ทั้งหวานทั้งซิงเสี่ยเลยอยากชิม
ทั้งหวานทั้งซิงเสี่ยเลยอยากชิม
ปัจจุบัน
“ฮือๆ” เสียงร้องด้วยความหวาดกลัวเล็ดลอดจากริมฝีปากที่โดนอุดไว้ด้วยผ้าแบบไม่แน่นอะไรนัก เด็กสาวหน้าตาสะสวยพยายามดิ้นรนสุดกำลังให้หลุดจากพันธนาการ เรียวขาช่วงน่องของเธอแยกออกจากกันแล้วโดนผูกไว้กับขาเก้าอี้ส่วนแขนสองข้างถูกไพล่ไปด้านหลังและมัดไว้อย่างแน่นหนา
“อย่าทำ ฮือๆ ได้โปรด” เด็กสาวอ้อนวอนขอความเมตตา
“หนีบซะแน่นเชียวแต่เสี่ยทำให้มันอ้าได้แน่ๆ” มือสากๆ ของชายหนุ่มวัยสี่สิบปลายๆ ลูบไล้ไปที่ต้นขาด้านในของหญิงสาว อีกนิดเดียวเขาก็จะได้สัมผัสจุดสงวนอันหอมหวาน
“ฮือๆๆ” แววตาที่เคยสดใสเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา เธอดิ้น ร้องและเบี่ยงตัวไปทุกทางเท่าที่จะทำได้แต่ผ้าที่มัดก็ยังแน่นอยู่เหมือนเดิม
“จุ๊ๆ ร้องทำไมครับทูนหัว เสี่ยพามาทำอะไรสนุกๆ ไม่เห็นมีอะไรน่ากลัวเลยไม่ร้องนะครับ” ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาผิวขาวสะอาดสะอ้านไล้มือไปตามใบหน้าสวยหวานสมกับชื่อของเจ้าตัว
“ฮือๆ อย่าทำหนูเลย หนูกลัว” เด็กสาวอ้อนวอนขอร้องแทบจะทุกนาทีเผื่อผู้ชายคนนี้จะเห็นใจ
“กลัวทำไมครับ งั้นเรามาเริ่มกันดีกว่าจะได้รู้ว่ามันไม่มีอะไรน่ากลัว”
มือใหญ่ปลดกระดุมเสื้อตัวเองออกแล้วถอดมันไปให้พ้นตัวต่อจากนั้นก็รูดซิปกางเกงสีดำเนื้อดีและก็เช่นเดียวกันมันถูกเหวี่ยงไปที่เดียวกับเสื้อ สายตาวาวฉ่ำมองไปที่เรือนร่างสะโอดสะองของนักศึกษาสาวด้วยความกระหาย
“ซ่วบ” ปากใหญ่ๆ ของผู้ชายที่เรียกตัวเองว่าเสี่ยอมทรวงอกของเด็กสาวเข้าไปจนเกือบหมดเต้า เธอพยายามสะบัดตัวหนีแต่ก็ไม่ให้ผลอะไรนอกจากกระตุ้นอารมณ์ของชายคนนั้นให้มันโหมกระพือหนักขึ้นกว่าเดิม
“หวานจริงๆ ทูนหัว” เขาถึงกับเพ้อในรสหอมหวานของเด็กสาวที่ยังไม่เคยต้องมือชายใดมาก่อน
“ได้โปรด” เธอยังคงพร่ำพูดอ้อนวอนขอความเมตตา
ชายหนุ่มที่นุ่งกางเกงในเพียงตัวเดียวนั่งคุกเข่าแล้วลูบไล้มือไปตามเรือนกายขาวนวลราวไข่ปอกของเด็กสาว ยิ่งมองก็ยิ่งอยากยัดท่อนเนื้อเข้าไปกระหน่ำแทงในทางรักของเธอใจจะขาดแต่เขามันพวกโรคจิตแค่จับซอยกระแทกๆ ให้เสร็จไป มันไม่ใช่การร่วมเพศแบบที่โปรดปราน เขาชอบได้ยินเสียงกรีดร้องเสียงครวญครางเขาชอบมองยามที่ผู้หญิงเสร็จสมและควบคุมตัวเองไม่ได้มันเป็นอะไรที่เร้าใจมาก
“ไม่ๆ อย่า ได้โปรด” เด็กสาวขอร้องอ้อนวอนจนสุดเสียงเมื่อเห็นสิ่งที่ผู้ชายคนนั้นหยิบออกมาจากลิ้นชัก
“ไม่ต้องกลัวนะทูนหัว” ชายหนุ่มหยิบแท่งจำลองของอวัยวะเพศชายออกมาแล้วเปิดระบบสั่น มือหนาออกแรงเพียงครั้งเดียวต้นขาที่เคยหนีบแน่นเข้าหากันก็อ้ากว้างต้อนรับเจ้าดิลโด้ยางสีสวย
“ว๊าย” เด็กสาวกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจเพราะแรงสั่นจากของจำลองที่จี้อยู่บนเม็ดเล็กๆ บนเนินสามเหลี่ยมของตัวเอง
“ดีใช่ไหมทูนหัว”
“ฮือๆ อย่า อ๊ายยย” ทั้งที่หวาดกลัวจับใจแต่มันก็ห้ามไม่ได้เลยที่จะไม่รู้สึกอะไรกับการจู่โจมตรงจุดสงวน เจ้าแท่งจำลองสั่นด้วยจังหวะเร็วไปทั่วกลีบเนื้อของเธอ ผู้ชายคนนั้นลากมันขึ้นลงไปตามรอยแยกสลับกับแช่มันนิ่งๆ ไว้ที่ปุ่มกระสัน
“มะ ไม่ ไม่ อ๊า” ส่วนหัวมนๆ ประมาณสองข้อนิ้วหายเข้าไปในร่องอุ่นแล้วร่างกายของเธอก็กระตุกสั่นรุนแรงยิ่งกว่าเจ้าแท่งเนื้อจำลองนั่นซะอีก
“เก่งมากทูนหัว” ชายหนุ่มปิดระบบสั่นของแท่งจำลอง สองมือจับหัวเข่าของเด็กสาวไว้มั่นแล้วเขาก็ละเลงลิ้นไปที่กลีบเนื้อที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำแสนหวานลิ้นหนาตวัดเลียไปทั่วพูเนื้อนิ่มเพื่อซับทุกหยาดหยดอันแสนบริสุทธิ์และเขาก็ลอบยิ้มเพราะร่างอรชรสั่นสะท้านและครวญครางปิ่มจะขาดใจ
“ฮือๆ พอเถอะค่ะได้โปรด” ร่างบางกระตุกเกร็งอีกครั้ง เธอเพิ่งถึงจุดสุดยอดสองครั้งติดๆ กันและเพลียขึ้นทุกที เกือบชั่วโมงแล้วที่เธอถูกมัดอยู่กับเก้าอี้และดิ้นรนจนสุดแรง
“นี่แค่เริ่มเองครับทูนหัว” ชายหนุ่มลากลิ้นจากจุดสงวนของเด็กสาวขึ้นไปตามลำตัวเรียวระหง ลิ้นสากตวัดเลียเต้านมอีกครั้งเพราะมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะผ่านไปโดยไม่ทักทายทรวงงามที่แสนหอมหวาน
“ฮือๆ” เด็กสาวพยายามปัดป้องทุกทางแต่มันก็ไม่ช่วยอะไรต่อให้สะบัดตัวแค่ไหนเธอก็หนีไม่พ้นการเล้าโลมที่แสนน่ารังเกียจจากชายแปลกหน้า ถ้าแฟนหนุ่มของเธอเป็นคนทำเธอคงไม่รู้สึกหวาดกลัวและขยะแขยงจนอยากอาเจียนแบบนี้
อีกครั้งที่ร่างเล็กๆ ตาเบิกโพลงด้วยความตกใจ ผู้ชายคนนั้นหยิบขนนกออกมาจากลิ้นชักแล้วปัดมันผ่านไปทั่วตัวของเธอด้วยสัมผัสอันแผ่วเบา เธอครางและร้องไห้ในเวลาเดียวกันเพราะมันแยกไม่ได้เลยระหว่างความหวาดกลัวและความเสียวสยิวที่กำลังได้รับ เธอแสนจะอับอายและเกลียดตัวเองที่ดูเหมือนกำลังจะมีอารมณ์กับการร่วมเพศที่แสนวิตถารของผู้ชายจิตป่วยคนนี้
“ยะ อย่า” มือหนาแยกเรียวขาขาวๆ ให้อ้ากว้างอีกครั้ง เม็ดทับทิมถูกสะกิดเบาๆ ด้วยปลายขนนกและเธอก็สะดุ้งเฮือกร้องครวญครางออกมา
“เสี่ยบอกแล้วว่าไม่มีอะไรน่ากลัว” ชายหนุ่มยิ้มด้วยความพอใจและหยิบอุปกรณ์อีกชิ้นออกมา
“อื้ดๆๆๆ” เสียงของอุปกรณ์คล้ายไข่ไก่ใบจิ๋วอยู่ในระบบสั่น
“โอ๊ย” เด็กสาวร้องเสียงหลงเพราะหัวนมโดนหนีบด้วยไม้หนีบ
“ฮือๆ อย่า ได้โปรด อืม โอ้ว” เม็ดทับทิมที่เนินสาวถูกบดบี้ด้วยแรงสั่นจากเจ้าอุปกรณ์ประหลาด เต้านมข้างนึงถูกหนีบไว้ด้วยไม้หนีบส่วนอีกข้างปากของผู้ชายคนนั้นดูดเลียมันอยู่ ยามที่เขาออกแรงคลึงเคล้นหน้าอกข้างที่โดนหนีบไว้มันก็เจ็บแปลบๆ ขึ้นมา
“ซี๊ด ทูนหัว ร้องดังดีจัง” ชายหนุ่มกำลังจะควบคุมตัวเองไม่ได้เมื่อได้เห็นใบหน้าที่บิดเบี้ยวเหยแกด้วยความทรมานจากความเสียวกระสัน
“หยุดเถอะค่ะ ยะ หยุด” เสียงอ้อนวอนแหบแห้งขึ้นทุกที เธอรู้ว่าอีกไม่กี่อึดใจร่างกายก็จะทรยศอีกครั้งเธออยากให้เขาหยุดเธอไม่อยากให้ผู้ชายคนนั้นเข้าใจว่าเธอมีอารมณ์ร่วมกับเกมวิตถารแบบนี้
“ทูนหัว จะเสร็จแล้วใช่ไหม” ชายหนุ่มถามเด็กสาวเสียงกระเส่า
“โอ๊ย แฮ่กๆ” แล้วจู่ๆ เขาก็กัดหัวนมของเธอและมันเป็นจังหวะเดียวกับที่เธอถึงจุดสุดยอดพอดี
“เชิญจ้ะ ตามสบายนะ” กอบสุขบอกด้วยเสียงสั่นๆ เพราะดำรงไม่ได้มาคนเดียวแต่พาเพื่อนมาอีกสองคน “คุณกอบจำเรื่องที่เคยบอกผมได้ไหมครับ” ดำรงถาม “จำได้จ้ะ เรื่องนั้นใช่ไหม” “คุณกอบต้องพูดให้ชัดเจนนะครับ กระซิบบอกผมคนเดียวก็ได้เพราะทุกอย่างจะเกิดขึ้นเพียงทางเดียวเท่านั้นคือคุณกอบยินยอม” “ฉันอยาก xxx” กอบสุขสูดลมหายใจเข้าปอดแล้วเชิดหน้าบอกอย่างมั่นใจ เธอต้องการมันและไม่ใช่เรื่องผิดบาปใดๆ ที่ผู้หญิงอยากทำแบบนี้ หากมันไม่เดือดร้อนใคร ทำไมจะทำไม่ได้ เพื่อนๆ ของดำรงไม่รีรอเมื่อคนชวนมาพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต
♡ แรกๆ ก็เอ็นดู หลังๆ ก็อยากให้ดูเอ็น ♡ บางส่วนจากนิยาย: กิตตินอนมองเอมิลี่แต่งตัวอย่างเพลิดเพลินแล้วความคิดซุกซนก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่อยากให้เธอใส่เสื้อผ้าเลยให้ตายสิ อยากถอดเสื้อจัง อยากถอดกางเกงด้วย ชุดชั้นในก็ไม่ต้องใส่หรอกบดบังของสวยๆ ทำไม “แล้วพี่โก้ไม่แต่งตัวเหรอคะ” “แต่ง … แต่งครับ รอเดี๋ยวเดียวนะ” กิตติต้องหยุดความคิดฟุ้งซ่านลงก่อน “พี่โก้ไม่อยากไปใช่ไหมคะ” เอมิลี่เดินกลับไปหาคนที่ยังไม่ลงจากเตียง “อยากครับ ไปสิไปกันเลย พี่แต่งตัวอึดใจเดียวก็เสร็จแล้ว” “ไม่จริงหรอกค่ะ ทำอยู่ตั้งนานกว่าพี่โก้จะเสร็จ” คำเตือน: มีการสูญเสีย มีเหตุการณ์สะเทือนใจ
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
ซ่งจิ่งถังรักฮั่วอวิ๋นเซินอย่างลึกซึ้งนานถึงสิบห้าปี แต่ในวันที่เธอคลอดลูกกลับตกอยู่ในอาการโคม่า ขณะที่ฮั่วอวิ๋นเซินกระซิบข้างหูเธออย่างอ่อนโยนว่า "ถังถัง อย่าฟื้นขึ้นมาอีกเลย สำหรับฉัน เธอไม่มีค่าอะไรอีกแล้ว" ซ่งจิ่งถังเคยคิดว่าสามีของเธอเป็นคนอ่อนโยนและรักใคร่ตัวเอง แต่จริงๆ แล้วเขามีแต่ความเกลียดชังและใช้ประโยชน์จากเธอเท่านั้น และลูกๆ ที่เธอเสี่ยงชีวิตให้กำเนิด กลับเรียกหญิงสาวคนอื่นว่า 'แม่' ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนต่อหน้าที่เตียงคนไข้ของเธอ เมื่อซ่งจิ่งถังฟื้นขึ้นมา สิ่งแรกที่เธอทำคือการตัดสินใจหย่าขาดอย่างเด็ดขาด! แต่หลังจากหย่าแล้ว ฮั่วอวิ๋นเซินจึงเริ่มตระหนักว่า ชีวิตที่ผ่านมาของเขาเต็มไปด้วยเงาของซ่งจิ่งถัง หญิงคนนี้กลายเป็นความเคยชินของเขา เมื่อพบกันอีกครั้ง ซ่งจิ่งถังปรากฏตัวในที่ประชุมในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ เธอเปล่งประกายจนทุกคนต้องหันมามอง หญิงคนนี้ที่เคยมีแต่เขาในใจ บัดนี้กลับไม่แม้แต่จะมองเขาอีก ฮั่วอวิ๋นเซินคิดว่าเธอแค่ยังโกรธอยู่ ถ้าเขาเอ่ยปากพูดนิดหน่อย ซ่งจิ่งถังจะต้องกลับไปหาเขาแน่นอน เพราะเธอรักเขาหมดหัวใจ แต่ต่อมา ในงานหมั้นของผู้นำคนใหม่ของตระกูลเพ่ย เขาเห็นซ่งจิ่งถังสวมชุดแต่งงานหรูหรา ยิ้มอย่างเปี่ยมสุขและกอดแน่นเพ่ยตู้พร้อมสายตาที่เต็มไปด้วยความรักใคร่ ฮั่วอวิ๋นเซินอิจฉาจนแทบคลั่ง เขาตาแดงก่ำและบีบแก้วจนแตก เลือดไหลไม่หยุด...
เพราะเพื่อน..เธอจึงต้องทำอะไรลับๆ ล่อๆ เป็นเหตุให้เขาเข้าใจผิดคิดว่าเธอแอบชอบ ในขณะเดียวกัน เธอเองก็คิดว่าเขาเป็นเกย์ เพราะสถานการณ์บางอย่างเช่นกัน แล้วความวุ่นวายก็บังเกิด เมื่อเธอดัน…หลงรักเกย์ ‘ฮื่อ! เป็นเกย์นะเว้ยไม่ได้เป็นหวัด รักษาวันเดียวจะหายได้ไง สู้ต่อไปศิศิรา ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น อย่างน้อยตอนนี้เขาก็ยังไม่มีผัวเป็นตัวเป็นตน เพราะงั้นฉันก็ยังมีหวัง เฮ้อ! อย่างมากก็แค่ผิดหวังล่ะน่า’ ***“สาบานได้ว่าครั้งนี้ผมจะไม่หยุด จนกว่าเรา…จะเป็นของกันและกัน” เขาบอกก่อนจะผละลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ขณะที่สองมือค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อ สองตาก็ยังไม่ยอมเลื่อนไปจากเรือนร่างขาวโพลนตรงหน้า และไอ้สายตาคมกล้าประหนึ่งเสือรอตะครุบเหยื่อของเขาก็ทำให้เธอหนาวๆ ร้อนๆ บอกไม่ถูก “ไม่! เราพวกเดียวกัน เรากินกันไม่ได้” เธอพยายามเตือนสติ เพราะคิดว่าเขาอาจจะกำลังขาดสติ “แต่ผมเคยกินคุณแล้ว แล้วผมก็ชอบกินคุณ” เขาพูดพลางหลุบตามองไปที่แพนตี้ของเธอ ทำเอาเจ้าของแพนตี้ทำตาโต ไม่แน่ใจในคำว่ากินของเขา ที่สำคัญ…กะๆ กินอะไร “มะหมายความว่าไง”
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
【สาวน้อยผู้มีความรักในใจกลายเป็นหญิงสาวที่มีสติปัญญา vs ซีอีโอผู้ตามรักอย่างบ้าคลั่ง】 ในปีที่ห้าของการแต่งงานแบบลับๆ ของเธอ เสิ่นจาวหนิงเห็นสามีของไปเปิดห้องที่โรงแรมกับรักแรกของเขากับตาตนเอง จากนั้นเธอเพิ่งรู้ว่าลี่เยี่ยนซิวแต่งงานกับเธอเพราะเธอดูคล้ายกับรักแรกของเขา เสิ่นจาวหนิงตายใจและหลอกให้ลี่เยี่ยนซิวเซ็นสัญญาหย่า หนึ่งเดือนต่อมา เธอประกาศต่อหน้าผู้คนว่า “ลี่เยี่ยนซิว ฉันไม่ต้องการคุณอีกแล้ว อให้คุณกับรักแรกของคุณจะอยู่ด้วยกันตลอดไป” ลี่เยี่ยนซิวกอดเธอพร้อมน้ำตาคลอเบ้า “เสิ่นจาวหนิง คุณเป็นคนที่เข้ามาหาผมก่อน แล้วตอนนี้คุณจะทิ้งผมง่ายๆ ได้ยังไง?” ****** หลังจากที่เสิ่นจาวหนิงหย่า งานของเธอไปได้ดีขึ้นเรื่อยๆ บริษัทก็เตรียมที่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ ในงานเลี้ยงฉลอง ลี่เยี่ยนซิวก็เข้าร่วมด้วย เขามองอดีตภรรยาที่จับมือผู้ชายอื่นด้วยความหึงหวงอย่างแรง ขณะที่เสิ่นจาวหนิงเตรียมเปลี่ยนชุด เขาก็ตรงเข้ามาหาเธอในห้องลองเสื้อ “ผู้ชายคนนั้นดีขนาดนั้นเลยเหรอ?” เสิ่นจาวหนิงถึงสังเกตเห็นว่าลี่เยี่ยนซิวร้องไห้แล้ว น้ำตาของเขาตกลงบนกระดูกไหปลาร้าของเธอและมันรู้สึกร้อนๆ “เสิ่นจาวหนิง ผมเสียใจแล้ว เราคืนดีกันได้ไหม?”
ทุกคนต่างรู้ดีว่าเจียงว่านหนิงรักเย่เชินมานานหลายปี เธอที่มักจะว่านอนสอนง่ายและน่ารักเสมอ ได้สักลายเพื่อเขาและยอมทนอยู่ใต้อำนาจผู้อื่น เมื่อเธอถูกทุกคนใส่ร้ายจนโดนตำหนิ เขากลับนิ่งเฉยและยังถึงขั้นให้เธอคุกเข่าให้แฟนเก่าของเขาอีกด้วย เธอที่รู้สึกอับอาย ในที่สุดก็หมดหวัง หลังจากยกเลิกการหมั้น เธอก็หันไปแต่งงานกับทายาทพันล้านทันที คืนนั้นเอง ใบทะเบียนสมรสของทั้งคู่ก็กลายเป็นข่าวฮิตบนโลกออนไลน์ เย่เชินที่เคยคิดว่าตัวเองเก่งกาจที่สุดก็เริ่มวิตกและพูดออกมาด้วยความโกรธว่า "อย่าเพ้อฝันไปเลย นายคิดว่าเธอรักนายจริงๆ งั้นเหรอ เธอแค่ต้องการใช้พลังอำนาจของตระกูลฟู่เพื่อแก้แค้นฉันเท่านั้นเอง" ฟู่จิงเซินจูบหญิงสาวในอ้อมกอดและตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจว่า "แล้วจะเป็นไรไปล่ะ ก็พอดีว่าฉันมีทั้งเงินและอำนาจนี่"
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY