คำโปรย สาวหม้ายขันหมากช้ำรัก..จนต้องหนีไปเลียแผลใจบนเกาะทางใต้..ได้พบกับนายหัวหนุ่มปากแซ่บที่เข้ามาจิกกัดพร้อมป่วนหัวใจ จนมีความสัมพันธ์อย่างรวดเร็ว รักเก่าก็ตามมา รักใหม่ก็แซ่บกว่า คนสวยก็เลยวุ่นวายเลยทีนี้ เรื่องย่อ หญิงสาวม่ายขันหมากเพราะดันไปพบเข้าว่าว่าที่เจ้าบ่าว (แอนดี้/อดิรัตน์) ซึ่งเป็นคู่หมั้นของเธอกำลังทำบางสิ่งในคืนวันงานสละโสด ทำเอาเธอรับไม่ได้ถึงกับถอนหมั้น ทิ้งงานแต่งแล้วลาพักร้อนอย่างไม่มีกำหนดมาอยู่กับตัวเองบนเกาะเกือบร้าง จนมาพบเข้ากับไลฟ์การ์ดสุดเท่ห์อย่าง (กร/กรรฐา) ซึ่งก็เคยพบเจอกับเหตุการณ์อย่างเช่นที่ (มัท/มาธ่า/มัทนา) เจอมาแล้ว ด้วยความเหมือนจึงเข้าอกเข้าใจกันอย่างรวดเร็วทำให้คนทั้งคู่เริ่มมีใจให้กันทีละน้อย เมื่อกระทั่งความรักของทั้งสองสุขงอมพร้อมที่จะปล่อยอารมณ์ไปกับความสัมพันธ์อันลึกซึ้งในทิศทางที่ดี ทว่าก่อนหน้านั้นอดีตคู่หมั้นได้จ้างนักสืบเอกชนให้พลิกแผ่นดินหาเธอ จนนักสืบ (เอ/เอศรา) เอจ้างเรือข้ามฟากติดตามมาธ่ามายังเกาะส่วนตัวเกาะหนึ่งซึ่งตนเคยมาถึงเมื่อนานมาแล้ว ‘เกาะอัณยา’ จนเอได้พบกับกร เพื่อนเก่าที่ไม่ได้พบเจอกันมาหลายปี เอบอกเล่าเรื่องราวที่ตนมีภารกิจมาตามหามาธ่า โดยเอรู้เพียงแต่ว่ามาธ่านั้นเป็นเพียงนักท่องเที่ยวที่หนีมาหลบเลียแผลใจ ทำให้กรหวั่นไหวไปกับสิ่งที่ได้รับรู้มาเป็นอย่างมาก เพราะกรนั้นก็เคยมีแผลเป็นที่หัวใจฝังติดมาจากอดีตเช่นกัน บนความรู้สึกที่คลอนแคลนยิ่งทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นเมื่อทั้งแอนดี้และริน (รินทร์/มาลีรินทร์) ต่างก็เดินทางมาที่เกาะอัณยาเพื่อตามหาหัวใจตนเองเช่นกัน
“Do you marry me ?” 1
“ค่ะ มัทถูกใจชุดมากค่ะ ตรงกับใจของมัทที่ออกแบบไว้ทุกตารางนิ้วเลย ไม่มีอะไรต้องแก้แล้วล่ะค่ะ สวยถูกใจเหมือนได้ตัดเองกับมือขอบคุณมากนะคะ”
มัทนาว่าที่เจ้าสาวป้ายแดงใช้สายตามองเกลี่ยลงบนชุดสีขาวซึ่งใส่สวมทับอยู่บนหุ่นโชว์ตรงหน้าของเธอ น้ำเสียงเอ่ยกับปลายสายอย่างพึงพอใจในรายละเอียดทุกกระเบียดนิ้วอย่างอิ่มเอมใจ เธอค่อย ๆ ไล้เรียวนิ้วมือของตนเองลงสัมผัสกับแพรพรรณสีขาวไข่มุกซึ่งถูกตัดเย็บด้วยความปราณีตจนออกมาเป็นชุดแต่งงานที่เธอเป็นผู้ออกแบบและเลือกเนื้อผ้าด้วยตนเองทุกขั้นตอน
เสียอย่างเดียวที่เธอไม่ได้ลงมือตัดเย็บมันด้วยตัวเอง เพราะเธอต้องใช้เวลาไปตระเตรียมงานในส่วนต่าง ๆ ไม่เช่นนั้นชุดแต่งงานเพียงเท่านี้ก็ไม่คณามือของดีไซเนอร์ดีกรีห้องเสื้อรันเวย์มิลานอย่างมัทนาไปได้
“คุณมัทจะไม่ลองสวมหน่อยเหรอคะ ถ้าหากว่ามีสัดส่วนตรงไหนต้องแก้ หนูจะได้เอากลับไปให้ช่างปรับปรุงให้ค่ะ” ธิดาเกริ่นกับหญิงสาวเจ้าของชุดที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเธอ
“ไม่เป็นไรจ้ะ ฉันโอเคแล้ว ทุกอย่างเพอร์เฟคดีแล้ว” มัทนาตอบพลางก็พยักหน้าเบาๆ เป็นคำตอบให้แก่ธิดา พนักงานสาวผู้ซึ่งเป็นธุระนำชุดมาส่งให้เธอถึงที่โดยที่เธอไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปยังสตูดิโอ
“ดีใจที่คุณมัทชอบนะคะ...คุณมัทต้องเป็นเจ้าสาวที่สวยมากแน่ๆ เลยล่ะค่ะ” ธิดาเอ่ยพูดไปตามจริงอย่างที่เธอคิด
เพราะจากสายตาของธิดาแล้วมัทนาเป็นผู้หญิงที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ทั้งที่มองดูเพียงผิวเผินจากทางด้านหลัง เรือนร่างเพรียวบางของเธอที่ได้สัดส่วนสวยดูมีสุขภาพดี ทั้งผิวสีน้ำผึ้งของเธอก็ขับให้ผ้าเนื้อสีขาวมุกที่ใช้ตัดเย็บชุดดูสุกใสเป็นประกายสวยงาม
“ขอบใจมากจ้ะ”
มัทนาละสายตาที่มองชุดหันมายิ้มให้ธิดา ใบหน้าที่ถูกแต่งแต้มด้วยสีสันที่เป็นธรรมชาติรับกับสีของลูกเชอรี่ที่ถูกฉาบไว้อยู่บนริมฝีปากทำให้มัทนาดูมีเสน่ห์อย่างล้ำลึกยิ่งขึ้น ทั้งที่ธิดาที่เป็นผู้หญิงด้วยกันยังไม่อาจละสายตาจากมัทนาได้โดยง่าย
“ให้หนูช่วยยกเข้าที่ให้มั้ยคะ? ” ธิดาไม่ลืมที่จะถามซ้ำเพราะเธอถูกกำชับมาให้ดูแลลูกค้าให้พอใจที่สุดในทุกครั้งที่ให้บริการ ถึงแม้ว่าในครั้งนี้ธิดาจะเกือบลืมเพราะเผลอมองมัทนาผู้เป็นลูกค้าของเธอจนเพลินจนเกือบลืมทำสิ่งสำคัญไป
“ไม่แล้วจริง ๆ จ้ะ ฉันโอเคแล้ว ทุกอย่างดีแล้ว” มัทนาเอ่ยตอบอย่างรวดเร็วให้คนรอฟังคำตอบได้รู้ว่าเธอได้รับสิ่งที่พึงใจอย่างเพียงพอแล้ว...
“โอเคค่ะ หากคุณมัทไม่มีอะไรเพิ่มเติมแล้วหนูก็โล่งใจค่ะ” มัทนาพยักหน้าเบา ๆ หนึ่งครั้งระหว่างที่เธอหันหน้ามายิ้มให้กับธิดา
“หนูกลับก่อนนะคะ” มัทนาพยักหน้ารับอีกครั้ง ก่อนที่จะยกมือรับไหว้ธิดา
“กลับดี ๆ นะ” รอยยิ้มที่มองเพียงปราดเดียวก็ติดตาของมัทนาทำเอาหลายคนที่เคยเจอเธอพลอยยิ้มได้ตามไปด้วย
ด้วยรอยยิ้มอันแสนสดใสราวกับดอกกุหลาบแรกแย้มในยามต้องแสงอรุณของมัทนาเมื่อสามปีก่อนที่อิตาลี ในคราวที่เธอเฉิดฉายบนเวทีรันเวย์มิลาน ในฐานะดีไซเนอร์หน้าใหม่ผู้ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามด้วยยอดขายหลายล้านยูโร เธองามสง่า ฉลาด และมีความมั่นใจตรงตามผู้หญิงในทัศนะคติของนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงเช่นแอนดี้ อดิรัตน์ผู้ถือหุ้นใหญ่ของสโมสรฟุตบอลระดับโลก เขาผู้ซึ่งเป็นสปอนเซอร์รายใหญ่ในครั้งนั้น ถึงกับลงมือเขียนจดหมายน้อยเหน็บไปในช่อดอกกุหลาบช่อโตเพื่อขอดินเนอร์เดตกับมัทนาในคืนวันเดียวกันนั้น
มัทนายิ้มกว้างให้กับความทรงจำที่พรั่งพรูมาจากความทรงจำอดีต ในระหว่างที่เธอทอดสายตามองชุดเจ้าสาวที่พราวพร่างอยู่เบื้องหน้า โทรศัพท์ที่กำไว้ในมือราวกับเป็นส่วนหนึ่งของอวัยวะเกิดสั่นขึ้น...
ครืด ครืด ….ที่รัก
“ไฮ...ดาร์ลิง” หลังจากปราดมองหน้าจอเพียงผ่านตา
มัทนาก็ไม่รอช้าที่จะรับสายนั้นอย่างเต็มใจด้วยน้ำเสียงที่สดใสและอ่อนหวาน
“ผมกำลังลองชุด...” เสียงชายหนุ่มที่คุ้นเคยดังตอบกลับมา
“คุณ...ว่ามันโอเคมั้ยคะ? ” มัทนาเอ่ยถามอย่างกริ่งเกรงในคำตอบที่เธอกำลังจะได้รับ
“ผมว่า...มันออกจะไม่พอดีไปนิด...หรือผมน้ำหนักขึ้น...ก็ไม่รู้สินะ!” คำตอบของปลายสายทำเอามัทนาทำหน้ายุ่ง เธอครุ่นคิดทบทวนถึงความผิดพลาดในทันทีว่าตนเองปล่อยผ่านส่วนสำคัญตรงไหนให้หลุดรอดไป หรือหลงลืมที่จะกำกับตรงส่วนใดไป จึงได้ทำให้เกิดรายละเอียดผิดพลาดขึ้นมาได้
“มัท...กำชับแล้วนะคะเนี่ย อุตส่าห์วางใจให้ร้านตัดเย็บเก่าแก่ทำงานให้เลยนะ ทำไมไม่เป็นมืออาชีพเลย? ” หญิงสาวละสายตาออกจากชุดสีขาวของเธอในทันที
มัทนารู้สึกเป็นกังวลในสิ่งที่ผิดพลาด เธอจึงหุนหันคว้าเอากุญแจรถที่วางอยู่บนเคาน์เตอร์มาไว้ในมือก่อนที่จะผลักประตูออกไปอย่างรวดเร็ว จนไม่ทันได้สังเกตสิ่งผิดปกติรอบข้างกายเป็นผลให้แผนของใครบางคนสำเร็จ
“...แอนดี้!!” มัทนาพึมพำถึงใครคนหนึ่งซึ่งเธอจำได้แม้กระทั่งกลิ่นน้ำหอมของเขาขณะที่เธอถูกโอบกอดเรือนเอวเอาไว้จากทางด้านหลัง
“เป็นแผนของคุณใช่มั้ยคะ? ” หญิงสาวออกปากถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง ทั้งที่เธอรู้อยู่แก่ใจอยู่แล้วว่าเขาจะต้องเป็น อดิรัตน์ว่าที่เจ้าบ่าวของเธออย่างแน่นอน
คำโปรย :“ไม่น้อยไปหน่อยเหรอสำหรับค่าเปิดซิง” “แน่ใจเหรอที่พูด…แสนเดียวฉันก็เสียดายเงินจะแย่อยู่แล้วกับผู้หญิงแบบเธอ..หึ!!” เรื่องย่อ ให้รักมัดใจ มาลีรินทร์ (ริน) เด็กสาวที่เติบโตในครอบครัวนักธุรกิจที่เพียบพร้อมทุกอย่าง หลังจากที่เธอเดินทางกลับมายังประเทศไทยเธอก็ปวารณาตัวว่าจะนั่งกินนอนกินใช้เงินจากกงสีอย่างไม่ต้องใช้ความรู้ความสามารถที่ร่ำเรียนมาให้เหนื่อย กระนั้นจึงทำให้เธอถูกตัดออกจากกองมรดก ทำให้มาลีรินทร์ต้องแสวงหาชีวิตใหม่ที่สามารถให้เธอได้มากกว่าเงินกงสีที่เคยได้ เธอเริ่มภารกิจด้วยการเดินหน้าเข้างานสังคมเพื่อมองหาใครสักคน โดยใช้ความสวยน่ารัก ความฉลาดและเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์พร้อมกับสินทรัพย์อันมีค่าของเธอเข้าแลกภายใต้เงื่อนไขที่เธอจะต้องเกิดความพอใจสูงสุด จนกระทั่งในคืนหนึ่งที่เธอได้เจอกับนักธุรกิจหนุ่มผู้มีสินทรัพย์ระดับแสนล้าน เธอตัดสินใจมอบดอกไม้แรกแย้มของเธอให้กับแอนดี้ อดิรัตน์ เจ้าของสโมสรทีมฟุตบอลระดับโลกผู้มีสินทรัพย์มหาศาลเพื่อที่จะผูกมัดเขาให้อยู่หมัด อย่างไม่ลังเล และเริ่มเข้าไปมีส่วนร่วมในชีวิตของเขา โดยที่มาลีรินทร์ไม่รู้เลยว่าสิ่งที่เธอวิ่งเข้าหานั้น จะเป็นสิ่งเดียวกันกับที่เธอวิ่งหนีมาตลอดทั้งชีวิตของเธอ...แอนดี้..ผู้ชายที่สาว ๆ ต่างใฝ่ฝันอยากจะครอบครอง ทว่าแท้จริงแล้วเขาเป็นยิ่งกว่าซาตาน เสียอีก…
“ทุกคำรักแค่หลอกให้เธอตายใจแม้กระทั่งยามนอนกกกอดครามก็มองดาวเหนือเป็นแค่เงาและตัวแทนของคนรักเก่าเท่านั้น” ครามที่ใช้ชีวิตเหมือนตายทั้งเป็นหลังจากที่เขาสูญเสียภรรยา วันนึงเขาเจอกับดาวเหนือ หญิงสาวที่มีใบหน้าคล้ายเมียเก่า เขาจึงวางแผนเข้าหาและครอบครองทันที โดยที่นางเอกไม่รู้เลยว่าคนรักไม่เคยรักที่เธอเป็นเธอสักนิด
เงื่อนไขเดียวที่เขาจะรักษาทุกอย่างไว้ได้ คือต้องแต่งงานล้างหนี้ !! “สมบัติก็อยากได้คืน แต่เมียนี่สิไม่ได้อยากได้เลย” จะเลี่ยงไงได้ ในเมื่อฝ่ายนั้นจัดฉากรวบหัวรวบหาง คงต้องเลยตามเลยแล้วรอเอาคืน ขณะที่ว่าที่พ่อตาวุ่นวายจัดฉากสารพัดเพราะอยากได้เขาเป็นลูกเขยเสียเหลือเกิน ภากรก็แอบไปมีความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนกับนาตาลี (ลูกสาวเจ้าสัว) จนกระทั่งเป็นข่าวดัง ทุกอย่างเลยเข้าทางพ่อตาหมด งานแต่งงานจึงเกิดขึ้นอย่างกระทันหัน ระหว่างซ้อนแผนกันไปมาของพ่อตากับลูกเขย คนที่น่าสงสารสุดก็คือ คุณหนูเหมยลี่/นาตาลี เพราะกลายเป็นหมากให้พ่อกับสามีแก้เกมส์ แถมกว่าจะรู้เรื่องก็รักสามีไปหมดใจแล้ว
เมลดา สาวไฮโซสุดฮอต ดีกรีนางแบบดังระดับอินเตอร์ น้องสาวคนเล็กของบ้าน หลังเรียนจบกลับมาปักหลักและรับงานในวงการบันเทิงที่ไทย เรื่องราววุ่นวายเริ่มเกิดขึ้นหลังจากพลาดไปมีความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนกับตำรวจหนุ่มฮอต ที่ดันเป็นเพื่อนสนิทของพี่ชายตัวเอง และดันอยากเป็นสุภาพบุรุษรับผิดชอบกับความสัมพันธ์ครั้งนี้ ความรักและความผูกพัน ที่ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วและทำท่าว่าจะไปได้ดี แต่กลับมีเรื่องราวมาทดสอบความรักของพวกเขา โชคชะตาที่ทำให้เธอต้องเจอกับเรื่องราวเลวร้ายจนสูญเสียความทรงจำและเสียลูกไปในเวลาเดียวกัน การสูญเสียความทรงจำครั้งนี้ เธอลืมแม้กระทั่งความรัก เขาจึงต้องทำทุกวิถีทางให้รักนั้นกลับคืนมาอีกครั้ง เมื่อเขาคือรักแรกของเธอ และเธอคือรักสุดท้ายของเขา….. เรื่องราวของเมลดากับชานนท์ ไรท์มองว่าเป็นเรื่องราวของโชคชะตาและพรหมลิขิตที่ไม่ว่าจะเกิดเรื่องราวอะไร หรือต้องรีเซ็ตเพื่อเริ่มใหม่อีกครั้ง สุดท้ายทั้งคู่ก็วนกลับมาเจอและรักกันใหม่ทุกครั้ง มันเป็นความรักที่เกิดขึ้นครั้งแล้ว ครั้งเล่า ไม่รู้จบ เรื่องนี้เป็นเรื่องราวภาคต่อจาก เงาซ่อนรัก Love Shadow ( เนื้อเรื่องไม่ต่อเนื่องกัน)
เธอเป็นเด็กในบ้านที่ป้านำมาอุปาการะ แต่แล้ววันหนึ่งกลับพลาดท่าให้กับลูกชายคนเดียวของเจ้าของบ้าน ทำให้เขาจำต้องรับผิดชอบด้วยการแต่งงาน ทว่ามันไม่ใช่ความรัก เหตุการณ์เลวร้ายต่างๆเริ่มขึ้นนับตั้งแต่วันนั้น
ลู่เจียหง นักวิทยาศาสตร์ชื่อดังในยุคปัจจุบัน จับผลัดจับพลูลงลิฟต์ก็โผล่ไปยังยุคโบราณ แถมยังอยู่ในชุดเจ้าสาวอีก ถ้าประหลาดแค่นั้นไม่พอคงไม่เป็นไร ถ้าไม่พบว่าตัวเองกำลังถูกตามล่าจากว่าทีสามีที่ยังไม่ทันเข้าหอ งานนี้นางถือคติไม่ยุ่งเกี่ยวต่างคนต่างอยู่ แต่ท่านอ๋องผู้นั้นก็เอาแต่วนเวียนอยู่ข้างตัวนางไม่หยุด แบบนี้นางจะหย่าสำเร็จได้ตอนไหนกัน!!
หลี่เมิ่งเหยาย้อนเวลามาอยู่ในร่าง ของเด็กสาววัยสิบสองปี ในวันที่มารดาอนุผู้โง่เขลา ถูกขับไล่ออกจากจวน โชคยังดีที่ตอนตาย นางสวมกำไลหยกโลกันตร์เอาไว้ มันจึงติดตามนางมาที่นี่ด้วย +++ 1 : มารดาโง่ จนถูกไล่ออกจากตระกูล จวนตระกูลหลี่เจ้าเมืองถัง สตรีสองนางถูกสาวใช้จับคุกเข่าลง ตรงหน้าของหลี่หงซวนเจ้าเมืองถัง ทั้งยังเป็นพ่อสามีของทั้งคู่อีกด้วย ท่านกำลังสอบสวนเรื่องของสะใภ้ใหญ่ของบ้านสาม ถูกฮูหยินรองกับอนุรวมหัวกันลอบทำร้าย ด้วยการวางยาขับเลือดในถ้วยน้ำแกงบำรุงครรภ์ ทำให้นางต้องสูญเสียทารกในครรภ์ไป “ท่านพ่อข้าไม่รู้จริง ๆ ว่านั่นเป็นยาขับเลือด ฮูหยินรองบอกว่าเป็นน้ำแกงบำรุงครรภ์ ให้ข้าเป็นคนนำไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ เป็นนางนั่นเอง นางหลอกข้า !” เฉาซูหลิ่งชี้นิ้วไปทางสตรีด้านข้าง ร้อนรนเอ่ยออกมาเหมือนคนไม่ได้รับความเป็นธรรม “อนุเฉาเจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ เจ้าทำคนเดียวทั้งนั้นไม่เกี่ยวกับข้าเลย” ฮูหยินรอง ถูซวงอี้ ชี้นิ้วใส่หน้าเฉาซูหลิ่งกลับคืน ต่างคนต่างโยนความผิดให้กัน ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเยี่ยนหนานโบกมือให้คนเข้ามา “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าสองคนพูดความจริง แต่กลับไม่มีใครยอมรับความผิดแม้แต่คนเดียว มันน่าจับส่งทางการให้รู้แล้วรู้รอด” พ่อบ้านหลัวให้คนลากสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา สภาพของนางถูกทรมานจนเนื้อตัวบวมช้ำไปหมด “เรียนนายท่านข้าให้คนไปค้นห้องสาวใช้ทุกคนในจวน พบเทียบยาซ่อนไว้ใต้หมอน จากห้องของสาวใช้คนนี้ขอรับ” ถูซวงอี้ถึงกับคุกเข่าต่อไปไม่ไหว ทิ้งตัวลงไปนั่งอยู่บนพื้น สาวใช้ที่ถูกทรมานจนสภาพน่าเวทนานั่น เป็นเสี่ยวอิงสาวใช้สินเดิมของนางเอง “ฮูหยินรอง ข้าขอโทษ ข้าทนต่อไปไม่ไหวจริง ๆ ข้าขอโทษ !” เสี่ยวอิงโขกศีรษะลงตรงหน้าของถูซวงอี้แรง ๆ น้ำตาไหลนองหน้าจน แทบไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว พ่อบ้านหลัวเอ่ย “ข้าให้คนไปถามที่หอโอสถแล้วขอรับนายท่าน เป็นเทียบยาขับเลือดจริง ๆ” หลี่หงซวนมองไปทางบุตรชายคนที่สามของตน พบว่าเขามีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก สตรีที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าคือฮูหยินรอง กับอนุภรรยาที่เขารักใคร่ไม่ต่างกัน เหตุใดถึงได้คิดร้ายต่อฮูหยินใหญ่ของเขาได้ เป็นเหตุให้เขาต้องสูญเสียลูกที่อยู่ในท้องของนางไป เดิมทีฮูหยินใหญ่ของเขาก็ตั้งท้องยากอยู่แล้ว เขารอมาตั้งนานกว่าจะมีวันนี้ได้ ไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องสูญเสียไปเช่นนี้ “หย่วนเจ๋อนี่เป็นเรื่องในเรือนของเจ้า เจ้าอยากตัดสินเรื่องนี้ด้วยตัวเองหรือไม่” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามบุตรชาย “ไม่ ข้าไม่อยากเห็นหน้าพวกนางอีกต่อไป แล้วแต่ท่านพ่อเถอะขอรับ ข้าขอตัวไปดูฮูหยินใหญ่ก่อน” หลี่หย่วนเจ๋อคำนับบิดา สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปในทันที หางตายังไม่แม้แต่จะมองสตรีทั้งสองนาง เฉาซูหลิ่งลนลานตามเขาไป “ท่านพี่ช่วยข้าด้วย ข้าไม่ผิดนะเจ้าคะ ท่านพี่ !” แต่ถูกบ่าวรับใช้ขวางทางเอาไว้ หลี่หงซวน “หยุดโวยวายได้แล้วอนุเฉา เจ้าเป็นคนถือถ้วยน้ำแกงใส่ยาขับเลือด ไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ด้วยตัวเอง ยังคิดจะหนีความผิดนี้ไปได้อีกรึ” “ท่านพ่อขะข้าข้า...ไม่ผิด” เฉาซูหลิ่งทิ้งตัวไปด้านหลังอย่างหมดเรี่ยวแรง เดิมทีนางก็ไม่เป็นที่โปรดปรานของพ่อแม่สามีอยู่แล้ว เพราะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้ ครั้นได้บุตรสาวก็นิสัยขี้ขลาดขี้กลัว ไหนเลยจะเชิดหน้าชูตาให้ตระกูลหลี่ได้ เฉาซูหลิ่งนั่งเหม่อลอย คล้ายคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขณะที่หลี่หงซวนกำลังประกาศโทษทัณฑ์ของพวกนาง ถูซวงอี้กับคนของนาง ถูกขายออกจากจวน ไปอยู่หอนางโลมอย่างเงียบ ๆ ชาตินี้อย่าได้ก้าวเท้า กลับมาเหยียบที่จวนตระกูลหลี่อีก ส่วนเฉาซูหลิ่งถูกขับไล่ออกจากจวน ไปพร้อมกับบุตรสาว ให้ไปอยู่เรือนร้างของตระกูลหลี่ที่เมืองฉาง ห้ามกลับมาที่ตระกูลหลี่อีกชั่วชีวิต “ท่านพ่อท่านขับไล่ข้าไป ข้ายังพอรับได้ เหตุใดต้องขับไล่เหยาเอ๋อร์ไปด้วย นางเพิ่งจะสิบสองปีเองนะเจ้าคะ” เฉาซูหลิ่งนึกถึงบุตรสาวร่างกายผ่ายผอม นอนซมเพราะพิษไข้อยู่ เกิดนึกสงสารนางขึ้นมาจับใจ ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปมองสามีเล็กน้อย นางเห็นเด็กสาวคนนั้นมาตั้งแต่เกิด แม้ไม่ได้เอ็นดูแต่ก็นับว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน “ฮูหยินเรื่องนี้ข้าตัดสินใจไปแล้ว ไม่อาจคืนคำได้” คำพูดของประมุขของตระกูล มีหรือใครจะกล้าขัด เฉาซูหลิ่งปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาดัง ๆ นางโง่งมจนทำให้บุตรสาว ต้องมารับเคราะห์กรรมตามไปด้วย “ลากตัวอนุเฉาออกไป หารถม้าสักคันให้คนส่งนาง ไปที่เรือนร้างเมืองฉาง” คำสั่งของหลี่หงซวนเป็นคำขาด บ่าวไพร่รีบทำตามในทันที ครั้นได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังกับฮูหยินผู้เฒ่า หลี่หงซวนถึงได้บอกเหตุผล ที่ต้องตัดสินใจทำเช่นนี้ นั่นเพราะตระกูลจี้ได้ยื่นคำขาดมา ให้ขับไล่พวกเขาออกไปให้หมด อย่าให้เหลืออยู่แม้แต่ตนเดียว ไม่ต้องการให้คนที่ทำร้ายบุตรสาวของพวกเขา อยู่ระคายสายตาของจี้ชิวหรงอีกต่อไป ฮูหยินผู้เฒ่าแค่นออกมาหนึ่งคำ “อ้างเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ความจริงแล้วต้องการกำจัดอนุในเรือนบุตรสาวทิ้งให้หมด นี่กระทั่งเด็กคนหนึ่งก็ไม่เว้น แต่ก็เอาเถอะ เหยาเอ๋อร์อยู่ที่นี่ ก็ใช่จะมีประโยชน์อันใด นางไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเราด้วยซ้ำ ให้นางไปกับแม่ของนางนั่นแหละดีแล้ว” หลี่หงซวนนั้นเป็นเพียงเจ้าเมืองเล็ก ๆ มีตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นที่ห้า ฝั่งตระกูลจี้บ้านเดิมของจี้ชิวหรงนั้น อยู่ในเมืองหลวงมีตำแหน่งใหญ่โตกว่าหนึ่งขั้น เรื่องนี้เขาจึงต้องขบคิด ถึงผลได้ผลเสียในอนาคตอีกด้วย การเสียสละอนุกับหลานสาวคนหนึ่ง เพื่อชดเชยให้แก่คนตระกูลจี้ นับว่าเป็นเรื่องสมควรทำแล้ว “ข้าก็คิดเช่นฮูหยินนั่นแหละ เพียงแต่สะใภ้สามแท้งคราวนี้ ไม่รู้จะยังสามารถตั้งท้องได้อีกหรือไม่ พวกเรารอดูไปก่อนดีกว่า หากนางไม่สามารถตั้งท้องได้จริง ๆ เราค่อยหาอนุมาให้หย่วนเจ๋อภายหลังก็ยังได้ ยามนั้นคนตระกูลจี้จะเอาอะไรมาง้างกับเราได้อีก” “จริงดังท่านว่าเจ้าค่ะ” ฝ่ายเฉาซูหลิ่งที่ถูกคนใช้ ลากตัวออกมาให้เก็บของในเรือน นางส่งเสียงเอะอะโวยวายตลอดทาง พร่ำบอกต้องการพบหลี่หย่วนเจ๋อให้ได้ แต่ถูกสาวใช้ขวางไว้ไม่ให้ไป นางจำใจกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง รีบเก็บของสำคัญใส่ห่อผ้าเพื่อออกเดินทาง
รูรักอันบริสุทธิ์เมื่อถูกปลายลิ้นร้อนของชายหนุ่มเป็นครั้งแรกดูเหมือนว่าจะตอบสนองได้เป็นอย่างดี ร่องของนางขมิบรัว สะโพกของนางยกขึ้นยังเด้งเข้าไปหาปากร้อน ฝ่าบาทเก่งกาจยังสามารถแยงลิ้นเข้าไปในรู อันซูเซี่ยถูกทาขี้ผึ้งหอมรอบปากทาง ขี้ผึ้งนี้นอกจากจะมีรสชาติดีส่งเสริมรสน้ำรักของนางแล้วยังมีคุณสมบัติอันวิเศษ แม้จะเป็นหญิงพรหมจรรย์ก็จะไม่รู้สึกเจ็บปวด และเผลอทำร้ายฝ่าบาทจนบาดเจ็บ อี้หลงดูดแบะขาของนางให้กว้างขึ้นแล้วรวบขึ้นไปให้ขาชี้ฟ้า จากนั้นมุดใบหน้าลงมาอย่างหลงใหล “หอมอร่อยเหลือเกิน รู้สึกเหมือนดื่มสุราไม่เมามาย อ้า ข้าชอบยิ่ง หอยของฮองเฮาช่างใหญ่โต ดูโคกเนื้อโยนีแทบจะล้นริมฝีปากของข้า สีแดงเช่นนี้คงไม่เคยผ่านสิ่งใดมาก่อน บริสุทธิ์ยิ่งนัก ซี้ด” นางดิ้นเร่าอยู่ในปาก ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรนอกจากเชื่อฟังในคำของฝ่าบาท “อืม อร่อยยิ่งนัก อ้า ข้าไม่ไหวแล้วขอดูหน้าฮองเฮาของข้าหน่อยเถิด” ดูเหมือนว่าร่องรักของนางยังขมิบ นางไม่อยากให้เขาเงยหน้าขึ้นจากตรงนั้นด้วยซ้ำ อยากถูกปลายลิ้นเลียเช่นนั้นจนกว่านางจะได้รับการปลดปล่อย “อ้า ฝ่าบาทเพคะ อย่าหยุดเพคะ อื้อ” นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักสำหรับผู้ใหญ่ มี 2 เล่มจบ เป็นนิยายแบบพล็อตอ่อน เน้นฉากรักบนเตียงของตัวละครเป็นหลัก เหมาะสำหรับผู้มีอายุ 25 ปีขึ้นไป ไม่เหมาะสำหรับสายคลีนใส ๆ นะคะ หากใครไม่ชอบอ่าน NC เยอะ ๆ กรุณาเลื่อนผ่าน เพราะเรื่องนี้เน้น NC เป็นหลักค่ะ ซีไซต์ นักเขียน
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
หลัวเจิง ผู้ตกจากที่สูงกลายเป็นทาสที่ต่ำต้อย มีอยู่ครั้งหนึ่ง เขาพบวิธีฝึกในตัวเองให้กลายเป็นอาวุธโดยบังเอิญ สงครามการต่อสู้เริ่มขึ้นทันที และพึ่งพาความเชื่ออันแรงกล้าในการไม่ยอมจำนน เขาพยายามแก้แค้นและไล่ตามความฝันอันยิ่งใหญ่ นักรบจากชาติพันธุ์ต่าง ๆ ต่อสู้เพื่อความเป็นเจ้าโลกและโลกก็ปั่นป่วน อาศัยร่างกายที่เปรียบได้กับอาวุธวิเศษ หลัวเจิงเอาชนะศัตรูจำนวนมากบนเส้นทางสู่ความเป็นอมตะ ในที่สุดเขาจะทำสำเร็จหรือไม่?