหลือให้แม่ได้สบาย

และอีกเรื่อง..

ติ๊ง

‘[กรุณายืนยันเพื่อรับภารกิจ]’

เอกมีระบบเป็นหน้าจอโฮโลแกรมสีฟ้าที่ไม่มีใครเห็น มันลอยเด้งขึ้นมากลางอากาศพร้อมเสียงแจ้งเตือน

ระบบเก็บแต้มสืบสวน..

เขาได้รับมันมาตอนเกิดอุบัติเหตุหลังจากเข้าทำงานในบริษัทนี้เมื่อปีก่อน

‘[งานนี้จะทำให้คุณเก็บแต้มครบและได้รับฉายาคนต่อไป]’

เอกขมวดคิ้ว

ฉายาคนต่อไป?

หมายความว่ายังมีคนที่ได้รับภารกิจเหมือนเขางั้นเหรอ..

ตากลมกระพริบปริบก่อนจะทิ้งความสงสัยแล้วมาโฟกัสที่เงินตรงหน้าเป็นอย่างแรก

“ขาดคนอยู่ใช่มั้ยครับ ผมขอรับงานนี้” หัวหน้าเลิกเรียวคิ้วขึ้น เขายังไม่ได้ตกปากรับงานผู้ว่าจ้าง เพราะตัวเองก็ชั่งใจมาได้สักพัก ด้วยความที่กลัวว่างานจะอันตรายเข้าจริงๆ

แวมไพร์เป็นแค่ตำนานปรัมปราหรือนิทานหลอกเด็กที่ไหน หรือต่อให้มันเป็นฆาตกร ถ้ายังหาตัวไม่เจอมันก็พร้อมล่าเหยื่อได้ทุกเมื่อ

“แต่งานดูอันตรายอยู่นะ”

“ผมร้อนเงิน เวลานี้จะงานไหนขอแค่เงินดีผมรับหมด” เอกยังยืนยันคำเดิม งานนี้เป็นวิธีเดียวที่จะทำให้ชีวิตครอบครัวเขาปลดล็อค ในเมื่อเขามีระบบสืบสวนเป็นเพื่อนก็คงไม่มีเรื่องต้องกลัว

และไม่แน่ว่าหลังจากสิ้นสุดงานนี้เอกอาจจะได้รับคำตอบการปรากฎตัวของระบบด้วยก็ได้ เอกมั่นใจรับงานเต็มร้อย มองใบหน้าหัวหน้าอลันด้วยแววตาหนักแน่น

“ยืนยันรับงานนี้ครับ”

‘[ทำการยืนยันภารกิจเสร็จสิ้น]’

อ่านต่อ
img ไปดูความคิดเห็นเพิ่มเติมที่แอป
ดาวน์โหลดแอป
icon APP STORE
icon GOOGLE PLAY