นางถูกคู่หมั้นโยนทิ้งให้ผู้อื่นโดยไม่ไยดีจนอับอาย เขายังประกาศก้องไม่เกี่ยวข้องกับนางอีก เหตใดยามนี้เขาจึงพยายามเข้ามาวุ่นวายกับนางนักไสหัวไปให้พ้นเจ้าคนเสเพลข้าไม่มีวันหลงกลสนใจเจ้าเป็นอันขาด! นิยายเรื่องนี้เป็นภาคต่อของนิยายเรื่อง สองสามีของข้าคือท่านอ๋องจอมโหด สามารถอ่านแยกกันได้ค่ะ แต่ถ้าหากอยากเพิ่มความฟินและเข้าใจเนื้อหามากขึ้น ก็ให้ติดตามอ่านเรื่อง ช่วยข้าที สองสามีของข้าคือท่านอ๋องจอมโหดนะคะ ขอบคุณมากค่ะ
กิ่งหลิวโบกโบยยามต้องลม ส่งเสียงหวีดหวิวคล้ายกับท่วงทำนองแห่งบทเพลงขับขาน คลอเคล้าเกี่ยวกระหวัดไปกับเสียงครางต่ำแผ่วไม่ขาดสาย
บทเพลงนี้คล้ายจะเป็นบทรักอันร้อนแรงของคู่สามีภรรยา คล้ายกับเป็นความฝันอันแสนหวานที่ทำให้คนไม่อยากตื่น แต่ทว่าความเป็นจริงนั้นบัดนี้มีสตรีผู้หนึ่งซึ่งกดข่มอารมณ์วาบหวามของตนเองเอาไว้
ในเรือนหลังใหญ่ภายในจวนของท่านหมอหลวงแห่งแคว้นซูอานที่ยิ่งใหญ่ บังเกิดม่านสีขาวกำลังสั่นสะเทือนกระเพื่อมไหว เสียงลมหายใจอันเร่าร้อนของคนทั้งสองทำให้แก้มของสตรีนางหนึ่งแดงระเรื่อ ลมหายใจเป่ารดเรือนกายของและกัน ช่างแนบชิดจนมิอาจคิดเป็นอื่นได้นอกจากพวกเขาคือคู่สามีภรรยาที่กำลังอยู่ในอารมณ์วาบหวาม
โฉมสะคราญนางหนึ่งกำลังแยกขาออกพร้อมกับกัดฟันข่มอารมณ์วาบหวามที่บังเกิดจนทนไม่ไหวต้องส่งเสียงครางแผ่วออกมาให้ตนเองอับอาย
ผู้รุกรานร่างอรชรคือบุรุษผู้หล่อเหลา ใบหน้าของเขางดงามราวอิสตรี ผิวขาวราวหยกล้ำค่า กรอบหน้าหวานแต่ทว่าคมคายยิ่ง ชวนให้คนที่ได้พบเห็นพลันต้องตกตะลึง
บุรุษผู้นี้กำลังสำรวจร่างกายของนางทั้งดูดกินอย่างตะกละตะกลาม ฟันของเขาขบเม้มผิวขาวผ่องจนเกิดรอยช้ำ ดูดชิมริมฝีปากนุ่มนิ่มของนางจนบวมเห่อ นางหลับตาพริ้มมือเรียวไล้ลูบเขาอย่างช้า ๆ พร้อมกับส่งถ่ายกระแสบางอย่างออกจากฝ่ามือเข้าสู่ร่างของเขา
"เจ้างดงามจนข้าไม่อาจห้ามใจได้"
บุรุษผู้นั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงคลั่งหวาน เขาลูบไล้ร่างกายของนางด้วยสายตา ในยามที่แสงจันทร์สาดสะท้อนส่องทาบทับจนเผยให้เห็นนวลพักตร์ชัดเจน ทำให้หัวใจของเขาถึงกับกระตุกด้วยหลงในเสน่ห์หานี้
ด้วยนางงดงามจนจันทราต้องอับแสง หากเดินตามท้องถนนคงมิมีผู้ใดกล้าจ้องมองตรง ๆ ด้วยกลัวว่าจะถูกความงามของนางล่อลวงเป็นแน่
เขาแยกขาของนางออกช้า ๆ ใบหน้าของนางบัดนี้กลับพร่าเลือนราวกับความฝัน ซึ่งเขารู้ดีว่าสิ่งนี้ย่อมไม่ใช่โลกแห่งความจริง เขาหลับตาพร้อมกับเสพสมความฝันอันแสนหวานเอาไว้ในใจ ดำดิ่งลงไปด้วยความหลงใหลและไม่อยากจะตื่น
ในยามที่เขาเข้าสู่กายของนาง ความรู้สึกคับแน่นจนแทบปริแตกนี้กลับเหมือนจริงเป็นอย่างยิ่ง และความสุขที่ได้ครอบครองทำให้เขาครางแหบโหยด้วยความพึงพอใจครั้งแล้วครั้งเล่า
ในขณะที่เขาคิดว่ามันเป็นเพียงความฝัน สตรีผู้หนึ่งกำลังขมวดคิ้วเก็บข่มความเจ็บปวดของตนเองเอาไว้ นับว่าไม่ได้รุนแรงนัก เพียงแต่ความรู้สึกเจ็บนี้ได้ทำลายความรู้สึกวาบหวามจนหมดสิ้น นางได้กลับเข้ามาสู่โลกความจริงเสียแล้ว
เขาเริ่มกระแทกนางอย่างบ้าคลั่ง แม้จะเจ็บปวดแต่ก็ไม่นับว่ามาก ความเจ็บปวดหรือ นางได้ผ่านมันมาหมดแล้ว ทั้งกายและใจ ในโลกนี้มิได้มีสิ่งใดที่ทำร้ายนางได้อีกต่อไป
กลิ่นสุราเข้มข้นยังคงลอยอวลในอากาศ เขาขยับสะโพกกระแทกนางไม่หยุดยั้ง คล้ายจะปลดปล่อยความต้องการและความป่าเถื่อนทั้งหมดของเขามาที่นาง กระทั่งเขาค่อย ๆ หยุด เมื่อได้ปลดปล่อยสิ่งที่อัดอั้นออกมาจนหมดสิ้น
นางรับรู้ได้ถึงตัวตนของเขาที่คับแน่นอยู่ในร่างกายของนาง และบัดนี้ยังรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดอันแสนสาหัสที่กำลังไหลเวียนเข้าสู่ร่างกายของนาง
เสียงของเขายังคงดังแผ่ว อยู่ข้างหู
"เจ้าดียิ่ง เจ้าดียิ่ง แม่นางหลิน"
นางแทบอยากจะผลักร่างของเขาออกแล้วดึงกระบี่ออกมาสับร่างนี้เป็นชิ้น ๆ แม้ในยามนี้เขาก็ยังเอ่ยชื่อนางผู้นั้น แม่นางหลินแห่งหอโคมเขียวอันเลื่องชื่อ
เขากำลังเห็นนางเป็นคู่ขานางโลมของเขาไปแล้ว
นางได้แต่ข่มความโกรธเอาไว้ แบกรับความรู้สึกเจ็บปวดและซึมซับพิษที่ไหลเวียนอยู่ภายในช้า ๆ นางยกมือโอบรอบร่างใหญ่โตของเขา ส่งผ่านลมปราณสายหนึ่งเข้าออกจากฝ่ามือแล้วผลักเข้าสู่ร่างของเขาแผ่วเบา
เมื่อทุกสิ่งเสร็จสิ้น นางคิดผลักเขาออก แต่คนที่เหมือนจะหลับแล้วกลับตื่นขึ้น พร้อมกับความคึกคะนองที่แข็งชันและเติมเต็มภายในร่างกายของนางด้วยเขายังไม่ถอนร่างกายออกมา
"ข้ายังไม่อิ่ม แม่นางขออีกสักรอบ"
จากนั้นเขาพลันจูบนาง ความชำนาญจนเกินต้านนี่คือสิ่งใด เมื่อสุดท้ายนางไม่อาจทนได้กลับอ้าปากรับจูบของเขาอย่างลืมตัว
บทเพลงรักเริ่มบรรเลงอีกครั้ง เมื่อยามนี้หาใช่เพราะจำใจต้องช่วยเขา แต่เป็นเพราะสติของนางได้ขาดวิ่นไปเรียบร้อย ด้วยความชำนาญในเชิงรักของคนผู้นี้
คนที่นางคล้ายจะรังเกียจแต่ก็ไม่อาจสลัดเขาจากใจไปได้แม้แต่น้อย เมื่อลิ้นของเขาค่อย ๆ ไต่ไล้ลงมาที่แอ่งชีพจรของนาง อาฉีก็ลืมตนไปโดยสิ้นแล้ว
ริมฝีปากของเขากำลังครอบครองถันของนาง เสียงตวัดลิ้นเลียปลายถันนั้นดังจนนางสะท้าน เขาค่อย ๆ ขยับสะโพกและบดเบียดร่างของนางช้า ๆ
"อื้ม ดียิ่ง แม่นางหลินของข้า"
สติของอาฉีกลับมาแล้ว ครานี้นางไม่ห่วงคนผู้นี้อีกต่อไป นางถีบเขาออกอย่างรวดเร็วในขณะที่เขายังคงมึนงงด้วยฤทธิ์ของยายังไม่ทันรับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง
อาฉีคว้ากระบี่ของตนที่วางอยู่ข้าง ๆ ตวัดผ้าผืนใหญ่มาคลุมกาย ชี้กระบี่ที่ยังไม่ได้ถอดออกจากฝักไปที่เขา
"แม่นางหลิน เหตุใดทำเช่นนี้ เจ้าถีบข้าทำไมหรือ"
อ้ายเจิงยังมึนงง แต่กลับรู้สึกเบาสบายตัวอย่างบอกไม่ถูก แม้ว่าจะถูกถีบจนตกเตียง แต่เขาก็สามารถบิดกายตนเองไม่ให้ร่างกายกระแทก อาฉีเห็นเขายังสบายดีเช่นนั้นพลันทนไม่ไหว
นางเงื้อมือขึ้นแล้วใช้กระบี่ฟาดที่ศีรษะของเขาอย่างแรง
"โอ๊ย"
เสียงร้องนั้นดังขึ้นพร้อมกับอาฉีที่เปิดประตูเรือนออกมา
ที่นอกเรือนท่านหมออ้ายเสิ่นเดินวนไปวนมาด้วยความหนักอก กระทั่งเห็นอาฉีจึงถามอย่างร้อนรน
"เป็นอย่างไรบ้าง เหตุใดนานนัก พ่อเป็นห่วงยิ่ง"
ท่านหมออ้ายเสิ่นกระแอม เมื่อรู้ตัวว่าตนเองกำลังถามถึงเรื่องที่ไม่ควร ในขณะที่อาฉียังคงมีสีหน้าเรียบเฉย คล้ายกับคนที่เพิ่งนอนอยู่บนเตียงกับบุตรชายของเขาไม่เกี่ยวข้องกับนางแม้แต่น้อย
"ท่านพ่อไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะ คนเสเพลนั่นยังไม่ตาย"
อ้ายเสิ่นถอนหายใจอย่างโล่งอก
"อาฉีลำบากเจ้าแล้ว พวกเจ้ารีบพาคุณหนูไปแช่ยาที่ข้าให้เตรียมไว้ เร็วเข้าต้องรีบนำพิษออกจากร่างของคุณหนู"
"เจ้าค่ะ"
บ่าวรับใช้รีบกระวีกระวาดมารับใช้อาฉี ในขณะที่ท่านหมออ้ายเสิ่นเปิดประตูเข้าไปยังต้องร้องลั่น
"อาเจิง เกิดอะไรขึ้นไยหัวเจ้าแตกเช่นนี้ นี่เจ้าตกเตียงหรือ เกิดอะไรขึ้น"
อาฉียกมุมปากเอ่ยเสียงเย็น
"แค่หัวแตกยังน้อยไป"
อาฉีก้าวเท้าตามบ่าวรับใช้ไปไม่กี่ก้าว นางต้องเซถลาจนเกือบล้ม กระทั่งมีคนผู้หนึ่งรับร่างของนางเอาไว้ อาฉีตาโตรีบยอบตัวคารวะเขาเมื่อยืนได้มั่นคงแล้ว
"นายท่าน"
ลู่หนิงหวังมองอาฉีที่ห่มคลุมร่างของตนด้วยผ้าผืนโต ผมเผ้าของนางยุ่งเหยิง ปากบวมเจ่อและเป็นรอยแตกคงเพราะถูกกัดมาเป็นแน่ ตามลำคอเป็นรอยช้ำดูน่ากลัว แต่อาฉีก็ไม่ห่วงความงามของตนเองแม้แต่น้อย แม้จะมีแสงสว่างจากคบเพลิงไม่มากนักแต่เขาก็รู้ว่านางกำลังทนกับความเจ็บปวดจากพิษในร่างของนางเพียงใด เห็นสภาพนางแล้วลู่หนิงหวังพลันถอนหายใจ พิษร้ายที่อ้ายเจิงได้รับแรงยิ่ง จนทำให้เขาลืมตัวกับอาฉีได้เช่นนี้
"บุญคุณก็ทดแทนแล้วข้าคิดว่าเจ้ากับเขาไม่เกี่ยวข้องกันอีก แล้วใจของเจ้าเล่าคิดอย่างไร"
อาฉีเอ่ยราบเรียบ
"สุดแล้วแต่นายท่านจะบัญชา อาฉีไม่อาจคิดสิ่งใดได้เจ้าค่ะ เพียงแต่อาฉีขอร้องนายท่าน อย่าบอกเรื่องนี้กับเขา อย่าให้เขารู้เจ้าค่ะ"
ลู่หนิงหวังจึงเอ่ยว่า
"เขายกเจ้าให้ข้าแล้ว ข้าคือนายเหนือหัว จะบอกเขาหรือไม่ล้วนเป็นสิทธิ์ของข้า ผู้ใดเป็นบ่าวผู้ใดเป็นนายเจ้าอย่าได้ลืมตน"
อาฉีก้มหน้ารับคำเบา ๆ
"เจ้าค่ะ"
ซู่อ๋องลู่หนิงหวังก็เป็นเช่นนี้ แต่คำพูดของเขาอาฉีรู้ดีว่าเขาจะไม่มีวันยอมบอกอ้ายเจิงจนกว่านางจะยินยอม
"เจ้าไปเถิด ก่อนที่พิษจะกำเริบ รักษาร่างกายให้หายค่อยกลับมาทำงาน"
"เจ้าค่ะนายท่าน"
ลู่หนิงหวังเข้าไปในเรือนของอ้ายเจิงแล้ว อาฉีพ่นลมหายใจออกมา เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า อย่างที่ลู่หนิงหวังเอ่ยไว้ บุญคุณก็ทดแทนไปแล้ว นางกับเขาไม่เกี่ยวข้องกันอีกต่อจากนี้ไปนอกเหนือจากคำสั่งของนายท่าน อาฉีจะหลีกหนีให้ห่างจากคนผู้นั้น คนที่ทอดทิ้งนางให้อับอาย
อ้ายเจิงคนเลว
สาเหตุที่เขาได้ดูแลเด็กคนนี้นั่นเป็นเพราะพ่อแม่ของเอยและพี่ชายของเอยเป็นเพื่อนสนิทของเขา ครอบครัวเอยจากไปด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ตั้งแต่เอยอายุได้เพียงสิบขวบเท่านั้น ญาติของเอยก็ไม่มีใครเหลียวแลทำให้เขาซึ่งสนิทกับครอบครัวของเอยที่เห็นเอยมาตั้งแต่เล็ก ๆ เกิดความสงสารจึงได้ขอให้พ่อแม่ของเขารับเอยมาเลี้ยงดู และพ่อแม่ของเขาก็ตกลง หลังจากนั้นพ่อแม่ของเขาก็ย้ายไปอยู่ต่างประเทศ จึงทิ้งให้เขาและเอยอยู่ด้วยกันที่เมืองไทยตามลำพัง นับตั้งแต่นั้นเขาก็กลายเป็นพี่ชายของเอยเต็มตัว แต่วันนี้เมื่อเอยโตขึ้น เธอกลับไม่เห็นบุญคุณและคิดจะจากเขาไปง่าย ๆ ทั้ง ๆ ที่นับวันเขาจะรักเธอจนกระทั่งถอนตัวไม่ขึ้นและเฝ้ารอเธอเติบโตมานานขนาดนี้ ++++++ “อ๊า...เฮียอย่านะ อย่าทำหนู” สาวน้อยส่งเสียงครางเล็ดลอดออกมาเพราะความเสียวซ่าน และเอ่ยห้ามแต่น้ำเสียงของเธอคล้ายกระตุ้นเขายิ่งขึ้นไปอีก “เอยอยากใช่หรือเปล่า หนูก็ต้องการเฮียใช่ไหม” “ไม่...อย่านะเฮีย หนูไม่ได้ต้องการเฮีย เฮียเป็นพี่ชายหนูนะ” “ต่อไปเฮียจะเป็นผัวหนู แล้วจะเอาหนูแรง ๆ ให้หนูไปไหนไม่ได้ต้องร้องหาเฮียเท่านั้น” คำพูดของเขาทำให้เอยหวาดกลัว แต่ในความรู้สึกนี้กลับมีความอยากรู้อยากเห็นอย่างประหลาด หญิงสาวผลักเขาออกเมื่อธนเดชดึงชุดนอนของเธอจนขาด แต่แรงของเขามีมากกว่าตอนนี้เธอจึงยืนเปลือยต่อหน้าเขา เอยยืนน้ำตาไหลพราก เมื่อเขาเห็นเขาจึงเหยียดยิ้มมุมปากอย่างผู้ชนะ “ฉันเกลียดแก อื้อ อื้อ”
หนานอันพริตตี้สาวสู้ชีวิตอายุยี่สิบปีแอบชอบผู้ชายคนหนึ่งอย่างหนักและอยากได้เขามาเป็นแฟนใจจะขาด แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจเธอ หญิงสาวได้ไปดูดวงแม่หมอคนนั้นจึงบอกให้เธอมาขอพรที่ศาลเจ้าเล็ก ๆ ในอำเภอแห่งหนึ่งที่ห่างไกลเพื่อให้เธอสมหวังและต้องไปในวันที่ฟ้ามืดที่สุดของเดือนในอีกสองวันข้างหน้าถึงจะเห็นผล หนานอันเชื่อแม่หมอเพราะอยากได้ผัว เธอจึงไม่รอช้ารีบคว้ากระเป๋าเป้เดินทางมายังศาลเจ้าทันที เมื่อหนานอันเข้าไปภายในศาลเจ้าก็พบว่า มีสตรีสูงวัยคนหนึ่งอายุราวหกสิบกว่าปีกำลังกวาดศาลเจ้าอยู่ ...... "ได้ของสิ่งนี้ไปต้องสมหวังอย่างแน่นอน" คุณยายพูดพร้อมกับรอยยิ้ม น้ำเสียงนี้ฟังดูเยือกเย็นเป็นอย่างยิ่ง หนานอันยิ้มให้คุณยายจู่ ๆ ขนแขนของเธอก็ตั้งชันขึ้นมา เธอกำลังจะลุกขึ้นในตอนนั้นก็เกิดฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมา หนานอันหวีดร้องด้วยความตกใจทว่าเมื่อหันไปมองคุณยายเธอไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว หนานอันประหลาดใจมากร้องเรียกคุณยายอยู่หลายคำ แต่ว่าในตอนนี้เธอก็ไม่มีเวลาให้คิดสิ่งใดแล้วเพราะเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้นเมื่อฟ้าผ่าลงมาที่ศาลเจ้าเข้าอย่างจังหนานอันที่อยู่ด้านในจึงถูกฟ้าผ่าไปด้วยและสติดับวูบลงไปทันใด ไม่รู้ว่านานเท่าใดที่หนานอันตกอยู่ในความมืดมิด และเมื่อเธอตื่นขึ้นมาทุกอย่างรอบกายของเธอก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป...
เซียวหนานอยู่ในระดับต่ำสุดขององค์กรลับที่แผ่ขยายสายข่าวไปทุกแว่นแคว้น นางเป็นเด็กกำพร้าไร้บิดามารดาที่ถูกเก็บมาให้เป็น นกกระจอกสืบข่าว เรียกได้ว่าเป็นชนชั้นที่วรยุทธ์ต่ำต้อยและต้องทำงานเอาตัวเข้าแลกเพื่อหาข่าวให้กับเบื้องบน ดังนั้นนกกระจอกเช่นนางจึงมีมากมายแทรกซึมเข้าไปในจวนขุนนางต่าง ๆ โดยที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ สิ่งที่นางฝึกฝนมาตลอดหลายปีมานี้ก็คือการเอาใจบุรุษ บำรุงร่างกาย ฝึกฝนศาสตร์ทั้งห้าให้เชี่ยวชาญ และฝึกวิชาเสพสังวาสให้บุรุษติดใจ แม้ว่าจะไม่เคยทำกับบุรุษจริง ๆ แต่ขนาดของแท่งหยกของบุรุษนางล้วนได้สัมผัสมาแล้วจากแท่งหยกของเทียมและแท่งหยกบุรุษของจริงที่นางไม่เคยเห็นหน้าว่าคนพวกนั้นคือผู้ใด เพราะพวกนางต้องมอบกายให้กับเหยื่อคนแรกที่นับว่าส่วนใหญ่จะเป็นชนชั้นสูง ดังนั้นจึงไม่อาจร่วมประเวณีกับบุรุษอื่นก่อนที่จะได้รับมอบเหยื่อจากนายใหญ่
องค์หญิงใหญ่รั่วเสียน ต้องปกป้องบัลลังก์ของน้องชายที่ขึ้นครองราชย์ในวัยเพียงแค่ 4 ขวบ ดังนั้นนางจึงต้องหาทางมัดใจเสนาบดีกัวผู้กุมอำนาจราชสำนักเอาไว้ให้ได้ ทว่าบุรุษผู้นี้กลับไม่ต้องการแต่งงานกับนาง เขายังทำตัวดั่งบิดาหาบุรุษไว้ให้นางอีก รั่วเสียนจึงต้องฝึกฝนการยั่วยวนเขาเพื่อหาวิธีมัดใจบุรุษผู้นี้เอาไว้ให้ได้ และนางก็ต้องตกใจเมื่อเสนาบดีกัวกลับมีถึงสองคน! +++ นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายจีนโบราณประเภทนิยายรักสำหรับผู้ใหญ่ เป็นเรื่องแต่งขึ้นจากจินตนาการไม่ได้อ้างอิงจากประวัติศาสตร์ใด ๆ ดังนั้นภายในจะมีฉาก เนื้อหา เน้นหนักที่เรื่องเพศระหว่างชายหญิง มีการร่วมรักกันตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป (3P) และอาจมีความไม่สมเหตุสมผลบ้าง ขอให้ผู้อ่านใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ
คำโปรย หลังจากบิดามารดาเสียชีวิต จูเมยได้ถูกท่านอาบุญธรรมรับเลี้ยง ท่านอาผู้เปี่ยมด้วยความอ่อนโยนและเมตตา ได้กลายเป็นเสาหลักเพียงหนึ่งในชีวิตนาง หัวใจที่อ่อนโยนของจูเมยเริ่มเต้นแรงเมื่ออยู่ใกล้ท่านอา แต่ท่านอาคิดอย่างไรกับนางกันแน่? หรือว่าความรักนี้เป็นเพียงความรู้สึกที่นางมีอยู่เพียงฝ่ายเดียว? เมื่อหัวใจต้องเผชิญกับความไม่แน่นอน จูเมยกลับรู้สึกเจ็บปวดกับความรู้สึกนี้ "ท่านอา...อย่าดีต่อข้ามากนักได้หรือไม่" นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักจีนโบราณ มีดราม่าเล็กน้อยช่วงเริ่มต้น จบสุขนิยม ไม่มีนอกกายนอกใจ เป็นความรักฟิน ๆ ระหว่างท่านอาและหลานสาว(บุญธรรม)ตัวน้อยของตนเอง
เรื่องย่อ จื่อเม่ยเป็นนักเขียน และได้เข้าไปอยู่ในนิยายที่ตัวเขียนเขียนเอาไว้ในฐานะตัวประกอบในนิยายที่ออกมาเพียงสองตอนก็ตาย นางถูกตัวร้ายกักขังเอาไว้ในจวน เจื่อเม่ยรู้ว่าเขาต้องตายและจำทำให้นางตายไปด้วย นางจึงต้องหาวิธีหนีจากเขาเพื่อเอาตัวรอด! นิยายเรื่องนี้เป็นแบบสุขนิยมนะคะ พระเอกจะธงแดงในตอนแรก ๆ เพราะนางเป็นตัวร้ายตามเนื้อเรื่องนะคะ หลังจากนั้นก็รักเมียที่สุดในโลกค่ะ ไม่มีนอกกายนอกใจค่ะ แนะนำตัวละคร จื่อเม่ย นักเขียนที่ย้อนไปอยู่ในโลกนิยายในร่างของอนุจื่ออิน จื่ออิน อนุของตัวร้ายที่ออกมาแค่สองตอนก็ตาย และคนที่จื่อเม่ยมาใช้ร่างกาย ซีเฉิน / องค์ชายสี่ /ซีอ๋อง ตัวร้ายที่ต้องตายในตอนจบ ซีหลาน บุตรชายอายุ 5 ขวบของตัวร้าย รั่วหนิง พระชายาที่ซีเฉินไม่เคยเหลียวแล เหล่าหลง และ เหล่าอี้ องครักษ์ฝาแฝดของซีเฉิน ผู้จงรักภักดี ซีกุ้ยเฟย แม่ของซีเฉิน นางมีความแค้นที่ฝ่าบาทเคยทอดทิ้ง จึงคิดจะแก้แค้นทุกคนและสั่งสอนให้ซีเฉินบุตรชายชิงบัลลังก์ หยางโจวซือ / องค์ชายหก / หยางอ๋อง พระเอกของเรื่องที่จื่อเม่ยวางเอาไว้ในนิยาย
เล่อซานเป็นคนใบ้ เธอถูกสามีละเลยมาเป็นเวลาห้าปี ม้แต่เธอตั้งท้องยังถูกแม่สามาีทำร้ายจนแท้งลูก หลังจากการหย่าร้าง สามีของเธอก็ประกาศหมั้นกับคนรักในใจของเขาทันที เธอกุมท้องที่นูนเล็กน้อยไว้ ในที่สุดก็ได้สติและเข้าใจว่าเขาไม่เคยจริงจังกับเธอมาก่อน... เธอหันหลังจากไปอย่างเด็ดขาด และทั้งสองก็กลายเป็นคนแปลกหน้า หลังจากที่เธอจากไป ชายคนนั้นก็ตามหาเธอไปทั่วโลก เมื่อพวกเขาได้พบกันอีกครั้ง เธอก็รักคนอื่นไปแล้ว เป็นครั้งแรกที่เขาถามอย่างถ่อมตัวว่า "ได้โปรดอย่าไป..." ทว่าคำแรกที่เธอพูดก็คือให้เขาไปให้พ้น!
เส้าหยวนหยวนแต่งงานกับแม่ทัพเทพทรงพลังที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนส่งผลกระทบต่อทางจิตใจหลังจาดที่เธอย้อนเวลา เธอไม่ต้องการเข้าไปพัวพันกับการสมรู้ร่วมคิด และต้องการร่วมมือกับเขาเพื่อแสวงหาอิสรภาพ เธอก่อตั้งธุรกิจ รักษาโรคของคนไข้ และช่วยชีวิตผู้คน เป็นคนที่ยอดเยี่ยม กลายเป็นผู้ช่วยที่ดีของแม่ทัพ แต่ต่อมาแม่ทัพกลับคืนคำ ไหนตกลงไว้ว่าจะหย่าล่ะ?
คู่หมั้นของเธอนอกใจแม่เลี้ยงของเธอ และทั้งสองก็ร่วมมือกันวางแผนหลอกลวงทรัพย์สินของครอบครัวเธอ และวางกับดักให้เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ให้กับชายแปลกหน้าคนหนึ่ง เพื่อที่จะแก้แค้น เหวินหญ่าจึงตัดสินใจหาผู้ชายคนหนึ่งมาก่อเรื่องที่ที่งานหมั้นและฉีกหน้าพวกเขาทั้งคู่ โดยไม่คาดคิดหลังจาก "ประกาศหาแฟนโดยจ่ายค่าตอบแทนสูง"แล้ว เธอก็ได้หนุ่มสุดหล่อมาจริงๆ! เหวินหญ่าคิดว่าอีกฝ่ายเป็นเด็กยากจนที่เพื่อเงินเท่านั้น แต่หลังจากอยู่กับเขา โชคของเธอก็ดีขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ถูก เดินนเล่นในห้างสรรพสินค้าใดก็ได้รับคูปองสำหรับแบรนด์หรูที่ซื้อฟรีและได้ชุดมูลค่านับแสนฟรี! ในงานหมั้น เขาออกงานอย่างยิ่งใหญ่ ทำให้ทุกคนนั้นตกตะลึงและประกาศอย่างเปิดเผยว่าเธอคือผู้หญิงของเขา! เดิมทีคิดว่าพวกเขาจะแยกทางกันหลังจากเรื่องนี้จบลง แต่เขากลับติดตัวเธอไม่ยอมไปไหนอีก “เราเพิ่งหมั้นกัน ตอนนี้ผมเป็นคู่หมั้นของคุณแล้ว” เหวินหญ่าหัวเราะเบา ๆ “คุณหมิ่น คุณคงไม่ใช่คิดว่าฉันรวยก็เลยไม่ยอมปล่อยฉันมั้ง?” หมิ่นซือหางยิ้ม เขาเป็นหลานชายของตระกูลใหญ่ ตระกูลหมิ่น เป็นซีอีโอของฮั้วเชง กรุ๊ป และเป็นถึงเจ้านายเบื้องหลังที่ควบคุมเส้นชีวิตทางเศรษฐกิจของเมืองไฮทั้งหมด เขาต้องมาสนใจเงินเล็กน้อยของเธอเหรอ? ต่อมาเหวินหญ่ารู้ว่าเขาคือคนที่เอาครั้งแรกของเธอไปในคืนนั้น!
ชีคชามิล บิน ไซฟูติน ชีคหนุ่มจากแดนไกลที่หลงรักสาวน้อยหน้าหวานดวงตาสวยแปลกเพื่อนรักของน้องสาว อญู่ร่า อิลฮัม หญิงสาวชาวไทยที่แอบหลงรักเพื่อนพี่ชายมานานแสนนาน แต่การพบเจอกันทำให้เขายื่นข้อเสนอที่ทำให้หญิงสาวโกรธจนหน้าแดงตัวสั่น การที่เธอไม่รับข้อเสนอของเขาก็เพราะหวาดระแวงไม่ไว้ใจ ดูเขาทำกับเธอก่อนหน้าสิ แล้วแบบนี้จะให้เธอหน้าชื่นตาบานรับข้อเสนอที่อาจมีอะไรแอบแฝงของเขาหรือไง “หม่อมฉันจะลองฟังข้อเสนอของพระองค์ดู แต่ไม่ได้หมายความว่าหม่อมฉันจะอยากรับข้อเสนอของฝ่าบาทหรอกนะเพคะ” อญู่ร่าบอกอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงมั่นคง “เราจะใช้หนี้ให้พ่อของเจ้าทั้งหมด แลกกับการที่เจ้าต้องไปเป็นนางบำเรอของเราสามเดือน” “นางบำเรอ!!!” อญู่ร่าผุดลุกขึ้นยืนด้วยความโมโหจัด เขาจะดูถูกเธอมากไปแล้วนะ!
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
ในชีวิตชาติที่แล้ว เพื่อช่วยรักแรกของตัวเอง คนชั่วสามคนได้ทำลายพลังการต่อสู้ของนาง ตัดแขนขาของนางออก ตัดเส้นเลือดของนางและปล่อยเลือดของนางไหลออกมาทั้งอย่างนั้น และทรมานนางจนตาย เมื่อเกิดใหม่ครั้งนี้ นางวางแผนอย่างรอบคอบ โดยสาบานว่าจะให้พวกเขาได้สัมผัสกับความทุกข์ทรมานที่นางเคยประสบมา! รักแรกที่ไร้เดียงสาอะไรกัน ที่จริงก็เป็นเพียงผู้หญิงที่ตีสองหน้าเก่ง อยากจะไต่ขึ้นไปสูงเหรอ งั้นก็จะให้เจ้าปีนขึ้นไป ยิ่งปีนขึ้นสูงมากเท่าไร ตอนตกลงมาก็จะยิ่งเจ็บมากเท่านั้น! พวกสวะสมควรได้รับบาปกรรมของพวกสวะ พวกมันทำชั่วกับนางไปชั่วชีวิตหนึ่ง นางจะทำให้พวกมันไม่ตายดี พวกคนที่เจ้าเล่ห์ ตีสองหน้าเก่ง นางจะจัดการกับทุกคน! แต่นางไม่เคยคิดเลยว่าในการแก้แค้นของนาง นางจะไปมีเรื่องกับเสด็จอาที่เป็นเจ้าแผนการเข้า ที่วัน ๆ ต้องการให้นางจูบและกอดเขาตลอดทั้งวัน ในขณะที่นางแก้แค้นคนชั่วนั้นยังสามารถสนิทสนมกับเสด็จอาด้วย ในความจริงแล้ว การที่เป็นผู้หญิงชั่วๆ ก็มีความสุขมาทีเดียวกว่าที่คิดเลย!