“...หนี้ชีวิต หนี้แค้น ที่เธอต้องยอมพลีกายชดใช้ให้เขา !” สำหรับเรื่อง “บ้านไร่ชายดุ” เป็นเรื่องราวของ เมย์ หญิงสาววัยแรกแย้ม ที่ต้องตกเป็นเชลยในกำมือซาตาน เพราะหนี้ชีวิตที่พ่อของเธอได้กระทำไว้
“...หนี้ชีวิต หนี้แค้น ที่เธอต้องยอมพลีกายชดใช้ให้เขา !” สำหรับเรื่อง “บ้านไร่ชายดุ” เป็นเรื่องราวของ เมย์ หญิงสาววัยแรกแย้ม ที่ต้องตกเป็นเชลยในกำมือซาตาน เพราะหนี้ชีวิตที่พ่อของเธอได้กระทำไว้
ณ หน้าโรงเรียนมัธยมศึกษา
โรงเรียนแห่งนี้เป็นโรงเรียนประจำจังหวัดแห่งหนึ่งทางภาคเหนือ
วันสุดท้ายของการสอบกลางภาคมักจะเสร็จสิ้นในช่วงเช้า ดังนั้น ในช่วงบ่ายนักเรียนที่ไม่มีการสอบซ่อมก็จะเริ่มทยอยกันกลับบ้าน บางส่วนจับกลุ่มกันไปห้างสรรพสินค้าซึ่งเป็นแหล่งรวมความบันเทิงเพียงแห่งเดียวในจังหวัดที่ค่อนข้างห่างไกลความเจริญ เช่น โรงภาพยนตร์ คาราโอเกะ หรือ การนั่งรับประทานไอศกรีมในห้องแอร์เย็น ๆ
“เมย์ ! เมย์ ! เดี๋ยวสิ !”
เด็กชายร่างโยงในชุดมัธยมปลาย สวมแว่นหนาเตอะ สะพายเป้สีดำวิ่งกระหืดกระหอบ ไล่ตามหลังเหยียดตรงของเด็กสาวมัธยมปลาย รูปร่างของเธอผู้นั้นสูงเพรียว มีส่วนเว้าส่วนโค้งของผู้หญิงในวัยสาวบานสะพรั่ง ผมสีดำขลับยาวสลวยของเธอถูกรวบเป็นหางม้า มัดด้วยโบสีขาว ที่บ่งบอกถึงวัยบริสุทธิ์ไร้เดียงสาของวัยแรกสาว
“ว่าไงคะ ท่านหัวหน้าห้อง”
หญิงสาวร่างสวยที่ถูกเรียกหยุดชะงัก พร้อมกับหันหน้ามาส่งยิ้มให้เด็กหนุ่มซึ่งวิ่งมาหยุดตรงหน้าหล่อนพอดี
ใบหน้ารูปไข่ขาวผ่องของเธอราวกับสวรรค์บรรจงแต่งแต้ม ขนตายาวงอนเรียงกันเป็นแพใต้คิ้วโก่งดังคันศร อีกทั้งจมูกโด่งที่เชิดขึ้นคล้ายกับเด็กสาวจอมรั้นชวนให้คันหัวใจเด็กหนุ่ม ดวงตากลมโตของเธอเป็นประกายระยับ บวกกับริมฝีปากอิ่มสวยที่กำลังส่งรอยยิ้มพิมพ์ใจมาให้เขา จึงทำให้เด็กชายที่เพิ่งแตกหนุ่มรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง หัวใจเต้นตึกตัก จนเขาไม่แน่ใจว่าที่หัวใจเต้นแรงนั้น เพราะความสวยของเธอ หรือเพราะเขาวิ่งมาเร็วจนเกินไป
เมื่อคนเรียกเธอให้หยุดเอาแต่มองเธอไม่วางตา เด็กสาวจึงผลักเขาที่หัวไหล่ทีหนึ่งก่อนเอ่ยว่า
“นี่ภานุ มีอะไรก็พูดมาสิ”
เสียงของเธอทำให้เด็กหนุ่มตรงหน้าได้สติ จึงเอามือจับท้ายทอยของตนแก้เก้อพร้อมกับบอกว่า
“สอบกลางภาคเสร็จแล้ว เหลือเวลาอีกตั้งครึ่งวันกว่าจะถึงเวลาเลิกเรียน รถของรีสอร์ตก็ยังไม่มารับ พวกเราไปดูหนังกันดีไหม”
ภาณุรีบเอ่ยชวนหญิงสาวที่ตนหมายปองมานานอย่างกระตือรือร้น
เมย์ หรือ เมทินี เป็นลูกสาวของเจ้าของรีสอร์ตอิงผา และยังเป็นเพื่อนร่วมชั้นเดียวกับเขา ซึ่งเขาแอบชอบเธอมาตั้งแต่แรกเข้ามัธยมศึกษา จวบจนวันนี้ที่ทั้งคู่เรียนจนจะจบชั้นมัธยมศึกษากันแล้ว แต่เขายังไม่มีโอกาสได้ใกล้ชิดกับหล่อนเป็นการส่วนตัวเลยสักครั้ง หากพลาดโอกาสนี้อีกไม่กี่เดือนข้างหน้าพวกเขาก็ต้องแยกย้ายกันไปเข้าเรียนมหาวิทยาลัย ซึ่งเขาไม่รู้ว่าจะได้เรียนในมหาวิทยาลัยเดียวกันหรือไม่
“ขอโทษที พอดีวันนี้ฉันไปด้วยไม่ได้ เพราะเป็นวันเกิดเมย์ ก็เลยอยากรีบกลับบ้านไปหาแม่น่ะ”
หญิงสาวรีบปฏิเสธอย่างจริงจัง เพราะเธอตั้งใจเอาไว้แล้วว่าหากสอบเสร็จเร็วก็จะแวะไปซื้อขนมเทียนเจ้าอร่อยที่แม่ชอบ ในวันนี้เธออยากให้ความสำคัญกับแม่มากที่สุด เพราะเธอรู้ว่าวันเกิดลูกคล้ายกับวันตายของแม่
“วันนี้วันเกิดเมย์หรอ” ภาณุถามอย่างตื่นเต้น
สาวน้อยพยักหน้าพร้อมกับยิ้มกว้างเต็มใบหน้า รอยยิ้มของเธอนั้นช่างทำให้หัวใจของเขาเต้นรัวยิ่งนัก
“จ๊ะ ครบรอบ 19 ปีพอดี”
เมย์มีอายุแก่กว่าเพื่อนรุ่นเดียวกัน 1 ปี เพราะว่าเธอเข้าเรียนช้ากว่าเด็กคนอื่น ๆ โดยแม่ของเธอให้เหตุผลว่า เมื่อยังเป็นเด็ก เธอป่วยหนักต้องหยุดอยู่ที่บ้านนานเป็นปี
“แย่จัง นุไม่รู้เลยว่า วันนี้วันเกิดเมย์ นุเลยไม่มีของขวัญให้ เอาไว้วันหลัง นุจะเอาของขวัญวันเกิดมาให้นะ”
“ขอบใจมาก เมย์ไปนะ
“แล้วเมย์จะกลับยังไง รถรีสอร์ตยังไม่มารับนี่”
เด็กหนุ่มเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง เพราะปกติแล้วเมย์จะไปกลับโรงเรียนโดยอาศัยรถของรีสอร์ตซึ่งคอยวิ่งรับนักท่องเที่ยว
“เมย์จะกลับรถสองแถว ว่าจะแวะไปที่ตลาดในเมืองก่อนจ๊ะ”
“เมย์ไม่กลัวพวกไร่ปลายดาวแล้วเหรอ ให้ภานุไปส่งเมย์ดีไหม”
ภาณุอาสาด้วยความเป็นห่วง และในส่วนลึกนั้น เขาอยากจะหาโอกาสอยู่กับหล่อนนาน ๆ
เมย์ย่นคิ้วเล็กน้อยในหัวของเธอกำลังนึกถึงไร่ปลายดาวที่อยู่ใกล้กับรีสอร์ตของเธอ ไร่แห่งนี้เป็นที่กล่าวขานว่าเป็นแหล่งรวมคนเถื่อน และยังมีข่าวลือว่าเจ้าของรีสอร์ตถูกฆ่ายกครัว ดังนั้น พ่อกับแม่ของเธอจึงมักจะคอยเตือนหล่อนเสมอว่า ห้ามเข้าไปใกล้ไร่ปลายดาวเป็นอันขาด หรือห้ามแม้กระทั่งพูดคุยกับคนในไร่นั้น
“อืม ก็ดีเหมือนกันนะ”
เมย์พยักหน้าน้อย ๆ
“ไปกัน รถมอเตอร์ไซค์เราจอดอยู่ในโรงรถ”
ภาณุยิ้มฉีกยิ้มจนแทบจะถึงใบหู
……………………………………………………………………
พลั๊วะ !
กรีีดดดดดดดด
“อย่า !”
เสียงกำปั้นกระทบเนื้อ ตามมาด้วยเสียงร้องห้าม ผสมผสานกับเสียงร้องโหยหวนดังสะอึกสะอื้นอยู่เป็นระยะ ท่ามกลางเสียงอันน่ารันทดใจเหล่านั้น ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ยังคงสูบซิการ์ นั่งไขว้ขาอยู่บนโซฟารับรองแขกของรีสอร์ตอิงผาอย่างอ้อยอิ่ง ราวกับว่า เสียงร้องอย่างทุกข์ระทมเช่นนั้น เป็นดนตรีบรรเลงขับขานให้บันเทิงใจ
พลั๊วะ !
ตุบ !
ร่างอ้วนท่วมของเจ้าของรีสอร์ตถูกเตะจนกระเด็นลงมาหมอบแทบเท้า บุรุษที่นั่งชมความบันเทิง ร่างในชุดเสื้อสีขาวทับด้วยแจ็คเก็ตยีนส์ ขายาวที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแกร่งสวมทับด้วยกางเกงยีน ใช้เท้าที่สวมด้วยรองเท้าหนังสีน้ำตาลเข้มเชยคางให้คนถูกซ้อมจนหน้ายับยู่ยี่ขึ้นมองเขา
ดวงตาของคนอยู่ใต้เท้าบวมเบ่ง เลือดกบเต็มปาก เขาเป็นชายอายุ 47 ปี ศีรษะที่มีผมสีดอกเลาเบาบางจนแทบจะไม่เหลือเคล้าของเสือเมฆผู้อาจหาญในอดีตแม้แต่น้อย
“ไง ไอ้เสือเมฆ ฉันตามล่าตัวแกมาตั้งนาน ไม่คิดว่าแกจะลอกคราบจากเสือกลายเป็นหมา ซุกตัวหลบอยู่ใกล้ ๆ ตีนฉันนี่เอง”
“ไอ้พยัคฆ์ !”
คนถูกเรียกว่าหมา เปล่งเสียงออกมาจากปากบิดเบี้ยวที่ถูกชกจนแตกยับ ยิ่งเขาถลึงตาด้วยความโกรธ ดวงตาที่ถูกต่อยจนเขียวช้ำยิ่งถลนออกมาอย่างน่ากลัว ไม่นึกเลยว่าวันหนึ่ง เขาจะถูกผู้ที่อ่อนกว่าถึง 10 ปีหยามเกียรติถึงถิ่นตน !
“ขอบคุณพี่ชายที่ยังจำน้องชายคนนี้ได้ และฉันก็ไม่เคยลืมไอ้คนทรยศเช่นแกเหมือนกัน แม้ว่าแกลอกคราบจากเสือเป็นหมา ฮ่า ๆ ศักดิ์ศรีของไอ้เสือผู้ทระนงหายไปไหนหมดละวะฮ่า ๆ”
ชายหนุ่มผู้มีใบหน้าหล่อเหลาหัวเราะลั่นขณะที่บดเท้าเหยียบลงบนศีรษะคนใต้เท้า
ฮ่า ๆ ฮ่า ๆ
เสียงหัวเราะของเหล่าลูกน้องนับสิบคนของพ่อเลี้ยงพยัคฆ์หัวเราะอย่างครื้นเครงด้วยความสะใจไปกับเจ้านาย
ข้าจะใช้มังกรพลิกบัลลังก์มังกร ! // ยาจกหนุ่มหน้าหวานหวังจะพลิกชะตากรรมของตน แม้ว่าต้องแลกมาด้วยความบริสุทธิ์ของตนก็ตาม
บิดามันเถอะ ! ข้าหนีการอภิเษกแต่กลับต้องมาเป็นทาสบำเรอกามแม่ทัพเถื่อน เรื่องราวขององค์ชายผู้ดื้อรั้นหนีการแต่งงาน จนถูกจับไปขายในหอนายโลม แล้วแม่ทัพก็นำตัวเขาไปเป็นทาสกาม เขาจะหนีพ้นจากความโชคร้ายนี้ได้หรือไม่ ไปติดตามกัน ................................................................................ ❌ จับมาเป็นทาส ✅ จับมาทำเมีย ——————————————— 😈“ข้าซื้อเจ้ามาก็เพื่อสิ่งนี้ ‼️ เจ้าจะเล่นตัวไปไย แต่ตอนนี้เจ้าทำให้ข้าเจ็บ เจ้าต้องรับผิดชอบ” สิ้นคำมือแกร่งก็กระชากเสื้อคลุมขององค์ชายน้อยออก แล้วผลักร่างบางเข้าชิดผนังห้อง 😡“จะทำอะไรข้า ถ้าท่านแตะต้องตัวข้าอีก ข้าฆ่าท่านแน่‼️” องค์ชายน้อยขู่ฟ่อ มือทั้งสองถูกเขารวบตรึงไว้เหนือหัว ร่างกายท่อนล่างแทบทุกสัดส่วนถูกเรือนร่างกำยำร้อนฉ่าทาบทับเอาไว้ 😈“ฮ่า ฮ่า คนที่ขู่ฆ่าข้า ไม่เคยมีใครตายดีสักคน แต่สำหรับเจ้า...” แม่ทัพหนุ่มมองสบตาหนุ่มน้อย เขาแตะปลายนิ้วลงที่ริมฝีปากบางด่าทอเขาไม่หยุด 😈 “ข้าจะทรมานจนต้องร้องขอชีวิตเชียวหล่ะ” เขาไล้ปลายนิ้วไปตามผิวเนื้อเนียนนุ่ม แล้วลูบต่ำลงมาจนถึงเม็ดทับทิมสีสวย จากนั้นก็ลูบคลึงหัวทับทิมเล่นอย่างหยอกล้อ 🥴“อื้อ อา เจ้าคนชั่วช้า งื้ออ อา” ฝ่ามือร้ายของท่านแม่ทัพทำให้เสียงองค์ชายน้อยเริ่มสั่นพร่าด้วยความเสียวซ่าน ทุกอณูสัมผัสของเขาทำให้หัวใจดวงน้อยเต้นโครมคราม 😈“ชั่วช้าอย่างไร ก็เป็นสามีเจ้า”
ซ่งจิ่งถังรักฮั่วอวิ๋นเซินอย่างลึกซึ้งนานถึงสิบห้าปี แต่ในวันที่เธอคลอดลูกกลับตกอยู่ในอาการโคม่า ขณะที่ฮั่วอวิ๋นเซินกระซิบข้างหูเธออย่างอ่อนโยนว่า "ถังถัง อย่าฟื้นขึ้นมาอีกเลย สำหรับฉัน เธอไม่มีค่าอะไรอีกแล้ว" ซ่งจิ่งถังเคยคิดว่าสามีของเธอเป็นคนอ่อนโยนและรักใคร่ตัวเอง แต่จริงๆ แล้วเขามีแต่ความเกลียดชังและใช้ประโยชน์จากเธอเท่านั้น และลูกๆ ที่เธอเสี่ยงชีวิตให้กำเนิด กลับเรียกหญิงสาวคนอื่นว่า 'แม่' ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนต่อหน้าที่เตียงคนไข้ของเธอ เมื่อซ่งจิ่งถังฟื้นขึ้นมา สิ่งแรกที่เธอทำคือการตัดสินใจหย่าขาดอย่างเด็ดขาด! แต่หลังจากหย่าแล้ว ฮั่วอวิ๋นเซินจึงเริ่มตระหนักว่า ชีวิตที่ผ่านมาของเขาเต็มไปด้วยเงาของซ่งจิ่งถัง หญิงคนนี้กลายเป็นความเคยชินของเขา เมื่อพบกันอีกครั้ง ซ่งจิ่งถังปรากฏตัวในที่ประชุมในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ เธอเปล่งประกายจนทุกคนต้องหันมามอง หญิงคนนี้ที่เคยมีแต่เขาในใจ บัดนี้กลับไม่แม้แต่จะมองเขาอีก ฮั่วอวิ๋นเซินคิดว่าเธอแค่ยังโกรธอยู่ ถ้าเขาเอ่ยปากพูดนิดหน่อย ซ่งจิ่งถังจะต้องกลับไปหาเขาแน่นอน เพราะเธอรักเขาหมดหัวใจ แต่ต่อมา ในงานหมั้นของผู้นำคนใหม่ของตระกูลเพ่ย เขาเห็นซ่งจิ่งถังสวมชุดแต่งงานหรูหรา ยิ้มอย่างเปี่ยมสุขและกอดแน่นเพ่ยตู้พร้อมสายตาที่เต็มไปด้วยความรักใคร่ ฮั่วอวิ๋นเซินอิจฉาจนแทบคลั่ง เขาตาแดงก่ำและบีบแก้วจนแตก เลือดไหลไม่หยุด...
ในชีวิตชาติที่แล้ว เพื่อช่วยรักแรกของตัวเอง คนชั่วสามคนได้ทำลายพลังการต่อสู้ของนาง ตัดแขนขาของนางออก ตัดเส้นเลือดของนางและปล่อยเลือดของนางไหลออกมาทั้งอย่างนั้น และทรมานนางจนตาย เมื่อเกิดใหม่ครั้งนี้ นางวางแผนอย่างรอบคอบ โดยสาบานว่าจะให้พวกเขาได้สัมผัสกับความทุกข์ทรมานที่นางเคยประสบมา! รักแรกที่ไร้เดียงสาอะไรกัน ที่จริงก็เป็นเพียงผู้หญิงที่ตีสองหน้าเก่ง อยากจะไต่ขึ้นไปสูงเหรอ งั้นก็จะให้เจ้าปีนขึ้นไป ยิ่งปีนขึ้นสูงมากเท่าไร ตอนตกลงมาก็จะยิ่งเจ็บมากเท่านั้น! พวกสวะสมควรได้รับบาปกรรมของพวกสวะ พวกมันทำชั่วกับนางไปชั่วชีวิตหนึ่ง นางจะทำให้พวกมันไม่ตายดี พวกคนที่เจ้าเล่ห์ ตีสองหน้าเก่ง นางจะจัดการกับทุกคน! แต่นางไม่เคยคิดเลยว่าในการแก้แค้นของนาง นางจะไปมีเรื่องกับเสด็จอาที่เป็นเจ้าแผนการเข้า ที่วัน ๆ ต้องการให้นางจูบและกอดเขาตลอดทั้งวัน ในขณะที่นางแก้แค้นคนชั่วนั้นยังสามารถสนิทสนมกับเสด็จอาด้วย ในความจริงแล้ว การที่เป็นผู้หญิงชั่วๆ ก็มีความสุขมาทีเดียวกว่าที่คิดเลย!
-- ในศตวรรษที่ 26 ทหารรับจ้างอันดับหนึ่งได้กลับชาติมาเกิดใหม่ กลายเป็นลูกเลี้ยงที่ไร้ค่าของตระกูลผู้มีชื่อเสียง แต่เมื่อนางลืมตาขึ้นอีกครั้ง โลกก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ย่ำยีชายทรยศ ข่มเหงหญิงเลว จัดการกับพวกที่ทำให้ชีวิตติดขัด เปลี่ยนแปลงทุกสิ่งตามใจปรารถนา ควบคุมเทพสัตว์นับพัน ถลุงยาวิเศษ วางข่ายศักดิ์สิทธิ์ วาดยันต์ผี ทุกอย่างนางทำได้อย่างชำนาญ อยู่เหนือกว่าอัจฉริยะทั้งห้าภพ โลกนี้นางครอบครอง ไม่สามารถบำเพ็ญตบะงั้นหรือ แต่นางเป็นผู้ครอบครองพลังครบทุกธาตุ ไม่มีคุณสมบัติมากพอบำเพ็ญลัทธิหรือ นางนอกจากบำเพ็ญลัทธิอสูรลัทธิเทพลัทธิวิญญาณลัทธิมารทั้งสีแล้ว ยังสร้างลัทธิภูตผีอีกด้วย ไร้ค่า ไม่มีความสามารถงั้นหรือ นางคือราชาผี ที่สืบทอดพลังหยินขั้นสูง แค่กระดิกนิ้ว พญาวิญญาณแค้นนับหมื่นก็พรั่งพรูมาปรนนิบัติ เพียงแต่ว่าจักรพรรดิผู้ลึกลับที่ตามตื้อนางนั้น มันคือยังไงกัน เฝิงอี้ "เพิ่งเจอหน้ากันก็ถอดเสื้อข้า เช่นนั้นเราสู้กันบนเตียงอีกรอบดีหรือไม่" เย่วเฉิงเฟิงยิ้มยั่ว "ผู้ชายมีแต่จะเป็นตัวถ่วงของข้า ท่านจักรพรรดิ ท่านเดินทางดีๆ ลาก่อนนะ"
นางเจ็บปวดปางตายเมื่อเขาโยนร่างบอบช้ำทิ้งไว้หลังจวนโดยไม่แยแส เมิ่งลี่เฟยน้ำตาไหลพรากทว่ากลับไม่ทำให้คนที่เพิ่งเหยียบย่ำร่างกายเล็กเห็นใจแต่ประการใด"เฝ้านางเอาไว้ให้ดีอย่าให้ออกมาทำเรื่องชั่วอีก"
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
หลินจิงซู หญิงสาวผู้ล้มเหลวทุกอย่างในชีวิตเพราะครอบครัวเฮงซวย เธอย้อนเวลาไปยังปี1990 อาศัยความรู้ในโลกอนาคตเพื่อเก็บเกี่ยวโอกาสทางธุรกิจ ก่อร่างสร้างตัวจนมั่งคั่งร่ำรวย เพื่อบดขยี้ทุกคนที่เคยรังแก!
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY