"เต!!!นายอยู่ไหนทำไมยังไม่มารับฉันกับลูกอีกห๊ะ อ่อที่แท้กำลังมีความสุขอยู่บนเตียงกับสาวๆของนายจนลืมฉันกับลูกสินะ"
อลิซ...
"เตนายอยู่ไหนแล้วทำไมยังไม่มารับฉันกับลูกอีกห๊ะ!!!" ฉันตะคอกใส่คนที่ฉันโทรหาเป็นสิบๆสายอย่างโมโหแล้วเขาก็เพิ่งรับสายฉันเมื่อครู่นี้นี่เอง ทั้งที่เขาก็รู้ทั้งรู้ว่าวันนี้ฉันกับลูกจะกลับไทย อันที่จริงเขาต้องมารอรับฉันกับลูกสิ ไม่ใช่ให้ฉันกับลูกมารอเขาแบบนี้ ถ้ารู้แบบนี้ฉันน่าจะห้ามลูกไม่ให้บอกเขาให้รู้ก็น่าจะดีเพราะว่าใจจริงแล้วฉันก็ไม่ได้อยากบอกเขาให้เขารู้เลยสักนิดว่าฉันกับลูกจะกลับไทยแต่ลูกน่ะสิดีใจที่จะได้กลับไทยก็เลยโทรไปบอกเขา คือฉันไม่ได้โกรธลูกหรอกนะที่บอกเขาเพราะฉันรู้ว่าแกอยากเจอหน้าพ่อเพราะไม่ได้เจอกันนานหลายเดือนแล้ว
("เออ กำลังออกไป รอแป๊บ") เสียงกระหืดกระหอบอย่างคนรีบเร่งของคนปลายสายทำให้ฉันเดาได้ไม่ยากเลยว่าตอนนี้เขายังอยู่ที่ห้อง
("เตจะรีบไปไหนคะ")เสียงหวานๆที่ดังแทรกเข้ามาในสายทำให้ฉันรู้เลยว่าที่เขาลืมมารับฉันกับลูกสาเหตุมาจากอะไร
"อ่อที่แท้นายกำลังมีความสุขอยู่บนเตียงกับสาวๆของนายจนลืมฉันกับลูกสินะหึ ถ้างั้นนายไม่ต้องมาก็ได้อยู่กับผู้หญิงของนายไปก็แล้วกันฉันกับลูกจะกลับกันเอง" หลังจากพูดจบฉันก็กดวางสายทันทีก่อนจะทำการบล็อกเบอร์เขาเพราะฉันรู้ว่าเขาก็โทรกลับมาอย่างแน่นอน ฉันข่มความโกรธพยายามทำใจให้สงบไม่ฟุ้งซ่านไม่คิดมากไม่เสียใจไม่ให้รู้สึกอะไรกับพ่อของลูกแล้วแต่มันก็อดรู้สึกไม่ได้จริงๆ
"แม่ค๊าบทำไมปะป๊ายังไม่มารับเราซักที ผมหิวแล้วค๊าบ" น้องติณณ์ลูกชายวัยสามขวบเงยหน้าขึ้นมาถามฉันด้วยใบหน้าและน้ำเสียงที่บ่งบอกได้ว่าแกหิวขนาดไหน
"แม่ขอโทษนะครับลูก" ขอโทษที่ทำให้ลูกมีพ่อแบบนั้นพ่อที่ไม่มีความรับผิดชอบไม่ว่าจะกี่ปีเขาก็เป็นเตวิชคนเลวคนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
"เดี๋ยวแม่พาไปกินของอร่อยๆนะครับน้องติณณ์อยากกินอะไรสั่งเต็มที่เลยนะครับ^^" ฉันก้มหน้าลงพูดกับลูกชายตัวน้อยด้วยรอยยิ้มสดใสกลบเกลื่อนความรู้สึกภายในจิตใจของตัวเองตอนนี้
"อ่าววแล้วปะป๊าไม่มารับเราแล้วเหรอค๊าบ"
"เอ่อ..ปะป๊าเค้าติดธุระครับมารับเราไม่ทัน"
"ว๊าาา ผมอยากเจอปะป๊า อยากกอดปะป๊า"
"ไว้วันหลังค่อยเจอปะป๊าก็ได้ครับ เราอยู่ที่นี่อีกหลายอาทิตย์ยังไงติณณ์ก็ต้องได้เจอปะป๊าอยู่แล้วครับ^^"
"ค๊าบบบ^^"
หลังจากนั้นฉันก็เรียกแท็กซี่ให้ไปส่งที่โรงแรมที่พักที่ฉันจองไว้ก่อนจะบินมาที่นี่ ทุกคนคงจะส่งสัยเรื่องราวของฉันใช่ไหมคะ ไว้ฉันจะเล่าให้ฟังนะคะเพราะเรื่องมันยาวมาก
หลังจากมาถึงโรงแรมฉันก็ฝากกระเป๋าให้พนักงานเอาขึ้นไปไว้ที่ห้องพักก่อนจะพาลูกไปที่ห้างใกล้ๆโรงแรมเพื่อหาอะไรทานเพราะแกบ่นหิวตลอดทาง
"ติณณ์หนูอยากกินร้านไหนเลือกๆได้เลยนะครับ" ฉันพาลูกมายังชั้นที่มีร้านอาหารหลากหลายร้านเพื่อให้แกได้เลือกทานในสิ่งที่แกอยากทาน
"ร้านนี้ก็ได้ค๊าบ ผมอยากกินผัดไทย" น้องติณณ์ชี้ไปที่ร้านอาหารไทยร้านหนึ่งที่มีรูปผัดไทยในจานมีกุ้งตัวใหญ่วางกลางจาน คือน้องติณณ์เป็นเด็กที่ชอบทานอาหารไทยมากๆพวกขนมปังไส้กรอก พิซซ่าอะไรแบบนี้แกไม่ค่อยชอบทานเท่าไหร่ซึ่งแกคงซึมซับมากจากฉันเพราะฉันเองก็ไม่ค่อยชอบทานเหมือนกันอยู่ที่อังกฤษฉันมักจะทำอาหารทานเองซะเป็นส่วนใหญ่และเมนุที่ฉันทำบ่อยๆก็คือผัดไทย ฉันจำได้ตอนที่ฉันแพ้ท้องน้องติณณ์ฉันกินแต่ผัดไทยแทบจะทุกวัน กินได้ไม่เบื่อเลยจนเตวิชต้องปรามว่าให้ฉันกินอย่างอื่นบ้างเพราะตอนนั้นเป็นเขาที่ต้องขับรถออกไปซื้อให้ฉันกิน พอคิดถึงช่วงเวลานั้นฉันก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ ฉันมีความสุขมากๆเลยนะที่มีเขาอยู่ใกล้ๆคอยดูแลคอยห่วงใย ซึ่งถ้าเขาดีกับฉันห่วงใยฉันแบบเสมอต้นเสมอปลายก็คงดี
เอาตอนแรกมาฝากจ้าาาาา
เรื่องนี้เป็นเรื่องของพี่บอมคนดีเพื่อนสนิทอัยวาคุณแม่ของน้องเอิงซึ่งมีคุณพ่ออย่างพี่ภูที่หวงลูกสาวยิ่งกว่าอะไร มาลุ้นความรักต่างวัยของคู่นี้กันนะคะใครชอบแนวโคแก่กินหญ้าอ่อนห้ามพลาดเด็ดขาด ภูผาอัยวาอยู่ในเรื่อง กลลวงร้ายซ่อนรัก นะคะ
"เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนฉันจะไม่รับผิดชอบอะไรทั้งนั้น" "ค่ะ" ฉันฝืนความรู้สึกแล้วตอบออกไป ฉันไม่คิดว่าพี่ภูจะรับผิดชอบอะไรอยู่แล้วคำพูดของเขาเมื่อคืนฉันยังจำขึ้นใจ "และฉันก็หวังว่าเธอจะไม่เอาเรื่องที่เกิดขึ้นไปฟ้องแม่ฉันอีกว่าฉันรังแกเธอ" "ค่ะ" "สรุปก็คือเธอห้ามเอาเรื่องนี้ไปบอกใครเด็ดขาดเพราะไม่อย่างนั้นฉันจะเอาเรื่องที่เธอเคยโกหกไปบอกพ่อเธอรวมถึงย่าเธอด้วยว่าเธอโกหกสร้างเรื่องหาว่าฉันล่วงเกินเธอทั้งที่ตอนนั้นฉันไม่ได้ทำ เธอคิดเอาก็แล้วกันว่าย่าเธอจะผิดหวังแค่ไหนที่หลานสาวสุดที่รักของท่านสร้างเรื่องโกหกหน้าด้านๆ เพื่อจับผู้ชาย" ฉันก้มหน้าแล้วน้ำตาก็ไหลออกมาอีกครั้ง "เข้าใจที่พูดใช่ไหม" "อื้มมม" ฉันตอบเขาได้แค่นั้นเพราะพูดอะไรไม่ออกกลัวเขาจะรู้ว่าตอนนี้ฉันกำลังร้องไห้อยู่ "แต่ความผิดของเธอยังไม่หมดฉันยังไม่พอใจเพราะฉะนั้นเธอต้องมาที่นี่ทุกครั้งที่ฉันต้องการ แต่ถ้าเธอดื้อไม่ยอมมาฉันจะไปลากตัวเธอถึงบ้านไม่เชื่อก็คอยดู" "พี่ติดใจอัยก็บอกว่าเถอะไม่ต้องเอาเรื่องผิดไม่ผิดมาเป็นข้ออ้างหรอก" ฉันโต้กลับเพราะฉันไม่อยากให้พี่ภูคิดว่าฉันกลัวเขา "เธอพูดว่าไงนะฉันเนี่ยนะติดใจเธอ เหอะพูดผิดพูดใหม่ได้นะ"
"เพลง ฮึก ฮึกเพลง" น้ำเสียงสะอื้นด้วยความเจ็บปวดเมื่อเห็นคนที่ตัวเองรักอยู่ในสภาพนี้ "พะ พี่ไทม์เหรอคะ" มือบางลูบไปที่ใบหน้าของชายหนุ่มอย่างสะเปะสะปะ "พี่เองครับ ฮือออ เพลงพี่ขอโทษพี่ขอโทษพี่มันเหี้ยพี่มันเลวเพลงให้อภัยพี่ได้มั้ย" เขาจับมือคนรักแล้วนำมาแนบแก้มที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตา "พี่รู้ได้ยังไงว่าเพลงอยู่ที่นี่" "พี่รู้ได้ยังไงไม่สำคัญ แต่พี่จะพาเพลงไปรักษาต่างประเทศที่นั่นหมอเก่งมากเพลงต้องหาย"
"เธอชอบเพื่อนฉันเหรอวะ เหอะดูสารรูปตัวเองซะก่อนเหอะยัยอ้วนก่อนจะมาบอกรักใครไอ้คิมมันหล่อขนาดนั้นเธอคิดว่ามันจะมาชอบผู้หญิงที่ทั้งอ้วนทั้งขี้เหร่แบบเธองั้นเหรอห๊ะ อย่างเธอมันไม่มองให้เปลืองลูกกะตาหรอกตัดใจจากมันซะเถอะ" "แต่...ฉันชอบคิมจริงๆนะ" "อย่างเธอถ้าอยากให้ไอ้คิมชอบมันก็พอมีวิธีอยู่นะอยากรู้มั้ยฉันจะบอก" "บอกมาสิ" "ข้อหนึ่งเธอคงต้องไปตายแล้วเกิดใหม่" "ห๊ะนายว่าอะไรนะ!!!" "ฟังฉันยังพูดไม่จบ ฉันยังมีข้อสองให้เธอเลือกนั่นก็คือเธอต้องไปศัลยกรรมให้มันดูดีกว่านี้ไม่แน่ไอ้คิมมันอาจจะหันมาสนใจเธอก็ได้ แต่..ฉันว่าเบ้าหน้าอย่างเธอคงไปไม่รอดทำไปก็แค่นั้นเปลืองเงินเปลืองแรงหมอเปล่าๆ เพราะฉะนั้นเธอตัดใจจากมันซะ" เรื่องนี้เป็นเรื่องราวของชมจันทร์พยาบาลสาวสวยกับอาร์ตเพื่อนสนิทของคิมหันต์จากเรื่อง ชังรักเมียรับใช้ นะคะ
"ลิล ลิลจำพี่ได้มั้ย" "พี่ พี่เหรอ" "ครับพี่เอง พี่คิมไงสามีของลิล" "สามี สามี" แววตาว่างเปล่าจ้องผมไม่วางตาก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัว "ไม่ ไม่ กรี๊ดดดด ไม่ออกไป ฮืออออ ออกไป ฮืออออ"
ปิ่นมึงรู้ไหมว่ากูแม่งโคตรเกลียดมึงเลยเกลียดทั้งแม่มึงทั้งตัวมึง กูจะทำให้มึงอยู่อย่างไม่มีความสุขไม่เชื่อมึงก็คอยดู
“เราหย่ากันเถอะ”หนึ่งประโยคนี้ ทำให้ชีวิตการแต่งงานสี่ปีของฉินซูเหนียนกลายเป็นเรื่องตลก ในขณะนี้ ฉินซูเหนียนถึงตระหนักว่าสามีของเธอไม่เคยมีใจให้เธอ น้ำเสียงของเขาเย็นชา: "ตั้งแต่ต้นจนจบ ฉันมีเพียงหว่านหว่านอยู่ในใจ และคุณเป็นเพียงแผนชั่วคราวในการจัดการกับการแต่งงานในครอบครัวที่กำหนด" ด้วยความสิ้นหวัง ฉินซูเหนียนลงนามในใบหย่าอย่างไม่ลังเล ถอดผ้ากันเปื้อนของภรรยาที่ดีออก สวมมงกุฎของราชินีขึ้นมา และกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ กลับมาอีกครั้ง เธอไม่ใช่คุณนายลี่ที่สวยแต่เปลือกอีกต่อไป แต่เป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่งที่น่าทึ่งใจ เธอแสดงความสามารถต่อหน้าคนอื่นๆ และอดีตสามีที่หยิ่งก็ถามเธอว่า: "ฉินซูเหนียน นี่เป็นเคล็ดลับใหม่ของเธอในการดึงดูดฉันงั้นเหรอ" ก่อนที่เธอจะพูดอะไร ประธานลึกลับก็ดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนของเขาและประกาศไปว่า "ดูให้ชัดเจน นี่คือคุณนายฟู่ คนอื่นห้ามเข้าใกล้เธอ" ฉินซูเหนียนถึงกับพูดไม่ออก อดีตสามีก็ตกตะลึงไปด้วย
ผมต้องทำงานนอกเวลาทุกวันเพื่อหารายได้ประคองชีวิตและจ่ายค่าเรียนมหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง เนื่องจากฐานะครอบครัวยากจนและไม่สามารถส่งเสียผมเข้ามหาวิทยาลัยได้ และตอนเรียนที่มหาวิทยาลัย ผมก็ได้พบกับเธอ-สาวแสนสวยที่หนุ่มๆ ทุกคนในชั้นเรียนต่างก็ใฝ่ฝันถึง ไม่เว้นแม้แต่ผมเอง แต่ผมก็รู้ตัวดีว่าตัวเองไม่คู่ควรกับเธอ ถึงอย่างนั้นก็ตาม ผมก็รวบรวมความกล้าสารภาพกับเธอจนได้ สุดท้ายผมนึกไม่ถึงว่าเธอจะยอมตกลงเป็นแฟนกับผม เธอบอกกับผมว่าอยากได้ของขวัญเป็นไอโฟนรุ่นล่าสุด ผมก็ไปรับงานซักเสื้อผ้าให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนเพื่อพยายามเก็บเงินซื้อให้เธอจนได้ และในที่สุดหนึ่งเดือนต่อมา ผมก็ซื้อมาได้จริง ๆ แต่ขณะที่ผมกำลังห่อของขวัญเพื่อนำไปมอบให้เธอ ก็พบว่าเธอกำลังมีอะไรกับหัวหน้าทีมฟุตบอลในห้องล็อกเกอร์ เธอเหมือนเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่งซึ่งผมไม่เคยรู้จักเลย เธอหัวเราะเยาะความโง่เขลาของผม เหยียดหยามศักดิ์ศรีของผม ปล่อยให้เขาซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นแฟนใหม่ของเธอไปแล้ว ทุบตีผม ผมนอนเจ็บอยู่บนพื้นอย่างสิ้นหวัง ต่อมา จู่ ๆ ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากพ่อ ตั้งแต่วันนั้น ชีวิตของผมก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างกับหนัามือเป็นหลังมือ ใครจะไปรู้ว่า ผมเป็นลูกชายของมหาเศรษฐี
เมื่อเธออายุยี่สิบ ชิงฉือได้รู้ว่าตนเองไม่ใช่ลูกโดยกำเนิดของตระกูลต้วน เธอถูกลูกสาวที่แท้จริงของตระกูลต้วนล้อมกรอบ จนถูกพ่อแม่บุญธรรมไล่ออกจากบ้านและกลายเป็นตัวตลกในเมือง เมื่อเธอกลับไปหาพ่อแม่ชาวนา จากนั้นก็พบว่าบิดาผู้ให้กำเนิดของเธอเป็นคนที่รวยที่สุดในเมืองเจียงเฉิงส่วนพี่ชายของตนเองเป็นอัจฉริยะในแวดวงต่างๆ ทุกคนมองดูเด็กสาวตัวเล็กคนนี้ด้วยความเห็นใจและถือว่าเธอเป็นสมบัติล้ำค่า แต่ค่อยๆ พบว่า... ที่แท้ว่าน้องสาวเป็นคนมากความสามารถ? อดีตแฟนหนุ่มผู้น่ารังเกียจหัวเราะเยาะ "อย่ามาตามเซ้าซี้ไม่เลิก ฉันมีแต่เมียนเมียนอยู่ในใจ!" คนใหญ่แห่งเมืองหลวงปรากฏตัว "เมียฉันจะเห็นหัวนายเหรอ?"
ถึงจะโกรธ เกลียด เคียดแค้นแค่ไหน แต่หัวใจไม่อาจต้านรักได้ ----------------------------------------- ไรยาค่อยๆ คลานไป ทันทีที่เจ้าบ่าวหันหน้ามา เพื่อจะยื่นมือให้เธอจับ จะได้ไม่ล้มนั้น ยิ่งจะทำให้เธอเกือบล้มไปเพราะเขาแล้ว ในหัวสมองก็ประมวลผลออกมาได้คำตอบทันที ว่าคนที่เธอเฝ้าครุ่นคิดว่าเป็นใครมาตลอดสองอาทิตย์นั้น แท้จริงก็คือใครกันแน่ในที่สุด ‘Mr. H. Hhemmhawattana ก็คือหรัญญ์ เหมวัฒน์’ ‘หรือพี่ฮั้นท์ของสาวๆ ที่เธอมักจะได้ยินเรียกขานกันนี่เอง’ ‘เขากลายมาเป็นเจ้าบ่าวเธอได้ยังไง’ ‘เขาจะมาแต่งงานกับเธอทำไม’ เท่าที่รู้มา เขาไม่ได้ร่ำรวยระดับร้อยล้านพันล้านแน่ๆ แล้วเขาไปทำอะไรมา ถึงได้มีเงินมากมายขนาดเอามาทุ่มซื้อหุ้นบริษัทของพ่อเธอได้ ไหนจะไถ่บ้านคืนให้ และอีกหลายต่อหลายอย่างที่เขาจ่ายไป รวมทั้งแหวนเพชรน้ำงามและไม่น่าจะต่ำกว่าห้ากระรัตบนพานดอกไม้ตรงหน้าเธออีก ---------------------------------------------------------------------------------------- ฮั้นท์ (หรัญญ์ เหมวัฒน์) นักธุรกิจหนุ่ม ผู้มีชีวิตที่พลิกผันจากเลวร้ายกลับกลายเป็นดี ซึ่งเขาเองก็ตั้งตัวไม่ทัน แต่ทั้งหมดนั้น มาจากความดี ความขยันหมั่นเพียรของเขา บวกกับโชคช่วย ถึงเวลาที่เขากลับมายืนอยู่จุดเดิม ในฐานะใหม่ ที่ใครต่อใครต่างงุนงง โดยเฉพาะเพื่อนๆ หรือแม้แต่กับผู้หญิงที่เคยเมนเขามาแล้ว และเขาก็จะทำให้ผู้หญิงพวกนั้นได้รู้ ว่าไม่ควรเมินเขาจริงๆ ---------------------- ย้า (ไรยา เจริญรัตชตะ) ทายาทนักธุรกิจหลายร้อยล้าน ที่ชีวิตพลิกผัน จากดีกลายเป็นเลวร้ายในไม่กี่ปี จนเธอกับครอบครัวก็ตั้งตัวไม่ติด รับภาวะย่ำแย่แทบไม่ทัน และถึงเวลาที่เธอจะต้องเลือก ระหว่างช่วยกู้ทุกอย่างของครอบครัวคืน กับทิ้งทุกอย่างไปแบบไม่เหลียวหลัง เพื่อไปเลียแผลหัวใจจากชายที่เธอรักแทบตาย สุดท้ายเธอจะเลือกทางเดินยังไง จะไปต่อหรือพอแค่นี้ ---------------------------------------------------------------------------------------- เมียแต่งท่านประธาน Chairman's Wife ตอนแรกคิดว่าจะให้นิยายที่เรื่องนี้มีแค่ชื่อภาษาอังกฤษเท่านั้นค่ะ ที่เหลือให้รี้ดไปตีความเอาเอง ว่าควรจะใช้ภาษาไทยว่าอะไรดี ระหว่าง แรงรัก - รั้งรัก - รังรัก และใช้นามปากกาพิมรภัค แต่สุดท้ายก็คิดชื่อใหม่ได้แล้วค่ะ และตัดสินใจใช้นามปากกาหลัก นั่นคือ กันเกราค่ะ เพราะแว้ปไปเขียนอวตารหลายเรื่องแล้ว และไม่ได้ออกนามปากกานี้นานแล้ว ส่วนแนวก็จะเพิ่มดราม่าเข้าไปอีก ซึ่งจะเป็น Signature ของกันเกราอยู่แล้ว รี้ดอยากได้มาม่าเจ้มจ้นแค่ไหน บอกกันได้เด้อ ----------------------------------------------------------------------------------------
ความสุขในฐานะคุณหนูอันดับหนึ่งของหนานอิงต้องพังลงทันใด เมื่อนางถูกโจรชั่วจับตัวมาและยังกระทำย่ำยี กระทั่งมารดาของนางยังถูกคร่าชีวิต สาวใช้ข้างกายถูกตัดลิ้นจนเสียสติกลายเป็นคนบ้าใบ้ ทั้งหมดด้วยความริษยาของฮูหยินใหญ่ผู้นั้น หนานอิงได้พบกับหานเซียวและลู่หนิงหวังสองอ๋องพี่น้องที่คอยช่วยเหลือนาง อ๋องผู้ป่าเถื่อนโหดร้ายและแสนเย็นชา แม้จะให้การช่วยเหลือแต่นางก็กลายเป็นนางบำเรอของพวกเขาเช่นกัน ไม่ว่าสองอ๋องจะโหดร้ายแต่นางจำต้องอดทน สุดท้ายนางกลายเป็นมือสังหารที่วางชีวิตไว้กับพวกเขาเพื่อแลกกับการแก้แค้น นางถูกฝึกอย่างหนักจนเก่งกาจยิ่ง หนานอิงจะทำเช่นใดเมื่อได้รู้ว่า คนที่ย่ำยีนางและเป็นศัตรูที่นางต้องการสังหารคือ สองอ๋องทั้งสองที่เป็นผู้กระทำย่ำยีนางจนปางตาย ฆ่า หรือ ไม่ฆ่า ล้วนเป็นนางที่ต้องเลือก! หมายเหตุ นิยายเรื่องนี้เป็นความรักแบบ 3P โปรดดาวน์โหลดตัวอย่างก่อนอ่านค่ะ ภาคต่อของนิยายเรื่องนี้คือเรื่อง Trigger warning: 3P
คนเราบางครั้งก็หวนนึกขึ้นมาได้ว่าตายแล้วไปไหน ซึ่งเป็นคำถามที่ไร้คำตอบเพราะไม่มีใครสามารถมาตอบได้ว่าตายไปแล้วไปไหน หากจะรอคำตอบจากคนที่ตายไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาให้คำตอบที่กระจ่างชัด ชลดา หญิงสาวที่เลยวัยสาวมามากแล้วทำงานในโรงงานทอผ้าซึ่งตอนนี้เป็นเวลาพักเบรค ชลดาและเพื่อนๆก็มานั่งเมาท์มอยซอยเก้าที่โรงอาหารอันเป็นที่ประจำสำหรับพนักงานพักผ่อน เพื่อนของชลดาที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า "นี่พวกแกเวลาคนเราตายแล้วไปไหน" เอ๋ "ถามอะไรงี่เง่าเอ๋ ใครจะไปตอบได้วะไม่เคยตายสักหน่อย" พร "แกล่ะดารู้หรือเปล่าตายแล้วไปไหน" เอ๋ยังถามต่อ "จะไปรู้ได้ยังไง ขนาดพ่อแม่ของฉันตายไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าพวกท่านไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะท่านก็ไม่เคยมาบอกฉันสักคำ" "อืม เข้าใจนะแก แต่ก็อยากรู้อ่ะว่าตายแล้วคนเราจะไปไหนได้บ้าง" "อืม เอาไว้ฉันตายเมื่อไหร่ จะมาบอกนะว่าไปไหน" ชลดาตอบเพื่อนไม่จริงจังนักติดไปทางพูดเล่นเสียมากกว่า "ว๊าย ยัยดาพูดอะไร ตายเตยอะไรไม่เป็นมงคล ยัยเอ๋แกก็เลิกถามได้แล้ว บ้าไปกันใหญ่" พรหนึ่งในกลุ่มเพื่อนโวยวายขึ้นมาทันที แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นที่คุยกันที่โรงอาหารจะเป็นการคุยเล่นกันวันสุดท้ายของชลดา เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาชลดาก็เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับหอพักด้วยสาเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันและมีการยิงกันเกิดขึ้นและชลดาคือผู้โชคร้ายที่ผ่านทางมาพอดี ท่ามกลางความเสียใจของเพื่อนๆ เอ๋ได้แต่หวังว่า ชลดาคงไม่มาบอกกับเธอจริงๆหรอกใช่ไหมว่าตายแล้วไปไหน