“ท่านพี่เจ้าขา ได้โปรดเถิดเจ้าค่ะ” เขาแสแสร้งทำเป็นไม่รู้เก่งยิ่งเมื่อเอ่ยถามว่า “เจ้าต้องการสิ่งใดหรือ” นางเม้มปากเขินอายยิ่งนักใบหน้าที่แดงอยู่แล้วบัดนี้แทบจะกลายเป็นสีเลือด ไม่กล้าบอกเขาตามตรง ดังนั้นจึงถูกคนผู้นั้นรังแกหนักขึ้นเมื่อเขาลากนิ้วผ่านรอยแยกช้า ๆ แผ่วเบา “หากต้องการสิ่งใดก็แค่บอกข้าเท่านั้น” นางสบสายตากับเขา ยามนี้เขากำลังจ้องมองนางอยู่ด้วยแววตาคลุกเคล้าไปด้วยความร้อนแรงหื่นกระหาย เมื่ออารมณ์พุ่งสูงจนถึงขีดสุดนางก็ทรมานจนต้องเอ่ยปากร้องขอ “ท่านพี่เลียให้ข้าเถิดเจ้าค่ะ เลียเนินสวาทให้ข้าเถิด ข้าต้องการลิ้นของท่านพี่ยิ่งนัก” เขากลับไม่ปล่อยนางโดยง่าย “ชอบหรือ ให้ข้าเลียตรงนี้ชอบหรือ” นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักสำหรับผู้ใหญ่ เป็นนิยายแบบพล็อตอ่อน เน้นฉากรักบนเตียงของตัวละครเป็นหลัก เหมาะสำหรับผู้มีอายุ 25 ปีขึ้นไป ไม่เหมาะสำหรับสายคลีนใส ๆ นะคะ หากใครไม่ชอบอ่าน NC เยอะ ๆ กรุณาเลื่อนผ่าน เพราะเรื่องนี้เน้น NC เป็นหลักค่ะ ซีไซต์ นักเขียน
“ดื่มเถิดจะทำให้เจ้าลืมอายและไร้ความเจ็บปวด”
รั่วหลานรับจอกน้ำมาดื่มด้วยความรู้สึกขมขื่นทั้งกลืนน้ำที่ให้สีแดงที่ไร้รสชาติลงคอ ท่านอากู้อันซึ่งเป็นผู้ดูแลหอบุปผาโปรยแห่งนี้เห็นว่านางตัวสั่นจนไม่อาจควบคุมได้ ก็บังเกิดความรู้สึกสงสารยิ่งนัก
ใบหน้างามไร้สีเลือดไปแล้ว กู้อันจึงได้จับมือของนางเอาไว้แล้วคลึงเบา ๆ
“หลันหลันเรื่องมาถึงตอนนี้แล้ว อย่างไรก็ไม่อาจถอยได้อีกหากคิดหันหลัง มิใช่แค่มารดากับน้องชายของเจ้าที่ต้องเดือดร้อน ยังมีหอบุปผาโปรยของข้าอีก เจ้าคงจะไม่คิดถอยใช่หรือไม่”
หลันหลันคือชื่อที่ใช้ในหอบุปผาโปรยที่ท่านอากู้อันเป็นคนตั้งให้นางเมื่อสามปีก่อนซึ่งเป็นครั้งแรกที่นางเข้ามาขอทำงานยังสถานที่แห่งนี้
ทว่าแม้นางจะเข้ามาทำงานในหอนางโลม นางก็ขายเพียงฝีมือขับร้องเล่นดนตรีเท่านั้นไม่เคยคิดขายตัวกระทั่งบัดนี้ด้วยความจำเป็นจึงให้นางตัดสินใจคิดทำเรื่องนี้
รั่วหลานกัดริมฝีปากล่างของตนเองจนเจ็บ นางย่อมรู้ดีว่ามาถึงขั้นนี้แล้วไม่อาจจะถอยได้อีก
“ท่านอาข้าพร้อมแล้วเจ้าค่ะ ข้าจะทำเต็มความสามารถ”
กู้อันยิ้มให้กำลังใจแล้วเอ่ยว่า
“นายท่านผู้นี้แม้จะดูเจ้าอารมณ์ไปบ้างทว่าเขากลับมีรูปโฉมเหนือสามัญ หญิงคณิกานางใดที่ได้รับใช้เขาเวลาต่อมามักจะกลายเป็นหญิงคณิกาอันดับหนึ่ง เจ้าโชคดีแล้วที่ได้ปรนนิบัติเขา”
วาสนาหรือไม่นางย่อมไม่รู้ ทว่ายามนี้ไม่อาจที่จะถอยได้อีกแล้วรั่วหลานสูดหายใจเข้าลึก หลังจากดื่มยาไปชั่วครู่นางก็รู้สึกว่าความตึงเครียดในร่างกายนี้ลดลงไปไม่น้อย
ท่านอากู้อันยังเกรงว่าหากนางยังมีท่าทางกังวลและดูไร้เดียงสาเช่นนี้จะทำให้นายท่านผู้นั้นไม่พอใจ จึงได้เอ่ยว่า
“เจ้ายิ้มให้ข้าดูสักหน่อย และบอกข้าให้ชื่นใจว่าจดจำสิ่งที่ข้าสอนมาได้แล้วใช่หรือไม่ ต้องปรนนิบัติแบบมืออาชีพ”
“ข้าจำได้เจ้าค่ะ จะไม่ทำให้ท่านอาผิดหวัง”
รั่วหลานพยักหน้ารับ พยายามที่จะฉีกยิ้ม แม้จะดูเสแสร้งไร้ความจริงใจก็ทำให้กู้อันพอใจยิ่ง
นั่นเป็นเพราะรั่วหลานผู้นี้มีรูปโฉมงดงามงดงามยิ่งนัก แม้จะเป็นรอยยิ้มจอมปลอมทว่าสามารถทำให้คนหลอมละลายได้โดยพลัน
“ดีแล้ว ยาที่เจ้าดื่มข้าได้มาจากแคว้นเหมิงนามสวรรค์ลืมเลือน เป็นยาที่ไม่เหมือนยาปลุกกำหนัดทั่วไป นอกจากจะทำให้เจ้ามีความสุขแล้วยังทำให้เจ้าไม่รู้จักความเจ็บปวด นับเป็นยาที่ราคาแพงยิ่งหากมิใช่เจ้าที่ไร้เดียงสาเพียงนี้ ข้าไม่มีทางที่จะให้ดื่มของแพงเช่นนี้เด็ดขาด”
“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านอา”
“เช่นนี้พวกเรารีบไปกันเถิด ไม่อาจปล่อยให้แขกคนสำคัญรอได้”
รั่วหลานยังคงเป็นกังวล
“ดะ เดี๋ยวก่อนเจ้าค่ะท่านอา นายท่านผู้นี้เป็นคนเช่นไรเจ้าคะ ที่ข้าได้ยินมาว่าเขาเจ้าอารมณ์ยิ่งเป็นเช่นนั้นจริงหรือไม่ ว่ากันว่ามีนางโลมผู้หนึ่งเกือบเอาชีวิตไม่รอดเพราะคนผู้นั้นมาแล้วจริงหรือไม่เจ้าคะ”
“เจ้าอย่าไปฟังความคนอื่นให้มาก เจ้างดงามเพียงนี้บุรุษเห็นล้วนอ่อนระทวย ขอเพียงเจ้าตั้งใจทำงานผู้ใดจะกล้าไล่เจ้ากัน”
กู้อันยิ้มให้กำลังใจอย่างเต็มเปี่ยม
ความจริงคนผู้นี้มีชื่อเสียงเรื่องแท่งหยกทองคำ ไม่ว่านางโลมใดที่ผ่านการหลับนอนกับเขาแล้วมักจะกลายเป็นนางโลมอันดับหนึ่ง คนที่ตั้งฉายาก็คือหญิงคณิกาในหอนางโลมของนาง
แต่ผู้ใดจะสมบูรณ์แบบเพียงนั้นเล่า ในเมื่อมีข้อดีก็ต้องมีข้อเสีย แม้จะมีแท่งหยกทองคมแต่เขาเป็นคนที่มีอารมณ์ขึ้นลงยิ่งนัก หากคนที่เข้าไปปรนนิบัติทำให้เขาไม่พอใจเพียงเล็กน้อยก็มักจะถูกไล่ออกมาทันใด
มีหลายคราที่เขามาที่นี่แล้วไม่มีผู้ใดกล้าเข้าไปปรนนิบัติทำให้เขาบังเกิดอารมณ์เดือดดาล
เดิมทีเขายังมีอี้หงซึ่งเป็นอดีตหญิงคณิกาอันดับหนึ่งคอยดูแล ทว่าหลังจากเขาหายไปหนึ่งปีกลับมาอีกครั้งอี้หงก็ถูกนายท่านผู้หนึ่งไถ่ตัวไปเป็นอนุแล้ว จึงทำให้เขาไม่พอใจยิ่ง
หลังจากที่รู้ว่าอี้หงได้ถูกคนอื่นแย่งชิงไปแล้ว นายท่านผู้นี้ก็ดื่มเหล้าจนเมามาย ไม่ว่าสตรีใดก็ไม่สามารถทำให้เขาพอใจได้ ยังทำลายข้าวของในหอคณิกาจนพังยับเยิน บัดนี้ชื่อเสียงของเขายิ่งเลวร้ายลง ทำให้สตรีในหอล้วนหวาดผวา
ท่านอากู้อันไม่รู้ว่าเบื้องหลังคนผู้นี้เป็นผู้ใด แต่ดูจากท่าทางของเขาแล้วให้เดาว่าอาจจะเป็นคนชนชั้นสูงผู้หนึ่งที่มีอำนาจล้นฟ้า
ก่อนที่นายท่านผู้นี้จะมาที่หอบุปผาโปรยก็มักจะส่งคนมาแจ้งล่วงหน้านับเดือน และวันนั้นเขาจะเหมาหอนางโลมแห่งนี้ให้ลูกน้องของเขามาใช้บริการ ในยามที่เขามาที่นี่ทำให้กู้อันจำเป็นต้องปิดหอนางโลมเพื่อต้อนรับคณะของเขาตามคำสั่ง
คนผู้นี้ร่ำรวยมหาศาลและจ่ายไม่อั้น ไม่อาจละทิ้งได้ในเมื่อเขาสั่งให้ปิดและยอมจ่ายนางก็ไม่รั้งรอที่จะทำเช่นนั้น ดีเสียอีกนางไม่จำเป็นต้องให้นางโลมของนางเหนื่อยยากเรียกหาลูกค้ามาใช้บริการให้เปลืองน้ำลาย
เมื่อแม่นางอี้หงไม่อยู่ จำเป็นต้องหาคนมาแทน แต่ยามนี้สตรีในหอนางโลมของนางล้วนไม่ถูกใจเขาแล้วทำให้กู้อันร้อนรนยิ่ง
กู้อันหันไปมองมาก็เห็นว่าหลันหลันทำงานเป็นนางรำอยู่ที่นี่มาหลายปีแล้ว หลันหลันยังเดือดร้อนเรื่องเงินจนต้องขอเบิกเงินล่วงหน้าและติดหนี้นางอยู่หลายร้อยตำลึง
สตรีที่งดงามและยังเชี่ยวชาญเรื่องขับร้องทั้งร่ายรำเช่นนี้เหมาะสมที่สุดแล้ว
แม้หลันหลันจะไม่เคยรับแขกมาก่อน แต่นางก็เป็นเด็กช่างสงสัยก่อนหน้านี้ก็ได้ฝึกเรียนรู้เรื่องเหล่านี้มาไม่น้อย จึงไม่จำเป็นเริ่มต้นสอนกันใหม่ บัดนี้สามารถสอนเพิ่มเติมและทำงานได้เลย
แรกเริ่มหลันหลันปฏิเสธไม่ยอมรับงานนี้อยู่หลายวันแต่เมื่อจนตรอกแล้วจึงยินยอมในที่สุด
“หลันหลันเจ้าทำได้ข้าเชื่อเช่นนั้น”
หลังกล่าวจบกู้อันก็พาร่างเล็กงดงามของรั่วหลานตรงไปยังห้องใหญ่ที่สุดที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้เพื่อนายท่านผู้ร่ำรวยโดยเฉพาะ
เมื่อถึงหน้าประตูอันวิจิตรหรูหรา ท่านอากู้อันก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงหวานใสเท่าที่สตรีวัยสี่สิบสองปีจะทำได้
“นายท่าน ข้าพาแม่นางหลันหลันมาแล้วเจ้าค่ะ”
“เข้ามา”
น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้น ด้านหน้ามีองครักษ์รูปร่างใหญ่ประดุจยักษ์ใบหน้าเหี้ยมเกรียมข่มขวัญคนสองคนเฝ้าอยู่ เมื่อได้ยินคำอนุญาตจากผู้ที่อยู่ด้านในประตูใหญ่จึงเปิดกว้างออกทันที
องครักษ์ที่เฝ้าอยู่หน้าประตูผู้หนึ่งเอ่ยขึงขัง
“เข้าไปแล้วปรนนิบัติให้ดี หากเจ้าทำให้นายท่านผิดหวังอาจต้องโทษตัดหัว”
ท่านอากู้อันใบหน้าถอดสีนางจ้ององครักษ์ผู้นั้นอย่างหวาดกลัว แน่นอนว่านางตกใจยิ่งนัก ทว่าด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมาเนิ่นนานเพียงนี้ทำให้ท่านอากู้อันในที่สุดก็ยิ้มแห้ง ๆ ออกมา
“แหม นายท่านผู้นี้อย่าล้อเล่นสิเจ้าคะ แม่นางหลันหลันของข้าบอบบางยิ่งนัก หากแยกแยะไม่ได้ว่าพวกท่านล้อเล่นคงได้เป็นลมล้มพับไปแล้ว”
คนทั้งสองเงียบกริบ สายตามิได้บ่งบอกว่าล้อเล่นแม้แต่น้อย คนที่ผ่านประสบการณ์โชกโชนเช่นท่านอากู้อันยังตกใจแทบฉี่ราด คงไม่ต้องเอ่ยถึงรั่วหลานบัดนี้นางแทบอยากจะหันหลังวิ่งหนีไปในทันใด
รั่วหลานหันไปมองท่านอากู้อันด้วยสายตาขลาดเขลา นางบังเกิดความกลัว จนไม่อาจก้าวขาเข้าไปด้านในได้
ท่านอายกมือขาวลูบหลังของนางแผ่วเบา ทั้งส่งยิ้มแกมส่งสายตาบังคับพร้อมกับเอ่ยว่า
“แม่นางหลันหลันเจ้าเข้าไปเถิด อย่าให้นายท่านต้องรอนาน พี่ชายท่านนี้ก็แค่ล้อเล่นไม่มีผู้ใดคิดฆ่าฟันกันในสถานเริงรมย์เป็นแน่ หากใจไม่สงบก็ให้คิดถึงมารดาและน้องชายของเจ้าเอาไว้แล้วเจ้าจะดีขึ้น”
คำแนะนำของกู้อันย่อมได้ผล ยังมีมารดาและน้องชายที่รอนางอยู่ แต่อย่างไรก็ยังรู้สึกกลัวอยู่ดี
รั่วหลานตัวสั่นนางเห็นสายตาของคนที่เฝ้าประตูแล้ว มองอย่างไรก็มิใช่เรื่องล้อเล่น หากนางทำสิ่งใดผิดหรืออาจจะถูกตัดหัวจริง ๆ
จากนั้นมือเรียวของท่านอากู้อันก็กึ่งผลักกึ่งดันให้นางก้าวเข้าไป หลันหลันสูดหายใจเข้าลึก ด้านในมีแสงเรืองรองของตะเกียงน้ำมันส่องสะท้อนเงาคนให้ทอดยาวออกมาราวกับเงาของภูตผี
นางแข็งใจเดินเข้าไปด้านในเมื่อก้าวพ้นธรณีประตูองครักษ์ทั้งสองก็ปิดประตูตามหลังอย่างรวดเร็ว
หากเป็นยามปกติอากาศด้านในห้องต้องอบอุ่นกว่าด้านนอกมาก อย่างไรในห้องนี้ก็เป็นห้องพิเศษด้านล่างเป็นพื้นอุ่นที่ได้รับการเติมถ่านจนเต็ม
ทว่าบัดนี้รั่วหลานกลับรู้สึกหนาวยิ่งนัก อาภรณ์ที่นางสวมเป็นอาภรณ์ที่ตัดเย็บมาเป็นพิเศษเพื่อนาง เนื้อผ้าเป็นไหมลื่นผืนบาง หากถอดเสื้อคลุมออกจะสามารถมองเห็นสัดส่วนอันงดงามของนางได้อย่างชัดเจน
ไม่รู้ว่ายามนี้มีลมพัดมาจากที่ใดจึงได้หอบเอาไอเย็นเสียดผิวเข้ามาด้วย ขนอ่อนของรั่วหลานลุกชันจนผิวเนียนตั้งเป็นตุ่ม หัวใจเต้นระรัวจะแทบจะหลดออกจากอก
นางมองแผ่นหลังของนายท่านผู้นั้นที่บัดนี้ยืนชื่นชมภาพวาดฝาผนังขนาดใหญ่อย่างตั้งอกตั้งใจโดยไม่สนใจนางเลยแม้แต่น้อย
เขาอยู่ในชุดขาวตัวในเนื้อผ้าบางยิ่งจนสามารถมองเห็นมัดกล้ามงดงามที่แผ่นหลังใหญ่ได้อย่างชัดเจน
นางยอมรับว่าไม่เคยเห็นบุรุษใดที่มีรูปร่างองอาจงดงามเท่านี้มาก่อน ที่เท้าเปลือยเปลือยเปล่าไม่สวมกระทั่งถุงเท้าป้องกันไอเย็น คล้ายร่างกายใหญ่โตนั้นไร้ซึ่งความหนาวโดยสิ้นเชิง
นางพินิจมองแผ่นหลังนั้นด้วยความรู้สึกตื่นกลัว คนผู้นี้มีเรือนร่างสูงกำยำผมของเขาถูกปล่อยยาวสยายคลอเคลียเป็นเงาสะท้อนแสงไฟยาวจนเกือบถึงกลางหลัง เขาสูงกว่านางถึงช่วงตัวกระทั่งนางต้องแหงนเงยมองด้านบนศีรษะของเขา
นางกวาดสายตามองเขาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า สัมผัสได้ถึงกลิ่นไอความสูงส่งที่แผ่ออกมาจากรอบกาย ไม่ผิดจากที่ท่านอากู้อันเอ่ยไว้แม้แต่น้อย
รั่วหลานกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ท่าทางเย็นชาประดุจน้ำแข็งพันปีนั้นกำลังตกอยู่ในภวังค์แห่งความงามของภาพวาดนางจึงไม่กล้าที่จะเอ่ยปากรบกวนเขา
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้ากระทั่งสุ้มเสียงทุ้มต่ำกดดันเอ่ยขึ้น
“เข้ามาเนิ่นนานเพียงนี้ ยังไม่ทำสิ่งใดอีก เห็นชัดว่าเจ้าอ่อนหัดยิ่งนัก กู้อันผู้นั้นคุยโวโอ้อวดว่าเจ้าเป็นสตรีบริสุทธิ์สาวงามอันดับหนึ่ง ที่ได้รับการอบรมมาอย่างดี ข้าจึงยอมจ่ายราคาแพงลิ่ว เห็นทีว่าจะเป็นเพียงลมปาก ไสหัวไปให้ไกลสายตาของข้าแล้วหาคนใหม่มา ก่อนที่ข้าจะมีโทสะ”
รั่วหลานตกใจแทบสิ้นสติ เพราะนางกลัวเกินไปจึงไม่กล้าที่จะทำสิ่งใดจึงได้แต่ยืนนิ่งเหมือนคนไร้สติกระทั่งทำให้เขาบังเกิดโทสะ
ทว่าหากเขาไล่นางออกไปทุกสิ่งทุกอย่างของนางก็จบสิ้นแล้ว
ท่านแม่ของข้า น้องชายของข้าจะทำเช่นไร ไม่ได้ข้าไม่อาจออกไปได้
เมื่อคิดถึงน้องชายและท่านแม่ของตนดูเหมือนว่านางจะกล้าหาญขึ้นมาโดยพลัน
“มะ ไม่ได้ ขะ ข้าจะออกไปไม่ได้เป็นอันขาด นายท่านอย่าไล่ข้าเลยนะเจ้าคะ”
เขาหันขวับมามองนาง ใบหน้านั้นหล่อเหลาชวนให้ตกตะลึงทว่าเยือกเย็นจนชวนให้หายใจไม่ออก เขามองสตรีร่างบางที่มีท่าทางตื่นตระหนกด้วยสายตารำคาญยิ่ง
“หากยังไม่ยอมออกไป แล้วข้าเผลอสังหารเจ้าก็อย่าหาว่าข้าไม่เตือน”
สาเหตุที่เขาได้ดูแลเด็กคนนี้นั่นเป็นเพราะพ่อแม่ของเอยและพี่ชายของเอยเป็นเพื่อนสนิทของเขา ครอบครัวเอยจากไปด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ตั้งแต่เอยอายุได้เพียงสิบขวบเท่านั้น ญาติของเอยก็ไม่มีใครเหลียวแลทำให้เขาซึ่งสนิทกับครอบครัวของเอยที่เห็นเอยมาตั้งแต่เล็ก ๆ เกิดความสงสารจึงได้ขอให้พ่อแม่ของเขารับเอยมาเลี้ยงดู และพ่อแม่ของเขาก็ตกลง หลังจากนั้นพ่อแม่ของเขาก็ย้ายไปอยู่ต่างประเทศ จึงทิ้งให้เขาและเอยอยู่ด้วยกันที่เมืองไทยตามลำพัง นับตั้งแต่นั้นเขาก็กลายเป็นพี่ชายของเอยเต็มตัว แต่วันนี้เมื่อเอยโตขึ้น เธอกลับไม่เห็นบุญคุณและคิดจะจากเขาไปง่าย ๆ ทั้ง ๆ ที่นับวันเขาจะรักเธอจนกระทั่งถอนตัวไม่ขึ้นและเฝ้ารอเธอเติบโตมานานขนาดนี้ ++++++ “อ๊า...เฮียอย่านะ อย่าทำหนู” สาวน้อยส่งเสียงครางเล็ดลอดออกมาเพราะความเสียวซ่าน และเอ่ยห้ามแต่น้ำเสียงของเธอคล้ายกระตุ้นเขายิ่งขึ้นไปอีก “เอยอยากใช่หรือเปล่า หนูก็ต้องการเฮียใช่ไหม” “ไม่...อย่านะเฮีย หนูไม่ได้ต้องการเฮีย เฮียเป็นพี่ชายหนูนะ” “ต่อไปเฮียจะเป็นผัวหนู แล้วจะเอาหนูแรง ๆ ให้หนูไปไหนไม่ได้ต้องร้องหาเฮียเท่านั้น” คำพูดของเขาทำให้เอยหวาดกลัว แต่ในความรู้สึกนี้กลับมีความอยากรู้อยากเห็นอย่างประหลาด หญิงสาวผลักเขาออกเมื่อธนเดชดึงชุดนอนของเธอจนขาด แต่แรงของเขามีมากกว่าตอนนี้เธอจึงยืนเปลือยต่อหน้าเขา เอยยืนน้ำตาไหลพราก เมื่อเขาเห็นเขาจึงเหยียดยิ้มมุมปากอย่างผู้ชนะ “ฉันเกลียดแก อื้อ อื้อ”
หนานอันพริตตี้สาวสู้ชีวิตอายุยี่สิบปีแอบชอบผู้ชายคนหนึ่งอย่างหนักและอยากได้เขามาเป็นแฟนใจจะขาด แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจเธอ หญิงสาวได้ไปดูดวงแม่หมอคนนั้นจึงบอกให้เธอมาขอพรที่ศาลเจ้าเล็ก ๆ ในอำเภอแห่งหนึ่งที่ห่างไกลเพื่อให้เธอสมหวังและต้องไปในวันที่ฟ้ามืดที่สุดของเดือนในอีกสองวันข้างหน้าถึงจะเห็นผล หนานอันเชื่อแม่หมอเพราะอยากได้ผัว เธอจึงไม่รอช้ารีบคว้ากระเป๋าเป้เดินทางมายังศาลเจ้าทันที เมื่อหนานอันเข้าไปภายในศาลเจ้าก็พบว่า มีสตรีสูงวัยคนหนึ่งอายุราวหกสิบกว่าปีกำลังกวาดศาลเจ้าอยู่ ...... "ได้ของสิ่งนี้ไปต้องสมหวังอย่างแน่นอน" คุณยายพูดพร้อมกับรอยยิ้ม น้ำเสียงนี้ฟังดูเยือกเย็นเป็นอย่างยิ่ง หนานอันยิ้มให้คุณยายจู่ ๆ ขนแขนของเธอก็ตั้งชันขึ้นมา เธอกำลังจะลุกขึ้นในตอนนั้นก็เกิดฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมา หนานอันหวีดร้องด้วยความตกใจทว่าเมื่อหันไปมองคุณยายเธอไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว หนานอันประหลาดใจมากร้องเรียกคุณยายอยู่หลายคำ แต่ว่าในตอนนี้เธอก็ไม่มีเวลาให้คิดสิ่งใดแล้วเพราะเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้นเมื่อฟ้าผ่าลงมาที่ศาลเจ้าเข้าอย่างจังหนานอันที่อยู่ด้านในจึงถูกฟ้าผ่าไปด้วยและสติดับวูบลงไปทันใด ไม่รู้ว่านานเท่าใดที่หนานอันตกอยู่ในความมืดมิด และเมื่อเธอตื่นขึ้นมาทุกอย่างรอบกายของเธอก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป...
เซียวหนานอยู่ในระดับต่ำสุดขององค์กรลับที่แผ่ขยายสายข่าวไปทุกแว่นแคว้น นางเป็นเด็กกำพร้าไร้บิดามารดาที่ถูกเก็บมาให้เป็น นกกระจอกสืบข่าว เรียกได้ว่าเป็นชนชั้นที่วรยุทธ์ต่ำต้อยและต้องทำงานเอาตัวเข้าแลกเพื่อหาข่าวให้กับเบื้องบน ดังนั้นนกกระจอกเช่นนางจึงมีมากมายแทรกซึมเข้าไปในจวนขุนนางต่าง ๆ โดยที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ สิ่งที่นางฝึกฝนมาตลอดหลายปีมานี้ก็คือการเอาใจบุรุษ บำรุงร่างกาย ฝึกฝนศาสตร์ทั้งห้าให้เชี่ยวชาญ และฝึกวิชาเสพสังวาสให้บุรุษติดใจ แม้ว่าจะไม่เคยทำกับบุรุษจริง ๆ แต่ขนาดของแท่งหยกของบุรุษนางล้วนได้สัมผัสมาแล้วจากแท่งหยกของเทียมและแท่งหยกบุรุษของจริงที่นางไม่เคยเห็นหน้าว่าคนพวกนั้นคือผู้ใด เพราะพวกนางต้องมอบกายให้กับเหยื่อคนแรกที่นับว่าส่วนใหญ่จะเป็นชนชั้นสูง ดังนั้นจึงไม่อาจร่วมประเวณีกับบุรุษอื่นก่อนที่จะได้รับมอบเหยื่อจากนายใหญ่
องค์หญิงใหญ่รั่วเสียน ต้องปกป้องบัลลังก์ของน้องชายที่ขึ้นครองราชย์ในวัยเพียงแค่ 4 ขวบ ดังนั้นนางจึงต้องหาทางมัดใจเสนาบดีกัวผู้กุมอำนาจราชสำนักเอาไว้ให้ได้ ทว่าบุรุษผู้นี้กลับไม่ต้องการแต่งงานกับนาง เขายังทำตัวดั่งบิดาหาบุรุษไว้ให้นางอีก รั่วเสียนจึงต้องฝึกฝนการยั่วยวนเขาเพื่อหาวิธีมัดใจบุรุษผู้นี้เอาไว้ให้ได้ และนางก็ต้องตกใจเมื่อเสนาบดีกัวกลับมีถึงสองคน! +++ นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายจีนโบราณประเภทนิยายรักสำหรับผู้ใหญ่ เป็นเรื่องแต่งขึ้นจากจินตนาการไม่ได้อ้างอิงจากประวัติศาสตร์ใด ๆ ดังนั้นภายในจะมีฉาก เนื้อหา เน้นหนักที่เรื่องเพศระหว่างชายหญิง มีการร่วมรักกันตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป (3P) และอาจมีความไม่สมเหตุสมผลบ้าง ขอให้ผู้อ่านใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ
คำโปรย หลังจากบิดามารดาเสียชีวิต จูเมยได้ถูกท่านอาบุญธรรมรับเลี้ยง ท่านอาผู้เปี่ยมด้วยความอ่อนโยนและเมตตา ได้กลายเป็นเสาหลักเพียงหนึ่งในชีวิตนาง หัวใจที่อ่อนโยนของจูเมยเริ่มเต้นแรงเมื่ออยู่ใกล้ท่านอา แต่ท่านอาคิดอย่างไรกับนางกันแน่? หรือว่าความรักนี้เป็นเพียงความรู้สึกที่นางมีอยู่เพียงฝ่ายเดียว? เมื่อหัวใจต้องเผชิญกับความไม่แน่นอน จูเมยกลับรู้สึกเจ็บปวดกับความรู้สึกนี้ "ท่านอา...อย่าดีต่อข้ามากนักได้หรือไม่" นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักจีนโบราณ มีดราม่าเล็กน้อยช่วงเริ่มต้น จบสุขนิยม ไม่มีนอกกายนอกใจ เป็นความรักฟิน ๆ ระหว่างท่านอาและหลานสาว(บุญธรรม)ตัวน้อยของตนเอง
เรื่องย่อ จื่อเม่ยเป็นนักเขียน และได้เข้าไปอยู่ในนิยายที่ตัวเขียนเขียนเอาไว้ในฐานะตัวประกอบในนิยายที่ออกมาเพียงสองตอนก็ตาย นางถูกตัวร้ายกักขังเอาไว้ในจวน เจื่อเม่ยรู้ว่าเขาต้องตายและจำทำให้นางตายไปด้วย นางจึงต้องหาวิธีหนีจากเขาเพื่อเอาตัวรอด! นิยายเรื่องนี้เป็นแบบสุขนิยมนะคะ พระเอกจะธงแดงในตอนแรก ๆ เพราะนางเป็นตัวร้ายตามเนื้อเรื่องนะคะ หลังจากนั้นก็รักเมียที่สุดในโลกค่ะ ไม่มีนอกกายนอกใจค่ะ แนะนำตัวละคร จื่อเม่ย นักเขียนที่ย้อนไปอยู่ในโลกนิยายในร่างของอนุจื่ออิน จื่ออิน อนุของตัวร้ายที่ออกมาแค่สองตอนก็ตาย และคนที่จื่อเม่ยมาใช้ร่างกาย ซีเฉิน / องค์ชายสี่ /ซีอ๋อง ตัวร้ายที่ต้องตายในตอนจบ ซีหลาน บุตรชายอายุ 5 ขวบของตัวร้าย รั่วหนิง พระชายาที่ซีเฉินไม่เคยเหลียวแล เหล่าหลง และ เหล่าอี้ องครักษ์ฝาแฝดของซีเฉิน ผู้จงรักภักดี ซีกุ้ยเฟย แม่ของซีเฉิน นางมีความแค้นที่ฝ่าบาทเคยทอดทิ้ง จึงคิดจะแก้แค้นทุกคนและสั่งสอนให้ซีเฉินบุตรชายชิงบัลลังก์ หยางโจวซือ / องค์ชายหก / หยางอ๋อง พระเอกของเรื่องที่จื่อเม่ยวางเอาไว้ในนิยาย
หนี่ว์อ้ายปิง เซียนน้อยอายุสิบสามตลอดกาล ที่บังเอิญเปิดระบบหนึ่งขึ้นมาและถูกส่งลงไปทำภารกิจในโลกมนุษย์ ทำให้ต้องเผชิญกับความยากลำบากในโลกที่แร้นแค้น เด็กสาวเติบโตขึ้นในตระกูลหนี่ว์ ตระกูลแม่ทัพที่เริ่มหมดอำนาจ พ่อของเธอเป็นเพียงรองแม่ทัพ สังกัดกองทัพท่านอ๋องสือ ที่ต้องปกป้องชายแดนจากการรุกราน จำต้องหาวิธีกลับสวรรค์ คิดจะใช้ชีวิตไปวันๆ แต่ไหงกลายเป็นงานยุ่งขนาดนี้ไปได้กันล่ะนี่!
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวของเฉียวซิงเฉินหนีไปกับผู้หญิงอีกคน เธอโกรธมาก จึงสุ่มหาชายคนหนึ่งมาแต่งงานด้วยทันที "ตราบใดที่คุณกล้าแต่งงานกับฉัน ฉันก็ยอมเป็นเมียคุณ" หลังจากแต่งงาน เธอได้ค้นพบว่าสามีของเธอคือลูกชายคนโตของตระกูลลู่ที่ขึ้นชื่อว่าไร้ประโยชน์ ชื่อลู่ถิงเซียว ทุกคนเยาะเย้ยว่า "เธอยนี่ช่วยไม่ได้จริงๆ" และผู้ชายที่ทรยศเธอก็มาเกลี้ยกล่อมว่า "ไม่เห็นต้องทำร้ายตัวเองเพราะฉันหรอก สักวันเธอต้องเสียใจแน่ๆ" เฉียวซิงเฉินหัวเราะเยาะและโต้ตอบว่า "ไปให้พ้น ฉันกับสามีรักกันมาก" ทุกคนต่าก็คิดว่าเธอเป็นบ้า ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวตนที่แท้จริงของลู่ถิงเซียวถูกเปิดเผย ที่แท้เขาเป็นคนรวยอันดับต้นๆในโลก ในการถ่ายทอดสดทั่วโลก ชายคนนี้คุกเข่าข้างเดียว ถือแหวนเพชรมูลค่าหลักพันล้าน และพูดช้าๆ ว่า "คุณภรรยา ชีวิตที่เหลือนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ"
ฟาเบียน ฟรองซัว (ฟา) 32 ปีลูกเสี้ยว ไทย-ฝรั่งเศส-จีนผู้กว้างขวาง และร่ำรวยจากการทำชิปปิ้งตัวแทนผู้นำเข้าและส่งออกรายใหญ่ของไทยชายหนุ่มที่ขาดเรื่องบนเตียงไม่ได้แต่เขาเบื่อผู้หญิงที่จ้องจะจับเขา ทิพย์ดารา นวลพรรณ (ดาด้า) นางแบบและนักแสดงสาวมากความสามารถกำลังหัวเสียที่เธอถูกฟาเบียนตัดความสัมพันธ์เธอนั่งบ่นให้กับช่างประจำที่ร้านฟังฟาเบียนบอกเธอว่า "ถ้าผมหิว ผมจะซื้อกินเอง" เพราะคำว่าแต่งงานหรือผูกมัดไม่ใช่ทางของเขา ปองรัก พลอยรัตนา (จิล) 22 ปีเธอกำลังต้องการเงินเพื่อไปช่วยครอบครัวที่กำลังถูกฟ้องและถูกหุ้นส่วนโกงจำนวนเงินอาจจะไม่มากเท่าไหร่แต่มันก็ทำให้ครอบครัวที่เคยอยู่เย็นเป็นสุขต้องเดือดร้อน แทบหมดตัวอีกอย่างตอนนี้เธอก็ยังเรียนไม่จบเหลืออีกเทอมเดียวเท่านั้นด้วยความบังเอิญเธอได้บัตรกำนัลทำผมที่ร้านแห่งหนึ่ง..ฟรี จากเพื่อนรักสุจิรา เดชธนาดล (จิรา)ลูกเจ้าของร้านเพชรชื่อดังในเมืองไทย ชื่อและประวัติของ ฟาเบียนทำให้จิลเห็นทางออกหญิงสาวที่ยังบริสุทธิ์ เธอจะทำยังไงให้ครอบครัวกลับมาอยู่ดีเหมือนเดิมได้เธอยินดี...ทำเธอเดินเข้าไปเสนอขายพรหมจรรย์ให้กับเขาเงินที่เธอร้องขอ สำหรับ ฟาเบียน แค่เศษเงินแค่เห็นหน้าเธอ เขาก็ปิ๊งเสียแล้วฟาเบียน รับข้อเสนอและให้เธอมาเป็น...เมียพาร์ทไทม์ เริ่มต้นก็สนุกเสียแล้ว พลาดได้ไง ขอฝากผลงานเรื่องนี้ไว้ในอ้อมใจของนักอ่านที่น่ารักด้วยนะคะ
"นางเป็นบุตรีผู้สูงศักดิ์ของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดี นางมีหน้าตาโดดเด่น ทั้งอ่อนโอนและมีน้ำใจไมตรีต่อผู้อื่น แต่... นางทำดีต่อป้าของนาง นางกลับฆ่าแม่ของนางตาย นางรักเอ็นดูน้องสาวของนาง แต่น้องสาวกลับแย่งสามีของนางไป นางคอยสนับสนุนและดูแลสามีของนางอย่างสุดหัวใจ แต่สามีกลับทำให้นางตายทั้งกลม...ตระกูลฝ่ายมารดาของนางก็ถูกประหารชีวิตทั้งตระกูลด้วย นางตายตาไม่หลับและสาบานว่าหากมีชาติหน้า นางจะไม่เมตาตาต่อใครอีก ใครก็ตาม กล้ามาทำร้ายข้า ข้าจะล้างแค้นด้วยชีวิตทั้งตระกูลของพวกเจ้า เมื่อเกิดใหม่อีกครั้ง นางอายุได้สิบสี่ปี นางสาบานว่าจะต้องเปลี่ยนชะตากรรมและแก้แค้นชาติก่อน ป้านางใจ้ร้าย นางจะใจร้ายกลับยิ่งกว่านาง นางคิดจะได้ครองตำแหน่งฮูหยินงั้นเหรอ บอกเลยไม่มีทาง! ส่วนน้องสาวชอบผู้ชายชั่ว ๆ นักไม่ใช่หรือ ได้!ข้าจะยกให้เลย ส่วนชายชั่วนั่น ข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถมีทายาทได้อีกตลอดทั้งชาติ!แต่ข้าจะแก้แค้น เหตุใดเจ้าต้องมาช่วยข้าด้วย?"
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง