หนุ่มวิศวะปีสี่ที่ได้ฉายา เสือยิ้มยาก เขาผู้ไม่เคยยิ้มให้ใครแต่กลับยิ้มให้เธอเห็นเพียงคนเดียว จากคนที่ไม่คิดจะรักใครแต่กลับรักเธอจนโงหัวไม่ขึ้น มารู้ตัวอีกทีก็ไม่อยากเป็นแค่รุ่นพี่แล้วแต่อยากเป็น(ผัว)
หนุ่มวิศวะปีสี่ที่ได้ฉายา เสือยิ้มยาก เขาผู้ไม่เคยยิ้มให้ใครแต่กลับยิ้มให้เธอเห็นเพียงคนเดียว จากคนที่ไม่คิดจะรักใครแต่กลับรักเธอจนโงหัวไม่ขึ้น มารู้ตัวอีกทีก็ไม่อยากเป็นแค่รุ่นพี่แล้วแต่อยากเป็น(ผัว)
@มหาวิทยาชื่อดัง
วันเปิดภาคเรียนการศึกษาของมหาวิทยาลัยชื่อดังอันดับต้นๆของประเทศ ที่ขึ้นชื่อเรื่องค่าเทอมที่แพงที่สุด
"แคร์ รอนานหรือเปล่า" เสียงเรียกของเพื่อนสาวคนสนิทคนเดียวของฉันถามก่อนที่เธอจะนั่งลงข้างๆ
"ไม่เลย เรามาก่อนโดนัทแปปเดียวเอง" แปปเดียวที่ว่าคือแปปเดียวจริงๆ หย่อนก้นลงนั่งที่เก้าอี้ม้าหินอ่อนได้แค่ไม่กี่วิเพื่อนสาวคนสนิทก็เรียกชื่อฉัน
เราสองคนเป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่เรียนมัธยมปลาย จนกระทั่งเราสองคนสอบติดคณะแพทย์ศาสตร์ที่เดียวกัน มหาวิทยาลัยเดียวกัน โชคดีสุดๆไปเลย ฉันดีใจที่ได้มีเพื่อนเรียนไปด้วยกัน
"น้องครับ น้องคนสวย" ระหว่างที่ฉันกำลังนั่งคุยกับเพื่อนสาวอยู่ เสียงทุ้มของผู้ชายคนหนึ่งเดินมายืนอยู่ตรงข้างหน้า
"เป็นเฟรชชี่หรอครับ"
ฉันหันไปหาเพื่อนสนิท "เขาถามเราหรอ"
"พี่ถามน้องคนสวยนั้นแหล่ะ" ฉันหันไปหาผู้ชายคนเดิมที่กำลังจะนั่งลงบนเก้าอี้ม้าหินอ่อนตัวตรงข้าม
"เอ่อใช่ค่ะ" ฉันตอบไปแบบเจียมเนื้อเจียมตัวและก็กลัวผู้ชายคนนี้ด้วยเช่นกัน จู่ๆก็เดินมาถามฉันแล้วดูออกด้วยหรอว่าฉันเป็นเฟรชชี่
"คือพี่อยากรู้จักครับ"
"คะ" ฉันเบิกตาโต "ดูสิทำหน้าตกใจยังน่ารัก" ตกใจสิ เป็นใครฉันก็ไม่รู้จัก จู่ๆก็เดินมาถามแล้วยังมาบอกอีกว่าอยากรู้จักฉัน
แรงสะกิดจากเพื่อนสาวคนสนิททำให้ฉันหันไปมอง
"มีอะไร"
"เขาจีบแคร์ชัวร์" โดนัทกระซิบที่ข้างๆหูให้ได้ยินกันสองคน
"เห้ย ไอเดลมันจีบสาวอีกแล้วหว่ะ" เสียงหัวเราะของชายกลุ่มหนึ่งที่กำลังเดินเข้ามาตรงที่ที่ฉันนั่ง มากันสี่ห้าคนพวกเขาใส่เสื้อช็อปน่าจะเรียนวิศวะ แต่มีอยู่คนหนึ่งสูงที่สุดในกลุ่ม โดดเด่นกว่าใครๆ ทั้งรูปร่างและหน้าตา
"ขอโทษด้วยนะครับน้อง..."
ผู้ชายอีกคนเอ่ยถาม คงจะถามชื่อฉัน "แคร์ค่ะ"
"ขอโทษน้องแคร์ด้วยนะครับ ที่ไอเดลเพื่อนพี่มันมาลุ่มล่าม" น้อง?
พวกเขาเป็นรุ่นพี่สินะ
"ไปแดกข้าว" พี่ที่เพิ่งขอโทษฉันไปเมื่อกี้กระชากคอเสื้อพี่คนที่ชื่อเดลให้ลุกขึ้น ใช่พี่เขากระชากเลยแหล่ะ น่ากลัวจัง
"น้องชื่ออะไร เรียนคณะไหน ไอเหี้ยนัทปล่อยสิวะ" แล้วเสียงของกลุ่มพี่ๆก็ค่อยๆหายไป
"มาวันแรกก็โดนรุ่นพี่หนุ่มวิศวะจีบเลยน๊า"
"ไม่ต้องแซวเลย เราไม่ชอบผู้ชายเสื้อช็อปหรอกนะ"
"งั้นชอบคนเสื้อกาวน์งั้นสิ"
"บ้าหรอ" ฉันตอบอย่างเขินอาย ที่โดนัทพูดมามันใช่เลย ฉันชอบผู้ชายที่ใส่เสื้อกาวน์ เพราะเขาดูสุภาพ อ่อนโยน แต่ว่าที่ฉันเลือกเรียนคณะแพทย์ไม่ใช่เพราะตามหาผู้ชายในฝันหรอกนะ ฉันอยากเรียนคณะแพทย์จริงๆ
"แหมไม่ต้องเขินหรอก"
"นี่ ไปเรียนกันเถอะ" ฉันลุกขึ้นแล้วเดินลุกออกจากโต๊ะ ไม่อยากให้เพื่อนสาวแซวอีก
"เขินอะไรนัก เหลือเวลาอีกตั้งครึ่งชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาเรียน"
°°°°°°°°°°
@ตึกคณะแพทย์ (เวลา12.00น.)
"แคร์ ใช่พี่ผู้ชายคนในกลุ่มที่เราเจอเมื่อเช้าหรือเปล่า" โดนัทชี้ให้ฉันดูหลังจากที่เราสองคนหยุดยืนอยู่หน้าตึกคณะ
"ไม่แน่ใจ" เพราะผู้ชายคนนั้นยืนหันข้าง ฉันเลยดูไม่ค่อยออก
"นั่นๆพี่เขากำลังเดินมาทางเรา" ใช่พี่คนในกลุ่มที่เจอกันเมื่อเช้าจริงๆ คนที่ฉันรู้สึกว่าดูโดดเด่นที่สุดในกลุ่ม แต่พี่เขาไม่น่าจะเดินมาหาเราสองคนหรอก น่าจะผ่านมาแถวนี้มากกว่า
"พี่เขามองแคร์ด้วยอ่ะ" โดนัทเขย่าแขนฉัน พี่เขามองฉันจริงๆ และฉันก็มองเขากลับเช่นกัน แต่เขาก็แค่มองแล้วตวัดสายตากลับก่อนจะเดินผ่านเราสองคนไป
°°°°°°°°°°
ของ (หวง) ที่เกิดจากความผิดพลาด นำพาความสับสนที่ทำให้เกิดความว้าวุ่น (ใจ) ทั้งเขา และเธอ "กรี๊ดดดด~" โดนัทหวีดร้องเสียงลั่นหลังจากที่ลืมตาตื่นแล้วเห็นว่ามีใครอีกคนนอนหันหลังให้กับเธออยู่ "โอ๊ย จะร้องทำไม คนจะหลับจะนอน" เดลที่นอนอยู่ข้างๆค่อยๆบิดตัวหันมาเผชิญหน้ากับหญิงสาว โดนัทที่เห็นหน้าของเขาก็ถึงกับเบิกตากว้างตกใจร้องกรี๊ดเสียงดังขึ้นอีกครั้ง "อะไรของเธอ...เห้ย" เดลที่หันมาเห็นโดนัทที่เป็นรุ่นน้องที่มหา'ลัยก็ตกใจรีบดีดตัวนั่ง ก่อนที่เขาจะเป็นคนเปิดคำถาม "โดนัทมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง" "พี่นั่นแหล่ะทำอะไรหนู" เธอถามกลับ เมื่อคืนเขาทำอะไรไปบ้างวะ เนื้อตัวถึงได้เปลือยเปล่ากันทั้งคู่แบบนี้ แล้วแม่สาวพริตตี้ที่เขาดีลกลับมาด้วยเมื่อคืนหล่ะ หายไปไหน ทำไมถึงกลายเป็นสาวรุ่นน้องสาวไปได้ มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ "พี่...จำไม่ได้" เขาบอกเสียงแผ่ว ก่อนจะมองไปรอบๆห้อง อย่างแรกที่เขามองหาก่อนเป็นอันดับแรกเลยคือถุงยาง เขาป้องกันหรือเปล่าเมื่อคืน แล้วยังมาแก้ผ้ากันทั้งคู่แบบนี้คงไม่ใช่แค่นอนจับมือกันแน่ๆ "พี่มองหาอะไร" โดนัทเห็นเขามองรอบๆแล้วก้มลงไปที่พื้นด้านล่างก็นึกสงสัยเลยถาม "ถุงยาง" เธอหูผึ่งทันทีที่ได้ยินคำว่าถุงยาง อย่าบอกนะว่าเขาจะ... โดนัทรีบดึงผ้าห่มเอามาพันตัวแล้วลุกลงจากเตียงจนอีกฝั่งไม่มีอะไรปกปิดตัวเลยสักชิ้น ทำให้เธอที่ยืนอยู่เห็นแก่นกายใหญ่ของเขาที่มันเหี่ยวแห้ง "กรี๊ดดดด ไอพี่บ้า" "กรี๊ดทำไม...เห้ย ชิบหาย" เดลรีบเอาหมอนที่อยู่ใกล้ตัวขึ้นมาปิดตรงนั้น "ดึงผ้าห่มไปแบบนั้นพี่จะห่มอะไร" เดลต่อว่าเธอที่ยืนหันหลังไม่กล้าหันมามอง ก็แน่หล่ะ เธอเห็นของเขาหมดแล้ว "ทำไมไข่พี่ดำจัง" เอาผ้าห่มไปแล้วเธอยังจะกล้าคอมเมนต์ไข่เขาอีกหรอ ชายหนุ่มก้มหน้าลงดูว่าไข่เขามันดำอย่างที่เธอว่าหรือเปล่า "ออกจะขาวสะอาด หันมาดูดิ" เขาท้า "ไม่เอาอ่ะ ดำ สกปรก" นี่เธอมองคนหล่อๆอย่างเขาเป็นคนสกปรกเลยหรอวะ เนื้อตัวขาวสะอาดแบบนี้ เอาอะไรมาสกปรกก่อน เขาที่เห็นเธอยืนหันหลังด้วยความรู้สึกประหม่า ก็นึกอะไรสนุกๆได้ก่อนจะก้าวขาลงจากเตียงค่อยๆย่องไปหาเธอที่ยืนหันหลังให้เขาอยู่ พรึ่บ~ เขารีบไปยืนประจันหน้าเธอ ให้เธอเห็นกับตาอีกที "ตกลงขาวหรือดำ ดู" "กรี๊ด~" ผลั่ก~ "โอ๊ย~" โดนัทหวีดร้องลั่นที่เห็นแก่นกายใหญ่ห้อยโตงเตงไปมา เธอร้องตกใจเผลอถีบเข้าไปที่หน้าท้องแกร่งเต็มแรงจนเขาที่ยืนเท้าสะเอวอยู่ล้มลงไปกองกับพื้น "ทุเรศ ไอพี่บ้า" โดนัทรีบหยิบเสื้อผ้าของเธอที่กองระเกะระกะอยู่บนพื้นแล้วรีบเข้าห้องน้ำไปใส่เสื้อผ้าทันที "ไม่น่าหาเรื่องเลยกู"
หลังจากที่แต่งงานเข้ามาในตระกูลมู่ หลินซีได้ทำหน้าที่เป็นคุณนายมู่ที่ยอมอดทนกับทุกอย่างโดยไม่ปริปากเป็นเวลาสามปี เธอรักมู่จิ่วเซียว จึงยอมอดทนดูแลเขาอย่างเต็มใจ แม้ว่าเขาจะมีคนอื่นอยู่ข้างนอกก็ตามแต่เขากลับไม่เคยเห็นค่าของเธอ เหยียบย่ำความรักของเธอให้แหลกสลาย และถึงขั้นปล่อยให้น้องสาวของเขามอมเหล้าเธอแล้วส่งไปยังเตียงของลูกค้า หลินซีนั้นถึงเพิ่งจะตาสว่างเมื่อรู้ว่าความรักที่มีมานานนั้นช่างน่าขันและน่าเศร้าในใจของเขา เธอไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เข้ามาเกาะเขา เธอจึงทิ้งข้อตกลงการหย่าไว้แล้วจากไปโดยไม่ลังเล มู่จิ่วเซียวมองดูเธอประสบความสำเร็จ กลายเป็นดวงดาวที่ส่องแสงในสายตาของผู้คนเมื่อได้เจอกันอีกครั้ง เธอเต็มไปด้วยความมั่นใจและสงบเสงี่ยม โดยมีผู้ชายที่มีฐานะสูงส่งอยู่เคียงข้าง มู่จิ่วเซียวมองดูใบหน้าของคู่แข่งหัวใจที่ดูคล้ายกับของเขามาก จากนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าในสายตาเธอ เขาเป็นเพียงตัวแทนของคนอื่นในมุมแห่งหนึ่ง เขาขวางทางเธอไว้ “หลินซี คุณเล่นตลกกับผมใช่ไหม”
ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวของเฉียวซิงเฉินหนีไปกับผู้หญิงอีกคน เธอโกรธมาก จึงสุ่มหาชายคนหนึ่งมาแต่งงานด้วยทันที "ตราบใดที่คุณกล้าแต่งงานกับฉัน ฉันก็ยอมเป็นเมียคุณ" หลังจากแต่งงาน เธอได้ค้นพบว่าสามีของเธอคือลูกชายคนโตของตระกูลลู่ที่ขึ้นชื่อว่าไร้ประโยชน์ ชื่อลู่ถิงเซียว ทุกคนเยาะเย้ยว่า "เธอยนี่ช่วยไม่ได้จริงๆ" และผู้ชายที่ทรยศเธอก็มาเกลี้ยกล่อมว่า "ไม่เห็นต้องทำร้ายตัวเองเพราะฉันหรอก สักวันเธอต้องเสียใจแน่ๆ" เฉียวซิงเฉินหัวเราะเยาะและโต้ตอบว่า "ไปให้พ้น ฉันกับสามีรักกันมาก" ทุกคนต่าก็คิดว่าเธอเป็นบ้า ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวตนที่แท้จริงของลู่ถิงเซียวถูกเปิดเผย ที่แท้เขาเป็นคนรวยอันดับต้นๆในโลก ในการถ่ายทอดสดทั่วโลก ชายคนนี้คุกเข่าข้างเดียว ถือแหวนเพชรมูลค่าหลักพันล้าน และพูดช้าๆ ว่า "คุณภรรยา ชีวิตที่เหลือนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ"
ร่างของกัญติญาถูกโยนลงบนเตียงอย่างแรง มือที่ถูกไขว้ไว้ที่ด้านหลังแถมโดนมัดเสียแน่นหนา ทำให้เธอไม่สามารถทำอะไรได้ ส่วนแนวขาอ่อนทั้งสองข้างก็ถูกเขาทุบเบาะๆเพื่อตัดทอนกำลัง ส่งผลให้ขาทั้งสองข้างของเธอไร้เรี่ยวแรงต่อสู้ “เธอจะต้องได้รับโทษที่เธอทำไว้กับฉัน วันนี้เธอจะต้องจดจำไปชั่วชีวิตแน่นอน” กางเกงตัวสวยของเธอถูกถอดออกจากร่างกายตามด้วยอันเดอร์แวร์ โดยกัญติญาไม่ทีทางต่อสู้ได้เลย เธอไม่รู้ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้นกับตน “เธอเตรียมตัวรอรับโทษจากฉันได้เลย” เขาพูดจบพร้อมกับลงโทษให้เธอรู้สำนึกว่าอย่าบังอาจมาทำร้ายคนอย่างเขา ถ้าเขาเจ็บเธอจะต้องเจ็บยิ่งกว่า และมันก็เป็นอย่างที่เขาตั้งใจไว้จริงๆ “อี๊ดดดดดดดดด..” เสียงกรีดร้องที่ไม่สามารถดังออกมาได้เพราะเธอถูกเสื้อที่เขากระชากติดมือมาอุดไว้ที่ปาก ความเจ็บปวดที่แสนทุกข์ทรมานที่เธอไม่เคยเจอมาก่อน น้ำตาของเธอรินไหลออกมาไม่ขาดสาย ร่างกำยำเริ่มเคลื่อนไหวหลังจากที่แทรกเข้ามาในกลีบกุหลาบของเธอ ในภาวะที่เธอยังไม่พร้อมทำให้ร่างกายของเธอเจ็บปวดอย่างที่สุด กลีบกุหลาบที่ไร้ซึ่งน้ำหวานมาชโลมให้ชุ่มฉ่ำ ร่างทั้งร่างเจ็บปวดจนไม่อาจทานทนได้ มีเพียงน้ำตาที่รินไหลออกมาบรรเทาความเจ็บปวดเท่านั้น กัญติญาร้องไห้แทบจะเป็นสายเลือดเพราะความเจ็บระบมกับสิ่งที่เกิดขึ้น บทลงโทษของเขาทำให้เธอจดจำไม่มีวันลืมจริงๆ เขายังคงเคลื่อนไหวร่างกายอย่างต่อเนื่อง แรงถาโถมที่เขาสาดใส่อย่างแรงอย่างไม่กลัวเธอเจ็บปวด เขาทำตามอารมณ์และจินตนาการที่อยู่ในใจของเขา เสียงสะอื้นและกรีดร้องผ่านเสื้อที่ปิดเรียวปากของเธอ ดังออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่เขาหาสนใจไม่ยังคงเคลื่อนไหวบนร่างของเธออย่างไม่หยุดหย่อน จนกระทั่งได้ปลดปล่อยในร่างกายของเธอ รัฐศาสตร์นอนหอบหายใจแรงอยู่ข้างกายเปลือยเปล่าของเธอ หลังจากเสพสมครั้งสุดท้ายเสร็จสิ้น เขาตะแคงหันร่างมาหาเธอที่นอนร้องไห้อยู่ มือหนาไต่ไปตามแนวลำแขนของเธอที่เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อและรอยเขียวจ้ำกระจายอยู่เต็มไปทั่ว “ฉันจะไม่ฆ่าไอ้เคนจิมัน..แต่ฉันจะไล่มันลงเรือแทน และต่อไปนี้ห้ามติดต่อกับมันอีกไม่ว่าจะทางไหนก็ตาม ถ้าฉันรู้เธอเจอหนักกว่านี้แน่ แต่ถ้าเธอคิดหนี พ่อของไอ้เคนจิมันจะต้องหัวใจวายเพราะลูกชายมันแน่นอน” รัฐศาสตร์ลุกขึ้นจากเตียงก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อชำระร่างกาย แต่ก่อนที่เขาจะก้าวลงจากเตียงเขาปลดเสื้อที่มัดข้อมือและเรียวปากของเธอให้เป็นอิสระ และดึงผ้าห่มมาปิดร่างกายให้ กัญติญานอนร้องไห้กับการกระทำของเขา ทำไมโชคชะตาถึงเล่นตลกกับเธอแบบนี้ เคนจิโร่ทำร้ายเธอทั้งคำพูดและร่างกายเป็นบางครั้ง แต่เธอสามารถทนได้เพราะรักเขาและนึกถึงทางาดะบิดาของเคนจิโร่ที่มีบุญคุณกับเธออย่างใหญ่หลวง แต่สำหรับรัฐศาสตร์เธอเองไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องทนและทนไปเพื่ออะไร หญิงสาวนอนร้องไห้จนหลับไปด้วยความอ่อนเพลียและเจ็บปวด นอนเพื่อให้ร่างกายฟื้นตัวเพื่อต่อสู้กับเขาในวันพรุ่งนี้ รัฐศาสตร์เดินออกมาจากห้องน้ำด้วยชุดลำลอง เขาเดินมาหยุดนิ่งที่ข้างเตียง ยืนมองร่างที่หลับใหลของเธอ ใบหน้านวลยังคงมีหยาดน้ำตาแห้งกรังติดอยู่ เสียงสะอื้นดังออกมาเป็นระยะ เขาบอกตัวเองไม่ได้ว่าสิ่งที่เขากระทำลงไปกับเธอเพราะเหตุใด แต่ที่แน่ๆ คือเขาหวง ไม่อยากให้เธอเข้าใกล้ผู้ชายคนไหน ยิ่งเป็นเคนจิโร่ด้วยแล้ว ความหวงของเขามากเป็นเท่าทวีคูณ รัฐศาสตร์เดินออกไปจากห้องนอนทันที เพื่อจัดการบางอย่างให้เรียบร้อย
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
เพิ่งหย่ากับอดีตสามีไปไม่นานแต่ปรากฏว่าตัวเองท้อง จะทำอย่างไรดี? หรือจะให้อดีตสามีรับผิดชอบ แต่ก็ไม่คิดว่าอดีตสามีมีคนรักใหม่ไปแล้ว ชีวิตของถังชีชีนั้นช่างสับสน ช่างน่าวิตกกังวลและไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เธอต้องคอยระวังไม่ให้คุณเฟิงรู้เรื่องการตั้งครรภ์จนกระทั่งคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย แต่ไม่คิดว่าจะถูกเขาบังคับถึงเพียงนี้ "เราหย่ากันแค่สี่เดือน แต่เธอกลับตั้งครรภ์ได้เจ็ดเดือนแล้ว บอกมาดี ๆ ว่า ลูกเป็นของใคร!"
ในระยะเวลาสองปีที่แต่งงานกัน เนี่ยเหยียนเซินจู่ๆ ก็เสนอขอหย่า เขาพูดว่า "เธอกลับมาแล้ว เราหย่ากันเถอะ คุณอยากได้อะไรบอกมาได้เลย" ชีวิตการแต่งงานสองปีสู้อีกคนที่หันหลังกลับมาไม่ได้ ตามอย่างที่คนเขาว่ากัน "คนรักเก่าแค่ร้องไห้สักหน่อย คนรักปัจจุบันก็ย่อมแพ้แน่นอน" เหยียนซีไม่ได้โวยวายอะไร เลือกที่จะตอบตกลงและเสนอเงื่อนไขว่า "ฉันต้องการรถซูเปอร์คาร์ที่แพงที่สุดของคุณ" "ได้" "วิลล่าสุดหรูชานเมือง" "ตกลง" "กำไรหลายพันล้านที่หามาในช่วงสองปีนี้ แบ่งคนละครึ่ง" "อะไรนะ"
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY