หนุ่มวิศวะปีสี่ที่ได้ฉายา เสือยิ้มยาก เขาผู้ไม่เคยยิ้มให้ใครแต่กลับยิ้มให้เธอเห็นเพียงคนเดียว จากคนที่ไม่คิดจะรักใครแต่กลับรักเธอจนโงหัวไม่ขึ้น มารู้ตัวอีกทีก็ไม่อยากเป็นแค่รุ่นพี่แล้วแต่อยากเป็น(ผัว)
@มหาวิทยาชื่อดัง
วันเปิดภาคเรียนการศึกษาของมหาวิทยาลัยชื่อดังอันดับต้นๆของประเทศ ที่ขึ้นชื่อเรื่องค่าเทอมที่แพงที่สุด
"แคร์ รอนานหรือเปล่า" เสียงเรียกของเพื่อนสาวคนสนิทคนเดียวของฉันถามก่อนที่เธอจะนั่งลงข้างๆ
"ไม่เลย เรามาก่อนโดนัทแปปเดียวเอง" แปปเดียวที่ว่าคือแปปเดียวจริงๆ หย่อนก้นลงนั่งที่เก้าอี้ม้าหินอ่อนได้แค่ไม่กี่วิเพื่อนสาวคนสนิทก็เรียกชื่อฉัน
เราสองคนเป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่เรียนมัธยมปลาย จนกระทั่งเราสองคนสอบติดคณะแพทย์ศาสตร์ที่เดียวกัน มหาวิทยาลัยเดียวกัน โชคดีสุดๆไปเลย ฉันดีใจที่ได้มีเพื่อนเรียนไปด้วยกัน
"น้องครับ น้องคนสวย" ระหว่างที่ฉันกำลังนั่งคุยกับเพื่อนสาวอยู่ เสียงทุ้มของผู้ชายคนหนึ่งเดินมายืนอยู่ตรงข้างหน้า
"เป็นเฟรชชี่หรอครับ"
ฉันหันไปหาเพื่อนสนิท "เขาถามเราหรอ"
"พี่ถามน้องคนสวยนั้นแหล่ะ" ฉันหันไปหาผู้ชายคนเดิมที่กำลังจะนั่งลงบนเก้าอี้ม้าหินอ่อนตัวตรงข้าม
"เอ่อใช่ค่ะ" ฉันตอบไปแบบเจียมเนื้อเจียมตัวและก็กลัวผู้ชายคนนี้ด้วยเช่นกัน จู่ๆก็เดินมาถามฉันแล้วดูออกด้วยหรอว่าฉันเป็นเฟรชชี่
"คือพี่อยากรู้จักครับ"
"คะ" ฉันเบิกตาโต "ดูสิทำหน้าตกใจยังน่ารัก" ตกใจสิ เป็นใครฉันก็ไม่รู้จัก จู่ๆก็เดินมาถามแล้วยังมาบอกอีกว่าอยากรู้จักฉัน
แรงสะกิดจากเพื่อนสาวคนสนิททำให้ฉันหันไปมอง
"มีอะไร"
"เขาจีบแคร์ชัวร์" โดนัทกระซิบที่ข้างๆหูให้ได้ยินกันสองคน
"เห้ย ไอเดลมันจีบสาวอีกแล้วหว่ะ" เสียงหัวเราะของชายกลุ่มหนึ่งที่กำลังเดินเข้ามาตรงที่ที่ฉันนั่ง มากันสี่ห้าคนพวกเขาใส่เสื้อช็อปน่าจะเรียนวิศวะ แต่มีอยู่คนหนึ่งสูงที่สุดในกลุ่ม โดดเด่นกว่าใครๆ ทั้งรูปร่างและหน้าตา
"ขอโทษด้วยนะครับน้อง..."
ผู้ชายอีกคนเอ่ยถาม คงจะถามชื่อฉัน "แคร์ค่ะ"
"ขอโทษน้องแคร์ด้วยนะครับ ที่ไอเดลเพื่อนพี่มันมาลุ่มล่าม" น้อง?
พวกเขาเป็นรุ่นพี่สินะ
"ไปแดกข้าว" พี่ที่เพิ่งขอโทษฉันไปเมื่อกี้กระชากคอเสื้อพี่คนที่ชื่อเดลให้ลุกขึ้น ใช่พี่เขากระชากเลยแหล่ะ น่ากลัวจัง
"น้องชื่ออะไร เรียนคณะไหน ไอเหี้ยนัทปล่อยสิวะ" แล้วเสียงของกลุ่มพี่ๆก็ค่อยๆหายไป
"มาวันแรกก็โดนรุ่นพี่หนุ่มวิศวะจีบเลยน๊า"
"ไม่ต้องแซวเลย เราไม่ชอบผู้ชายเสื้อช็อปหรอกนะ"
"งั้นชอบคนเสื้อกาวน์งั้นสิ"
"บ้าหรอ" ฉันตอบอย่างเขินอาย ที่โดนัทพูดมามันใช่เลย ฉันชอบผู้ชายที่ใส่เสื้อกาวน์ เพราะเขาดูสุภาพ อ่อนโยน แต่ว่าที่ฉันเลือกเรียนคณะแพทย์ไม่ใช่เพราะตามหาผู้ชายในฝันหรอกนะ ฉันอยากเรียนคณะแพทย์จริงๆ
"แหมไม่ต้องเขินหรอก"
"นี่ ไปเรียนกันเถอะ" ฉันลุกขึ้นแล้วเดินลุกออกจากโต๊ะ ไม่อยากให้เพื่อนสาวแซวอีก
"เขินอะไรนัก เหลือเวลาอีกตั้งครึ่งชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาเรียน"
°°°°°°°°°°
@ตึกคณะแพทย์ (เวลา12.00น.)
"แคร์ ใช่พี่ผู้ชายคนในกลุ่มที่เราเจอเมื่อเช้าหรือเปล่า" โดนัทชี้ให้ฉันดูหลังจากที่เราสองคนหยุดยืนอยู่หน้าตึกคณะ
"ไม่แน่ใจ" เพราะผู้ชายคนนั้นยืนหันข้าง ฉันเลยดูไม่ค่อยออก
"นั่นๆพี่เขากำลังเดินมาทางเรา" ใช่พี่คนในกลุ่มที่เจอกันเมื่อเช้าจริงๆ คนที่ฉันรู้สึกว่าดูโดดเด่นที่สุดในกลุ่ม แต่พี่เขาไม่น่าจะเดินมาหาเราสองคนหรอก น่าจะผ่านมาแถวนี้มากกว่า
"พี่เขามองแคร์ด้วยอ่ะ" โดนัทเขย่าแขนฉัน พี่เขามองฉันจริงๆ และฉันก็มองเขากลับเช่นกัน แต่เขาก็แค่มองแล้วตวัดสายตากลับก่อนจะเดินผ่านเราสองคนไป
°°°°°°°°°°
ของ (หวง) ที่เกิดจากความผิดพลาด นำพาความสับสนที่ทำให้เกิดความว้าวุ่น (ใจ) ทั้งเขา และเธอ "กรี๊ดดดด~" โดนัทหวีดร้องเสียงลั่นหลังจากที่ลืมตาตื่นแล้วเห็นว่ามีใครอีกคนนอนหันหลังให้กับเธออยู่ "โอ๊ย จะร้องทำไม คนจะหลับจะนอน" เดลที่นอนอยู่ข้างๆค่อยๆบิดตัวหันมาเผชิญหน้ากับหญิงสาว โดนัทที่เห็นหน้าของเขาก็ถึงกับเบิกตากว้างตกใจร้องกรี๊ดเสียงดังขึ้นอีกครั้ง "อะไรของเธอ...เห้ย" เดลที่หันมาเห็นโดนัทที่เป็นรุ่นน้องที่มหา'ลัยก็ตกใจรีบดีดตัวนั่ง ก่อนที่เขาจะเป็นคนเปิดคำถาม "โดนัทมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง" "พี่นั่นแหล่ะทำอะไรหนู" เธอถามกลับ เมื่อคืนเขาทำอะไรไปบ้างวะ เนื้อตัวถึงได้เปลือยเปล่ากันทั้งคู่แบบนี้ แล้วแม่สาวพริตตี้ที่เขาดีลกลับมาด้วยเมื่อคืนหล่ะ หายไปไหน ทำไมถึงกลายเป็นสาวรุ่นน้องสาวไปได้ มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ "พี่...จำไม่ได้" เขาบอกเสียงแผ่ว ก่อนจะมองไปรอบๆห้อง อย่างแรกที่เขามองหาก่อนเป็นอันดับแรกเลยคือถุงยาง เขาป้องกันหรือเปล่าเมื่อคืน แล้วยังมาแก้ผ้ากันทั้งคู่แบบนี้คงไม่ใช่แค่นอนจับมือกันแน่ๆ "พี่มองหาอะไร" โดนัทเห็นเขามองรอบๆแล้วก้มลงไปที่พื้นด้านล่างก็นึกสงสัยเลยถาม "ถุงยาง" เธอหูผึ่งทันทีที่ได้ยินคำว่าถุงยาง อย่าบอกนะว่าเขาจะ... โดนัทรีบดึงผ้าห่มเอามาพันตัวแล้วลุกลงจากเตียงจนอีกฝั่งไม่มีอะไรปกปิดตัวเลยสักชิ้น ทำให้เธอที่ยืนอยู่เห็นแก่นกายใหญ่ของเขาที่มันเหี่ยวแห้ง "กรี๊ดดดด ไอพี่บ้า" "กรี๊ดทำไม...เห้ย ชิบหาย" เดลรีบเอาหมอนที่อยู่ใกล้ตัวขึ้นมาปิดตรงนั้น "ดึงผ้าห่มไปแบบนั้นพี่จะห่มอะไร" เดลต่อว่าเธอที่ยืนหันหลังไม่กล้าหันมามอง ก็แน่หล่ะ เธอเห็นของเขาหมดแล้ว "ทำไมไข่พี่ดำจัง" เอาผ้าห่มไปแล้วเธอยังจะกล้าคอมเมนต์ไข่เขาอีกหรอ ชายหนุ่มก้มหน้าลงดูว่าไข่เขามันดำอย่างที่เธอว่าหรือเปล่า "ออกจะขาวสะอาด หันมาดูดิ" เขาท้า "ไม่เอาอ่ะ ดำ สกปรก" นี่เธอมองคนหล่อๆอย่างเขาเป็นคนสกปรกเลยหรอวะ เนื้อตัวขาวสะอาดแบบนี้ เอาอะไรมาสกปรกก่อน เขาที่เห็นเธอยืนหันหลังด้วยความรู้สึกประหม่า ก็นึกอะไรสนุกๆได้ก่อนจะก้าวขาลงจากเตียงค่อยๆย่องไปหาเธอที่ยืนหันหลังให้เขาอยู่ พรึ่บ~ เขารีบไปยืนประจันหน้าเธอ ให้เธอเห็นกับตาอีกที "ตกลงขาวหรือดำ ดู" "กรี๊ด~" ผลั่ก~ "โอ๊ย~" โดนัทหวีดร้องลั่นที่เห็นแก่นกายใหญ่ห้อยโตงเตงไปมา เธอร้องตกใจเผลอถีบเข้าไปที่หน้าท้องแกร่งเต็มแรงจนเขาที่ยืนเท้าสะเอวอยู่ล้มลงไปกองกับพื้น "ทุเรศ ไอพี่บ้า" โดนัทรีบหยิบเสื้อผ้าของเธอที่กองระเกะระกะอยู่บนพื้นแล้วรีบเข้าห้องน้ำไปใส่เสื้อผ้าทันที "ไม่น่าหาเรื่องเลยกู"
เมื่อเพื่อนรักที่ไว้ใจแอบทรยศคบกับชายที่ตนรัก และชายที่ตนรักกลับรังเกียจตนจนไม่แม้แต่จะแตะต้องเนื้อตัวเธอ สิ่งที่เธอทำได้คือต่างคนต่างอยู่ แต่ในวังหลังแห่งนี้เธอจะทำอย่างนั้นได้จริงหรือ? ตัวอย่างเนื้อเรื่อง “เจ้ามีอันใดจะกล่าวหรือไม่... สนมหลี่กุ้ยเฟย” น้ำเสียงราบเรียบก่อนจะเน้นที่ละคำในประโยคท้ายอย่างหนักแน่น “ฮองเฮาแน่ใจแล้วหรือเพคะ ว่าจะให้หม่อมฉันทูลทุกอย่างต่อหน้าข้าราชบริพารเหล่านี้ หากมีข่าวแพร่ออกไปอีก ฮองเฮาทรงทนฟังคำนินทาเหล่านั้นได้หรือไม่” หลี่ฟางซินกล่าวพร้อมยิ้มอ่อนๆ หลี่ฟางซินย่อมรู้ดีว่าเย่วลี่อิงคงได้ยินคำนินทาเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนแล้วจึงได้พูดเน้นย้ำ หวังจะกระตุ้นให้นางลงมือทำร้ายตน “คำนินทาเรื่องใดกัน เรื่องที่เจ้าเป็นนางอสรพิษนะหรือ เหตุใดเราจะทนฟังไม่ได้เล่า” เย่วลี่อิงตรัสพร้อมยักไหล่อย่าไม่แยแส มีหรือเย่วลี่อิงจะดูไม่ออกว่า ข่าวลือที่แพร่ออกไปนั้นมาจากผู้ใด หากเป็นแต่ก่อนนางย่อมไม่คิดว่าเป็นสหายคนสนิทของนางเป็นแน่ แต่บัดนี้นางรู้แล้วว่าหญิงที่ยืนตรงหน้านางหาใช่สตรีอ่อนหวานแสนดีอย่างที่นางรู้จักไม่ “หม่อมฉันเป็นนางอสรพิษตั้งแต่เมื่อใดกันเพคะ หม่อมฉันและฝ่าบาทมีใจรักใคร่กันมาเนิ่นนาน หากไม่ใช่เพราะฮองเฮาใช้ความดีของท่านแม่ทัพทูลขอให้ฮ่องเต้องค์ก่อนพระราชทานงานแต่ง วันนี้ตำแหน่งฮองเฮาก็ไม่แน่ว่าจะเป็นของใคร” “เจ้านางแพศยา หากเจ้ามีใจให้ฝ่าบาท แล้วทำไมไม่บอกข้า ยังแสดงแกล้งเป็นแม่สื่อนำของที่ข้ามอบให้ฝ่าบาท ฝากผ่านพี่ชายเจ้าช่วยมอบของให้ฝ่าบาทแทนข้า” เย่วลี่อิงเริ่มพูดด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง “ของอันใดกันเพคะ หม่อมฉันไม่เคยนำของ ของพระองค์มอบให้ฝ่าบาทเลยนะเพคะ ยิ่งให้พี่ชายช่วยส่งแทนให้ยิ่งมิเคย” น้ำเสียงเยาะเย้ยบวกกับรอยยิ้มยียวนของหลี่ฟางซินทำให้เย่วลี่อิงหัวเสียมากขึ้น “นี้เจ้าเอาของของเราไปทิ้งอย่างนั้นหรือ” “ฮองเฮาพูดถึงเรื่องอะไรเพคะ หม่อมฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย พระองค์อย่าได้ใส่ความหม่อมฉันสิเพคะ” “นี้เจ้า”
เดิมทีนางเป็นทายาทของตระกูลแพทย์เทพ แต่จู่ๆ นางก็กลายเป็นบุตรีของภรรยาเอกจากจวนเสนาบดีที่พ่อไม่สนใจใยดีและแม่ก็เสียชีวิตตั้งแต่ยังนางยังเด็ก ในวันที่นางย้อนยุค นางถูกใส่ร้ายว่าเป็นผู้ร้ายตัวจริงที่สังหารฮูหยินจวนโหว นางพยายามพลิกผัน พลิกสถานการณ์ และพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของนาง นางคิดว่าภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกนั้นจบลงแล้ว แต่นางไม่รู้ว่าสิ่งที่นางจะต้องเผชิญคือเหวอันไม่มีที่สิ้นสุด เป็นถึงบุตรีของภรรยาเอกจากจวนเสนาบดีกลับมีอันตรายอยู้รอบตัวมากมาย ทุกคนก็รังแกนางได้ พ่อไม่สนใจนางจะเป็นหรือจะตาย แม่เลี้ยงและน้องสาวต่างแม่สนุกกับการทรมานนาง คู่หมั้นชั่วร้ายของนางอยากจะใช้นางเป็นประโยชน์เพื่อขึ้นไปที่สูง และแม้แต่น้องชายแท้ๆ ของนางยังทรยศนาง นางจึงเริ่มต่อสู้กับคนเจ้าเล่ห์ ข่มเหงแม่เลี้ยงของนาง และดูแลน้องชายและน้องสาวของนาง ดังนั้นนางวางแผนที่จะเล่นงานผู้ชายชั่ว เอาคืนแม่เลี้ยง และแก้แค้นน้องๆ ระหว่างที่นางแก้แค้นนั้น นางมีชีวิตที่มีความสุข แต่กลับไม่รู้ว่าไปยั่วยุคนใหญคนหนึ่งเข้าเมื่อไร เมื่อนางจะทำเรื่องไม่ดีหรือฆ่าคน เขาก็ช่วยนางหมด ในที่สุดนางก็อดไม่ได้ที่ถามออกมาว่า "ท่าน แม้ว่าข้าจะทำลายโลกที่ไม่มความยุติธรรมนี้ ท่านก็จะช่วยข้าเช่นกันหรือ" เขาทำหน้าใจเย็น "ตราบใดที่เจ้าอยู่เคียงข้างข้า แม้ว่าจะเป็นโลกใบนี้ ข้าก็สามารถให้เจ้าได้"
วิญญาณฮองเฮาชั่วร้ายต้องเข้ามาอยู่ในร่างคุณหนูหลินจื่อเว่ยที่ตายโดยไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะต้องต่อกรกับแม่เลี้ยงใจยักษ์และโหดเหี้ยม งานนี้นางจึงต้องงัดฝีไม้ลายมือเก่า ๆ เอามาใช้ เพียงแต่ว่าเรื่องนี้ช่างยากเย็นนัก เมื่อนางมิได้ต่อสู้กับแม่เลี้ยงใจโฉดเพียงคนเดียว เมื่อบัดนี้กลับต้องเผชิญหน้ากับท่านอ๋องคู่หมั้น ที่วิปริตเย็นชาและยังเป็นโรคประสาทบ้าตัณหาผู้หนึ่ง!
"ไง...หลบหน้าผัวมาหลายวัน" คนตัวโตกดเสียงมาอย่างไม่น่าฟัง ยิ่งเธอขัดขืนเขายิ่งเพิ่มแรงบีบที่ข้อมือ "ปล่อยนะพี่ริว พี่ไม่ใช่ ผัว..." เสียงเล็กถูกกลื้นหายในลำคอ เมื่อโดนคนใจร้ายตรงหน้าระดมจูบไปทั้งใบหน้า อย่างไม่ทันตั้งตัว ริวถอนจูบออก เสมองคนตรงหน้าอย่างเย้ยหยัน "ผัว...ที่เอาเธอคนแรกหนะ" "พี่ริว..." เจนิสตะเบ่งเสียงด้วยสีหน้าอันโกรธจัด "ทำไม เรียกชื่อพี่บ่อยแบบนี้ละครับ" ริวเอ่ยพร้อมกับสบตาคนตรงหน้าด้วยสายตาดุดัน "คิดว่าคืนนี้เธอจะรอดเหรอ" ริวตะเบ่งเสียงขึ้นมา จนร่างบางถึงกับชะงัก "ปล่อย...นะ คนเลว" ยิ่งเธอต่อต้านเขายิ่งรุนแรงกับเธอมากขึ้น "เอาดิ...เธอตบ ฉันจูบ..." ริวเอ่ยพร้อมกับจ้องมองด้วยสายตาดุดัน
“นึกดูดีๆ เจ้าเอยเรามีอะไรเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดไหม ตัดคำว่าอาหลานออกไปก่อน ตอนนี้เราก็คือผู้หญิงกับผู้ชายที่มีความต้องการเหมือนกัน ถ้าอาปล่อยให้เจ้าเอยกลับห้องตอนนี้เจ้าเอยก็นอนไม่หลับและอาก็คงเป็นผู้ชายที่โง่มาก”
จางลี่สตรีเกิดมาพร้อมกับความเกลียดชัง บิดามารดาไม่รัก พี่สาวรังเกียจ รอบด้านทำร้ายร่างกาย ชาติภพนี้นางถูกคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีทำร้ายจนตาย เมื่อเกิดพบชาติใหม่อีกครั้ง นางก็ขอตอบแทบพวกเขาอย่างสาสม อย่าคิดว่าชาติภพนี้พวกเขาจะได้อยู่สุขสบาย นางในชาตินี้จะถนอมพวกเขาเป็นอย่างดี “ข้าไม่ใช่คนดี ท่านอย่าได้หวังว่าข้าจะดีเหมือนคนอื่น หากท่านปรารถนา พบสตรีที่ดีก็เชิญไปหาที่อื่น” บุรุษปริศนาที่ติดตามนางจะเลือกเส้นทางไหน แล้วนางจะตอบแทนพวกเขาเหล่านั้นเช่นไร รอพวกเขาหาคำตอบ แต่บอกได้เลยว่านางหาได้ใจดีเหมือนชาติที่แล้วไม่ “ข้าเตือนท่านแล้ว ว่าอย่าได้หวังว่าข้าจะเป็นคนดี”