ดาวน์โหลดแอป ฮิต
หน้าแรก / โรแมนติก / สามชาติ สองภพ จบปรารถนา
สามชาติ สองภพ จบปรารถนา

สามชาติ สองภพ จบปรารถนา

5.0
62 บท
1.1K ชม
อ่านเลย

เกี่ยวกับ

สารบัญ

สามชาติเวียนว่าย สองภพบรรจบ เพื่อหนึ่งปรารถนาในดวงใจ

บทที่ 1 บทนำ

“ด่านรัก!”

เหยียนหลัวหวางร้องตะโกนเสียงดังลั่น ดวงตาผู้ยิ่งใหญ่เเห่งเเดนยมโลกมองบุรุษเบื้องหน้าด้วยเเววเหลือเชื่อ นี่เทพนอกคอกผู้นี้คิดจะสร้างความวุ่นวายอะไรให้เเก่พวกเขาอีก

ยามนี้เเดนสวรรค์ถูกปกครองโดยเง็กเซียนฮ่องเต้ เหล่าเทพรุ่นใหม่ถือกำเนิดขึ้นปานดอกเห็ด ทว่าบรรดาเทพยุคเก่ากลับเริ่มเสื่อมถอย ในหมู่เทพบรรพกาลนอกขอบฟ้า หลายองค์บ้างถึงกาลเเตกดับ บางองค์ก็ลงไปเผชิญกับด่านเคราะห์เล่นเเก้เบื่อ

เเต่นั่นไม่ใช่กับผู้ที่กำลังอยู่ตรงหน้าเขา จอมเทพนอกฝั่งฟ้าผู้นี้หาได้เคยให้ความสนใจแก่ผู้ใด อีกทั้งยังมีความเป็นมาลึกลับเกินกว่าจะกล่าวถึง เพราะเทพบรรพกาลองค์นี้ถือกำเนิดขึ้นมาได้อย่างไรนั้น ไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบได้ เเม้เเต่เหล่าเทพในยุคก่อนด้วยกันเองก็ตาม

เนื่องด้วยเขานั้นไร้ตัวตนอย่างยิ่ง ทำให้แม้แต่บนหินสามชาติก็หาได้มีชื่อสลักดั่งผู้อื่น นับว่าเป็นเทพที่อยู่นอกเหนือกฎเกณฑ์ทั้งปวง ไร้ซึ่งความเป็นมา ไร้นามให้ขับขาน ดังนั้นเหล่าบรรดาเทพเซียนทุกตนจึงพากันขนานนามอีกฝ่ายว่า ‘ตี้จวิน’ จนติดปาก

เเต่พลังของเทพนอกฝั่งฟ้าผู้นี้กลับมิได้ไร้ตัวตนเหมือนสถานะของเขาแม้แต่น้อย เมื่อรวมเข้ากับนิสัย ‘มองหน้าเเปลว่าหาเรื่อง’ ของเจ้าตัว ทำให้แม้แต่องค์เง็กเซียนยังเอือมระอา คร้านจะข้องเกี่ยวด้วย

“ไม่ได้อย่างนั้นหรือ” เสียงทุ้มเอ่ยเรื่อยเอื่อยราวสายน้ำเย็นฉ่ำ

เหยียนหลัวหวางฟังแล้วนึกเคลิบเคลิ้ม ก่อนจะพลันสะบัดศีรษะเพื่อเรียกสติกลับคืน เพราะเขาเเละทุกคนในสามภพหกเเดนล้วนรู้ดี ภาพลักษณ์ที่มองเห็นอยู่นั้นเป็นเพียงสิ่งหลอกลวง ตี้จวินผู้นี้แท้จริงแล้วทั้งเอาแต่ใจและเผด็จการอย่างร้ายกาจในความเป็นจริง

“ใช่ว่าจะไม่ได้ เเต่ตี้จวินเองก็รู้ดีว่าบนหินสามชาตินั้นหามีชื่อของท่านสลักอยู่ไม่ เช่นนั้นแล้วจะไปมีชื่อคู่วาสนาท่านปรากฏได้อย่างไร เกรงว่าต่อให้ตี้จวินปรารถนาจะลิ้มรสด่านเคราะห์จากรักที่ไม่สมหวังนี้สักเพียงใด ตาเฒ่าจันทราก็มิอาจผูกด้ายเเดงให้ได้ตามประสงค์”

“เรื่องนี้หาได้ยากเย็นอันใด ข้าเพียงเเต่สร้างคู่วาสนาของตนเองขึ้นมาก็จบ หลังจากนั้นค่อยให้เจ้าเฒ่าจันทราจัดการผูกด้ายแดงเสีย”

เจ้าตัวกล่าวขึ้นอย่างไม่ยี่หระ พลางค้นหาข้าวของภายในแขนเสื้อตนเอง หมายใจสร้างคู่วาสนาแบบมักง่าย ทว่าสุดท้ายเมื่อไม่เจอของที่สามารถใช้ได้ ดวงตาคู่งามจึงเหล่มองไปที่ต้นกระบองเพชรบนโต๊ะทำงานคู่สนทนาอย่างมีเลศนัย ก่อนจะส่งยิ้มร้ายกาจไปยังผู้ที่เป็นเจ้าของมัน

เหยียนหลัวหวางสะดุ้งเฮือก ในใจเกิดความตระหนกจนถึงขีดสุด รีบเอื้อมมือคว้ากระถางใบเล็กๆ นั้นมาถือเอาไว้อย่างหวงแหน

“ไม่ได้เด็ดขาด นี่เป็นของฝากจากสหายที่อยู่แดนไกลของข้าเชียวนะ”

พญายมราชกัดฟันแน่น เอ่ยขึ้นอย่างไม่ยินยอม ลองคิดดูสิว่าการจะนำต้นไม้จากโลกเบื้องบนลงมา มันยากลำบากขนาดไหน และในบรรดาต้นไม้ที่สหายของเขานำมาให้ ก็มีเพียงแค่ ‘อิ๋งอิ๋ง’ กระบองเพชรน้อยนี่เท่านั้น ที่สามารถทานทนต่อปราณหยินอันหนักหน่วงของยมโลกได้

เเต่กว่าที่จะมาเเข็งเเรงออกดอกสีชมพูสดใสให้ได้เชยชมเเบบนี้ เขาต้องเเอบหนีไปด้านบนเพื่อให้เเสงเเก่นางทุกวันเทียวนะ เเล้วไหนจะยังน้ำที่ใช้รดนั่นอีก ถึงแม้อิ๋งอิ๋งน้อยจะเป็นเเค่ต้นกระบองเพชรธรรมดาในโลกมนุษย์ แต่เขาก็ขโมยน้ำทิพย์จากสระมรกตขององค์เง็กเซียนมารดนางโดยตลอด

เขาต้องปกป้องอิ๋งอิ๋งน้อยเอาไว้ให้ได้ เพราะฉะนั้นย่อมไม่มีทางมอบต้นกระบองเพชรน้อยที่ตนเองนั้นแสนจะทะนุถนอมให้เจ้าเทพอันธพาลตรงหน้านี่อย่างเด็ดขาด บอกได้คำเดียวเลยว่า...

ไม่-มี-วัน!

“ส่งมา อย่าให้ข้าต้องเอ่ยซ้ำ รู้ใช่ไหมว่าเจ้าเด็กเง็กเซียนก่อนหน้านี้ออกว่าราชการไม่ได้ไปกี่วัน”

“...”

เคยเห็นผู้ใดข่มขู่พญายมราชไหมเล่า ถ้าไม่เคยเห็นก็เคยกันเสียเถอะ...ไอ้เทพจอมเอาแต่ใจ เอะอะก็จะใช้กำลังบังคับ

“อย่าจับนางแรงนักนะตี้จวิน อิ๋งอิ๋งเพิ่งออกดอกเป็นครั้งแรก ประเดี๋ยวดอกนางจะหลุดเอา”

สุดท้ายเพื่อป้องกันไม่ให้ยมโลกของตนถูกจอมเทพผู้ชั่วร้ายรังควาน เหยียนหลัวหวางจึงได้เเต่ยอมเสียสละต้นกระบองเพชรน้อยในมือ เขามองกลีบดอกสีชมพูที่สั่นระริกนั้นด้วยท่าทีประหนึ่งจะขาดใจ

'โธ่...อิ๋งอิ๋งน้อยของข้า'

เจ้าของร่างสูงยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย ต้นไม้บนฝ่ามือนั้นดูแปลกตาดีเหลือเกิน นิ้วเรียวยาวประหนึ่งหยกงามไล้ลงบนกลีบสีชมพูแผ่วเบา หนามแหลมที่อยู่รอบๆ เจ้าต้นไม้น้อยก็พลันกางออกคล้ายต้องการปกป้องตนเองจากผู้รุกราน ขณะเดียวกันก็รู้สึกราวกับว่าเจ้าดอกน้อยๆ นั้นกำลังเกิดความเอียงอาย ยามสัมผัสจึงรู้สึกได้ถึงอาการไหวสั่นระริกของกลีบดอก จนคนลูบพลันเกิดความรู้สึกอยากกลั่นแกล้งขึ้นมาในอก

“อืม...เอาเป็นเจ้านี่ก็แล้วกัน” เทพบรรพกาลผู้เอาแต่ใจเอ่ย พลางยกมืออีกข้างขึ้นมาสะบัดวูบหนึ่ง

ฉับพลันกระบองเพชรน้อยในกระถางก็หายวับไป บนฝ่ามือของเขาปรากฏกลุ่มแสงสีขาวนวลจับตัวเป็นก้อนกลมขนาดไม่ใหญ่มากนักแทนที่ หลังจากนั้นร่างสูงจึงยื่นส่งสิ่งที่อยู่ในมือให้เหยียนหลัวหวางพลางกล่าวกำชับ

“ข้าจะไปดื่มน้ำแกงยายเมิ่งแล้ว เจ้าก็จงเร่งนำนางไปเกิดให้โดยเร็วเถิด จะได้รีบเริ่มด่านเคราะห์รักนี้ให้จบเรื่องราว” ออกคำสั่งจบผู้พูดก็เดินอาภรณ์ปลิวออกจากห้อง

เหยียนหลัวหวางพลันเกิดความสงสัย อดร้องถามขึ้นมามิได้ “ตี้จวิน ท่านไม่เคยสนใจความเป็นไปของโชคชะตาแล้ว เพราะเหตุใดท่านถึงอยากลงไปเผชิญด่านเคราะห์กันเล่า”

“ข้าเเพ้พนันเดินหมากกับเจ้าเด็กเง็กเซียน เจ้านั่นตั้งเงื่อนไขให้ข้าลงไปเผชิญด่านเคราะห์จากรักที่ไม่สมหวัง” เอ่ยจบก็เดินจากไปทันที

เหยียนหลัวหวางฟังแล้วยืนนิ่งอยู่กับที่ ผ่านไปสักพักหนึ่งถ้อยคำก่นด่าสารพัดจึงถูกพ่นออกมาแทบไม่หยุดหายใจ ทำเอาองค์เง็กเซียนที่กำลังประชุมชาวสวรรค์อยู่ถึงกับไอสำลักไม่หยุดเช่นกัน

เง็กเซียนบ้านั่นต้องการหาเรื่องไล่เจ้าเทพอันธพาลลงไปโลกมนุษย์ก็แล้วไปเถอะ แต่ทำไมถึงกลายเป็นเขาที่ต้องเสียสละอิ๋งอิ๋งน้อยไปด้วยเล่า ไม่ยุติธรรมเลยสักนิด

หลังจากยืนขุดบรรพชนเง็กเซียนขึ้นมาทักทายถึงสามรุ่นจนเป็นที่พอใจ เหยียนหลัวหวางจึงประคองก้อนเเสงในมือออกจากห้อง ไอ้อาลัยมันก็อาลัยอยู่หรอกนะ แต่ถ้าเขาส่งอิ๋งอิ๋งน้อยไปเกิดช้า ทางโน้นเกิดหงุดหงิดขึ้นมาจะลำบากตนเองเอาได้

‘อิ๋งอิ๋ง ข้าขอโทษด้วย เพื่อความสงบของแดนสวรรค์และยมโลก จำเป็นต้องให้เจ้าเสียสละเเล้ว’

“ไม่รู้ว่าเป็นบุญหรือกรรม ที่เจ้าต้องไปเป็นคู่วาสนาให้เจ้าเทพจอมวายร้ายนั่นแบบนี้ เอาเถอะอิ๋งอิ๋ง...สู้ๆ นะ”

อ่านต่อ
img ไปดูความคิดเห็นเพิ่มเติมที่แอป
ออกใหม่ล่าสุด: บทที่ 62 สตรีสองหน้า 4   04-25 12:47
img
ดาวน์โหลดแอป
icon APP STORE
icon GOOGLE PLAY