สามชาติเวียนว่าย สองภพบรรจบ เพื่อหนึ่งปรารถนาในดวงใจ
“ด่านรัก!”
เหยียนหลัวหวางร้องตะโกนเสียงดังลั่น ดวงตาผู้ยิ่งใหญ่เเห่งเเดนยมโลกมองบุรุษเบื้องหน้าด้วยเเววเหลือเชื่อ นี่เทพนอกคอกผู้นี้คิดจะสร้างความวุ่นวายอะไรให้เเก่พวกเขาอีก
ยามนี้เเดนสวรรค์ถูกปกครองโดยเง็กเซียนฮ่องเต้ เหล่าเทพรุ่นใหม่ถือกำเนิดขึ้นปานดอกเห็ด ทว่าบรรดาเทพยุคเก่ากลับเริ่มเสื่อมถอย ในหมู่เทพบรรพกาลนอกขอบฟ้า หลายองค์บ้างถึงกาลเเตกดับ บางองค์ก็ลงไปเผชิญกับด่านเคราะห์เล่นเเก้เบื่อ
เเต่นั่นไม่ใช่กับผู้ที่กำลังอยู่ตรงหน้าเขา จอมเทพนอกฝั่งฟ้าผู้นี้หาได้เคยให้ความสนใจแก่ผู้ใด อีกทั้งยังมีความเป็นมาลึกลับเกินกว่าจะกล่าวถึง เพราะเทพบรรพกาลองค์นี้ถือกำเนิดขึ้นมาได้อย่างไรนั้น ไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบได้ เเม้เเต่เหล่าเทพในยุคก่อนด้วยกันเองก็ตาม
เนื่องด้วยเขานั้นไร้ตัวตนอย่างยิ่ง ทำให้แม้แต่บนหินสามชาติก็หาได้มีชื่อสลักดั่งผู้อื่น นับว่าเป็นเทพที่อยู่นอกเหนือกฎเกณฑ์ทั้งปวง ไร้ซึ่งความเป็นมา ไร้นามให้ขับขาน ดังนั้นเหล่าบรรดาเทพเซียนทุกตนจึงพากันขนานนามอีกฝ่ายว่า ‘ตี้จวิน’ จนติดปาก
เเต่พลังของเทพนอกฝั่งฟ้าผู้นี้กลับมิได้ไร้ตัวตนเหมือนสถานะของเขาแม้แต่น้อย เมื่อรวมเข้ากับนิสัย ‘มองหน้าเเปลว่าหาเรื่อง’ ของเจ้าตัว ทำให้แม้แต่องค์เง็กเซียนยังเอือมระอา คร้านจะข้องเกี่ยวด้วย
“ไม่ได้อย่างนั้นหรือ” เสียงทุ้มเอ่ยเรื่อยเอื่อยราวสายน้ำเย็นฉ่ำ
เหยียนหลัวหวางฟังแล้วนึกเคลิบเคลิ้ม ก่อนจะพลันสะบัดศีรษะเพื่อเรียกสติกลับคืน เพราะเขาเเละทุกคนในสามภพหกเเดนล้วนรู้ดี ภาพลักษณ์ที่มองเห็นอยู่นั้นเป็นเพียงสิ่งหลอกลวง ตี้จวินผู้นี้แท้จริงแล้วทั้งเอาแต่ใจและเผด็จการอย่างร้ายกาจในความเป็นจริง
“ใช่ว่าจะไม่ได้ เเต่ตี้จวินเองก็รู้ดีว่าบนหินสามชาตินั้นหามีชื่อของท่านสลักอยู่ไม่ เช่นนั้นแล้วจะไปมีชื่อคู่วาสนาท่านปรากฏได้อย่างไร เกรงว่าต่อให้ตี้จวินปรารถนาจะลิ้มรสด่านเคราะห์จากรักที่ไม่สมหวังนี้สักเพียงใด ตาเฒ่าจันทราก็มิอาจผูกด้ายเเดงให้ได้ตามประสงค์”
“เรื่องนี้หาได้ยากเย็นอันใด ข้าเพียงเเต่สร้างคู่วาสนาของตนเองขึ้นมาก็จบ หลังจากนั้นค่อยให้เจ้าเฒ่าจันทราจัดการผูกด้ายแดงเสีย”
เจ้าตัวกล่าวขึ้นอย่างไม่ยี่หระ พลางค้นหาข้าวของภายในแขนเสื้อตนเอง หมายใจสร้างคู่วาสนาแบบมักง่าย ทว่าสุดท้ายเมื่อไม่เจอของที่สามารถใช้ได้ ดวงตาคู่งามจึงเหล่มองไปที่ต้นกระบองเพชรบนโต๊ะทำงานคู่สนทนาอย่างมีเลศนัย ก่อนจะส่งยิ้มร้ายกาจไปยังผู้ที่เป็นเจ้าของมัน
เหยียนหลัวหวางสะดุ้งเฮือก ในใจเกิดความตระหนกจนถึงขีดสุด รีบเอื้อมมือคว้ากระถางใบเล็กๆ นั้นมาถือเอาไว้อย่างหวงแหน
“ไม่ได้เด็ดขาด นี่เป็นของฝากจากสหายที่อยู่แดนไกลของข้าเชียวนะ”
พญายมราชกัดฟันแน่น เอ่ยขึ้นอย่างไม่ยินยอม ลองคิดดูสิว่าการจะนำต้นไม้จากโลกเบื้องบนลงมา มันยากลำบากขนาดไหน และในบรรดาต้นไม้ที่สหายของเขานำมาให้ ก็มีเพียงแค่ ‘อิ๋งอิ๋ง’ กระบองเพชรน้อยนี่เท่านั้น ที่สามารถทานทนต่อปราณหยินอันหนักหน่วงของยมโลกได้
เเต่กว่าที่จะมาเเข็งเเรงออกดอกสีชมพูสดใสให้ได้เชยชมเเบบนี้ เขาต้องเเอบหนีไปด้านบนเพื่อให้เเสงเเก่นางทุกวันเทียวนะ เเล้วไหนจะยังน้ำที่ใช้รดนั่นอีก ถึงแม้อิ๋งอิ๋งน้อยจะเป็นเเค่ต้นกระบองเพชรธรรมดาในโลกมนุษย์ แต่เขาก็ขโมยน้ำทิพย์จากสระมรกตขององค์เง็กเซียนมารดนางโดยตลอด
เขาต้องปกป้องอิ๋งอิ๋งน้อยเอาไว้ให้ได้ เพราะฉะนั้นย่อมไม่มีทางมอบต้นกระบองเพชรน้อยที่ตนเองนั้นแสนจะทะนุถนอมให้เจ้าเทพอันธพาลตรงหน้านี่อย่างเด็ดขาด บอกได้คำเดียวเลยว่า...
ไม่-มี-วัน!
“ส่งมา อย่าให้ข้าต้องเอ่ยซ้ำ รู้ใช่ไหมว่าเจ้าเด็กเง็กเซียนก่อนหน้านี้ออกว่าราชการไม่ได้ไปกี่วัน”
“...”
เคยเห็นผู้ใดข่มขู่พญายมราชไหมเล่า ถ้าไม่เคยเห็นก็เคยกันเสียเถอะ...ไอ้เทพจอมเอาแต่ใจ เอะอะก็จะใช้กำลังบังคับ
“อย่าจับนางแรงนักนะตี้จวิน อิ๋งอิ๋งเพิ่งออกดอกเป็นครั้งแรก ประเดี๋ยวดอกนางจะหลุดเอา”
สุดท้ายเพื่อป้องกันไม่ให้ยมโลกของตนถูกจอมเทพผู้ชั่วร้ายรังควาน เหยียนหลัวหวางจึงได้เเต่ยอมเสียสละต้นกระบองเพชรน้อยในมือ เขามองกลีบดอกสีชมพูที่สั่นระริกนั้นด้วยท่าทีประหนึ่งจะขาดใจ
'โธ่...อิ๋งอิ๋งน้อยของข้า'
เจ้าของร่างสูงยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย ต้นไม้บนฝ่ามือนั้นดูแปลกตาดีเหลือเกิน นิ้วเรียวยาวประหนึ่งหยกงามไล้ลงบนกลีบสีชมพูแผ่วเบา หนามแหลมที่อยู่รอบๆ เจ้าต้นไม้น้อยก็พลันกางออกคล้ายต้องการปกป้องตนเองจากผู้รุกราน ขณะเดียวกันก็รู้สึกราวกับว่าเจ้าดอกน้อยๆ นั้นกำลังเกิดความเอียงอาย ยามสัมผัสจึงรู้สึกได้ถึงอาการไหวสั่นระริกของกลีบดอก จนคนลูบพลันเกิดความรู้สึกอยากกลั่นแกล้งขึ้นมาในอก
“อืม...เอาเป็นเจ้านี่ก็แล้วกัน” เทพบรรพกาลผู้เอาแต่ใจเอ่ย พลางยกมืออีกข้างขึ้นมาสะบัดวูบหนึ่ง
ฉับพลันกระบองเพชรน้อยในกระถางก็หายวับไป บนฝ่ามือของเขาปรากฏกลุ่มแสงสีขาวนวลจับตัวเป็นก้อนกลมขนาดไม่ใหญ่มากนักแทนที่ หลังจากนั้นร่างสูงจึงยื่นส่งสิ่งที่อยู่ในมือให้เหยียนหลัวหวางพลางกล่าวกำชับ
“ข้าจะไปดื่มน้ำแกงยายเมิ่งแล้ว เจ้าก็จงเร่งนำนางไปเกิดให้โดยเร็วเถิด จะได้รีบเริ่มด่านเคราะห์รักนี้ให้จบเรื่องราว” ออกคำสั่งจบผู้พูดก็เดินอาภรณ์ปลิวออกจากห้อง
เหยียนหลัวหวางพลันเกิดความสงสัย อดร้องถามขึ้นมามิได้ “ตี้จวิน ท่านไม่เคยสนใจความเป็นไปของโชคชะตาแล้ว เพราะเหตุใดท่านถึงอยากลงไปเผชิญด่านเคราะห์กันเล่า”
“ข้าเเพ้พนันเดินหมากกับเจ้าเด็กเง็กเซียน เจ้านั่นตั้งเงื่อนไขให้ข้าลงไปเผชิญด่านเคราะห์จากรักที่ไม่สมหวัง” เอ่ยจบก็เดินจากไปทันที
เหยียนหลัวหวางฟังแล้วยืนนิ่งอยู่กับที่ ผ่านไปสักพักหนึ่งถ้อยคำก่นด่าสารพัดจึงถูกพ่นออกมาแทบไม่หยุดหายใจ ทำเอาองค์เง็กเซียนที่กำลังประชุมชาวสวรรค์อยู่ถึงกับไอสำลักไม่หยุดเช่นกัน
เง็กเซียนบ้านั่นต้องการหาเรื่องไล่เจ้าเทพอันธพาลลงไปโลกมนุษย์ก็แล้วไปเถอะ แต่ทำไมถึงกลายเป็นเขาที่ต้องเสียสละอิ๋งอิ๋งน้อยไปด้วยเล่า ไม่ยุติธรรมเลยสักนิด
หลังจากยืนขุดบรรพชนเง็กเซียนขึ้นมาทักทายถึงสามรุ่นจนเป็นที่พอใจ เหยียนหลัวหวางจึงประคองก้อนเเสงในมือออกจากห้อง ไอ้อาลัยมันก็อาลัยอยู่หรอกนะ แต่ถ้าเขาส่งอิ๋งอิ๋งน้อยไปเกิดช้า ทางโน้นเกิดหงุดหงิดขึ้นมาจะลำบากตนเองเอาได้
‘อิ๋งอิ๋ง ข้าขอโทษด้วย เพื่อความสงบของแดนสวรรค์และยมโลก จำเป็นต้องให้เจ้าเสียสละเเล้ว’
“ไม่รู้ว่าเป็นบุญหรือกรรม ที่เจ้าต้องไปเป็นคู่วาสนาให้เจ้าเทพจอมวายร้ายนั่นแบบนี้ เอาเถอะอิ๋งอิ๋ง...สู้ๆ นะ”
อดีตนางไร้สามารถ ไม่กล้าแม้แต่จะปลิดชีพตนเอง ทว่าโชคชะตากลับนำพาวิญญาณมายังชาติภพใหม่ จากที่ไม่เคยมีกลับกลายเป็นมีพร้อม คนสำคัญที่มิเคยพานพบ นางพร้อมรักษาในชาตินี้
อวิ๋นซือเป็นบุตรสาวของขุนนางใหญ่กับภริยาเอก นางเพียบพร้อมคู่ควรกับฐานะฮูหยินใหญ่ วัยสิบห้าหญิงสาวขึ้นเกี้ยวสีเเดงหลังใหญ่ ใช้แปดคนหามเข้าสู่ตระกูลสามี วัยสิบเจ็ดนางถือหนังสือหย่าออกจากจวนอย่างทระนง เป็นฮูหยินใหญ่เเล้วอย่างไร เมื่อในใจสามียังสู้อนุคนหนึ่งไม่ได้ด้วยซ้ำ
เส้าหยวนหยวนแต่งงานกับแม่ทัพเทพทรงพลังที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนส่งผลกระทบต่อทางจิตใจหลังจาดที่เธอย้อนเวลา เธอไม่ต้องการเข้าไปพัวพันกับการสมรู้ร่วมคิด และต้องการร่วมมือกับเขาเพื่อแสวงหาอิสรภาพ เธอก่อตั้งธุรกิจ รักษาโรคของคนไข้ และช่วยชีวิตผู้คน เป็นคนที่ยอดเยี่ยม กลายเป็นผู้ช่วยที่ดีของแม่ทัพ แต่ต่อมาแม่ทัพกลับคืนคำ ไหนตกลงไว้ว่าจะหย่าล่ะ?
เมื่อตอนเด็ก หลินอวี่เคยช่วยชีวิตเหยาซีเยว่ที่กำลังจะตาย ต่อมา หลินอวี่กลายเป็นพืชหลังจากประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ เธอแต่งงานเข้าตระกูลหลินโดยไม่ลังเลใจและใช้ทักษะทางการแพทย์ของเธอเพื่อรักษาหลินอวี่ สองปีของการแต่งงานและการดูแลอย่างสุดหัวใจของเธอเพียงเพื่อตอบแทนบุญคุณ และเพื่อที่เขาจะให้ความสำคัญกับตัวเองบ้าง แต่ความพยายามทั้งหมดของเธอกลับไร้ประโยชน์เมื่อคนในใจของหลินอวี่กลับมาประเทศ เมื่อหลินอวี่โยนข้อตกลงการหย่ามาใส่เธออย่างไร้ความปราณี เธอก็รีบเซ็นชื่อทันที ทุกคนหัวเราะเยาะเธอที่เป็นผู้หญิงที่ถูกครอบครัวใหญ่ทอดทิ้ง แต่ใครจะไปรู้ว่า เธอคือ Moon นักแข่งรถที่ไม่มีใครเทียบได้บนสนามแข่งรถ เป็นนักออกแบบแฟชั่นที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ เป็นอัจฉริยะของแฮ็กเกอร์ และเธอยังเป็นหมอมหัศจรรย์ระดับโลก... อดีตสามีของเธอเสียใจมากจนคุกเข่าลงกับพื้นขอร้องให้เธอกลับมา ผู้เผด็จการคนหนึ่งอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขนของเขาแล้วพูดว่า "ออกไป! นี่คือภรรยาของฉัน!" เหยาซีเยว่ "?"
หลี่เมิ่งเหยาย้อนเวลามาอยู่ในร่าง ของเด็กสาววัยสิบสองปี ในวันที่มารดาอนุผู้โง่เขลา ถูกขับไล่ออกจากจวน โชคยังดีที่ตอนตาย นางสวมกำไลหยกโลกันตร์เอาไว้ มันจึงติดตามนางมาที่นี่ด้วย +++ 1 : มารดาโง่ จนถูกไล่ออกจากตระกูล จวนตระกูลหลี่เจ้าเมืองถัง สตรีสองนางถูกสาวใช้จับคุกเข่าลง ตรงหน้าของหลี่หงซวนเจ้าเมืองถัง ทั้งยังเป็นพ่อสามีของทั้งคู่อีกด้วย ท่านกำลังสอบสวนเรื่องของสะใภ้ใหญ่ของบ้านสาม ถูกฮูหยินรองกับอนุรวมหัวกันลอบทำร้าย ด้วยการวางยาขับเลือดในถ้วยน้ำแกงบำรุงครรภ์ ทำให้นางต้องสูญเสียทารกในครรภ์ไป “ท่านพ่อข้าไม่รู้จริง ๆ ว่านั่นเป็นยาขับเลือด ฮูหยินรองบอกว่าเป็นน้ำแกงบำรุงครรภ์ ให้ข้าเป็นคนนำไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ เป็นนางนั่นเอง นางหลอกข้า !” เฉาซูหลิ่งชี้นิ้วไปทางสตรีด้านข้าง ร้อนรนเอ่ยออกมาเหมือนคนไม่ได้รับความเป็นธรรม “อนุเฉาเจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ เจ้าทำคนเดียวทั้งนั้นไม่เกี่ยวกับข้าเลย” ฮูหยินรอง ถูซวงอี้ ชี้นิ้วใส่หน้าเฉาซูหลิ่งกลับคืน ต่างคนต่างโยนความผิดให้กัน ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเยี่ยนหนานโบกมือให้คนเข้ามา “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าสองคนพูดความจริง แต่กลับไม่มีใครยอมรับความผิดแม้แต่คนเดียว มันน่าจับส่งทางการให้รู้แล้วรู้รอด” พ่อบ้านหลัวให้คนลากสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา สภาพของนางถูกทรมานจนเนื้อตัวบวมช้ำไปหมด “เรียนนายท่านข้าให้คนไปค้นห้องสาวใช้ทุกคนในจวน พบเทียบยาซ่อนไว้ใต้หมอน จากห้องของสาวใช้คนนี้ขอรับ” ถูซวงอี้ถึงกับคุกเข่าต่อไปไม่ไหว ทิ้งตัวลงไปนั่งอยู่บนพื้น สาวใช้ที่ถูกทรมานจนสภาพน่าเวทนานั่น เป็นเสี่ยวอิงสาวใช้สินเดิมของนางเอง “ฮูหยินรอง ข้าขอโทษ ข้าทนต่อไปไม่ไหวจริง ๆ ข้าขอโทษ !” เสี่ยวอิงโขกศีรษะลงตรงหน้าของถูซวงอี้แรง ๆ น้ำตาไหลนองหน้าจน แทบไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว พ่อบ้านหลัวเอ่ย “ข้าให้คนไปถามที่หอโอสถแล้วขอรับนายท่าน เป็นเทียบยาขับเลือดจริง ๆ” หลี่หงซวนมองไปทางบุตรชายคนที่สามของตน พบว่าเขามีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก สตรีที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าคือฮูหยินรอง กับอนุภรรยาที่เขารักใคร่ไม่ต่างกัน เหตุใดถึงได้คิดร้ายต่อฮูหยินใหญ่ของเขาได้ เป็นเหตุให้เขาต้องสูญเสียลูกที่อยู่ในท้องของนางไป เดิมทีฮูหยินใหญ่ของเขาก็ตั้งท้องยากอยู่แล้ว เขารอมาตั้งนานกว่าจะมีวันนี้ได้ ไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องสูญเสียไปเช่นนี้ “หย่วนเจ๋อนี่เป็นเรื่องในเรือนของเจ้า เจ้าอยากตัดสินเรื่องนี้ด้วยตัวเองหรือไม่” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามบุตรชาย “ไม่ ข้าไม่อยากเห็นหน้าพวกนางอีกต่อไป แล้วแต่ท่านพ่อเถอะขอรับ ข้าขอตัวไปดูฮูหยินใหญ่ก่อน” หลี่หย่วนเจ๋อคำนับบิดา สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปในทันที หางตายังไม่แม้แต่จะมองสตรีทั้งสองนาง เฉาซูหลิ่งลนลานตามเขาไป “ท่านพี่ช่วยข้าด้วย ข้าไม่ผิดนะเจ้าคะ ท่านพี่ !” แต่ถูกบ่าวรับใช้ขวางทางเอาไว้ หลี่หงซวน “หยุดโวยวายได้แล้วอนุเฉา เจ้าเป็นคนถือถ้วยน้ำแกงใส่ยาขับเลือด ไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ด้วยตัวเอง ยังคิดจะหนีความผิดนี้ไปได้อีกรึ” “ท่านพ่อขะข้าข้า...ไม่ผิด” เฉาซูหลิ่งทิ้งตัวไปด้านหลังอย่างหมดเรี่ยวแรง เดิมทีนางก็ไม่เป็นที่โปรดปรานของพ่อแม่สามีอยู่แล้ว เพราะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้ ครั้นได้บุตรสาวก็นิสัยขี้ขลาดขี้กลัว ไหนเลยจะเชิดหน้าชูตาให้ตระกูลหลี่ได้ เฉาซูหลิ่งนั่งเหม่อลอย คล้ายคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขณะที่หลี่หงซวนกำลังประกาศโทษทัณฑ์ของพวกนาง ถูซวงอี้กับคนของนาง ถูกขายออกจากจวน ไปอยู่หอนางโลมอย่างเงียบ ๆ ชาตินี้อย่าได้ก้าวเท้า กลับมาเหยียบที่จวนตระกูลหลี่อีก ส่วนเฉาซูหลิ่งถูกขับไล่ออกจากจวน ไปพร้อมกับบุตรสาว ให้ไปอยู่เรือนร้างของตระกูลหลี่ที่เมืองฉาง ห้ามกลับมาที่ตระกูลหลี่อีกชั่วชีวิต “ท่านพ่อท่านขับไล่ข้าไป ข้ายังพอรับได้ เหตุใดต้องขับไล่เหยาเอ๋อร์ไปด้วย นางเพิ่งจะสิบสองปีเองนะเจ้าคะ” เฉาซูหลิ่งนึกถึงบุตรสาวร่างกายผ่ายผอม นอนซมเพราะพิษไข้อยู่ เกิดนึกสงสารนางขึ้นมาจับใจ ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปมองสามีเล็กน้อย นางเห็นเด็กสาวคนนั้นมาตั้งแต่เกิด แม้ไม่ได้เอ็นดูแต่ก็นับว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน “ฮูหยินเรื่องนี้ข้าตัดสินใจไปแล้ว ไม่อาจคืนคำได้” คำพูดของประมุขของตระกูล มีหรือใครจะกล้าขัด เฉาซูหลิ่งปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาดัง ๆ นางโง่งมจนทำให้บุตรสาว ต้องมารับเคราะห์กรรมตามไปด้วย “ลากตัวอนุเฉาออกไป หารถม้าสักคันให้คนส่งนาง ไปที่เรือนร้างเมืองฉาง” คำสั่งของหลี่หงซวนเป็นคำขาด บ่าวไพร่รีบทำตามในทันที ครั้นได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังกับฮูหยินผู้เฒ่า หลี่หงซวนถึงได้บอกเหตุผล ที่ต้องตัดสินใจทำเช่นนี้ นั่นเพราะตระกูลจี้ได้ยื่นคำขาดมา ให้ขับไล่พวกเขาออกไปให้หมด อย่าให้เหลืออยู่แม้แต่ตนเดียว ไม่ต้องการให้คนที่ทำร้ายบุตรสาวของพวกเขา อยู่ระคายสายตาของจี้ชิวหรงอีกต่อไป ฮูหยินผู้เฒ่าแค่นออกมาหนึ่งคำ “อ้างเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ความจริงแล้วต้องการกำจัดอนุในเรือนบุตรสาวทิ้งให้หมด นี่กระทั่งเด็กคนหนึ่งก็ไม่เว้น แต่ก็เอาเถอะ เหยาเอ๋อร์อยู่ที่นี่ ก็ใช่จะมีประโยชน์อันใด นางไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเราด้วยซ้ำ ให้นางไปกับแม่ของนางนั่นแหละดีแล้ว” หลี่หงซวนนั้นเป็นเพียงเจ้าเมืองเล็ก ๆ มีตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นที่ห้า ฝั่งตระกูลจี้บ้านเดิมของจี้ชิวหรงนั้น อยู่ในเมืองหลวงมีตำแหน่งใหญ่โตกว่าหนึ่งขั้น เรื่องนี้เขาจึงต้องขบคิด ถึงผลได้ผลเสียในอนาคตอีกด้วย การเสียสละอนุกับหลานสาวคนหนึ่ง เพื่อชดเชยให้แก่คนตระกูลจี้ นับว่าเป็นเรื่องสมควรทำแล้ว “ข้าก็คิดเช่นฮูหยินนั่นแหละ เพียงแต่สะใภ้สามแท้งคราวนี้ ไม่รู้จะยังสามารถตั้งท้องได้อีกหรือไม่ พวกเรารอดูไปก่อนดีกว่า หากนางไม่สามารถตั้งท้องได้จริง ๆ เราค่อยหาอนุมาให้หย่วนเจ๋อภายหลังก็ยังได้ ยามนั้นคนตระกูลจี้จะเอาอะไรมาง้างกับเราได้อีก” “จริงดังท่านว่าเจ้าค่ะ” ฝ่ายเฉาซูหลิ่งที่ถูกคนใช้ ลากตัวออกมาให้เก็บของในเรือน นางส่งเสียงเอะอะโวยวายตลอดทาง พร่ำบอกต้องการพบหลี่หย่วนเจ๋อให้ได้ แต่ถูกสาวใช้ขวางไว้ไม่ให้ไป นางจำใจกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง รีบเก็บของสำคัญใส่ห่อผ้าเพื่อออกเดินทาง
ในการแต่งงานที่ทำข้อตกลงไว้ เจียงหว่านเป็นฝ่ายที่มีใจให้อีกฝ่ายก่อน แต่ตอนที่เธอต้องการเผยเสี้ยนมากที่สุด เขากลับอยู่เคียงข้างคนรักในใจของเขา ในท้ายที่สุด เจียงหว่านก็ตัดสินใจหย่า และเริ่มต้นชีวิตใหม่ เมื่อเผยเสี้ยนรู้สึกตัวขึ้นมา เธอก็จากไปแล้ว เมื่อเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่เข้าคิวเพื่อรับป้ายหมายเลข เผยเสี้ยนหยิบเงินร้อยล้านออกมาและพูดว่า "หว่านหว่าน คู่รักก็ต้องเป็นคู่เดิมเราแต่งงานใหม่อีกครั้งได้ไหม"
เดิมทีฟางจินซิ่วมีอวกาศติดตัวได้เปิดคลินิกการแพทย์แผนจีนในยุคปัจจุบันและเจริญรุ่งเรือง ไม่มีการแข่งขันหนัก และทำงานมีวันหยุด เธอใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย แต่แล้วมีวันหนึ่งที่เธอตื่นขึ้นมากลับข้ามมิติกลายเป็นชาวนาที่ฟมู่บ้านยากจน อีกทั้งได้เจอภัยแล้ง จากนั้นก็โดนขาย โชคดีที่ครอบครัวที่ซื้อเธอแตกต่างจากที่เธอจินตนาการไว้ เธอไม่ได้ถูกทารุณกรรม แต่ได้รับการดูแลอย่างดี ในยุคแห่งความขาดแคลนอาหาร และมีภัยแล้ง ฟางจินซิ่วตัดสินใจตอบแทนความเมตตาของครอบครัวนี้ แม่สามีป่วยหนัก? สำหรับปัญหาเล็กๆ น้อยๆ เธอเก็บสมุนไพรและแช่ในสระศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งรักษาเธอให้หายดีภายในไม่กี่นาที ที่บ้านไม่มีอาหาร? ปัญหาเล็กๆ น้อยๆ เธอไปล่าสัตว์กับครอบครัวและโชคก็เข้าข้างเธอ ไม่ว่าเธอจะไปที่ไหน เหยื่อก็จะตกหลุมพรางเสมอ กินแต่เนื้อสัตว์โดยไม่มีผักหรือ? มันเป็นปัญหาเล็กๆ เทน้ำในสระศักดิ์สิทธิ์เพียงหยดเดียว ก็สามารถปลูกพืชได้ทุกชนิดและกินผักและผลไม้อะไรก็ได้ที่พวกเธอต้องการ ญาติที่อิจฉากำลังมาก่อเรื่องเมื่อเห็นว่าพวกเธอใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย สำหรับปัญหาเล็กน้อยนี้ เธอเรียกผู้ชายที่มีความแข็งแกร่งของเธอมาจัดการพวกเขา อะไร คุณถามว่าสามีของฉันทำไมเชื่อฟังได้ขนาดนี้? จงหวี่เดินเข้ามาด้วยสายตาเร่าร้อน "คุณภรรยา ตราบใดเจ้ายอมอยู่เคียงข้างข้าตลอดชีวิต ถึงเอาชีวิตข้าไปข้าก็ยอม"
องค์หญิงสิบสามนามหลินฮุ่ยหมินสตรีผู้ที่งดงามโดดเด่นไม่เป็นรองผู้ใดแต่กลับมีฐานะต่ำต้อยในวังหลวงด้วยพระมารดาเสียชีวิตตั้งแต่นางยังเด็ก ท่ามกลางความคับแค้นใจนางยังต้องคำสาปร้ายต้องกลายร่างเป็นสัตว์ทุกคืนวันพระจันทร์เต็มดวง เขาคือ หยางเอ้อหลาง แม่ทัพหนุ่มผู้มีความสามารถรูปโฉมสง่างามและเป็นวีรบุรุษคนสุดท้ายของสกุลหยาง ทั้งยังเป็นที่รักเคารพของชาวเมือง ทว่าด้วยความสามารถและตำแหน่งใหญ่โต ฮ่องเต้มิอาจวางใจจึงได้คิดกำจัดเขาให้พ้นตำแหน่งเสีย โดยมอบสมรสพระราชทานให้หยางเอ้อหลางกับพระธิดาของตน เดิมทีชีวิตของคนสองคนย่อมไม่บรรจบ เมื่อสตรีที่หมายหมั้นกับหยางเอ้อหลางคือองค์หญิงใหญ่ที่ปักใจรักเขาตั้งแต่เยาว์วัย ทว่าเรื่องไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อคนทั้งคู่เกิดอุบัติเหตุจนคนเข้าพิธีสมรสกลายเป็นองค์หญิงสิบสาม ท่ามกลางความหวาดกลัวขององค์หญิงสิบสามที่กลัวความลับจะเปิดเผย ท่ามกลางหยางเอ้อหลางที่พยายามพาสกุลหยางให้รอดพ้น ท่ามกลางการแตกหักของความสัมพันธ์พี่น้องที่แสนรักใคร่ระหว่างองค์หญิงใหญ่และองค์หญิงสิบสามเพราะบุรุษเพียงผู้เดียว หลินฮุ่ยหมินจะทำเช่นใด เพื่อจะยุติเรื่องราวน่าเวียนหัวนี้