"เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนฉันจะไม่รับผิดชอบอะไรทั้งนั้น" "ค่ะ" ฉันฝืนความรู้สึกแล้วตอบออกไป ฉันไม่คิดว่าพี่ภูจะรับผิดชอบอะไรอยู่แล้วคำพูดของเขาเมื่อคืนฉันยังจำขึ้นใจ "และฉันก็หวังว่าเธอจะไม่เอาเรื่องที่เกิดขึ้นไปฟ้องแม่ฉันอีกว่าฉันรังแกเธอ" "ค่ะ" "สรุปก็คือเธอห้ามเอาเรื่องนี้ไปบอกใครเด็ดขาดเพราะไม่อย่างนั้นฉันจะเอาเรื่องที่เธอเคยโกหกไปบอกพ่อเธอรวมถึงย่าเธอด้วยว่าเธอโกหกสร้างเรื่องหาว่าฉันล่วงเกินเธอทั้งที่ตอนนั้นฉันไม่ได้ทำ เธอคิดเอาก็แล้วกันว่าย่าเธอจะผิดหวังแค่ไหนที่หลานสาวสุดที่รักของท่านสร้างเรื่องโกหกหน้าด้านๆ เพื่อจับผู้ชาย" ฉันก้มหน้าแล้วน้ำตาก็ไหลออกมาอีกครั้ง "เข้าใจที่พูดใช่ไหม" "อื้มมม" ฉันตอบเขาได้แค่นั้นเพราะพูดอะไรไม่ออกกลัวเขาจะรู้ว่าตอนนี้ฉันกำลังร้องไห้อยู่ "แต่ความผิดของเธอยังไม่หมดฉันยังไม่พอใจเพราะฉะนั้นเธอต้องมาที่นี่ทุกครั้งที่ฉันต้องการ แต่ถ้าเธอดื้อไม่ยอมมาฉันจะไปลากตัวเธอถึงบ้านไม่เชื่อก็คอยดู" "พี่ติดใจอัยก็บอกว่าเถอะไม่ต้องเอาเรื่องผิดไม่ผิดมาเป็นข้ออ้างหรอก" ฉันโต้กลับเพราะฉันไม่อยากให้พี่ภูคิดว่าฉันกลัวเขา "เธอพูดว่าไงนะฉันเนี่ยนะติดใจเธอ เหอะพูดผิดพูดใหม่ได้นะ"
หลายปีก่อน....
"คุณพจน์คุณบอกความจริงกับฉันมาทำไมถึงกล้าทำแบบนี้" อินทิราโยนรูปถ่ายจำนวนหลายสิบใบลงบนเตียงซึ่งมันเป็นรูปที่เธอจ้างนักสืบให้ช่วยตามสืบเรื่องที่สามีของเธอ
"ผมทำอะไร" พจน์ผู้เป็นสามีถามด้วยน้ำเสียงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งที่เห็นแล้วว่าในรูปถ่ายคือเขากับอดีตคนรักกำลังเดินออกมาจากโรงแรมด้วยกัน
"คุณรู้อยู่แก่ใจว่าทำอะไร คุณอย่าลืมว่าคุณแต่งงานกับฉันแล้วนะคุณพจน์"
"แล้วไงในเมื่อผมไม่ได้รักคุณที่ผมแต่งงานกับคุณเพราะผมถูกแม่บังคับ"
"แต่สุดท้ายคุณก็แต่งงานกับฉันไม่ใช่หรือไงแล้วตอนนี้เราก็มีลูกด้วยกันแล้วถ้ายัยอัยรู้ว่าคุณกำลังมีผู้หญิงอีกคนลูกจะรู้สึกยังไง"
"เพ็ญเขาไม่ใช่คนอื่นสำหรับผมเขาคือคนที่ผมรักถ้าผมไม่โดนบังคับให้แต่งงานกับคุณตอนนี้ผมกับเพ็ญเราก็คงได้แต่งงานกันมีความสุขกันไปแล้ว"
"คุณพูดแบบนี้ได้ยังไงกัน คุณไม่คิดถึงจิตใจของฉันบ้างเลยหรือยังไงฉันเป็นภรรยาของคุณนะ"
"ใช่คุณเป็นภรรยาของผมแต่ผมไม่เคยรักคุณเลยตลอดเวลาหลายปีที่แต่งงานกันมาคุณรู้ไหมว่าผมทรมานมากแค่ไหนที่ต้องทนอยู่กับผู้หญิงที่ผมไม่ได้รัก"
"คุณพจน์!!!!" น้ำตาของเธอเริ่มไหลออกมาด้วยความเจ็บปวด
"ผมว่าเราหย่ากันเถอะ"
"ฉันไม่หย่า คุณอย่าหวังเลยว่าจะได้ไปอยู่กับมันฉันไม่ยอมหย่ากับคุณเด็ดขาด"
"คุณไม่ยอมก็เรื่องของคุณเพราะผมจะพาเพ็ญกับลูกของเพ็ญมาอยู่ที่นี่ในฐานะภรรยาของผมอีกคนถ้าคุณคิดว่าคุณทนได้ก็ตามใจ"
"ทั้งที่ผู้หญิงคนนั้นเคยแต่งงานมีลูกกับผู้ชายคนอื่นมาแล้วคุณก็ยังรับได้อย่างงั้นเหรอ"
"ผมรับได้หมดเพราะผมรักเพ็ญและที่เพ็ญต้องไปแต่งงานกับผู้ชายคนอื่นก็เพราะเพ็ญเสียใจที่ผมต้องมาแต่งงานกับคุณ!!!!"
"คุณโยนความผิดมาให้ฉันอย่างงั้นเหรอคุณพจน์"
"ใช่มันเป็นความผิดของคุณถ้าคุณปฏิเสธเรื่องการแต่งงานตั้งแต่ตอนนั้นเรื่องมันคงไม่เป็นแบบนี้เพราะฉะนั้นผมต้องรับผิดชอบเพ็ญกับลูกของเธอเพราะตอนนี้เพ็ญไม่เหลือใครแล้ว" เท่าที่เธอสืบรู้มาหลังจากที่เธอแต่งงานกับสามีเพ็ญก็ไปแต่งงานกับผู้ชายอื่นแล้วก็มีลูกสาวด้วยกันหนึ่งคนแต่สามีของเพ็ญติดการพนันจนหมดเนื้อหมดตัวเพ็ญก็เลยหอบลูกสาวของตัวเองหนีออกมาแล้วก็กลับมาหาสามีของเธอแล้วทั้งสองคนก็แอบไปมีความสัมพันกันลับหลังเธอจนเธอเริ่มสงสัยที่สามีไม่กลับบ้านจนกระทั่งสืบรู้ความจริงทุกอย่างตอนแรกเธอคิดว่าสามีจะสำนึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไปแต่เปล่าเลย
"คุณไม่เคยรักฉันเลยสินะ"
"ใช่ผมไม่เคยรักคุณเลยผมรักเพ็ญแค่คนเดียวเท่านั้น" คำพูดทิ่มแทงใจของสามีที่อยู่ร่วมกันมาเกือบสิบปีทำให้อินทิราทนไม่ไหวเธอเดินกลับเข้าไปในห้องนอนด้วยหัวใจที่พังสลายแม้ว่าที่ผ่านมาเธอจะรับรู้มาตลอดว่าสามีแต่งงานกับเธอเพราะถูกผู้ใหญ่บังคับแต่พอสามีเธอรู้ว่าคนรักเก่าได้เลอกกับสามีเขาก็รีบไปสานความสัมพันต่อทันทีโดยไม่สนใจว่าเธอจะรู้สึกยังไง ความเจ็บปวดผิดหวังเสียใจทำให้เธอหมดความอดทน เธอนั่งลงบนเตียงเอื้อมมือไปหยิบยานอนหลับบนโต๊ะหัวเตียงเทใส่มือก่อนจะกรอกใส่ปากทั้งหมดแล้วดื่มน้ำตามลงไป สักพักสติของเธอก็เริ่มเลือนหายไปทีละนิด
..................................................
"แม่ขาาาหนูกลับมาแล้วววค่าาาา"
"คุณหนูวิ่งช้าๆ ค่า"
"หนูจะรีบเอาใบเกรดไปให้แม่ดูแม่ต้องดีใจมากๆ เลยที่หนูสอบได้ที่หนึ่ง^^" เด็กเด็กหญิงอัยวาในวัยหกขวบพูดกับพี่เลี้ยงด้วยความดีใจเพราะแม่เคยสัญญาว่าถ้าเด็กหญิงสอบได้ที่หนึ่งจะพาไปซื้อตุ๊กตาตัวใหม่
เด็กหญิงวิ่งขึ้นไปยังห้องนอนของแม่อันเป็นที่รัก เด็กหญิงเคาะห้องอยู่นานแต่แม่ของเธอก็ไม่ยอมเปิดสักทีเธอก็เลยเปิดเข้าไปแล้วสิ่งที่เด็กหญิงเห็นก็คือแม่ของเธอนอนหมดสติอยู่บนเตียงข้างตัวของแม่มียาหล่นเต็มไปหมดแตไม่เพียงเท่านั้นแม่ของเธอมีน้ำไหลออกมาจากปากเด็กหญิงตกใจมากเรียกแม่ให้ตื่นแต่แม่ก็ไม่ยอมตื่น เด็กหญิงเริ่มใจไม่ดีร้องไห้ออกมาด้วยความตกใจ
"ฮืออออแม่จ๋าแม่ตื่นมาพูดกับหนูสิ ฮืออออทำไมือแม่เย็นจัง ฮืออแม่จ๋าแม่" เสียงร้องไห้องเด็กหญิงทำให้คนทั้งบ้านรีบวิ่งขึ้นมาดู
เวลาต่อมา....
"ฮืออออ แม่จ๋า แม่จ๋าาาาา ฮืออออ" เด็กหญิงนั่งร้องไห้อยู่หน้าโลงศพของแม่ด้วยหัวใจที่แตกสลาย
"คุณแม่ท่านไปสบายแล้วนะคะคุณหนูอย่าร้องไห้เลยนะคะ"
"ฮืออออ อัยอยากไปหาแม่ ฮือออ อัยคิดถึงแม่ค่าาาา ฮึก ฮึก ฮึก"
"ยัยอัยแกหยุดร้องซักทีพ่อชักจะรำคาญแล้วนะไม่เหนื่อยบ้างหรือไงร้องตั้งแต่เช้า" พ่อของเด็กหญิงเอ่ยขึ้นอย่างรำคาญ
"อัยคิดถึงแม่นี่คะ ฮึก ฮึกพ่อไม่คิดถึงแม่เหรอคะฮือออ ทำไมพ่อไม่ร้องไห้บ้าง ฮึก ฮึก" เด็กน้อยถามพ่อของตนเองด้วยความสงสัยเพราะเธอไม่เห็นพ่อมีอาการเสียใจต่อการจากไปของแม่เธอเลย
และในเวลาต่อมาไม่นานความสงสัยของเด็กน้อยก็เริ่มหายไปหลังจากที่งานศพของแม่ผ่านไป พ่อของเด็กหญิงก็พาผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาอยู่ในบ้านพร้อมกับเด็กผู้หญิงอีกคนหนึ่งที่อายุพอๆ กับเธอ
"ยัยอัยมาไหว้น้าเพ็ญสิน้าเพ็ญจะมาเป็นแม่ของเรา" เด็กหญิงเงยหน้ามองผู้หญิงคนนั้นที่ถึงแม้ว่าจะมีรอยยิ้มสดใสส่งมาให้แต่เด็กหญิงก็รับรู้ได้ถึงความรู้สึกเกลียดชังที่ถูกส่งผ่านมายังดวงตาคู่นั้น
"สวัสดีจ๊ะน้องอัยต่อไปเรียกน้าว่าแม่ก็ได้นะจ๊ะส่วนนี้น้องเอินเป็นน้องสาวของหนูนะลูก^^"
"............" เด็กหญิงไม่ได้ตอบอะไรกลับไป
"มาให้น้ากอดหน่อยสิลูก" เด็กหญิงถูกกระชากเข้าไปกอดแต่การกอดมันไม่ได้รู้สึกอบอุ่นเลยสักนิด เด็กหญิงร้องด้วยความเจ็บปวดเพราะถูกผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาใหม่ของพ่อหยิกเข้าที่เอวอย่างแรงพร้อมกับกระซิบข้างหูว่า
"แกทำไมไม่ตายไปพร้อมแม่ของแกซะห๊ะนังเด็กเวร" เด็กหญิงตกใจไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดแบบนี้จากปากของผู้หญิงที่หน้าตาสะสวย
..........................................................
หลายปีต่อมา....
อัยวา.....
"จะไปไหนแต่เช้ายะ" ฉันที่เดินลงบันไดมาอย่างอารมณ์ดีเพราะฉันกำลังจะไปหาพี่ภูผาว่าที่คู่หมั้นของฉันที่ตอนนี้เขาเรียนจบกลับมาแล้วแต่ก็ต้องมาอารมณ์เสียกับแม่เลี้ยงใจร้ายที่ยืนกอดอกจ้องหน้าถามฉันด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจคิดว่าฉันกลัวหรือยังไงถ้าฉันกลัวฉันคงไม่อยู่ที่บ้านหลังนี้หรอก
"..........." ฉันเลือกที่จะไม่ตอบแล้วก็เดินผ่านหน้าไปเหมือนธาตุอากาศที่มองไม่เห็น
"เอ๊ะฉันถามว่าจะไปไหนถามทำไมไม่ตอบห๊ะนังหมาหัวเน่า" ฉันกัดฟันด้วยความโกรธแต่ฉันไม่แสดงออกว่ากำลังโกรธเพราะมันจะเข้าทางยัยแม่เลี้ยง
"ก็ไม่อยากตอบทำไมมีอะไร"
"แกนี่มันเป็นเด็กไร้มารยาทซะจริงๆสู้ลูกเอินของฉันก็ไม่ได้ใครเห็นก็พากันเอ็นดูเพราะลูกเอินทั้งน่ารักอ่อนหวานนิสัยดีไม่นิสัยเสียแบบแก"
"แล้วไง เธอจะอวยลูกเธอว่าดีวิเศษวิโสยังไงฉันไม่สนใจหรอกนะเพราะเธอก็น่าจะรู้อยู่เต็มอกว่าจริงๆแล้วยัยนั่นนิสัยเป็นยังไงแล้วที่ว่าฉันไร้มารยาทฉันก็ไร้มารยาทแค่กับผู้ใหญ่บางคนที่ไม่น่าเคารพนับถือเท่านั้นยกตัวอย่างเช่น เธอยังไงล่ะ" ฉันชี้หน้าอย่างไม่กลัว
"แกนังอัยวา!!!"
"ทำม่ะฉันพูดผิดตรงไหนไม่ทราบ จะบอกอะไรให้นะว่าแม่บ้านแม่ครัวคนสวนคนขับรถยังน่านับถือว่าเธอส่วนเธอในสายตาของฉันก็เป็นแค่ผู้หญิงหน้าด้านไร้ยางอายที่มาแย่งพ่อไปจากแม่ของฉันเท่านั้นเอง"
"แล้วไงในเมื่อตอนนี้ฉันกับพ่อแกก็แต่งงานกันแล้วแล้วส่วนแกมันก็แค่ลูกเมียเก่าแค่หมาหัวเน่าที่พ่อของแกเค้าต้องการ อันที่จริงแกน่าจะย้ายไปอยู่กับย่าแกที่บ้านสวนนะเพราะที่นี่ไม่มีใครต้องการแล้วแม้แต่พ่อของแกเอง" ฉันกำหมัดแน่นด้วยความโกรธฉันรู้ว่ายัยแม่เลี้ยงกำลังยั่วให้ฉันโกรธพอฉันโกรธฉันก็จะอาละวาดแล้วพ่อก็จะทำโทษฉันเหมือนที่ผ่านมาโดยการส่งฉันไปเรียนโรงเรียนประจำตั้งแต่ชั้นประถมจนถึงมอต้น ตอนแรกยัยแม่เลี้ยงไม่ยอมให้ฉันกลับมาอยู่ที่บ้านพยายามโน้มน้าวบอกให้พ่อว่าให้ฉันอยู่โรงเรียนประจำต่อจนกว่าจะเรียนจบมอปลายแต่ย่าของฉันท่านไม่ยอมท่านสงสารถ้าฉันต้องไปอยู่ที่โรงเรียนประจำต่ออีกหลายปีพ่อก็เลยต้องทำตามใจย่าเพราะไม่อย่างงั้นย่าจะตักพ่อตัดลูกซึ่งยัยแม่เลี้ยงของฉันก็ไม่กล้าหืออะไรเพราะรู้ว่าย่าฉันเองจริง
"ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้นฉันจะอยู่ที่นี่เพราะที่นี่คือบ้านของฉันบ้านของพ่อกับแม่ส่วนเธอมันก็แค่เมียน้อยที่มาชุบมือเปิบฉันไม่มีทางให้เธอสมหวังหรอก" ฉันรู้ว่าแม่เลี้ยงของฉันหวังสมบัติของพ่อ ย่าบอกว่าเคยเตือนพ่อแล้วแต่พ่อไม่ยอมฟังย่าก็เลยย้ายไปอยู่บ้านสวนนอกเมืองแทนเพราะไม่อยากทะเลาะกับพ่อเรื่องที่พ่อแต่งงานใหม่กับผู้หญิงคนนี้ซึ่งย่าก็รู้จักเป็นอย่างดี
ย่าเคยเล่าให้ฉันฟังว่าผู้หญิงคนนี้เป็นผู้หญิงหิวเงินไม่ได้รักพ่อของฉันจริงๆแต่เพราะรู้ว่าพ่อรวยก็เลยพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้พ่อสนใจจนกระทั่งพ่อตกหลุมรักและอยากจะแต่งงานด้วยแม้ว่าย่าจะพูดอะไรพ่อก็ไม่เชื่อ ย่าก็เลยบังคับให้พ่อแต่งงานกับแม่ถ้าไม่ยอมแต่งก็จะไม่ให้อะไรพ่อเลยให้พ่อไปแต่ตัวสุดท้ายพ่อก็เลยยอมแต่งงานกับแม่ส่วนผู้หญิงคนนั้นพอรู้ว่าพ่อแต่งงานกับแม่ก็ประชดพ่อด้วยการแต่งงานกับผู้ชายอีกคนที่มาจีบเพื่อให้พ่อเสียใจ
ย่าเคยบอกกับฉันว่าถ้าฉันอยู่ที่บ้านหลังนี้ไม่ไหวไม่อยากจะอยู่ก็ให้ไปอยู่กับท่านแต่ฉันไม่ยอมไปเองเพราะฉันรู้ว่าถ้าฉันไปทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของแม่ที่ผู้หญิงคนนี้ก็จะเอาไปหมดทุกอย่างฉันต้องอยู่เพื่อรักษาทุกอย่างที่เป็นของแม่รวมถึงบ้านหลังนี้ด้วย
"เอะอะอะไรกันแต่เช้าเสียงดังไปถึงห้องรับแขก" พ่อเดินหน้าตึงลงมายัยแม่เลี้ยงก็รีบเดินเข้าไปเกาะแขนทันที
"พี่พจน์มาก็ดีแล้วค่ะพี่มาดูลูกสาวคนดีของพี่สิมาด่าเพ็ญว่าเป็นเมียน้อยอีกแล้ว เพ็ญแค่ถามแกดีๆว่าจะไปไหนแต่เช้าเท่านั้นเอง"
"ทำไมเราพูดแบบนี้ล่ะพ่อเคยบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าเรียกน้าเพ็ญเค้าแบบนั้น"
"ก็มันจริงมั้ยล่ะคะผู้หญิงคนนี้เป็นเมียน้อยพ่อเพราะพ่อเพราะผู้หญิงคนนี้แม่ถึงคิดสั้นฆ่าตัวตายทิ้งอัยไป พอแม่ตายพ่อก็แต่งงานใหม่กับผู้หญิงคนนี้แล้วก็พาเข้ามาในบ้านทันทีทั้งที่แม่ตายยังไม่ครบร้อยวันเลยด้วยซ้ำ อัยบอกเลยว่าอัยเกลียดผู้หญิงคนนี้แล้วอัยก็เกลียดพ่อด้วย!!!!เพราะพ่อกับมันทำให้แม่ต้องตาย!!!!" ฉันตะโกนใส่หน้าพ่อพยายามห้ามไม่ให้น้ำตาไหลออกมาเพราะไม่อยากให้ใครมองว่าฉันอ่อนแอ
"ยัยอัย!!!!" ฉันรู้ว่าพ่อกำลังโกรธและไม่พอใจที่ฉันพูดเรื่องนี้แต่มันคือความจริงความจริงที่พ่อต้องยอมรับว่าพ่อเป็นสาเหตุทำให้แม่ต้องฆ่าตัวตาย ฉันเกลียดพ่อมากแต่ก็ทำอะไรไม่ได้
"อัยขอตัวนะคะ" ฉันพยายามทำใจให้เข้มแข็งไม่อ่อนแอร้องไห้ใครเห็นแล้วเดินออกมาจากบ้าน
ฉันเดินลัดสวนหลังบ้านมาจนถึงรั้วไม้ต่ำสีขาวซึ่งเป็นรั้วแบ่งเขตระหว่างบ้านฉันกับบ้านพี่ภู บ้านเราสองคนติดกันแม่ฉันกับแม่พี่ภูเป็นเพื่อนรักที่สนิทกันมาตั้งแต่สมัยเรียน และที่ฉันจะได้หมั้นกับพี่ภูก็เพราะแม่ของฉันกับคุณป้าพิมพ์แม่พี่ภูเคยสัญญากันไว้ว่าถ้ามีลูกจะให้หมั้นกันซึ่งฉันกับพี่ภูมีฤกษ์หมั้นกันหลังจากที่พี่ภูเรียนจบแล้วซึ่งตอนนี้พี่ภูก็เรียนจบกลับมาแล้วฉันดีใจมากเพราะฉันคิดถึงพี่ภูมากไม่ได้เจอกันนานหลายปี
ป้าพิมพ์รู้ว่าฉันคิดถึงพี่ภูมากแค่ไหนเพราะฉันมักจะไปขลุกอยู่ที่บ้านป้าพิมพ์แทบทุกวันบ่นกับป้าพิมพ์ทุกวันว่าพี่ภูไม่เคยติดต่อหรือส่งข้อความมาหาเลยสักครั้งป้าพิมพ์ก็เลยส่งรูปพี่ภูมาให้ฉันทางไลน์มันก็พอทำให้ฉันหายคิดถึงเขาได้บ้าง ตลอดหลายปีที่พี่ภูไปเรียนต่อเขาไม่เคยติดต่อฉันมาเลยสักครั้งฉันโทรไปเขาก็ไม่รับข้อความที่ฉันส่งไปเขาก็ไม่เคยอ่านจนฉันแอบน้อยใจอยู่บ่อยครั้ง
ฉันรับรู้มาตลอดว่าเรื่องหมั้นระหว่างฉันกับพี่ภูเขาค่อนข้างที่จะไม่พอใจเขาบอกว่าเขาไม่ชอบถูกจับคลุมถุงชนแต่ก็ขัดใจป้าพิมพ์ไม่ได้
"พี่ภูขาเอินดีใจจังที่พี่ภูกลับมาเอินคิดถึ๊งคิดถึงพี่ภูที่สุดเลยค่ะ^^" น้ำเสียงคุ้นหูของคนที่ฉันเกลียดดังแว่วเข้ามายัยเอินลูกแม่เลี้ยงฉันเองแต่ว่ามันมาทำไมที่บ้านพี่ภูแต่เช้าแล้วมันรู้ได้ยังไงว่าพี่ภูกลับมาแล้วจะบอกว่าป้าพิมพ์บอกก็ไม่น่าใช่เพราะยัยนั่นไม่เคยมาบ้านพี่ภูเลยสักครั้งตั้งแต่พี่ภูไปเรียนต่อ
"พี่ก็คิดถึงเราเหมือนกันไม่เจอกันตั้งหลายปีสวยขึ้นนะ" ฉันไม่โอเคที่ได้ยินแบบนั้น
"จริงเหรอคะ เอินเขินนะคะเนี่ยพี่ภูชมต่อหน้าแบบนี้" น้ำเสียงดัดจริตทำให้ฉันรู้สึกหมั่นไส้อย่างบอกไม่ถูก
แจ้งก่อนอ่าน.....เรื่องนี้มีคำหยาบคายและมีการกระทำที่รุนแรงในบางEPเพราะฉะนั้นใครโลกสวยหรือไม่ชอบนิยายแนวนี้โปรดเลื่อนผ่านXX เขาเอื้อมมือไปที่หัวเตียงแล้วหยิบซองสี่เหลี่ยมเล็กๆ ที่ฉันคุ้นตาออกมาเพราะฉันเคยเก็บเศษซากของมันมาก่อน มันคือถุงยางอนามัย "คุณธามคะ อย่า!!!" ฉันกำลังจะบอกกับเขาว่าอย่าทำเพราะฉันรู้ว่าเขากำลังจะทำอะไรแต่เขากลับเข้าใจไปอีกอย่าง "ทำไม หรืออยากเอาสดกับกู อย่าหวังเลยว่ากูจะยอมสดกับคนอย่างมึง" สวบ!!!! ปึ่ก!!!!! "ไม่ กรี๊ดดดดดดด" ฉันกรีดร้องออกมาอย่างสุดเสียงเมื่อเขาสอดใส่ท่อนเอ็นเข้าไปจนสุดทางฉันเจ็บแปลบไปทั้งร่างกาย จนน้ำตาไหลออกมาด้วยความเจ็บปวด "เชี่ย!!! มึง ไม่เคยเหรอวะ" คุณธามก้มมองดูจุดเชื่อมต่อแล้วอุทานออกมา
เรื่องนี้เป็นเรื่องของพี่บอมคนดีเพื่อนสนิทอัยวาคุณแม่ของน้องเอิงซึ่งมีคุณพ่ออย่างพี่ภูที่หวงลูกสาวยิ่งกว่าอะไร มาลุ้นความรักต่างวัยของคู่นี้กันนะคะใครชอบแนวโคแก่กินหญ้าอ่อนห้ามพลาดเด็ดขาด ภูผาอัยวาอยู่ในเรื่อง กลลวงร้ายซ่อนรัก นะคะ
"เพลง ฮึก ฮึกเพลง" น้ำเสียงสะอื้นด้วยความเจ็บปวดเมื่อเห็นคนที่ตัวเองรักอยู่ในสภาพนี้ "พะ พี่ไทม์เหรอคะ" มือบางลูบไปที่ใบหน้าของชายหนุ่มอย่างสะเปะสะปะ "พี่เองครับ ฮือออ เพลงพี่ขอโทษพี่ขอโทษพี่มันเหี้ยพี่มันเลวเพลงให้อภัยพี่ได้มั้ย" เขาจับมือคนรักแล้วนำมาแนบแก้มที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตา "พี่รู้ได้ยังไงว่าเพลงอยู่ที่นี่" "พี่รู้ได้ยังไงไม่สำคัญ แต่พี่จะพาเพลงไปรักษาต่างประเทศที่นั่นหมอเก่งมากเพลงต้องหาย"
"เธอชอบเพื่อนฉันเหรอวะ เหอะดูสารรูปตัวเองซะก่อนเหอะยัยอ้วนก่อนจะมาบอกรักใครไอ้คิมมันหล่อขนาดนั้นเธอคิดว่ามันจะมาชอบผู้หญิงที่ทั้งอ้วนทั้งขี้เหร่แบบเธองั้นเหรอห๊ะ อย่างเธอมันไม่มองให้เปลืองลูกกะตาหรอกตัดใจจากมันซะเถอะ" "แต่...ฉันชอบคิมจริงๆนะ" "อย่างเธอถ้าอยากให้ไอ้คิมชอบมันก็พอมีวิธีอยู่นะอยากรู้มั้ยฉันจะบอก" "บอกมาสิ" "ข้อหนึ่งเธอคงต้องไปตายแล้วเกิดใหม่" "ห๊ะนายว่าอะไรนะ!!!" "ฟังฉันยังพูดไม่จบ ฉันยังมีข้อสองให้เธอเลือกนั่นก็คือเธอต้องไปศัลยกรรมให้มันดูดีกว่านี้ไม่แน่ไอ้คิมมันอาจจะหันมาสนใจเธอก็ได้ แต่..ฉันว่าเบ้าหน้าอย่างเธอคงไปไม่รอดทำไปก็แค่นั้นเปลืองเงินเปลืองแรงหมอเปล่าๆ เพราะฉะนั้นเธอตัดใจจากมันซะ" เรื่องนี้เป็นเรื่องราวของชมจันทร์พยาบาลสาวสวยกับอาร์ตเพื่อนสนิทของคิมหันต์จากเรื่อง ชังรักเมียรับใช้ นะคะ
"ลิล ลิลจำพี่ได้มั้ย" "พี่ พี่เหรอ" "ครับพี่เอง พี่คิมไงสามีของลิล" "สามี สามี" แววตาว่างเปล่าจ้องผมไม่วางตาก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัว "ไม่ ไม่ กรี๊ดดดด ไม่ออกไป ฮืออออ ออกไป ฮืออออ"
ปิ่นมึงรู้ไหมว่ากูแม่งโคตรเกลียดมึงเลยเกลียดทั้งแม่มึงทั้งตัวมึง กูจะทำให้มึงอยู่อย่างไม่มีความสุขไม่เชื่อมึงก็คอยดู
หลี่เมิ่งเหยาย้อนเวลามาอยู่ในร่าง ของเด็กสาววัยสิบสองปี ในวันที่มารดาอนุผู้โง่เขลา ถูกขับไล่ออกจากจวน โชคยังดีที่ตอนตาย นางสวมกำไลหยกโลกันตร์เอาไว้ มันจึงติดตามนางมาที่นี่ด้วย +++ 1 : มารดาโง่ จนถูกไล่ออกจากตระกูล จวนตระกูลหลี่เจ้าเมืองถัง สตรีสองนางถูกสาวใช้จับคุกเข่าลง ตรงหน้าของหลี่หงซวนเจ้าเมืองถัง ทั้งยังเป็นพ่อสามีของทั้งคู่อีกด้วย ท่านกำลังสอบสวนเรื่องของสะใภ้ใหญ่ของบ้านสาม ถูกฮูหยินรองกับอนุรวมหัวกันลอบทำร้าย ด้วยการวางยาขับเลือดในถ้วยน้ำแกงบำรุงครรภ์ ทำให้นางต้องสูญเสียทารกในครรภ์ไป “ท่านพ่อข้าไม่รู้จริง ๆ ว่านั่นเป็นยาขับเลือด ฮูหยินรองบอกว่าเป็นน้ำแกงบำรุงครรภ์ ให้ข้าเป็นคนนำไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ เป็นนางนั่นเอง นางหลอกข้า !” เฉาซูหลิ่งชี้นิ้วไปทางสตรีด้านข้าง ร้อนรนเอ่ยออกมาเหมือนคนไม่ได้รับความเป็นธรรม “อนุเฉาเจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ เจ้าทำคนเดียวทั้งนั้นไม่เกี่ยวกับข้าเลย” ฮูหยินรอง ถูซวงอี้ ชี้นิ้วใส่หน้าเฉาซูหลิ่งกลับคืน ต่างคนต่างโยนความผิดให้กัน ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเยี่ยนหนานโบกมือให้คนเข้ามา “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าสองคนพูดความจริง แต่กลับไม่มีใครยอมรับความผิดแม้แต่คนเดียว มันน่าจับส่งทางการให้รู้แล้วรู้รอด” พ่อบ้านหลัวให้คนลากสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา สภาพของนางถูกทรมานจนเนื้อตัวบวมช้ำไปหมด “เรียนนายท่านข้าให้คนไปค้นห้องสาวใช้ทุกคนในจวน พบเทียบยาซ่อนไว้ใต้หมอน จากห้องของสาวใช้คนนี้ขอรับ” ถูซวงอี้ถึงกับคุกเข่าต่อไปไม่ไหว ทิ้งตัวลงไปนั่งอยู่บนพื้น สาวใช้ที่ถูกทรมานจนสภาพน่าเวทนานั่น เป็นเสี่ยวอิงสาวใช้สินเดิมของนางเอง “ฮูหยินรอง ข้าขอโทษ ข้าทนต่อไปไม่ไหวจริง ๆ ข้าขอโทษ !” เสี่ยวอิงโขกศีรษะลงตรงหน้าของถูซวงอี้แรง ๆ น้ำตาไหลนองหน้าจน แทบไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว พ่อบ้านหลัวเอ่ย “ข้าให้คนไปถามที่หอโอสถแล้วขอรับนายท่าน เป็นเทียบยาขับเลือดจริง ๆ” หลี่หงซวนมองไปทางบุตรชายคนที่สามของตน พบว่าเขามีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก สตรีที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าคือฮูหยินรอง กับอนุภรรยาที่เขารักใคร่ไม่ต่างกัน เหตุใดถึงได้คิดร้ายต่อฮูหยินใหญ่ของเขาได้ เป็นเหตุให้เขาต้องสูญเสียลูกที่อยู่ในท้องของนางไป เดิมทีฮูหยินใหญ่ของเขาก็ตั้งท้องยากอยู่แล้ว เขารอมาตั้งนานกว่าจะมีวันนี้ได้ ไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องสูญเสียไปเช่นนี้ “หย่วนเจ๋อนี่เป็นเรื่องในเรือนของเจ้า เจ้าอยากตัดสินเรื่องนี้ด้วยตัวเองหรือไม่” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามบุตรชาย “ไม่ ข้าไม่อยากเห็นหน้าพวกนางอีกต่อไป แล้วแต่ท่านพ่อเถอะขอรับ ข้าขอตัวไปดูฮูหยินใหญ่ก่อน” หลี่หย่วนเจ๋อคำนับบิดา สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปในทันที หางตายังไม่แม้แต่จะมองสตรีทั้งสองนาง เฉาซูหลิ่งลนลานตามเขาไป “ท่านพี่ช่วยข้าด้วย ข้าไม่ผิดนะเจ้าคะ ท่านพี่ !” แต่ถูกบ่าวรับใช้ขวางทางเอาไว้ หลี่หงซวน “หยุดโวยวายได้แล้วอนุเฉา เจ้าเป็นคนถือถ้วยน้ำแกงใส่ยาขับเลือด ไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ด้วยตัวเอง ยังคิดจะหนีความผิดนี้ไปได้อีกรึ” “ท่านพ่อขะข้าข้า...ไม่ผิด” เฉาซูหลิ่งทิ้งตัวไปด้านหลังอย่างหมดเรี่ยวแรง เดิมทีนางก็ไม่เป็นที่โปรดปรานของพ่อแม่สามีอยู่แล้ว เพราะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้ ครั้นได้บุตรสาวก็นิสัยขี้ขลาดขี้กลัว ไหนเลยจะเชิดหน้าชูตาให้ตระกูลหลี่ได้ เฉาซูหลิ่งนั่งเหม่อลอย คล้ายคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขณะที่หลี่หงซวนกำลังประกาศโทษทัณฑ์ของพวกนาง ถูซวงอี้กับคนของนาง ถูกขายออกจากจวน ไปอยู่หอนางโลมอย่างเงียบ ๆ ชาตินี้อย่าได้ก้าวเท้า กลับมาเหยียบที่จวนตระกูลหลี่อีก ส่วนเฉาซูหลิ่งถูกขับไล่ออกจากจวน ไปพร้อมกับบุตรสาว ให้ไปอยู่เรือนร้างของตระกูลหลี่ที่เมืองฉาง ห้ามกลับมาที่ตระกูลหลี่อีกชั่วชีวิต “ท่านพ่อท่านขับไล่ข้าไป ข้ายังพอรับได้ เหตุใดต้องขับไล่เหยาเอ๋อร์ไปด้วย นางเพิ่งจะสิบสองปีเองนะเจ้าคะ” เฉาซูหลิ่งนึกถึงบุตรสาวร่างกายผ่ายผอม นอนซมเพราะพิษไข้อยู่ เกิดนึกสงสารนางขึ้นมาจับใจ ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปมองสามีเล็กน้อย นางเห็นเด็กสาวคนนั้นมาตั้งแต่เกิด แม้ไม่ได้เอ็นดูแต่ก็นับว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน “ฮูหยินเรื่องนี้ข้าตัดสินใจไปแล้ว ไม่อาจคืนคำได้” คำพูดของประมุขของตระกูล มีหรือใครจะกล้าขัด เฉาซูหลิ่งปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาดัง ๆ นางโง่งมจนทำให้บุตรสาว ต้องมารับเคราะห์กรรมตามไปด้วย “ลากตัวอนุเฉาออกไป หารถม้าสักคันให้คนส่งนาง ไปที่เรือนร้างเมืองฉาง” คำสั่งของหลี่หงซวนเป็นคำขาด บ่าวไพร่รีบทำตามในทันที ครั้นได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังกับฮูหยินผู้เฒ่า หลี่หงซวนถึงได้บอกเหตุผล ที่ต้องตัดสินใจทำเช่นนี้ นั่นเพราะตระกูลจี้ได้ยื่นคำขาดมา ให้ขับไล่พวกเขาออกไปให้หมด อย่าให้เหลืออยู่แม้แต่ตนเดียว ไม่ต้องการให้คนที่ทำร้ายบุตรสาวของพวกเขา อยู่ระคายสายตาของจี้ชิวหรงอีกต่อไป ฮูหยินผู้เฒ่าแค่นออกมาหนึ่งคำ “อ้างเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ความจริงแล้วต้องการกำจัดอนุในเรือนบุตรสาวทิ้งให้หมด นี่กระทั่งเด็กคนหนึ่งก็ไม่เว้น แต่ก็เอาเถอะ เหยาเอ๋อร์อยู่ที่นี่ ก็ใช่จะมีประโยชน์อันใด นางไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเราด้วยซ้ำ ให้นางไปกับแม่ของนางนั่นแหละดีแล้ว” หลี่หงซวนนั้นเป็นเพียงเจ้าเมืองเล็ก ๆ มีตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นที่ห้า ฝั่งตระกูลจี้บ้านเดิมของจี้ชิวหรงนั้น อยู่ในเมืองหลวงมีตำแหน่งใหญ่โตกว่าหนึ่งขั้น เรื่องนี้เขาจึงต้องขบคิด ถึงผลได้ผลเสียในอนาคตอีกด้วย การเสียสละอนุกับหลานสาวคนหนึ่ง เพื่อชดเชยให้แก่คนตระกูลจี้ นับว่าเป็นเรื่องสมควรทำแล้ว “ข้าก็คิดเช่นฮูหยินนั่นแหละ เพียงแต่สะใภ้สามแท้งคราวนี้ ไม่รู้จะยังสามารถตั้งท้องได้อีกหรือไม่ พวกเรารอดูไปก่อนดีกว่า หากนางไม่สามารถตั้งท้องได้จริง ๆ เราค่อยหาอนุมาให้หย่วนเจ๋อภายหลังก็ยังได้ ยามนั้นคนตระกูลจี้จะเอาอะไรมาง้างกับเราได้อีก” “จริงดังท่านว่าเจ้าค่ะ” ฝ่ายเฉาซูหลิ่งที่ถูกคนใช้ ลากตัวออกมาให้เก็บของในเรือน นางส่งเสียงเอะอะโวยวายตลอดทาง พร่ำบอกต้องการพบหลี่หย่วนเจ๋อให้ได้ แต่ถูกสาวใช้ขวางไว้ไม่ให้ไป นางจำใจกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง รีบเก็บของสำคัญใส่ห่อผ้าเพื่อออกเดินทาง
เพิ่งหย่ากับอดีตสามีไปไม่นานแต่ปรากฏว่าตัวเองท้อง จะทำอย่างไรดี? หรือจะให้อดีตสามีรับผิดชอบ แต่ก็ไม่คิดว่าอดีตสามีมีคนรักใหม่ไปแล้ว ชีวิตของถังชีชีนั้นช่างสับสน ช่างน่าวิตกกังวลและไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เธอต้องคอยระวังไม่ให้คุณเฟิงรู้เรื่องการตั้งครรภ์จนกระทั่งคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย แต่ไม่คิดว่าจะถูกเขาบังคับถึงเพียงนี้ "เราหย่ากันแค่สี่เดือน แต่เธอกลับตั้งครรภ์ได้เจ็ดเดือนแล้ว บอกมาดี ๆ ว่า ลูกเป็นของใคร!"
คุณท่านเสียว คุณชายยอดเยี่ยมที่โด่งดังในเมือง B ได้แต่งงาน แต่มีข่าวลือว่าเจ้าสาวมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดและมีฐานะต่ำต้อย สามปีมานี้ เขาปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชาและทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจียงซิงซิงอดทนกับความเย็นชาอย่างเงียบ ๆ เธอยังคงรักเขาอย่างสุดหัวใจ เสียสละความนับถือตนเองและยอมละทิ้งตัวตนของเธอเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง สุดที่รักของเขากลับประเทศ เขได้สารภาพว่าเขาแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อช่วยชีวิตคนรักในใจของเขาเท่านั้น เจียงซิงซิงเสียใจและผิดหวังมาก เธอจึงเซ็นเอกสารหย่าและจากไปด้วยความเศร้าใจ สามปีต่อมา เจียงซิงซิงผู้สวยงามจนน่าทึ่งกลับมาอีกครั้ง ได้กลายมาเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดและเป็นยอดฝีมือด้านเปียโน อดีตสามีรู้สึกเสียใจ และกอดเธอแน่นท่ามกลางสายฝน เสียงของเขาสั่นเครือ "ที่รัก คุณเป็นของผม..."
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง
เพียงดื่มน้ำชาจอกแรกที่ผู้เป็นมารดาเลี้ยงมอบให้ซุนฮวาก็กลายเป็นสตรีร้ายกาจ ปีนขึ้นเตียงท่านอ๋องผู้เป็นคู่หมายของน้องสาวจำใจกล้ำกลืนสถานะพระชายาตัวแทนเป็นเพียงเงาของผู้อื่นในสายตาของสวามี