ทั้งหวานทั้งซิงเสี่ยเลยอยากชิม
ปัจจุบัน
“ฮือๆ” เสียงร้องด้วยความหวาดกลัวเล็ดลอดจากริมฝีปากที่โดนอุดไว้ด้วยผ้าแบบไม่แน่นอะไรนัก เด็กสาวหน้าตาสะสวยพยายามดิ้นรนสุดกำลังให้หลุดจากพันธนาการ เรียวขาช่วงน่องของเธอแยกออกจากกันแล้วโดนผูกไว้กับขาเก้าอี้ส่วนแขนสองข้างถูกไพล่ไปด้านหลังและมัดไว้อย่างแน่นหนา
“อย่าทำ ฮือๆ ได้โปรด” เด็กสาวอ้อนวอนขอความเมตตา
“หนีบซะแน่นเชียวแต่เสี่ยทำให้มันอ้าได้แน่ๆ” มือสากๆ ของชายหนุ่มวัยสี่สิบปลายๆ ลูบไล้ไปที่ต้นขาด้านในของหญิงสาว อีกนิดเดียวเขาก็จะได้สัมผัสจุดสงวนอันหอมหวาน
“ฮือๆๆ” แววตาที่เคยสดใสเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา เธอดิ้น ร้องและเบี่ยงตัวไปทุกทางเท่าที่จะทำได้แต่ผ้าที่มัดก็ยังแน่นอยู่เหมือนเดิม
“จุ๊ๆ ร้องทำไมครับทูนหัว เสี่ยพามาทำอะไรสนุกๆ ไม่เห็นมีอะไรน่ากลัวเลยไม่ร้องนะครับ” ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาผิวขาวสะอาดสะอ้านไล้มือไปตามใบหน้าสวยหวานสมกับชื่อของเจ้าตัว
“ฮือๆ อย่าทำหนูเลย หนูกลัว” เด็กสาวอ้อนวอนขอร้องแทบจะทุกนาทีเผื่อผู้ชายคนนี้จะเห็นใจ
“กลัวทำไมครับ งั้นเรามาเริ่มกันดีกว่าจะได้รู้ว่ามันไม่มีอะไรน่ากลัว”
มือใหญ่ปลดกระดุมเสื้อตัวเองออกแล้วถอดมันไปให้พ้นตัวต่อจากนั้นก็รูดซิปกางเกงสีดำเนื้อดีและก็เช่นเดียวกันมันถูกเหวี่ยงไปที่เดียวกับเสื้อ สายตาวาวฉ่ำมองไปที่เรือนร่างสะโอดสะองของนักศึกษาสาวด้วยความกระหาย
“ซ่วบ” ปากใหญ่ๆ ของผู้ชายที่เรียกตัวเองว่าเสี่ยอมทรวงอกของเด็กสาวเข้าไปจนเกือบหมดเต้า เธอพยายามสะบัดตัวหนีแต่ก็ไม่ให้ผลอะไรนอกจากกระตุ้นอารมณ์ของชายคนนั้นให้มันโหมกระพือหนักขึ้นกว่าเดิม
“หวานจริงๆ ทูนหัว” เขาถึงกับเพ้อในรสหอมหวานของเด็กสาวที่ยังไม่เคยต้องมือชายใดมาก่อน
“ได้โปรด” เธอยังคงพร่ำพูดอ้อนวอนขอความเมตตา
ชายหนุ่มที่นุ่งกางเกงในเพียงตัวเดียวนั่งคุกเข่าแล้วลูบไล้มือไปตามเรือนกายขาวนวลราวไข่ปอกของเด็กสาว ยิ่งมองก็ยิ่งอยากยัดท่อนเนื้อเข้าไปกระหน่ำแทงในทางรักของเธอใจจะขาดแต่เขามันพวกโรคจิตแค่จับซอยกระแทกๆ ให้เสร็จไป มันไม่ใช่การร่วมเพศแบบที่โปรดปราน เขาชอบได้ยินเสียงกรีดร้องเสียงครวญครางเขาชอบมองยามที่ผู้หญิงเสร็จสมและควบคุมตัวเองไม่ได้มันเป็นอะไรที่เร้าใจมาก
“ไม่ๆ อย่า ได้โปรด” เด็กสาวขอร้องอ้อนวอนจนสุดเสียงเมื่อเห็นสิ่งที่ผู้ชายคนนั้นหยิบออกมาจากลิ้นชัก
“ไม่ต้องกลัวนะทูนหัว” ชายหนุ่มหยิบแท่งจำลองของอวัยวะเพศชายออกมาแล้วเปิดระบบสั่น มือหนาออกแรงเพียงครั้งเดียวต้นขาที่เคยหนีบแน่นเข้าหากันก็อ้ากว้างต้อนรับเจ้าดิลโด้ยางสีสวย
“ว๊าย” เด็กสาวกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจเพราะแรงสั่นจากของจำลองที่จี้อยู่บนเม็ดเล็กๆ บนเนินสามเหลี่ยมของตัวเอง
“ดีใช่ไหมทูนหัว”
“ฮือๆ อย่า อ๊ายยย” ทั้งที่หวาดกลัวจับใจแต่มันก็ห้ามไม่ได้เลยที่จะไม่รู้สึกอะไรกับการจู่โจมตรงจุดสงวน เจ้าแท่งจำลองสั่นด้วยจังหวะเร็วไปทั่วกลีบเนื้อของเธอ ผู้ชายคนนั้นลากมันขึ้นลงไปตามรอยแยกสลับกับแช่มันนิ่งๆ ไว้ที่ปุ่มกระสัน
“มะ ไม่ ไม่ อ๊า” ส่วนหัวมนๆ ประมาณสองข้อนิ้วหายเข้าไปในร่องอุ่นแล้วร่างกายของเธอก็กระตุกสั่นรุนแรงยิ่งกว่าเจ้าแท่งเนื้อจำลองนั่นซะอีก
“เก่งมากทูนหัว” ชายหนุ่มปิดระบบสั่นของแท่งจำลอง สองมือจับหัวเข่าของเด็กสาวไว้มั่นแล้วเขาก็ละเลงลิ้นไปที่กลีบเนื้อที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำแสนหวานลิ้นหนาตวัดเลียไปทั่วพูเนื้อนิ่มเพื่อซับทุกหยาดหยดอันแสนบริสุทธิ์และเขาก็ลอบยิ้มเพราะร่างอรชรสั่นสะท้านและครวญครางปิ่มจะขาดใจ
“ฮือๆ พอเถอะค่ะได้โปรด” ร่างบางกระตุกเกร็งอีกครั้ง เธอเพิ่งถึงจุดสุดยอดสองครั้งติดๆ กันและเพลียขึ้นทุกที เกือบชั่วโมงแล้วที่เธอถูกมัดอยู่กับเก้าอี้และดิ้นรนจนสุดแรง
“นี่แค่เริ่มเองครับทูนหัว” ชายหนุ่มลากลิ้นจากจุดสงวนของเด็กสาวขึ้นไปตามลำตัวเรียวระหง ลิ้นสากตวัดเลียเต้านมอีกครั้งเพราะมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะผ่านไปโดยไม่ทักทายทรวงงามที่แสนหอมหวาน
“ฮือๆ” เด็กสาวพยายามปัดป้องทุกทางแต่มันก็ไม่ช่วยอะไรต่อให้สะบัดตัวแค่ไหนเธอก็หนีไม่พ้นการเล้าโลมที่แสนน่ารังเกียจจากชายแปลกหน้า ถ้าแฟนหนุ่มของเธอเป็นคนทำเธอคงไม่รู้สึกหวาดกลัวและขยะแขยงจนอยากอาเจียนแบบนี้
อีกครั้งที่ร่างเล็กๆ ตาเบิกโพลงด้วยความตกใจ ผู้ชายคนนั้นหยิบขนนกออกมาจากลิ้นชักแล้วปัดมันผ่านไปทั่วตัวของเธอด้วยสัมผัสอันแผ่วเบา เธอครางและร้องไห้ในเวลาเดียวกันเพราะมันแยกไม่ได้เลยระหว่างความหวาดกลัวและความเสียวสยิวที่กำลังได้รับ เธอแสนจะอับอายและเกลียดตัวเองที่ดูเหมือนกำลังจะมีอารมณ์กับการร่วมเพศที่แสนวิตถารของผู้ชายจิตป่วยคนนี้
“ยะ อย่า” มือหนาแยกเรียวขาขาวๆ ให้อ้ากว้างอีกครั้ง เม็ดทับทิมถูกสะกิดเบาๆ ด้วยปลายขนนกและเธอก็สะดุ้งเฮือกร้องครวญครางออกมา
“เสี่ยบอกแล้วว่าไม่มีอะไรน่ากลัว” ชายหนุ่มยิ้มด้วยความพอใจและหยิบอุปกรณ์อีกชิ้นออกมา
“อื้ดๆๆๆ” เสียงของอุปกรณ์คล้ายไข่ไก่ใบจิ๋วอยู่ในระบบสั่น
“โอ๊ย” เด็กสาวร้องเสียงหลงเพราะหัวนมโดนหนีบด้วยไม้หนีบ
“ฮือๆ อย่า ได้โปรด อืม โอ้ว” เม็ดทับทิมที่เนินสาวถูกบดบี้ด้วยแรงสั่นจากเจ้าอุปกรณ์ประหลาด เต้านมข้างนึงถูกหนีบไว้ด้วยไม้หนีบส่วนอีกข้างปากของผู้ชายคนนั้นดูดเลียมันอยู่ ยามที่เขาออกแรงคลึงเคล้นหน้าอกข้างที่โดนหนีบไว้มันก็เจ็บแปลบๆ ขึ้นมา
“ซี๊ด ทูนหัว ร้องดังดีจัง” ชายหนุ่มกำลังจะควบคุมตัวเองไม่ได้เมื่อได้เห็นใบหน้าที่บิดเบี้ยวเหยแกด้วยความทรมานจากความเสียวกระสัน
“หยุดเถอะค่ะ ยะ หยุด” เสียงอ้อนวอนแหบแห้งขึ้นทุกที เธอรู้ว่าอีกไม่กี่อึดใจร่างกายก็จะทรยศอีกครั้งเธออยากให้เขาหยุดเธอไม่อยากให้ผู้ชายคนนั้นเข้าใจว่าเธอมีอารมณ์ร่วมกับเกมวิตถารแบบนี้
“ทูนหัว จะเสร็จแล้วใช่ไหม” ชายหนุ่มถามเด็กสาวเสียงกระเส่า
“โอ๊ย แฮ่กๆ” แล้วจู่ๆ เขาก็กัดหัวนมของเธอและมันเป็นจังหวะเดียวกับที่เธอถึงจุดสุดยอดพอดี
“เชิญจ้ะ ตามสบายนะ” กอบสุขบอกด้วยเสียงสั่นๆ เพราะดำรงไม่ได้มาคนเดียวแต่พาเพื่อนมาอีกสองคน “คุณกอบจำเรื่องที่เคยบอกผมได้ไหมครับ” ดำรงถาม “จำได้จ้ะ เรื่องนั้นใช่ไหม” “คุณกอบต้องพูดให้ชัดเจนนะครับ กระซิบบอกผมคนเดียวก็ได้เพราะทุกอย่างจะเกิดขึ้นเพียงทางเดียวเท่านั้นคือคุณกอบยินยอม” “ฉันอยาก xxx” กอบสุขสูดลมหายใจเข้าปอดแล้วเชิดหน้าบอกอย่างมั่นใจ เธอต้องการมันและไม่ใช่เรื่องผิดบาปใดๆ ที่ผู้หญิงอยากทำแบบนี้ หากมันไม่เดือดร้อนใคร ทำไมจะทำไม่ได้ เพื่อนๆ ของดำรงไม่รีรอเมื่อคนชวนมาพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต
♡ แรกๆ ก็เอ็นดู หลังๆ ก็อยากให้ดูเอ็น ♡ บางส่วนจากนิยาย: กิตตินอนมองเอมิลี่แต่งตัวอย่างเพลิดเพลินแล้วความคิดซุกซนก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่อยากให้เธอใส่เสื้อผ้าเลยให้ตายสิ อยากถอดเสื้อจัง อยากถอดกางเกงด้วย ชุดชั้นในก็ไม่ต้องใส่หรอกบดบังของสวยๆ ทำไม “แล้วพี่โก้ไม่แต่งตัวเหรอคะ” “แต่ง … แต่งครับ รอเดี๋ยวเดียวนะ” กิตติต้องหยุดความคิดฟุ้งซ่านลงก่อน “พี่โก้ไม่อยากไปใช่ไหมคะ” เอมิลี่เดินกลับไปหาคนที่ยังไม่ลงจากเตียง “อยากครับ ไปสิไปกันเลย พี่แต่งตัวอึดใจเดียวก็เสร็จแล้ว” “ไม่จริงหรอกค่ะ ทำอยู่ตั้งนานกว่าพี่โก้จะเสร็จ” คำเตือน: มีการสูญเสีย มีเหตุการณ์สะเทือนใจ
อารียา ถูกโชคชะตาชักนำไปสู่บทพิศวาสที่แสนเร่าร้อนบนความเข้าใจผิด ก่อเกิดเป็น ‘รักต้องห้าม’ ที่ไม่อาจต้านทานได้ แล้ว ชีควาคิล จะทำเช่นไร ที่จะทำให้ยอดหญิงที่เป็นดั่งดวงหฤทัย กลายเป็น ‘รักเดียว ตลอดกาล’ มันคงไม่ยากนัก หาก ‘เขา’ ซึ่งเป็นถึงองค์รัชทายาทจะทรงต้องการ ‘นางสนมในฮาเร็ม’ เพิ่มอีกสักคน ถ้าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ ‘เธอ’ ครูสอนภาษาที่เป็นดังกุหลาบงามที่ซ่อนหนามแหลมเอาไว้ภายใน แม้จะทรงมีอำนาจเหนือใคร ก็อย่าหมายมารังแกเธอได้ง่ายๆ แต่ทว่าเขากำลังถือ ‘ไพ่’ เหนือเธอ จึงทรงบังคับขืนใจด้วยไฟแค้น พันธนาการเธอเอาไว้ด้วยเพลิงพิศวาสที่แสนหวาน แล้วครูสาวไร้เดียงสาอย่างอารียา จะสามารถต้านทานบทสวาทขั้นเทพของชีคหนุ่มผู้กระหายในรสรักได้อย่างไร “อ๊ะ...ท่านชีค” เสียงหวานๆ ครางแผ่วออกมาอย่างลืมอายเมื่อท่านชีคผู้แสนจัดเจนในสนามรัก งัดกลยุทธพิชิตกายสาวออกมาใช้กับหญิงสาวอย่างไม่หมกเม็ด เจ้าของเรือนร่างงดงามดุจรูปปั้นเปลือยเปล่าของนักรบเทพเจ้ากรีก ได้จุดประกายไฟพิศวาสให้ลามเลียไปทั่วร่างร้อนผ่าวที่พร้อมจะติดไฟรักได้ทุกเมื่อ แล้วเมื่อใบหน้าหล่อเหลาดุจเทพบุตรแห่งสวรรค์ ฝังจมูกลงมาบนช่อดอกรักอวบอูมกลางกายสาว คนใต้ร่างก็ไม่อาจกลั้นใจ “ท่านชีค อย่าค่ะ ไม่...โอว” ร่างบอบบางบิดเร่าๆสะท้านไหว กลีบดอกไม้ลู่ไปตามทิศทางลมที่พัดโหมจนกลายเป็นพายุสวาทลูกใหญ่ซัดกระหน่ำแทรกลึกซอกซอนเข้าไปยังกลีบดอกรักแสนสวยจนเกสรสีหวานสั่นระรัวและบวมเป่งเพราะอารมณ์เสน่หา
วิญญาณแพทย์นิติเวชที่มีชื่อเสียงในศตวรรษที่ 21 ได้เข้ามาอยู่ในร่างคุณหนูของจวนเสนาบดีอย่างบังเอิญ ผู้คนกล่าวหาว่านางไม่เชี่ยวชาญด้านการแพทย์และทำให้บุตรชายของแม่ทัพตาย ด้วยเหตุนี้ฮ่องเต้ต้องการฆ่านางเพื่อให้คำอธิบายกับแม่ทัพ! ผู้คนกล่าวหาว่านางเป็นคนหยิ่งยโสและเจ้ากี้เจ้าการ ทุกคนเกลียดนาง และครอบครัวของนางต้องการไล่นางออก! ผู้คนกล่าวหาว่านางเป็นคนเลวทรามและไร้ความปรานี วางยาน้องสาว และพ่อของนางต้องการโบยนางจนตาย! ในความเป็นจริงหากอยากจะกล่าวหาผู้ใดสักคน มันก็หาข้ออ้างได้ทั่ว แต่นางเป็นคนไม่ยอมใคร นางผอมบางนางหนึ่งปลุกปั่นโลกด้วยความสามารถอันทรงพลังตนเอง ท่านอ๋องกล่าวว่า หากได้เจ้ามาครอบครอง ข้ายอมทรยศทุกคนในโลก นางกล่าวว่า เพื่อท่าน ต่อให้ทุกคนในโลกเกลียดข้า ข้าก็ยอม
ในวันแต่งงาน เสิ่นเยวียนถูกคู่หมั้นและน้องสาวของเธอทำร้าย และถูกจำคุกเป็นเวลาสามปีด้วยความทุกข์ทรมาน หลังจากได้รับการปล่อยตัวจากคุก น้องสาวผู้ชั่วร้ายได้คุกคามด้วยชีวิตแม่และพยายามให้เธอมอบตัวกับชายชรา อย่างไรก็ตาม เธอได้พบกับเซียวเป่ยหาน ซึ่งเป็นผู้ทรงอิธิพลที่หล่อเหลาและเย็นชาแห่งแห่งสังคมด้านมืด อย่างไม่คาดคิด และชะตากรรมของเธอก็เปลี่ยนไปตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แม้ว่าเซียวเป่ยหานจะเย็นชา แต่เขากลับปฏิบัติต่อเสิ่นเยวียนดั่งเป็นสมบัติล้ำค่า นับแต่นั้นมา เธอจัดการคนเสแสร้ง เอาคืนแม่เลี้ยงและไม่ถูกกลั่นแกล้งอีกต่อไป
หลังจากแต่งงานกันสามปี เจียงหยุนถังพยายามสุดความสามารถเพื่อช่วยชีวิตสามีที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยไม่คาดคิด ว่าเขาได้ละทิ้งเธอเหมือนกับขยะ รับรักแรกของเขากลับประเทศและตามใจเธอทุกอย่าง เจียงหยุนถังที่ท้อใจตัดสินใจหย่า และทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอที่กลายเป็นภรรยาที่ถูกทอดทิ้งจากตระกูลเศรษฐี อย่างไรก็ตาม เธอกลับเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างกะทันหันเป็นหมอเทวดาที่พบเจอยาก "Lillian"แชมป์แข่งรถที่มีฐานแฟนคลับจำนวนมาก และยังเป็นนักออกแบบสถาปัตยกรรมระดับโลกอีกด้วย ชายร้ายหญิงชั่วคู่นั้นเยาะเย้ยเธอว่า เธอจะไม่มีวันหาคู่รักได้ใ แต่ไม่คาดคิดว่าลุงของอดีตสามีของเธอ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดทำกแงทัพกลับมาเพียงเพื่อขอแต่งงานกับเธอ
เสิ่นซือหนิงซ่อนตัวตนไว้ยอมทำทุกอย่างให้ แต่ความจริงใจของเธอกลับถูกสามีทำลายไปหมด และสิ่งที่เธอได้รับนั้นคือข้อตกลงการหย่า ด้วยความผิดหวังเธอจึงหันหลังจากไปและกลายเป็นตัวเองที่แท้จริงอีกครั้ง หลังจากได้เห็นความใกล้ชิดของสามีกับคนรักของเขา เธอก็จากไปด้วยความผิดหวัง จากนั้นเปิดเผยตัวตนที่เป็นนักปรุงน้ำหอมอัจฉริยะระดับนานาชาติ ผู้ก่อตั้งองค์กรข่าวกรองที่มีชื่อเสียง และผู้สืบทอดในโลกแฮ็กเกอร์ อดีตสามีของเธอเลยเสียใจมาก เมื่อเมิ่งซือเฉินรู้ว่าตัวเองทำผิด เขาก็เสียใจมาก หนิง ผมผิดไปแล้ว ให้โอกาสผมอีกครั้งเถอะ ทว่าฮั่วจิ่งชวนขาพิการนั้นกลับลุกขึ้นยืนและจับมือกับเธอว่า "อยากคบกับเธอ นายยังไม่มีค่าพอ"
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น