เธอเป็นเด็กในบ้านที่ป้านำมาอุปาการะ แต่แล้ววันหนึ่งกลับพลาดท่าให้กับลูกชายคนเดียวของเจ้าของบ้าน ทำให้เขาจำต้องรับผิดชอบด้วยการแต่งงาน ทว่ามันไม่ใช่ความรัก เหตุการณ์เลวร้ายต่างๆเริ่มขึ้นนับตั้งแต่วันนั้น
เธอเป็นเด็กในบ้านที่ป้านำมาอุปาการะ แต่แล้ววันหนึ่งกลับพลาดท่าให้กับลูกชายคนเดียวของเจ้าของบ้าน ทำให้เขาจำต้องรับผิดชอบด้วยการแต่งงาน ทว่ามันไม่ใช่ความรัก เหตุการณ์เลวร้ายต่างๆเริ่มขึ้นนับตั้งแต่วันนั้น
บทนำ
ดาริน…ถูกปลุกให้ตื่นด้วยบางอย่างที่กระตุกถูไถอยู่ช่วงบั้นท้ายและการสัมผัสรบกวนบริเวณอกสวยด้วยมือของใครบางคนพร้อมเสียงครางในลำคอที่เบาจน คล้ายกระซิบอยู่ข้างใบหูงามของเธอ สาวสวยพยายามปรือตาหนักๆขึ้นและกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้องคุ้นเคยนี้ดารินจำได้ทันที คือ ห้องของ “ภากร” ทายาทคนเดียวของเจ้าของบ้านหลังนี้ที่เธอมาขออาศัยอยู่ในช่วงหลายปีมานี้ แรงบีบเค้นหน้าอกที่แรงขึ้นทำให้เธอสะดุ้งจนต้องเอียงตัวเพื่อดูให้แน่ใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น
“พี่ภาค” กรี๊ดดดดดดดด
เสียงกรีดร้องที่ดังพอทำให้อีกคนตื่นจากภวังค์ กายเปลือยเปล่าล่อนจ้อนของทั้งคู่ที่กอดก่ายกันอยู่นั้นแทบจะผละออกจากกันทันทีเมื่อสบสายตากัน ความงุนงงตกใจแล่นเข้ามาในหัวของชายหนุ่ม เขาทำหน้าอย่างกับเห็นผี พยายามขยี้ตาและหันมองไปรอบๆ ตัว เพื่อเรียกสติให้ตัวเอง
“นี่มัน เกิดอะไรขึ้น แล้วทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้… ไม่สิฉันมาอยู่ที่นี่ได้ไง”
ชายหนุ่มพึงพำออกมาขณะที่สายตายังจับจ้องไปที่สาวสวยหน้าตาจิ้มลิ้มร่างเปลือยเปล่าตรงหน้าไม่วางตา…และจ้องมองเลื่อนต่ำลงไปถึงอกตูมนั่น รอยจ้ำแดงทั่วหน้าอกสวยนั้น นั่นเป็นหลักฐานชี้ชัดว่าเมื่อคืนต้องมีอะไรเกิดขึ้นระหว่างพวกเขาทั้งคู่
ดารินที่กำลังจ้องชายหนุ่มคุ้นเคยตรงหน้าได้สติรีบดึงผ้าห่มมาคลุมร่างเปลือยของตัวเอง และหันหลังให้ชายหนุ่มด้วยความเขินอายทันที ขณะที่สมองก็เริ่มทบทวนความจำถึงเหตุการณ์เมื่อคืน ทำไมเธอถึงได้มานอนอยู่ที่นี่และมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง ยิ่งคิดน้ำตาก็เริ่มไหลอาบพวงแก้มงาม สาวน้อยจำอะไรไม่ได้เลยกับเรื่องเมื่อคืน
ก๊อก ก๊อก ก๊อกกกก ปัง ปัง เสียงเคาะประตูดังขึ้น ที่จริงแล้วมันมันดังคล้ายจะพังประตูเข้ามาเลยล่ะ
“เมย์ อยู่ในนั้นหรือเปล่าลูก แกไปเอากุญแจสำรองมาซิ! ฉันได้ยินเสียงลูกสาวฉันร้องมาจากห้องของคุณภาค ต้องเป็นยัยเมย์แน่ๆ ” สาวสวยวัยกลางคนหันมาออกคำสั่งกับสาวรับใช้ในบ้าน
“ค่ะ คุณผู้หญิง” สาวใช้รับคำและรีบวิ่งไปเอากุญแจสำรองของบ้าน ไม่นานเกินรอหล่อนก็วิ่งกลับมาพร้อมพวงกุญแจพวงใหญ่
เสียงคนหลายคนโหวกเหวกอยู่หลังประตูนั่น คล้ายจะพังประตูกันเข้ามา ทั้งคู่หันมาสบตาเลิ่กลั่กกันอีกครั้ง เมื่อแน่ใจแล้วว่าคนหลังประตูบานนั้นไขกุญแจเข้ามาได้ ดารินรีบแทรกตัวมาด้านหลังของชายหนุ่มเพื่อหาที่กำบังร่างเปลือยเปล่าของตน พร้อมซบหน้าลงกับแผ่นหลังกว้างของเขา
แกรกกก เสียงประตูเปิดออก พร้อมกับเจ้าของเสียงโหวกเหวกนั่นถลาตัวเข้ามาทันที โดยคนอื่นๆ อีก 4-5 คน ยังยืนอยู่ด้านนอก ไม่กล้ามองเข้ามาตรงๆภายในห้องของชายหนุ่มแม้จะอยากมองก็ตาม
“ยัยเมย์ คุณภาค โอ้ยยยฉันจะเป็นลม นี่คุณทำอะไรลูกสาวน้าคะ” หญิงวัยกลางคนเอ่ยขึ้นเมื่อเดินเข้ามาในห้องของภากร ด้วยสีหน้าตกใจสุดขีดกับภาพตรงหน้า และไม่คิดว่าจะมีวันนี้
“แม่….โวยวายอะไรแต่เช้าคะ กะจะปลุกคนทั้งบ้านเลยหรือไง”เสียงแหลมนั่นโวยวายอยู่ด้านหลังของโฉมลดา ทุกคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นต่างหันมองตามเสียงแหลมนั่น
“คุณเมย์”
“ยัยเมย์ ถ้าแกอยู่ตรงนี้แล้วนั่นใครที่อยู่กับคุณภาค อย่าบอกนะว่านั่น…”
คำโปรย :“ไม่น้อยไปหน่อยเหรอสำหรับค่าเปิดซิง” “แน่ใจเหรอที่พูด…แสนเดียวฉันก็เสียดายเงินจะแย่อยู่แล้วกับผู้หญิงแบบเธอ..หึ!!” เรื่องย่อ ให้รักมัดใจ มาลีรินทร์ (ริน) เด็กสาวที่เติบโตในครอบครัวนักธุรกิจที่เพียบพร้อมทุกอย่าง หลังจากที่เธอเดินทางกลับมายังประเทศไทยเธอก็ปวารณาตัวว่าจะนั่งกินนอนกินใช้เงินจากกงสีอย่างไม่ต้องใช้ความรู้ความสามารถที่ร่ำเรียนมาให้เหนื่อย กระนั้นจึงทำให้เธอถูกตัดออกจากกองมรดก ทำให้มาลีรินทร์ต้องแสวงหาชีวิตใหม่ที่สามารถให้เธอได้มากกว่าเงินกงสีที่เคยได้ เธอเริ่มภารกิจด้วยการเดินหน้าเข้างานสังคมเพื่อมองหาใครสักคน โดยใช้ความสวยน่ารัก ความฉลาดและเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์พร้อมกับสินทรัพย์อันมีค่าของเธอเข้าแลกภายใต้เงื่อนไขที่เธอจะต้องเกิดความพอใจสูงสุด จนกระทั่งในคืนหนึ่งที่เธอได้เจอกับนักธุรกิจหนุ่มผู้มีสินทรัพย์ระดับแสนล้าน เธอตัดสินใจมอบดอกไม้แรกแย้มของเธอให้กับแอนดี้ อดิรัตน์ เจ้าของสโมสรทีมฟุตบอลระดับโลกผู้มีสินทรัพย์มหาศาลเพื่อที่จะผูกมัดเขาให้อยู่หมัด อย่างไม่ลังเล และเริ่มเข้าไปมีส่วนร่วมในชีวิตของเขา โดยที่มาลีรินทร์ไม่รู้เลยว่าสิ่งที่เธอวิ่งเข้าหานั้น จะเป็นสิ่งเดียวกันกับที่เธอวิ่งหนีมาตลอดทั้งชีวิตของเธอ...แอนดี้..ผู้ชายที่สาว ๆ ต่างใฝ่ฝันอยากจะครอบครอง ทว่าแท้จริงแล้วเขาเป็นยิ่งกว่าซาตาน เสียอีก…
“ทุกคำรักแค่หลอกให้เธอตายใจแม้กระทั่งยามนอนกกกอดครามก็มองดาวเหนือเป็นแค่เงาและตัวแทนของคนรักเก่าเท่านั้น” ครามที่ใช้ชีวิตเหมือนตายทั้งเป็นหลังจากที่เขาสูญเสียภรรยา วันนึงเขาเจอกับดาวเหนือ หญิงสาวที่มีใบหน้าคล้ายเมียเก่า เขาจึงวางแผนเข้าหาและครอบครองทันที โดยที่นางเอกไม่รู้เลยว่าคนรักไม่เคยรักที่เธอเป็นเธอสักนิด
เมลดา สาวไฮโซสุดฮอต ดีกรีนางแบบดังระดับอินเตอร์ น้องสาวคนเล็กของบ้าน หลังเรียนจบกลับมาปักหลักและรับงานในวงการบันเทิงที่ไทย เรื่องราววุ่นวายเริ่มเกิดขึ้นหลังจากพลาดไปมีความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนกับตำรวจหนุ่มฮอต ที่ดันเป็นเพื่อนสนิทของพี่ชายตัวเอง และดันอยากเป็นสุภาพบุรุษรับผิดชอบกับความสัมพันธ์ครั้งนี้ ความรักและความผูกพัน ที่ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วและทำท่าว่าจะไปได้ดี แต่กลับมีเรื่องราวมาทดสอบความรักของพวกเขา โชคชะตาที่ทำให้เธอต้องเจอกับเรื่องราวเลวร้ายจนสูญเสียความทรงจำและเสียลูกไปในเวลาเดียวกัน การสูญเสียความทรงจำครั้งนี้ เธอลืมแม้กระทั่งความรัก เขาจึงต้องทำทุกวิถีทางให้รักนั้นกลับคืนมาอีกครั้ง เมื่อเขาคือรักแรกของเธอ และเธอคือรักสุดท้ายของเขา….. เรื่องราวของเมลดากับชานนท์ ไรท์มองว่าเป็นเรื่องราวของโชคชะตาและพรหมลิขิตที่ไม่ว่าจะเกิดเรื่องราวอะไร หรือต้องรีเซ็ตเพื่อเริ่มใหม่อีกครั้ง สุดท้ายทั้งคู่ก็วนกลับมาเจอและรักกันใหม่ทุกครั้ง มันเป็นความรักที่เกิดขึ้นครั้งแล้ว ครั้งเล่า ไม่รู้จบ เรื่องนี้เป็นเรื่องราวภาคต่อจาก เงาซ่อนรัก Love Shadow ( เนื้อเรื่องไม่ต่อเนื่องกัน)
เมื่อเซิ่งหนิงเตรียมจะบอกฮั่วหลิ่นเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ของเธอ ทว่ากลับพบเขาช่วยพยุงผู้หญิงอีกคนลงจากรถอย่างเอาใจใส่... เคยคิดว่าตนเองอยู่เคียงข้างฮั่วหลิ่นคอยดูแลเขามาสามปี สักวันหนึ่งเขาจะมาสามารถสร้างความประทับใจให้กับเขา แต่สุดท้ายเป็นตนเองที่คิดเองเออเองไปฝ่ายเดียว เซิ่งหนิงตายใจแล้วจากไป สามปีต่อมา ข้างกายของเธมีผู้ชายอีกคนหนึ่ง และฮั่วหลิ่นเสียใจมาก เจาพูดด้วยความโศกเศร้า "เซิ่งหนิง เรามาแต่งงานกันเถอะ" เซิ่งหนิงยิ้มอย่างเฉยเมย "ขออภัยนะคุณฮั่ว ฉันมีคู่หมั้นแล้ว"
'เพียงแรกสบตา มาร์โคก็สัญญากับตัวเองว่าจะต้องได้หล่อน แต่เมื่อความสนิทเสน่หาที่หยิบยื่นให้ ถูกแทนที่ด้วยการหลอกลวง อสูรร้ายที่หลับใหลมายาวนอนจึงตื่นขึ้น เพียงเพื่อจะมอบ อาญาสวาท ให้กับสาวน้อย เฉกเช่น ตยาคีย์ “รู้ไหมว่าตอนนี้ผมเห็นคุณเป็นอะไร” เขาแสยะยิ้ม ในขณะที่หล่อนได้แต่น้ำตาคลอ “นางกากียังไงล่ะ...!!!” ชายหนุ่มฉีกกระชากเสื้อผ้าออกจากร่างบางอย่างอำมหิต มือหนาสีอำพันบีบเคล้นทรวงอกอิ่มอย่างป่าเถื่อน ไร้ความปรานี เนิ่นนานกว่าเขาจะปล่อยให้หล่อนเป็นอิสระ “นี่แค่น้ำจิ้ม... อาหารจานหลักน่ากินกว่านี้เยอะ สาวน้อย...”
เมื่อย้อนเวลามาอยู่ในยุคโบราณที่ผู้ชายล้วนมีสามภรรยาสี่อนุ จื่อรั่วอิงจึงมองหาบุรุษที่จะทำให้นางใช้ชีวิตอย่างสงบสุขและได้รู้ว่ามีอ๋องผู้หนึ่งไร้ภรรยาและตาบอดเขาคือคนไม่มีใครเอา"สวรรค์ให้ทางรอดข้าแล้ว" นิยายเรื่องนี้เป็นแนวสุขนิยม ปมเบา ๆ ไม่หนัก นะคะ พระเอกมีเมียเดียว พระเอกสายซึนคลั่งรักนางเอกแต่ไม่รู้ตัว นางเองจอมตื๊อเพื่อทำให้สามีรักสามีหลงขนความฮามาพร้อม ๆ กับบ่าวรับใช้และครอบครัว แนวขบขัน สายฮา สายตลกไม่ควรพลาดค่ะ ซีไซต์ นักเขียน
หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง
ในวันแต่งงาน เสิ่นเยวียนถูกคู่หมั้นและน้องสาวของเธอทำร้าย และถูกจำคุกเป็นเวลาสามปีด้วยความทุกข์ทรมาน หลังจากได้รับการปล่อยตัวจากคุก น้องสาวผู้ชั่วร้ายได้คุกคามด้วยชีวิตแม่และพยายามให้เธอมอบตัวกับชายชรา อย่างไรก็ตาม เธอได้พบกับเซียวเป่ยหาน ซึ่งเป็นผู้ทรงอิธิพลที่หล่อเหลาและเย็นชาแห่งแห่งสังคมด้านมืด อย่างไม่คาดคิด และชะตากรรมของเธอก็เปลี่ยนไปตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แม้ว่าเซียวเป่ยหานจะเย็นชา แต่เขากลับปฏิบัติต่อเสิ่นเยวียนดั่งเป็นสมบัติล้ำค่า นับแต่นั้นมา เธอจัดการคนเสแสร้ง เอาคืนแม่เลี้ยงและไม่ถูกกลั่นแกล้งอีกต่อไป
เธอถูกบังคับแต่งเข้าตระกูลเสิ่น ทุกคนต่างก็คาดหวังว่าเย่ชิงซีจะสามารถให้กำหนดลูกของคุณชายเสิ่น เสิ่นเซียวเหยาได้ ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในอาการหมดสติ เดิมที่เธอคิดว่าเธอคงจะต้องอยู่เป็นหม้ายไปแบบนี้ตลอดชีวิตนี้แล้ว แต่ไม่คิดว่าสามีเจ้าชายนิทราของเธอกลับฟื้นขึ้นมาได้! ชายหนุ่มลืมตาขึ้น จ้องมองไปยังเธอด้วยสายตาที่เย็นชา "คุณเป็นใคร?" "ฉันเป็นภรรยาของคุณ..." เสิ่นเซียวเหยามีสีหน้างุนงง "ทำไมผมถึงจำไม่ได้ว่าผมมีภรรยาแล้ว ผมไม่ยอมรับการแต่งงานนี้ พรุ่งนี้ผมจะให้ทนายมาจัดการเรื่องหย่า" ถ้าไม่ใช่เพราะคนในตระกูลเสิ่นเข้ามาหยุดเขาไว้ เธอคงจะกลายเป็นภรรยามหาเศรษฐีที่โดนทิ้งในวันที่สองหลังจากการแต่งงานไปแล้ว ต่อมาเธอตั้งครรภ์และวางแผนว่าจะออกไปจากตระกูลเสิ่นอย่างเงียบๆ แต่ชายหนุ่มกลับไม่ยอมปล่อยเธอไป เย่ชิงซียืนยัน"เสิ่นเซียวเหยา คุณรังเกียจฉันมากนักไม่ใช่เหรอ ฉันต้องการหย่า!" เขาลดท่าทีที่เย่อหยิ่งมาโดยตลอดลงและเข้าไปกอดเธอไว้ในอ้อมแขน "ในเมื่อคุณแต่งงานกับผมแล้ว คุณก็เป็นคนของผม คิดจะหย่างั้นเหรอไม่มีทางน่ะ!"
© 2018-now MeghaBook
บนสุด