ฮวาเย่ห์หยวนเซียนจิ้งจอกน้อยเก้าหางที่งดงามที่สุดในสามภพ ได้รับหน้าที่จากเง็กเซียนให้ยั่วยวนจอมมารลี่เซี่ยนผู้เหี้ยมโหดเพื่อให้ยุติสงครามระหว่างภพ นางเกือบจะเอาตัวไม่รอดสุดท้ายได้อาเซี่ยนบุรุษหนุ่มลึกลับรูปงามคอยช่วยเหลือ กระทั่งสามารถยั่วยวนจอมมารได้สำเร็จ แต่นางจะทำเช่นไรเมื่อสุดท้ายตนเองกลับกลายเป็นทาสรักของจอมมารเสียเอง อีกทั้งอาเซี่ยนผู้นั้นก็แสนดีจนนางจิตใจไม่มั่นคงเสียแล้ว
ในอดีตกาลสัตว์ในเผ่าวิเศษน้อยใหญ่ล้วนถูกไล่ล่าจากเหล่ามาร เทพ เซียน หรือแม้กระทั่งมนุษย์ เพื่อนำร่างกายและเลือดมาปรุงเป็นยาวิเศษ จึงทำให้พวกมันต่างดิ้นรนเสาะแสวงหาหนทางเพื่ออยู่รอด
จิ้งจอกเก้าหางน้อยตนหนึ่งพ่นลมหายใจออกมาอย่างช้า ๆ เบาบางที่สุดด้วยความระแวดระวังเมื่อสัตว์ตัวน้อยเห็นว่าบัดนี้ปลอดภัยแล้วจึงเคลื่อนกายว่องไวออกมาจากที่กำบังพร้อมด้วยสัตว์ตัวอื่น
อีกทิศหนึ่งมีลำแสงชุมนุมสว่างเป็นสัญลักษณ์ จิ้งจอกน้อยเดินตามแสงเพื่อเข้าไปร่วมชุมนุมกับเหล่าสัตว์วิเศษตนอื่นด้วยความหวาดหวั่นด้วยยังตื่นตระหนกหวาดกลัว
เป็นเพราะจิ้งจอกเก้าหางน้อยนั้นไร้ซึ่งบิดามารดาเฉกเช่นผู้อื่น เมื่อมองพ่อแม่ลูกอยู่พร้อมหน้าส่วนตนเองเป็นเพียงจิ้งจอกกำพร้าร่างน้อยก็สั่นเทาการมีชีวิตเพียงลำพังหาได้ง่ายดายอย่างที่นางกำลังเสแสร้งออกมา
สุนัขจิ้งจอกเก้าหางสีขาวเร้นกายในความมืดมิด นางกระโดดเข้าไปยืนอยู่ข้างๆ ประมุขสัตว์เวทซึ่งเร้นกายในที่กำบังเดียวกันกับนางและสัตว์เวทตนอื่นอีกสามตน
หากนางต้องการหลุดพ้นจากการเป็นผู้ถูกล่า มีหนทางเดียวคือนางต้องบำเพ็ญตนจนบรรลุกลายเป็นเซียน
"ท่านประมุขโปรดช่วยชี้แนะข้าน้อยด้วย หากว่าข้าต้องการจะบรรลุเซียนต้องทำเช่นไร"
นางกระซิบถามเสียงเบาดวงตาใสซื่อสุกสกาวสีเหลืองอำพันจ้องประมุขสัตว์เวทด้วยความหวัง
ท่านประมุขหัวเราะเบาๆ ออกมาคำหนึ่ง เขามองดวงตาใสซื่อและสัมผัสกายของสุนัขจิ้งจอกตัวน้อยพลันรับรู้ถึงพลังบางอย่าง อบอุ่นแผ่ซ่านผ่านมาทางนิ้วทั้งห้าของเขา
ประมุขสัตว์เวทเงี่ยหูฟังเสียงการไล่ล่าด้านนอกเมื่อเห็นว่าเงียบสงบแล้วจึงเอ่ยด้วยความเมตตา
"เจ้าช่างมีลักษณะโดดเด่นนักขอเพียงเจ้ามีผู้ชี้แนะที่ดีข้าคิดว่าเจ้าสามารถกลายเป็นเซียนได้"
ประมุขสัตว์เวทมีวิชาหยั่งรู้ เพียงสัมผัสเขาก็รับรู้ได้ว่าจิ้งจอกน้อยตนนี้มีพลังแห่งความมุ่งมั่นและกระแสพลังที่ยังไม่ถูกปลุกเร้าที่ไม่อาจคาดเดาได้ว่ามากน้อยเพียงใดอยู่ภายในอาจเป็นเพราะว่านางยังเยาว์นัก
จิ้งจอกน้อยได้ยินดังนั้นก็ดีใจเป็นอย่างยิ่ง ประมุขสัตว์เวทชี้แนะให้นางเดินทางไปยังทะเลทักษิณที่พำนักของเจ้าแม่กวนอิม และให้ขอร้องให้เจ้าแม่ผู้มีเมตตารับนางเป็นศิษย์
หลังจากได้ฟังคำชี้แนะจิ้งจอกเก้าหางน้อยรอนแรมมาเป็นเวลาถึงสามเดือนเต็ม โดยอาศัยแฝงกายถามทางมาเรื่อยๆ จนในที่สุดนางก็ค้นพบว่าตนเองนั้นได้หลงทางเสียแล้ว
"ข้าจะทำเช่นไรดี"
จิ้งจอกเก้าหางน้อยมองหุบเขาเบื้องหน้าที่ปกคลุมไปด้วยหมอกควันอย่างสิ้นหวัง ที่นี่ไม่มีเม็ดทรายไม่มีน้ำทะเลมีเพียงหุบเขาใบไม้ต้นไม้ด้านหน้า ทุกคนล้วนบอกว่าที่นี่เป็นที่พำนักของเทพเซียน แล้วไยกลายเป็นเช่นนี้
ขณะที่จิ้งจอกน้อยกำลังจะก้าวเท้าเดินต่อ นางรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดที่ขาอย่างรุนแรงครั้นก้มลงมองตรงจุดนั้นจิ้งจอกน้อยพบว่ามีบางสิ่งแหลมคมปักคาอยู่
บัดนี้นางโดนลูกธนูอาคมพุ่งมาจากทิศหนึ่งเสียบเข้าที่หน้าขาจนทะลุ ความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั่วสรรพางค์กายอย่างรวดเร็ว
จิ้งจอกน้อยกรีดร้องร้องโหยหวนแม้ขาจะเจ็บแต่ความกลัวก็ทำให้นางก้าวเท้าวิ่งหนีอันตรายสุดชีวิตสิ่งที่ได้ยินในขณะที่วิ่งคือเสียงร้องอย่างดีใจของมนุษย์ผู้หนึ่งซึ่งสามารถจับสัตว์เวทได้
จะเป็นผู้ใดอีกเล่าหากไม่ใช่นางที่ทนพิษเจ็บปวดไม่ไหวจนต้องล้มลงไปกองที่พื้นในตอนนี้
คนเลวสองสามคนวิ่งตรงมาหานางอย่างรวดเร็วสุนัขจิ้งจอกน้อยผู้น้ำตานองหน้าด้วยคิดว่าครานี้ต้องตายแน่ๆ นางหลับตาแน่นความกลัวทำให้ร่างของนางสั่นจนไม่สามารถควบคุม
กลิ่นของความตายลอยวนเวียนอยู่เบื้องหน้า และแล้วนางกลับได้ยินเสียงร้องอย่างหวาดกลัวของพวกมนุษย์จวบจนเวลาผ่านไปชั่วครู่นางก็ไม่ได้ยินเสียงอันใดอีก
คนผู้หนึ่งหยุดยืนที่ด้านหน้าของนางใบหน้างดงามหมดจดดูไม่ออกว่าเขาผู้นี้เป็นสตรีหรือบุรุษ แต่กลิ่นอายรอบกายนั้นสูงส่งยิ่งนักเขาเอื้อมมือมาจับขาของจิ้งจอกน้อยอย่างอ่อนโยนและอุ้มร่างสัตว์ขนปุกปุยขึ้นมาไว้แนบอก
จิ้งจอกน้อยมองเห็นใบหน้าของคนผู้นั้นอย่างใกล้ชิดเขายังเป็นเด็กน้อยที่ยังไม่เติบโตเท่าใด ภายใต้แสงอาทิตย์ที่กำลังอัสดงคนผู้นี้ราวกับว่าเขากำลังเปล่งแสงเรืองรองออกจากร่างของเขา ลำแสงนี้ช่างเจิดจ้าอบอุ่นโอบอุ้มจิตใจ
นางหาได้รู้สึกตัวอีกจวบจนเวลาผ่านไปหลายวัน สิ่งที่สัมผัสได้คือผู้มีพระคุณคือเซียนน้อยผู้หนึ่งอายุคงราวเจ็ดแปดขวบใบหน้างดงามหมดจด
ผิวขาวดุจหยกบริสุทธิ์มีประกายเรืองรองของเทพเซียนอยู่รอบกายแค่เพียงได้อยู่กับเขานางก็รู้สึกอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน
เซียนน้อยผู้บริสุทธิ์ปฏิบัติต่อนางอย่างดีคล้ายเห็นเป็นสหาย เขาคอยดูแลใส่ยาป้อนอาหารให้ กอดนางไว้อย่างทะนุถนอมทุกครั้งที่นางรู้สึกตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวด้วยฝันร้าย
ตั้งแต่นั้นมานางได้อาศัยอยู่กับเซียนน้อยและมารดาผู้งดงามจิตใจดีของเขา เวลาผ่านมาเกือบสามพันปีบัดนี้จิ้งจอกน้อยหายดีแล้วสามารถวิ่งซุกซนเที่ยวเล่นได้
ฝูจื่อหรงก้มหน้าวูบลงมาบดริมฝีปากกับโจวเจ้าเว่ยเบาๆ แต่เจ้าเว่ยต้องการมากกว่านั้น หญิงสาวแลบลิ้นออกมารอรับ นางเป็นฝ่ายสอดความอ่อนนุ่มเข้าไปภายในปากของเขาแทน แม้มือจะยังไม่มีแรงมากนักแต่การยึดเหนี่ยวใบหน้าเขาไว้กลับไม่เป็นปัญหา หญิงสาวบดริมฝีปากสามีอย่างเร่าร้อน "ถอดเสื้อผ้าให้ข้า จื่อหรงถอดให้ข้ามันร้อนเหลือเกิน" เจ้าเว่ยปากสั่นร้อนรนเพราะทนกับความรู้สึกเสียวซ่านที่รบกวนจนรู้สึกทรมานในทุกสัมผัสของเขา พรางนึกขัดใจตนเองที่สิ้นไร้เรี่ยวแรงแม้กระทั่งเสื้อผ้าของตนเองยังไม่มีปัญญาถอด "เจ้าเว่ยของข้าอย่าได้รีบร้อน เราจะค่อยๆสัมผัสและมีความสุขด้วยกัน" ฝูจื่อหรงจุมพิตปากบาง พลางถอดอาภรณ์ของนางอย่างทะนุถนอม "พี่เต้ข้าไม่เข้าใจ เจ้าหลีกเลี่ยงข้ามาตลอดเหตุใดถึงยอมโดยง่าย หากข้ามีแรงมากกว่านี้คงได้ปลุกปล้ำเจ้าไปหลายครั้งแล้ว" เจ้าเว่ยกล่าวพลางพยามยามใช้มือคว้ามังกรตัวใหญ่ไว้ในมือจนสำเร็จ อารมณ์ความต้องการเพิ่มทวีขึ้นโดยที่เจ้าเว่ยไม่อาจระงับอารมณ์ได้อีกต่อไป เธอกำความใหญ่แน่นแล้วลูบไล้ช้าๆ มันร้อนไปทั่วทั้งฝ่ามือ ภายใจร่างกายและจิตใจของเจ้าเว่ยสั่นระริกด้วยความร้อนและไฟปรารถนา ในที่สุดฝูจื่อหรงก็ถอดอาภรณ์ออกจากร่างบางได้สำเร็จ เจ้าเว่ยดูเหมือนจะมีแรงขึ้นมาเล็กน้อย นางยังกำมังกรยักษ์แน่นไม่ยอมปล่อย นางเลียริมฝีปากเมื่อมองร่างมันจนฝูจื่อหรงรู้สึกลำคอแห้งผาก รู้สึกอยากกดศีรษะของคนตัวเล็กลงแล้วยัดมังกรเข้าไปในโพรงปากให้นางได้สมปรารถนาเสียเดี่ยวนี้ "ปล่อยมันก่อนเจ้าเว่ย เจ้าต้องไปอาบน้ำ" เขากระซิบเสียงแหบพร่า พยายามแกะมือเล็กที่กอบกำมังกรของเขาอยู่ เจ้าเว่ยต้องปล่อยอย่างอดเสียดาย ใบหน้าของนางฟ้องความต้องการออกมาจนฝูจื่อหรงนึกขัน แนะนำตัวละคร เรื่องย่อ โจวเจ้าเว่ย องค์หญิงแห่งแคว้นเหลียง ทายาทของเผ่าบุปผาขึ้นชื่อว่าเป็นโฉมงามล่มเมือง คนของเผ่าบุปผาเป็นเผ่าที่ถือกำเนิดมาจากเทพเซียนรูปโฉมงดงามแต่ต้องคำสาปเรื่องของความรัก หากพวกเขามีความรักจะไม่สมหวังและตายอย่างอนาถด้วยความรักนั้น ฝูจื่อหรง ฮ่องเต้แคว้นชินที่มีเบื้องหลังการครองอำนาจโดยการสนับสนุนของมหาเสนาบดีฟางอี้จวิ้น รูปโฉมงดงามจนทำให้แข้งขาสตรีอ่อนระทวย เรื่องสตรีสำหรับเขาเป็นเพียงเพื่อมีไว้สนับสนุนบัลลังก์ให้มั่นคงเท่านั้น คนทั่วราชสำนักรู้ดีว่าเขาเป็นเพียงหุ่นเชิดของมหาเสนาบดีฟางอี้จวิ้น กระทั่งวันหนึ่งเขาต้องแต่งงานเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีกับองค์หญิงผู้ลึกลับผู้หนึ่ง ที่เข้ามาพังทะลายกำแพงหัวใจที่เขาตั้งเอาไว้ และ นางผู้นั้นยังทำท่าคล้ายกับว่าไม่อาจอยู่กับเขาได้อีก สตรีผู้หนึ่งซึ่งมีความลับบางประการซ่อนอยู่ โจวเจี๋ยหลุน พี่ชายฝาแฝดขององค์หญิงโจวเจ้าเว่ยโจวเจ้าเว่ยองค์หญิงผู้สามารถเดินทางข้ามมิติได้โดยใช้ขลุ่ยเพรียกบุปผาซึ่งเป็นขลุ่ยวิเศษในการเดินทางข้ามมิติ โจวเจ้าเว่ยเป็นสตรีของเผ่าบุปผาอันลี้ลับ ต้องคำสาปที่ไม่สามารถมีความรักได้ หากนางมีความรักจำเป็นต้องเจ็บปวดจนถึงแก่ความตาย เพราะเหตุนี้โจวเจ้าเว่ย และ โจวเจี๋ยหลุน พี่ชายจึงต้องออกเดินทางเพื่อตามหาวิธีแก้คำสาปที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด และ พวกเขาไม่อาจเปิดเผยความลับนี้ให้ ฝูจื่อหรงล่วงรู้ได้ (เรื่องนี้เป็นนิยายภาคต่อของต้องมนต์บุปผาค่ะ)
เมื่อย้อนเวลามาอยู่ในยุคโบราณที่ผู้ชายล้วนมีสามภรรยาสี่อนุ จื่อรั่วอิงจึงมองหาบุรุษที่จะทำให้นางใช้ชีวิตอย่างสงบสุขและได้รู้ว่ามีอ๋องผู้หนึ่งไร้ภรรยาและตาบอดเขาคือคนไม่มีใครเอา"สวรรค์ให้ทางรอดข้าแล้ว" นิยายเรื่องนี้เป็นแนวสุขนิยม ปมเบา ๆ ไม่หนัก นะคะ พระเอกมีเมียเดียว พระเอกสายซึนคลั่งรักนางเอกแต่ไม่รู้ตัว นางเองจอมตื๊อเพื่อทำให้สามีรักสามีหลงขนความฮามาพร้อม ๆ กับบ่าวรับใช้และครอบครัว แนวขบขัน สายฮา สายตลกไม่ควรพลาดค่ะ ซีไซต์ นักเขียน
เหวินเฟยเทียนเป็นพ่อค้าหน้าเลือดที่เห็นแก่ตัวที่สุดโดยเขามีผู้ช่วยคนสำคัญก็คือเฉินลี่จู เด็กสาวที่เขาได้ช่วยเอาไว้จากหมู่บ้านขอทานเมื่อนานมาแล้ว เขาเพียงใช้นางเพื่อหวังผลประโยชน์ในขณะที่เฉินลี่จูกลับมอบหัวใจให้เขาจนหมดใจ กระทั่งวันหนึ่งก็ถึงจุดแตกหัก เมื่อเหวินเฟยเทียนไม่เห็นความสำคัญของนางอีกต่อไป เขากำลังจะแต่งงานกับคุณหนูซุนซื่อผู้มอบผลประโยชน์ให้เขาได้มากกว่านาง จนทำให้นางเสียใจและหนีเตลิด เพราะนางหนีจากเขาทำให้เหวินเฟยเทียนกินไม่ได้นอนไม่หลับใช้ชีวิตเหมือนตายทั้งเป็น เขาตามหานางและสุดท้ายได้พบกับเด็กน้อยผู้หนึ่งนามว่าหลี เด็กหญิงซึ่งมีใบหน้าคล้ายคลึงเขาราวกับถอดแบบออกมา! นิยายเรื่องนี้เป็น ประเภท ดราม่า และ มีเด็กในเรื่องค่ะ
เคนคู่หมั้นของริกะจังนอกใจเธอไปแอบคบกับผู้หญิงอีกคน ริกะจังจับได้แต่ก็อดทนไว้เพราะรักเขา วันหนึ่งเธอไปงานเลี้ยงรุ่นได้พบแฟนเก่าที่เลิกกันไปแล้ว แต่ใจของริกะอยากจะเอาคืนเคนเธอจึงเผลอใจให้กับแฟนเก่า ตัวอย่างบางตอน "ผมใส่แล้วนะ" "อื๊อ เร็ว ๆ หน่อยสิคะเสียวจะแย่แล้ว อ๊า อ๊า" ชายหนุ่มหล่อเหลาคนหนึ่งคล่อมร่างของหญิงสาวสวยผิวขาวหุ่นดี หน้าอกตูมอย่างช้า ๆ ในขณะที่มือเรียวบีบหน้าอกของตนเองคลายความอยากพร้อมทั้งเลียปากอย่างกระหาย
องค์หญิงหลิวอี้เฟยถูกส่งตัวไปแต่งงานกับอ๋องชราต่างแคว้นโดยไม่เต็มใจยังถูกคุมตัวโดยหัวหน้าองครักษ์ผู้เหี้ยมโหดที่คิดสังหารนางเพราะนางดันไปรู้ความลับดำมืดของเขาโดยบังเอิญ ด้วยความกลัวตายนางจึงคิดหนี! หมายเหตุ เรื่องนี้เป็นนิยายแนวโรมานซ์ ปมไม่หนักจบแบบสุขนิยมนะคะ
อยากหนีก็หนีไป แต่ถ้าตามเจอเมื่อไหร่ รับรอง! ได้ทรมานกว่าเดิมแน่..!! LEE ZONMIN (อีโซมิน) ชายหนุ่มลูกครึ่งเกาหลี จีน ชีวิตแสนมืดมนผลักดันให้เขาต้องดิ้นรน กว่าจะมีวันนี้ได้ ... เจ้าของคาสิโนและคอมเพล็กซ์ห้างสรรพสินค้าที่กัมพูชา และ มาเก๊า เขาตามหาหญิงสาวคนหนึ่งและเธอพยายามหนี "ถ้าคิดจะหนีก็หนีให้รอด!!" BUA YONHWA (บัว หรือ ยอนฮวา) หญิงสาวลูกครึ่งไทยเกาหลีสุดแสนน่ารักชีวิตครอบครัวอบอุ่น ได้ทุนการศึกษาไปเรียนต่อต่างประเทศ... แต่ชีวิตกับพลิกผันเมื่อเจอกับคนเลวแบบเขา " ฉันไม่รู้จักคุณ!!"
เขาแต่งงานกับเธอเพราะผลประโยชน์ แต่เธอแต่งงานกับเขาเพราะรัก อีกทั้งพี่สาวยังเป็นแฟนเก่าของเขา....
ภารกิจสำคัญของนักเขียนที่ข้ามเวลามาเกิดใหม่ในยุคโบราณคือการเป็นผู้ช่วยมารดาหลบหนีจากบิดาไร้หัวใจ และพามารดาไปพบโลกใหม่ที่เต็มไปด้วยทุ่งดอกลาเวนเดอร์อันงดงาม เมิ่งสืออีถูก ย่าและอนุของหานชางเหยียนผู้เป็นสามีรังแกจนเกือบจะต้องตายไปพร้อมกับลูก ในเวลานี้สามีที่จากไปรบที่ชายแดนกลับมาแล้ว หวังในใจว่าสามีที่กลับมาจะคอยปกป้องดูแล ทว่านางกลับได้รับความเจ็บช้ำที่มากยิ่งกว่าจนแทบทนไม่ไหวและคิดหนี กรุณาอ่านตัวอย่างก่อนกดซื้อ ซื้อหน้าเว็บถูกกว่าแอปเปิ้ลค่ะ กราบขอบพระคุณทุกท่านค่ะที่อุดหนุน
อมิตา นักมวยสาวยอดฝีมือที่หาตัวจับยากในยุคปัจจุบัน เธอผ่านเวทีการชกมวยมาตั้งแต่อายุยังน้อย เพราะที่บ้านเป็นค่ายมวย อมิตาชื่นชอบดูซีรีส์จีนเป็นชีวิตจิตใจ หากเว้นว่างจากการฝึกซ้อมมวย เธอจะต้องเปิดดูทุกครั้งไป ก่อนวันเกิดของนักมวยสาวเพียงหนึ่งวัน ระหว่างที่อมิตากำลังเดินไปยังตลาดแห่งหนึ่ง เธอเจอเข้ากับโจรที่ขโมยกระเป๋าของคนมีเงินวิ่งผ่านมา นักมวยสาวไม่กลัวที่จะช่วยเหลือ แต่ทว่ากับเกิดเรื่องไม่คาดคิด อมิตาถูกโจรแทงเข้าที่ท้องถูกจุดสำคัญทำให้เสียเลือดมาก เธอเสียชีวิตในเวลาต่อมา สร้างความเสียใจให้กับครอบครัวและแฟนมวยเป็นอย่างมาก อมิตาลืมตาตื่นมาพบว่าตนเองอยู่ในร่างของหญิงสาวในชุดจีนโบราณที่เธอชอบดู จนเธอได้รู้ว่าตนเองได้มาเกิดใหม่ในร่างของคุณหนูห้าของสกุลหลินผู้อ่อนแอ แต่การเกิดใหม่ในครั้งนี้เธอจะฝึกตนให้ร่างกายแข็งแรง วิชาแม่ไม้มวยไทยที่ติดตัวมา เธอจะนำมาใช้ปกป้องตนเองและคนที่รักเธอ หลินซูเหมย คุณหนูห้าจากสกุลหลินแห่งเมืองหนานอัน นางอายุเพียงสิบห้าปีแต่ทว่าร่างกายอ่อนแอ ไร้เรี่ยวแรงในการทำการสิ่งใด นางมักจะถูกกลั่นแกล้งจากพี่สาวต่างมารดาอยู่เป็นประจำ แถมยังมีคนรับใช้บางส่วนที่คอยแอบกลั่นแกล้งนางเพียงเพราะนางอ่อนแอ มีเพียงเด็กรับใช้ข้างกายเท่านั้นที่ซื่อสัตย์กับคุณหนูขี้โรคอย่างนาง อยู่มาวันหนึ่งขณะที่นางกำลังเดินเล่นอยู่ที่ริมสระน้ำในจวน จู่ๆ ก็มีมือของใครบางคนมาผลักนางจนตกลงไปในน้ำ หลินซูเหมยที่ว่ายน้ำไม่เป็นจมลงไปในน้ำทันที นางสิ้นอายุขัยในวัยเพียงสิบห้าปีสร้างความเสียใจให้กับเด็กรับใช้ของนาง แต่แล้วสามวันหลังจากนั้นคุณหนูห้ากลับฟื้นคืนมาราวกับปาฎิหารย์ **นิยายเรื่องนี้เกิดจากจินตนาการของผู้เขียนเท่านั้น มิได้ข้องเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ชาติจีนแต่อย่างใด โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน เนื้อเรื่อง ชื่อบุคคล ชื่อเมือง เป็นเพียงการสมมติขึ้นมาเพื่อความสนุกเท่านั้น
“เมื่อชะตากำหนดมาให้ทั้งสองครองคู่ ไม่ว่าจะพลัดหลงกันไปทางใดก็ย่อมได้กลับมาพบกันอีกครา” เรื่องราวความรักของหลัวเสี้ยวเวยและหยางเหลาหู่ คู่หมั้นคู่หมายที่มิเคยได้พบหน้า แม้เดิมทีหยางเหลาหู่คิดว่านางตายไปแล้ว แต่ไม่รู้เลยว่า ‘สาวใช้’ ที่เขารับเข้ามาทำงานนั้นจะเป็นคู่หมั้นของเขาเอง เมื่อชะตากำหนดให้ทั้งสองได้เป็นคู่ชีวิต แต่กว่าจะถึงจุดนั้นได้ต้องมาคอยลุ้นกันว่า สาวใช้ตัวจิ๋วกับคุณชายใหญ่แห่งป้อมพยัคฆ์ทมิฬจะลงเอยอย่างไร ....... “นั้นของข้ามิใช่รึ” เขาปลดสายจูงม้า เห็นนางกินพุทราเชื่อมท่าทางเอร็ดอร่อยจึงอดหยอกล้อนางไม่ได้ “แค่พุทราเชื่อม ท่านจะแย่งข้ารึ” นางทำท่าหวงขึ้นมา มันก็แค่พุทราเชื่อม แต่นางไม่ได้กินนานแล้วนี่ “แต่นั้นมันของๆ ข้า เจ้าควรให้ข้ากินก่อน” เขาไม่ชอบกินขนมของหวาน แต่เห็นนางหวงแบบนี้แล้วนึกอย่างแย่งชิง หลัวเสี้ยวเวยส่ายหน้าไปมา กลัวถูกแย่งของกินจึงอ้าปากงับพุทราเชื่อมลูกสุดท้ายไว้ในปาก เหลือเพียงไม้เสียบเปล่าๆ ในมือ คิดว่าอย่างไรของอยู่ในปากนางแล้วเขาไม่มีทางแย่งชิงเอาไปแน่ ทว่านางกลับคาดไม่ถึงว่าเขาจะยื่นมือมารั้งท้ายทอยของนางไว้ โน้มหน้าลงมาประกบปากที่เผยอขึ้นอย่าตกใจของนาง เรียวลิ้นหนาตวัดเอาพุทราเชื่อมในปากของนางมาสู่ปากของเขา 'หวานล้ำเกินคาดคิดจริงๆ'
เจียงเหว่ยยี่ และ กู้เหยียนอันเป็นคู่รักในวัยเด็กมา 12 ปีแล้ว และคบกันมา 3 ปีแล้ว การแต่งงานระหว่างตระกูลเจียง และตระกูลกู้นั้นยิ่งใหญ่มากจนผู้หญิงทุกคนในเมืองเอต่างก็อิจฉา ในวันแต่งงาน สถานที่จัดงานเลี้ยงเต็มไปด้วยแขกและเพื่อนต่างๆ แต่แล้วเมื่อมีโทรศัพท์สายหนึ่งโทรเข้ามาทำให้กู้เหยียนอันละทิ้งเจียงเหว่ยยี่ ซึ่งแต่งตัวอย่างหรูหราสวยงามแล้ว การหลบหนีจากงานแต่งงานของกู้เหยียนอันทำให้เจียงเหว่ยยี่ดลายเป็นตัวตลกของเมืองเอ อย่างไรก็ตาม ยังไม่ทันที่คนในเมืองเหล่านั้นได้หัวเราะเยาะเท่าไร ก็เห็นเจียงเหว่ยยี่โพสต์ใบทะเบียนสมรสระหว่างเธอกับเสิ่นจินโจว: "แต่งงานแล้ว" จากนั้นไม่นาน เสิ่นจินโจวที่ไม่ได้โพสต์ข้อความมาหลายปีก็โพสต์ว่า "อ่านแล้ว" บางคนบอกว่าครั้งนี้เจียงเหว่ยยี่โชคเข้าข้าง และสูญเสียของเล็กน้อยไป แต่กลับได้ของมีค่ามากกลับมา เพราะกู้เหยียนอันเทียบไม่ติดเสิ่นจินโจวแม้แต่นิดเลย เมื่อเผชิญกับคำพูดที่เต็มไปด้วยความอิจฉาเหล่านี้ เจียงเหว่ยยี่ก็ตอบเห็นด้วยทุกครั้งอย่างตรงไปตรงมา จนกระทั่งวันหนึ่ง นักข่าวการเงินตัวกล้าถามเสิ่นจินโจวว่าเขาคิดอย่างไรกับการแต่งงานของเขา เมื่อทุกคนคิดว่าเสิ่นจินโจวจะเยาะเย้ยเจียงเหว่ยยี่อย่างหยิ่งผยอง แต่เขากลับพูดอย่างใจเย็นว่า: "ผมสมหวังแล้ว"
ชาติแล้วนางโง่เขลาเกินไป หลงรักคนผิดจนทำร้ายคนที่รักนาง ในเมื่อได้กลับมาพบกันอีกครา นางไม่เอาแล้วท่านอ๋อง นางจะต้องเกี้ยวรองแม่ทัพที่แสนดีเช่นท่านมาเป็นสามีให้จงได้