เพียงคืนเดียวในห้องนั้นเปลี่ยนชีวิตของเธอไปชั่วนิรันดร์
เพียงคืนเดียวในห้องนั้นเปลี่ยนชีวิตของเธอไปชั่วนิรันดร์
“น่ารักจังเลยเจ้าตัวเล็ก” โจเซฟอุ้มทารกตัวน้อยมากอดอย่างแสนรักแม่หนูช่างน่าฟัดเหลือเกิน พวงแก้มแดงระเรื่อนุ่มนิ่มอดไม่ได้ที่จะเขี่ยเล่นเบาๆ แม้อยากหอมให้ชื่นใจแต่ก็ต้องอดใจไว้เพราะเด็กทารกยังไม่มีภูมิคุ้มกัน
“น้ำนี่คือวอเตอร์ใช่ไหม” เขาหันไปถามคุณพ่อป้ายแดงซึ่งก็คือเพื่อนของเขานั่นเอง
“ใช่แล้ว ตั้งให้เข้ากับลูกพี่ลูกน้อง มีดาวแล้ว มีภูผาแล้ว” บรูโน่ตอบ
“แล้วถ้าคนที่สองล่ะ จะตั้งชื่ออะไร”
“ถ้าผู้หญิงก็ฟ้า ถ้าผู้ชายก็เมฆ” อุษาสวรรค์บอกด้วยเสียงสดใส
“อยากมีเจ้าตัวเล็กมาเข้าแก๊งด้วยจัง” โจเซฟพูดด้วยเสียงหงอยๆ แล้วทั้งห้องก็เงียบไป
โจเซฟ แพทเทอร์สันหอบหัวใจบอบช้ำมารักษาที่เมืองไทย เขาวางแผนเซอร์ไพรส์แฟนสาวที่คบกันมาหลายปีด้วยพิธีหมั้นสุดโรแมนติกมีนักเล่นไวโอลินระดับแนวหน้า กุหลาบแดง แชมเปญและที่สำคัญแหวนเพชรเม็ดงามแต่พอเปิดประตูเข้าไปในห้องนอนกลับเซอร์ไพรส์กว่าเพราะแฟนสาวกำลังทำท่าหมากับผู้ชายอีกคน
“ขอโทษนะคะ หนูไม่คิดว่ามีแขก” ทะเลจันทร์ขออภัยเมื่อเข้ามาในห้องพักฟื้นคนไข้ที่หรูหราไม่ต่างกับโรงแรม เธอคิดว่ามีแค่เจ้านายกับเจ้าตัวเล็ก เธออุตส่าห์กินข้าวให้เร็วที่สุดแล้วรีบมาโรงพยาบาลตอนช่วงพักกลางวันเพราะอยากมาเยี่ยมคนสำคัญในชีวิต
“เข้ามาสิจันทร์ไม่เป็นไรหรอก นี่โจเซฟเพื่อนโน่ คนกันเองทั้งนั้น” อุษาสวรรค์บอกพร้อมรอยยิ้ม
“พี่แพรให้หนูพักสองชั่วโมงครึ่งค่ะ หนูก็เลยแวบมา พี่แอ้มเป็นยังไงบ้างคะ อยากกินอะไรเป็นพิเศษไหมคะหนูจะไปซื้อให้” เด็กสาวไถ่ถามเจ้านายที่นับถือเหมือนพี่สาวด้วยความเป็นห่วง
“ของที่อยากกินมีหมดแล้วจ้ะขอบใจนะ มาหาหลานก็ต้องอยู่กับหลานสิ”
“คุณน้ำน่าชังจังเลยค่ะ” เธอรับทารกตัวน้อยมาจากชายหนุ่ม ถึงเขาจะยิ้มแต่แววตาดูเศร้าเหลือเกิน เขามีเรื่องอะไรไม่สบายใจงั้นหรือ ได้อยู่กับเพื่อนรักแถมยังบินข้ามน้ำข้ามทะเลมาหาหลานอีก ควรจะสดชื่นมากกว่านี้สักหน่อยรึเปล่า ไม่น่าอมทุกข์แบบนี้เลย
“เรียกน้ำเฉยๆ ก็พอจ้ะ ไม่ต้องคุณหรอก พอโตพี่ก็ต้องเอามาทำงานด้วยก็ต้องพึ่งจันทร์และพนักงานทุกคนคอยช่วยอบรมดูแลไม่ให้เหลิงไม่ให้เสียคน” อุษาสวรรค์บอกกับทะเลจันทร์
“มือเล็กจังเลย” เป็นครั้งแรกที่ทะเลจันทร์ได้อุ้มและใกล้ชิดทารกขนาดนี้ มันน่าอัศจรรย์มากที่ทุกอย่างบนร่างกายเด็กแรกเกิดเล็กจิ๋วไปหมด
“น้องจันทร์เป็นพนักงานที่โรงแรม จะมาทำงานแทนแอ้มพักนึง” บรูโน่แนะนำทะเลจันทร์ให้เพื่อนรู้จัก
“อย่าเรียกว่าแทนเลยค่ะ หนูไม่เก่งเท่าพี่แอ้มเทียบไม่ได้สักนิด”
“เราก็เก่งในแบบของเราแหละจันทร์ นี่กินข้าวแล้วใช่ไหม”
“กินแล้วค่ะพี่แอ้ม แล้วพี่แอ้มกับพวกคุณๆ กินรึยังคะ”
“เรียบร้อยกันหมดแล้วจ้ะ แม่เป็นยังไงบ้างล่ะจันทร์”
“ก็ทรงๆ เหมือนเดิมค่ะ”
“คุณแม่ของเธอเป็นอะไรเหรอ” โจเซฟถาม
“จันทร์จะตอบเองหรือจะให้พี่ตอบ”
“หนูตอบเองก็ได้ค่ะ” ทะเลจันทร์อธิบายอาการป่วยของมารดาด้วยภาษาอังกฤษให้เพื่อนของเจ้านายฟัง เธอพยายามพูดให้ถูกหลักไวยากรณ์ เจ้านายทั้งสองจะได้ไม่เสียหน้าเพราะพนักงานของตัวเอง
“ผมเสียใจด้วยนะครับ” โจเซฟบอกจากใจจริง
“ขอบคุณค่ะ”
“พี่ต้องชมนะเนี่ย ภาษาดีขึ้นเยอะเลย สำเนียงก็ชัดกว่าแต่ก่อนมาก”
“หนูฟังคลิปภาษาอังกฤษทุกวันค่ะ ฟังตอนนั่งรถมาทำงานแล้วก็ก่อนนอนด้วยค่ะ”
อุษาสวรรค์รักและเอ็นดูทะเลจันทร์เหมือนน้องแท้ๆ เธอเป็นเด็กรักดีและใฝ่เรียน ถึงจะจบการศึกษาแค่ ปวช. แต่ก็ไม่เคยหยุดหาความรู้ใส่ตัวไม่ว่าโรงแรมจะส่งไปอบรมคอร์สอะไรจะมีชื่อของทะเลจันทร์อยู่ในนั้นเสมอ เด็กแบบนี้ควรส่งเสริมและสนับสนุนเต็มที่
“เราให้สาวๆ คุยกันไปก่อนดีไหม” โจเซฟหันมาชวนบรูโน่เพราะดูท่าทางเด็กสาวอีกคนจะอึดอัดที่มีคนแปลกหน้ารวมอยู่ด้วยซึ่งเขาไม่โกรธเลย คนไม่รู้จักกันแถมเป็นเพื่อนเจ้านายอีก เธอต้องเกรงใจเป็นธรรมดา
“เดี๋ยวมานะครับที่รัก” บรูโน่บอกลาภรรยาแล้วเดินออกไปพร้อมเพื่อน
“ลืมเลย อยู่กับเด็กอ่อนไม่ควรสูบสิเนอะ” โจเซฟหยิบบุหรี่ขึ้นมาแล้วเก็บเข้าที่เดิม ถึงจะออกมาสูบข้างนอกแต่กลิ่นของมันก็ยังติดตัวอยู่ดี
“เลิกได้ก็เลิกเถอะโจ”
“ก็พยายามอยู่แต่ไม่มีอะไรจูงใจ ยิ่งช่วงนี้ยิ่งหนัก” หนุ่มหล่อผมสีน้ำตาลเข้มบอกแล้วถอนใจเบาๆ ถึงจะหนีมาไกลแสนไกลแต่มันก็ไม่ช่วยอะไร ต่อให้ย้ายไปอยู่นอกโลกความเจ็บปวดก็ยังตามมาหลอกหลอนอยู่ดี โจเซฟได้แต่ถามตัวเองว่ามีอะไรที่เขาผิดพลาดหรือด้อยไปแต่ก็ไม่มีคำตอบเพราะไม่ได้ถามแฟนสาวที่นอกใจไปนอนกับผู้ชายคนอื่น เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันเป็นใครเพราะไม่คุ้นหน้าเลย
“แล้วมันจะผ่านไป อย่าแบกไว้นาน” บรูโน่ตบไหล่เพื่อนเพื่อบอกว่าถึงเรื่องมันจะหนักหนาแค่ไหนแต่ก็อย่าปล่อยให้มันมาทำลายชีวิตที่เหลือ เจ็บได้แต่ก็ต้องก้าวต่อไป
“เด็กคนนั้นน่ารักดีนะ ถูกกฎหมายแล้วเหรอ” แม้เพิ่งเคยพบกันแต่ทะเลจันทร์ก็สร้างความประทับใจได้ไม่ยาก อย่างแรกเธอน่ารักแค่มองก็เห็นชัดไม่ต้องวิเคราะห์ให้มากความ เมื่อได้เห็นท่าทางการเดินการพูดก็ยิ่งประทับใจ เธอเป็นเด็กที่นอบน้อมและอ่อนโยนไม่แปลกใจที่เพื่อนชื่นชมให้ฟังอยู่บ่อยๆ
“ถูกกฎหมาย ยังไงโจ”
“ก็ยังเด็กอยู่เลย อายุถึงสิบแปดแล้วเหรอ ประเทศนายต้องคนอายุเท่าไหร่ถึงทำงานได้”
“ก็สิบแปดถึงทำงานที่โรงแรมได้หมายถึงเป็นพนักงานประจำ ส่วนน้องจันทร์อายุยี่สิบแล้ว”
“เหรอ! ไม่น่าเชื่อนะ นึกว่าสิบห้าสิบหก”
“น่าสงสารอยู่กับแม่สองคนแม่ก็ไม่สบายแล้วก็ไม่อยากพูดให้น้องใจเสีย เราว่าแม่คงอยู่ได้อีกไม่นาน เรากับพี่วินพี่แพรแล้วก็แอ้มช่วยทุกอย่างแต่น้องจันทร์ก็เกรงใจบ่ายเบี่ยงตลอด ไม่อยากคิดเลยถ้าแม่จากไปน้องจันทร์จะอยู่ยังไง” บรูโน่ปรับทุกข์กับเพื่อน ถ้าเป็นพนักงานคนอื่นเขาจะไม่ห่วงเท่านี้เพราะโตและมีวุฒิภาวะมากกว่าแต่ทะเลจันทร์เป็นแค่เด็กสาวอ่อนต่อโลกมีแค่เพียงมารดามาทั้งชีวิตเธอต้องเคว้งแน่นอนถ้าวันนั้นมาถึง
“ชีวิตมักจะสร้างบททดสอบยากๆ ให้เราเสมอ” โจเซฟหมายถึงทะเลจันทร์แต่แล้วก็คิดได้ว่าชีวิตตัวเองก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ เขาก็กำลังโดนทดสอบว่าจะผ่านความปวดร้าวครั้งนี้ไปได้ยังไงหรือในสภาพไหน
เขาไม่เคยพบเจอความเจ็บปวดแบบนี้มาก่อน ความรัก ความเชื่อใจ อนาคต ที่สร้างมาแรมปีพังลงภายในพริบตา
“ป่ะ กลับกันเถอะ” ออกมายืนรับลมพักใหญ่ก็ชวนกันกลับไปที่ห้องพักฟื้นเพราะโจเซฟไม่อยากคุยเรื่องแฟนเก่าอีกแล้ว กลับไปหาหลานดีกว่าจะได้หายฟุ้งซ่าน
“หนูกลับก่อนนะคะพี่แอ้ม แล้วเจอกันที่ทำงานนะคะ” ทะเลจันทร์ยกมือไหว้อุษาสวรรค์เพราะต้องกลับไปทำงานถึงแม้จะอยากอยู่ที่นี่ทั้งวันทั้งคืนก็ตาม
“อ้าว! กลับแล้วเหรอน้องจันทร์” บรูโน่เปิดประตูเข้ามาก็เจอทะเลจันทร์พอดี อีกนิดเดียวก็จะชนกันแล้ว
“ค่ะ คุณโน่ หนูขอตัวนะคะ สวัสดีค่ะคุณโจเซฟ”
“กลับด้วยกันไหมครับ ผมก็จะกลับพอดี” โจเซฟชวน ทั้งที่ความจริงไม่ได้คิดเรื่องกลับโรงแรมเลยสักนิดแต่เขาอยากอยู่กับเธอให้นานกว่านี้จะเพื่ออะไรก็ไม่รู้เหมือนกันแต่ที่รู้ก็คืออยากรู้จักเธอให้มากขึ้น ชีวิตของเธอน่าสงสารและน่าสนใจในคราวเดียวกัน
“เอ่อ…คือ” ทะเลจันทร์อึกอักเธอไม่รู้ว่าควรจะตอบยังไง
“ไปกับโจเถอะจันทร์ ไหนๆ ก็ไปที่เดียวกันอยู่แล้ว” อุษาสวรรค์บอก
“ค่ะ หนูขอรบกวนด้วยนะคะ”
รถยนต์คันงามของโจเซฟที่เช่าไว้เคลื่อนออกจากลานจอดรถช้าๆ เขามองซ้ายมองขวาจนแน่ใจถึงค่อยออกรถ ทะเลจันทร์ค่อนข้างประหลาดใจที่เขาสุขุมรอบคอบผิดกับลุคแบดบอยเซอร์ๆ เป็นที่สุด
“ทำงานเป็นยังไงบ้างครับ” โจเซฟชวนคุยเพื่อทำลายความเงียบ
“ดีค่ะ ทุกคนใจดีกับหนูมากๆ ค่ะ ครอบครัวคุณวินคุณโน่ก็ประเสริฐที่สุด ไม่มีวันที่หนูจะชดใช้บุญคุณให้พวกเขาหมดแน่ๆ” ทะเลจันทร์บอกจากใจจริง ไม่ได้ต้องการประจบหรือพูดให้ตัวเองดูดี
“ผมว่าเพราะคุณเป็นคนดีต่างหาก พวกเขาถึงดีกับคุณ”
“ถึงหนูจะเป็นคนดีแต่ถ้าพวกเขาไม่ให้โอกาสหนูก็แย่ค่ะ” ทะเลจันทร์ตอบไปตามที่คิดเพราะสังคมสมัยนี้การเป็นคนดีไม่ได้เป็นเครื่องรับประกันว่าจะได้สิ่งดีๆ ตอบแทน คนแย่ๆ ทำเรื่องร้ายๆ ได้ดิบได้ดีก็เห็นเยอะแยะ
“คุณนี่มองโลกแง่ดีจังเลยนะ” โจเซฟประหลาดใจที่คนแบบเธอยังมองโลกได้แบบนี้
“หนูไม่อยากเพิ่มความทุกข์ให้ตัวเองแค่เรื่องแม่เรื่องเดียวก็พอแล้วค่ะ”
“ท่านเป็นยังไงบ้างครับ”
“อาการทรงๆ ค่ะไม่แย่ลงแต่ก็ไม่ดีขึ้น”
“เคยคิดไหมถ้าแม่ไม่อยู่แล้วจะทำยังไง”
“คิดค่ะ คิดทุกวัน หนูรู้ว่าแม่อยู่ได้อีกไม่นานหรอกแต่หนูก็พยายามดูแลแม่ให้ดีที่สุด”
“แล้วคิดว่าอะไรครับ”
“คิดว่าถ้าแม่ไม่อยู่ก็จะทำงานตอบแทนพระคุณตระกูลดัวร์ต้าให้เต็มที่ค่ะ พวกเขาจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้แม่ทั้งหมดแถมเวลาหนูลางานหรือมาสายก็ไม่เคยว่าหนูสักครั้ง ที่หนูมาสายเพราะบางคืนก็ไม่ได้นอนค่ะบางครั้งแม่จะไอหรือไม่ก็อาเจียนหรือมีไข้ทั้งคืนหนูต้องคอยดูแล”
“คุณเป็นเด็กดีมากทะเลจันทร์” โจเซฟพูดได้แค่นั้นจริงๆ เพราะไม่มีคำไหนที่จะเหมาะกับเธอไปมากกว่านี้
ทะเลจันทร์คิดว่าจะอึดอัดหรือนั่งเงียบกันตลอดทางเพราะเธอกับเขาเป็นคนแปลกหน้าต่อกันแต่ไม่ใช่เลย เขาชวนคุยถามไถ่อย่างเป็นกันเอง ผู้คนรอบตัวที่เธอนับถือส่วนใหญ่จะรวยและเหนือกว่าทั้งนั้นแต่พวกเขาไม่เคยข่มหรือทำให้เธอรู้สึกต่ำต้อยสักครั้ง
ผู้ชายคนนี้ก็เช่นกัน
เธอเชื่อมาเสมอว่าคนแบบเดียวกันจะคบหาหรืออยู่ด้วยกันได้ยาวนาน คุณโจเซฟคงไม่ต่างจากคุณบรูโน่ เขาดูเป็นคนเจ้าชู้แต่ความจริงถ้าได้รักใครก็คงจะรักคนเดียวไม่นอกลู่นอกทาง เธอเห็นตัวอย่างชัดเจนมาเป็นปีที่คุณบรูโน่ถนอมรักเทิดทูนภรรยายิ่งกว่าสิ่งใด
“เจ็บมากไหมครับ” บรูโน่เหยียบเบรกเต็มแรงเมื่อรถคันหน้าปาดเข้ามาเกือบชนกัน ทะเลจันทร์หน้าคะมำแต่เพราะความตกใจหรือสติดีมากก็ไม่รู้ เธอจึงนำมือไปรองไว้ที่หน้าผากตัวเองทำให้หน้าผากไม่โขกกับแผงหน้ารถ
“ไม่ค่ะ คุณล่ะคะ เจ็บตรงไหนรึเปล่า”
“ไม่เจ็บครับ ผมต้องลงไปคุยกับเขาหน่อย คุณรอข้างในดีกว่า”
“ขับรถยังไง ตาบอดเหรอ ก็เห็นอยู่ว่าจะขอเข้าเลนส์ เร่งเครื่องหาเรื่องกูเหรอ” อีกฝ่ายรัวภาษาไทยใส่เป็นชุด โจเซฟฟังไม่ออกแต่จากท่าทางและน้ำเสียงที่ใช้ต้องไม่ใช่การชื่นชมหรือเป็นคำพูดดีๆ แน่นอน
“ใจเย็นก่อนครับ” โจเซฟลองพูดคำสั้นๆ ในภาษาอังกฤษเพื่อดูท่าทีคู่กรณี
“ไอ้พวกหัวทอง คิดว่ามีเงินจะทำอะไรก็ได้ ถุย !”
“เฮ้ ! ทำแบบนี้ …” โจเซฟไม่พอใจมากที่โดนถ่มน้ำลายใส่แม้จะไม่โดนตัวแต่มันไม่สุภาพเป็นการกระทำที่หยาบคายมาก
“คุณไม่ได้เปิดไฟขอทางนะคะ อยู่ๆ ก็แทรกเข้ามา ดีแค่ไหนแล้วที่ไม่ชนกัน” ทะเลจันทร์ทนไม่ไหวจึงออกมาช่วยเจรจา
“อ้อๆ ! เมียฝรั่งสินะ”
“ฉันไม่ใช่เมีย เขาเป็นลูกค้า”
“ฮ่าๆๆ ไม่แปลกใจหรอก เหมาๆ รายวันรึไง”
“ไม่ใช่เรื่องของคุณ รถคุณก็ไม่ได้เสียหาย แยกย้ายกันเลยไหมคะ”
“แต่มันเกือบจะชนกูเลยนะเว้ย ไอ้หัวทองนี่ต้องจ่ายค่าทำขวัญให้กูหน่อยไหม”
“ได้ค่ะแต่ไปจ่ายที่สถานีตำรวจนะคะ สะดวกไหม”
“เฮ้ย ! จ่ายตรงนี้ก็ได้ จะไป สน. ทำไมให้วุ่นวาย”
“ไม่ได้หรอกค่ะ ต้องลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน จะไปไหมคะ”
“กูไม่เสียเวลากับพวกเมียฝรั่งหรอก ถุย !”
“ช่างเขาเถอะค่ะ” ทะเลจันทร์ต้องฉุดโจเซฟไว้เพราะเขาทำท่าจะกระโจนใส่ไอ้หนุ่มหัวร้อน
“มันพูดว่าอะไรบ้าง” โจเซฟโมโหจนหน้าแดง มันต้องพูดเลวๆ แน่นอนแถมยังถ่มน้ำลายใส่ทะเลจันทร์อีก
“เขาจะเอาค่าทำขวัญค่ะ หนูบอกว่าให้ไปตกลงกันที่สถานีตำรวจ เขาไม่ไปค่ะ”
“แล้วอะไรอีก” โจเซฟเห็นสายตาที่มันมองหยามเหยียดทะเลจันทร์แต่ไม่เข้าใจว่ามันมองแบบนั้นทำไมเพราะเธอไม่เกี่ยวด้วยสักหน่อย
“แค่นี้แหละค่ะ เขาพูดวกไปวนมา น่าจะเมาด้วย กลิ่นเหล้าหึ่งเชียว”
“จริงเหรอ มันไม่ได้ว่าอะไรคุณใช่ไหม”
“ไม่ได้ว่าค่ะ ไปกันเถอะ หนูต้องกลับไปทำงาน” ทะเลจันทร์ไม่อยากเอาเรื่องไร้สาระไปเพิ่มให้โจเซฟปวดหัว แค่เรื่องของเขาเองก็คงวุ่นวายพอแล้ว
♡ แรกๆ ก็เอ็นดู หลังๆ ก็อยากให้ดูเอ็น ♡ บางส่วนจากนิยาย: กิตตินอนมองเอมิลี่แต่งตัวอย่างเพลิดเพลินแล้วความคิดซุกซนก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่อยากให้เธอใส่เสื้อผ้าเลยให้ตายสิ อยากถอดเสื้อจัง อยากถอดกางเกงด้วย ชุดชั้นในก็ไม่ต้องใส่หรอกบดบังของสวยๆ ทำไม “แล้วพี่โก้ไม่แต่งตัวเหรอคะ” “แต่ง … แต่งครับ รอเดี๋ยวเดียวนะ” กิตติต้องหยุดความคิดฟุ้งซ่านลงก่อน “พี่โก้ไม่อยากไปใช่ไหมคะ” เอมิลี่เดินกลับไปหาคนที่ยังไม่ลงจากเตียง “อยากครับ ไปสิไปกันเลย พี่แต่งตัวอึดใจเดียวก็เสร็จแล้ว” “ไม่จริงหรอกค่ะ ทำอยู่ตั้งนานกว่าพี่โก้จะเสร็จ” คำเตือน: มีการสูญเสีย มีเหตุการณ์สะเทือนใจ
ตระกูลซูล่มสลาย จวนเจิ้นกั๋วทั้งตระกูลถูกประหารชีวิตในคืนเดียว ชาติก่อน… ซูเฉิงอิ้งถูกน้องสาวหลอกใช้ ถูกชายเจ้าชู้เล่นตลก ชาติก่อน… ซูเฉิงอิ้งใช้ชีวิตอย่างเจียมเนื้อเจียมตัวอยู่แคว้นเป่ยเหลียงสิบกว่าปี แต่กลับถูกกล่าวหาว่าคบคิดกับศัตรู คนทั้งแคว้นเซิ่งถังต่างก็ด่าทอยกใหญ่ ชาติก่อน… ซูเฉิงอิ้งต้องยืนมองน้องสาวกับรักแรกของตนสนิทสนมกัน ครองโลก ส่วนตัวเองกลับโดนประหารชีวิต เลือดสาดตะวัน เมื่อตื่นขึ้นอีกครั้ง… ซูเฉิงอิ้งถือดาบกลับมา ฟาดแรก… ตัดสายเลือด ฟันน้องสาวอกตัญญู ฟาดที่สอง… ตัดความรัก ฟันรักแรกที่หน้าเนื้อใจเสือ ฟาดที่สาม… ตัดคำพูด ฟันทุกเสียงนินทาของเป่ยเหลียงที่บิดเบือนความจริง ฟาดที่สี่… ตงฟางไป๋เยว่ “หรือว่าฮูหยินอยากจะฆ่าสามีผู้นี้ด้วยหรือ” ซูเฉิงอิ้ง“หุบปาก…”
ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวของเฉียวซิงเฉินหนีไปกับผู้หญิงอีกคน เธอโกรธมาก จึงสุ่มหาชายคนหนึ่งมาแต่งงานด้วยทันที "ตราบใดที่คุณกล้าแต่งงานกับฉัน ฉันก็ยอมเป็นเมียคุณ" หลังจากแต่งงาน เธอได้ค้นพบว่าสามีของเธอคือลูกชายคนโตของตระกูลลู่ที่ขึ้นชื่อว่าไร้ประโยชน์ ชื่อลู่ถิงเซียว ทุกคนเยาะเย้ยว่า "เธอยนี่ช่วยไม่ได้จริงๆ" และผู้ชายที่ทรยศเธอก็มาเกลี้ยกล่อมว่า "ไม่เห็นต้องทำร้ายตัวเองเพราะฉันหรอก สักวันเธอต้องเสียใจแน่ๆ" เฉียวซิงเฉินหัวเราะเยาะและโต้ตอบว่า "ไปให้พ้น ฉันกับสามีรักกันมาก" ทุกคนต่าก็คิดว่าเธอเป็นบ้า ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวตนที่แท้จริงของลู่ถิงเซียวถูกเปิดเผย ที่แท้เขาเป็นคนรวยอันดับต้นๆในโลก ในการถ่ายทอดสดทั่วโลก ชายคนนี้คุกเข่าข้างเดียว ถือแหวนเพชรมูลค่าหลักพันล้าน และพูดช้าๆ ว่า "คุณภรรยา ชีวิตที่เหลือนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ"
ในสายตาของเขา เธอเป็นคนขี้โกหก ในสายตาของเธอ เขาเป็นคนไร้หัวใจ เดิมทีถังหว่านคิดว่าเธอคือคนพิเศษหลังจากอยู่กับเสิ่นติงหลานมาสองปี แต่สุดท้ายก็พบว่าตัวเองเป็นแค่ของเล่นที่สามารถทิ้งได้อย่างตามใจเมื่อไม่มีค่าอีกต่อไป จนกระทั่งถังหว่านเห็นว่าเสิ่นติงหลานพาคนรักของเขาไปตรวจครรภ์ เธอจึงยอมแพ้แล้ว เธอหยุดติดตามเขาอีก แต่จู่ๆ เขากลับไม่ยอมปล่อยเธอไป "ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ทำไมคุณไม่ปล่อยฉันไปล่ะ?" ชายผู้เคยหยิ่งยะโสขนาดนั้น ตอนนี้ก้มหัวลงและขอร้องว่า "หวานหว่าน ฉันผิดไปแล้ว โปรดอย่าทิ้งฉันไป"
หลังจากที่แต่งงานเข้ามาในตระกูลมู่ หลินซีได้ทำหน้าที่เป็นคุณนายมู่ที่ยอมอดทนกับทุกอย่างโดยไม่ปริปากเป็นเวลาสามปี เธอรักมู่จิ่วเซียว จึงยอมอดทนดูแลเขาอย่างเต็มใจ แม้ว่าเขาจะมีคนอื่นอยู่ข้างนอกก็ตามแต่เขากลับไม่เคยเห็นค่าของเธอ เหยียบย่ำความรักของเธอให้แหลกสลาย และถึงขั้นปล่อยให้น้องสาวของเขามอมเหล้าเธอแล้วส่งไปยังเตียงของลูกค้า หลินซีนั้นถึงเพิ่งจะตาสว่างเมื่อรู้ว่าความรักที่มีมานานนั้นช่างน่าขันและน่าเศร้าในใจของเขา เธอไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เข้ามาเกาะเขา เธอจึงทิ้งข้อตกลงการหย่าไว้แล้วจากไปโดยไม่ลังเล มู่จิ่วเซียวมองดูเธอประสบความสำเร็จ กลายเป็นดวงดาวที่ส่องแสงในสายตาของผู้คนเมื่อได้เจอกันอีกครั้ง เธอเต็มไปด้วยความมั่นใจและสงบเสงี่ยม โดยมีผู้ชายที่มีฐานะสูงส่งอยู่เคียงข้าง มู่จิ่วเซียวมองดูใบหน้าของคู่แข่งหัวใจที่ดูคล้ายกับของเขามาก จากนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าในสายตาเธอ เขาเป็นเพียงตัวแทนของคนอื่นในมุมแห่งหนึ่ง เขาขวางทางเธอไว้ “หลินซี คุณเล่นตลกกับผมใช่ไหม”
หลิวซือซือผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่นอกจากรูปร่างหน้าตาที่สวยหยดย้อยแล้ว แทบจะไม่มีความสามารถหรือความโดดเด่นในเรื่องอื่น และหากจะว่ากันไปหญิงสาวก็เป็นคนที่ค่อนข้างใสซื่อบริสุทธิ์อยู่ไม่น้อย เพราะได้รับการรับเลี้ยงประดุจไข่ในหินจากผู้เป็นพ่อและแม่ที่มีฐานะไม่ธรรมดา เธอรักในอาชีพนักแสดงแม้พ่อแม่จะคัดค้านแต่สุดท้ายก็ตามใจเธอเพราะไม่ต้องการให้ลูกสาวเสียใจ อยู่มาวันหนึ่งด้วยบทบาทที่ต้องแสดงในซีรีส์ย้อนยุค ทำให้พ่อของเธอหาขลุ่ยโบราณเล่มหนึ่งมาให้ ตั้งแต่ได้รับขลุ่ยมาหลิวซือซือก็มักฝันประหลาด ว่าเธอได้พบผู้ชายคนหนึ่งในเขาเป็นแม่ทัพอยู่ระหว่างสงครามอีกทั้งตนเองยังมีโอกาสช่วยเขาหลายครั้ง ที่น่าประหลาดใจคือ ฝันนั้นของเธอเหมือนจะเป็นความจริงไปแล้ว เขาคือใครและเกี่ยวข้องกับเธอด้วยเหตุใด ทำไมเธอจึงมักฝันประหลาดเช่นนี้???
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
© 2018-now MeghaBook
บนสุด