ข้าจะใช้มังกรพลิกบัลลังก์มังกร ! // ยาจกหนุ่มหน้าหวานหวังจะพลิกชะตากรรมของตน แม้ว่าต้องแลกมาด้วยความบริสุทธิ์ของตนก็ตาม
ณ เมืองเห่อหนาน
เมืองที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเมืองหลวง แห่งแคว้นเป่ยหนาน เป็นเมืองหน้าด่านที่สำคัญ เพราะหากจะเดินทางจากทางใต้ไปเมืองหลวงต้องผ่านเมืองนี้ จึงทำให้เมืองนี้เจริญรุ่งเรืองด้านการค้าขายเป็นอย่างมาก
“สาลี่กรอบ ๆ พุทราป่าสด ๆ มาแล้วขอรับ ถุงละอีแปะเท่านั้นขอรับ”
หวังหลง ชายหนุ่มสวมเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งเฉกเช่นยาจก ร้องตะโกนขายผลไม้ป่าที่เขาเพิ่งจะไปเก็บมาจากบนภูเขา
แม้ว่าเขาจะอายุสิบแปดหนาวแล้ว แต่รูปร่างเขากลับตัวเล็กบอบบางกว่าบุรุษทั่วไปมาก จึงทำให้คนอื่น ๆ มักเข้าใจผิดคิดว่าเขายังเป็นเด็กชายอายุไม่ถึงสิบห้าปีด้วยซ้ำ
“หลงหลง ข้าเอาหนึ่งถุง”
นางจางเฮ่อที่ขายดอกไม้สดกวักมือเรียกชายหนุ่ม ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มกว้างอย่างเป็นกันเอง
หวังหลงรีบสาวเท้าเข้ามาหา พร้อมกับเอ่ยอย่างดีใจว่า
“วันนี้ป้าจางจะกินอะไรขอรับ”
“เอาทั้งสาลี่ และพุทราอย่างละถุง”
เมื่อวานนางจางเฮ่อก็ช่วยซื้อลูกท้อป่าจากเขาไปหลายถุง วันนี้ก็ช่วยซื้ออีกเพราะสงสารหวังหลงที่เกิดมาไร้พ่อแม่ดูแล แม้ว่าหวังหลงจะไร้ที่พึ่ง แต่เขาก็ไม่เคยขอใครกิน มักจะเข้าไปเก็บผักผลไม้ในป่านำมาขายเพื่อเลี้ยงชีพ
“ขอบคุณป้าจางมากขอรับ”
หวังหลงยื่นถุงผลไม้ให้นางจางเฮ่อ แล้วรับเงินมาใส่อกเสื้อไว้อย่างทะนุถนอม
“ขอให้ขายดีขายหมดนะ ได้เงินแล้วก็ซื้อเสื้อผ้าหนา ๆ ใส่หน่อย นี่ก็ใกล้จะถึงฤดูหนาวแล้ว เสื้อที่เจ้าใส่อยู่ตอนนี้ทั้งเก่าทั้งขาดกันความหนาวไม่ได้หรอกเดี๋ยวจะไม่สบายเอา”
นางจางเฮ่อบอกด้วยความเป็นห่วง เพราะนางเห็นหวังหลงวิ่งขายของ บางครั้งช่วยงานเล็ก ๆ น้อย ๆ แถวนี้มาตั้งแต่เด็ก จึงเอ็นดูเขาเหมือนลูกหลาน
“ขอบคุณป้าจางมากขอรับที่เป็นห่วง”
เขาตอบกลับโดยไม่ปฏิเสธความห่วงใยของหญิงชรา ซึ่งความจริงแล้ว เงินที่เขาขายของได้ และเก็บสะสมไว้มากพอที่จะซื้อเสื้อสวย ๆ ได้มากกว่า 10 ตัว แต่ที่เขาไม่ซื้อก็เพราะว่าต้องการสะสมเงินทองให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เพื่อกระทำการใหญ่ในวันหน้า
หม่อง..... หม่อง.... หม่อง....
เสียงตีฆ้องนำขบวนดังขึ้น ไม่นานนักขบวนรถม้าหรูหราของผู้แทนพระองค์ก็ปรากฏขึ้น
องครักษ์ควบม้านำขบวน 4 นาย เบื้องหลังมีขบวนทหารเดินเรียงแถวกว่าสิบนาย กลางขบวนเป็นรถม้าของผู้แทนพระองค์
“นั่นรถม้าของผู้ใดหรือขอรับ”
หวังหลงมองดูขบวนที่กำลังเลื่อนผ่านหน้าเขาไปอย่างสนใจ
“อ่อ... นั่นขบวนรถม้าของใต้เท้าเฟิงโหย่ว ผู้แทนพระองค์ที่เดินทางมาตรวจเยี่ยมราษฎรทางใต้น่ะสิ สงสัยจะตรวจเสร็จแล้ว และกำลังจะกลับเมืองหลวงก็เลยผ่านมายังเมืองของเรา”
นางจางเฮ่อตอบ
หวังหลงมองตามขบวนผู้แทนพระองค์ไปอย่างเหม่อลอย คล้ายกับคิดสิ่งใดอยู่ในใจ
.............................................................................
ภายในรถม้า
ใต้เท้าเฟิงโหย่ว ผู้แทนพระองค์ที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์
เขาเลิกผ้าม่านหน้าต่างขึ้นทอดสายตามองดูเมืองหน้าด่านที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนทั้งค้าขาย ทั้งเดินทางไปมา รถม้าวิ่งกันขวักไขว่ บ้านเรือนร้านค้าเรียงรายตามสองฝั่งถนน ถนนในตัวเมืองใหญ่ไม่มาก แต่ก็กว้างพอให้รถเทียมม้า และรถบรรทุกของสองคันแล่นสวนกันได้ ยามบ่ายแก่ ๆ เช่นนี้ยิ่งคึกคักเป็นพิเศษ
ภาพเหล่านั้นทำให้รอยยิ้มจาง ๆ ผุดขึ้นที่ริมฝีปาก ใบหน้าหล่อเหลาราวกับเทพเซียน
“หลางจิ่ว เมืองนี้คึกคักนัก ก่อนเข้าเมืองหลวงเราก็พักที่นี่เถิด”
เฟิงโหย่วร้องสั่งคนที่เป็นทั้งเลขา และที่ปรึกษา
“ขอรับใต้เท้า”
หลางจิ่วซึ่งนั่งคู่กับคนขับรถม้า ผินหน้าไปตอบรับเจ้านายอย่างชัดถ้อย ชัดคำ
เมื่อมาถึงโรงเตี๊ยมที่ใหญ่ที่สุดในเมือง เลขาผู้แทนพระองค์ก็ร้องสั่งให้หยุดขบวน
หยุด !
จากนั้นก็รายงานกับผู้เป็นนายว่า
“ใต้เท้าเฟิงโหย่ว ถึงโรงเตี๊ยมแล้วขอรับ”
“อืม”
ใต้เท้าเฟิงโหย่วก้าวลงมาจากรถม้า แล้วเอ่ยว่า
“ข้าจะไปเดินดูชาวบ้านแถวนี้เสียหน่อย”
“ใต้เท้าจะให้ข้า หรือองครักษ์ติดตามไปดูแลความปลอดภัยหรือไม่ขอรับ”
“ขอบใจที่เป็นห่วง แต่ไม่ต้องหรอกเดี๋ยวชาวบ้านจะแตกตื่นตกใจ”
“ขอรับ”
เลขารับคำอย่างรู้ใจ เพียงแค่สบตาผู้เป็นนายเขาก็รู้ว่าเหตุใดใต้เท้าหนุ่มถึงอยากจะเดินเล่นคนเดียว
..............................
ยามซวี
ใต้เท้าเฟิงโหย่วก็เดินออกมาจากหอคณิกาเลื่องชื่อ
“คุณชายเฟิง ไม่น่ารีบกลับเลยเจ้าค่ะ”
สตรีคณิกาที่กอดแขนเขาอยู่เบื้องซ้ายส่งเสียงออดอ้อนขึ้น นาน ๆ ครั้งจะมีบุรุษรูปงามกระเป๋าหนักมาเยือนสักครั้ง นางจึงอยากจะรั้งให้เขาอยู่เพื่อปรนนิบัตินาน ๆ
“จริงด้วยเจ้าค่ะ คุณชายเฟิงเพิ่งจะมาที่หอคณิกาแห่งนี้ครั้งแรกก็ทำเอาหอแทบแตก สาวงามต่างก็แย่งกันปรนนิบัติท่านทั้งนั้น”
สตรีคณิกาที่กอดแขนเขาอยู่เบื้องขวาเอ่ยสนับสนุน
ใต้เท้าเฟิงโหย่วได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มพรายออกมา แล้วเอ่ยลาแฝงด้วยน้ำเสียงหยอกเย้าว่า
“เจ้าสองคนอ่อนหวานช่างเอาใจปานนี้ แม้นตัวข้ากลับ แต่ใจก็ยังคะนึงหาพวกเจ้า หากข้าว่างวันใด ข้าย่อมกลับมาหาพวกเจ้าทั้งสองแน่นอน”
“จริงนะเจ้าคะ”
ทั้งสองนางเอ่ยขึ้นพร้อมกัน
“จริงสิ”
“คุณชายเดินทางกลับด้วยความปลอดภัยเจ้าค่ะ”
“พวกข้าทั้งสองจะรอท่าน”
ใต้เท้าเฟิงโหย่วส่งยิ้มอำลา แล้วก้าวเท้าจากไปอย่างเบิกบานใจ
เขารับหน้าที่เป็นผู้แทนพระองค์ตรวจเยี่ยมราษฎรทางใต้ตั้งหลายเดือนกว่าจะแล้วเสร็จ ดังนั้น เมื่อราชกิจเสร็จสิ้นเขาจึงมาหาความสำราญผ่อนคลายความเครียดเสียหน่อย
ใต้เท้าเฟิงโหย่วกำลังจมอยู่ในความคิดของตนจึงไม่ได้สังเกตว่ามีเงาดำสายหนึ่งวูบไหวแอบตามเขามาตั้งแต่หอคณิกาแล้ว
เมื่อเขาเลี้ยวเข้าถนนสายรองซึ่งค่อนข้างเปลี่ยว เงาสีดำที่ตามหลังเขาก็พุ่งเข้าไปดึงถุงเงินข้างเอวใต้เท้าเฟิงโหย่ว
พรึบ !
“อ๊ะ นี่เจ้าหัวขโมย ส่งถุงเงินของข้ามานะ”
บิดามันเถอะ ! ข้าหนีการอภิเษกแต่กลับต้องมาเป็นทาสบำเรอกามแม่ทัพเถื่อน เรื่องราวขององค์ชายผู้ดื้อรั้นหนีการแต่งงาน จนถูกจับไปขายในหอนายโลม แล้วแม่ทัพก็นำตัวเขาไปเป็นทาสกาม เขาจะหนีพ้นจากความโชคร้ายนี้ได้หรือไม่ ไปติดตามกัน ................................................................................ ❌ จับมาเป็นทาส ✅ จับมาทำเมีย ——————————————— 😈“ข้าซื้อเจ้ามาก็เพื่อสิ่งนี้ ‼️ เจ้าจะเล่นตัวไปไย แต่ตอนนี้เจ้าทำให้ข้าเจ็บ เจ้าต้องรับผิดชอบ” สิ้นคำมือแกร่งก็กระชากเสื้อคลุมขององค์ชายน้อยออก แล้วผลักร่างบางเข้าชิดผนังห้อง 😡“จะทำอะไรข้า ถ้าท่านแตะต้องตัวข้าอีก ข้าฆ่าท่านแน่‼️” องค์ชายน้อยขู่ฟ่อ มือทั้งสองถูกเขารวบตรึงไว้เหนือหัว ร่างกายท่อนล่างแทบทุกสัดส่วนถูกเรือนร่างกำยำร้อนฉ่าทาบทับเอาไว้ 😈“ฮ่า ฮ่า คนที่ขู่ฆ่าข้า ไม่เคยมีใครตายดีสักคน แต่สำหรับเจ้า...” แม่ทัพหนุ่มมองสบตาหนุ่มน้อย เขาแตะปลายนิ้วลงที่ริมฝีปากบางด่าทอเขาไม่หยุด 😈 “ข้าจะทรมานจนต้องร้องขอชีวิตเชียวหล่ะ” เขาไล้ปลายนิ้วไปตามผิวเนื้อเนียนนุ่ม แล้วลูบต่ำลงมาจนถึงเม็ดทับทิมสีสวย จากนั้นก็ลูบคลึงหัวทับทิมเล่นอย่างหยอกล้อ 🥴“อื้อ อา เจ้าคนชั่วช้า งื้ออ อา” ฝ่ามือร้ายของท่านแม่ทัพทำให้เสียงองค์ชายน้อยเริ่มสั่นพร่าด้วยความเสียวซ่าน ทุกอณูสัมผัสของเขาทำให้หัวใจดวงน้อยเต้นโครมคราม 😈“ชั่วช้าอย่างไร ก็เป็นสามีเจ้า”
“...หนี้ชีวิต หนี้แค้น ที่เธอต้องยอมพลีกายชดใช้ให้เขา !” สำหรับเรื่อง “บ้านไร่ชายดุ” เป็นเรื่องราวของ เมย์ หญิงสาววัยแรกแย้ม ที่ต้องตกเป็นเชลยในกำมือซาตาน เพราะหนี้ชีวิตที่พ่อของเธอได้กระทำไว้
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
คุณท่านเสียว คุณชายยอดเยี่ยมที่โด่งดังในเมือง B ได้แต่งงาน แต่มีข่าวลือว่าเจ้าสาวมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดและมีฐานะต่ำต้อย สามปีมานี้ เขาปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชาและทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจียงซิงซิงอดทนกับความเย็นชาอย่างเงียบ ๆ เธอยังคงรักเขาอย่างสุดหัวใจ เสียสละความนับถือตนเองและยอมละทิ้งตัวตนของเธอเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง สุดที่รักของเขากลับประเทศ เขได้สารภาพว่าเขาแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อช่วยชีวิตคนรักในใจของเขาเท่านั้น เจียงซิงซิงเสียใจและผิดหวังมาก เธอจึงเซ็นเอกสารหย่าและจากไปด้วยความเศร้าใจ สามปีต่อมา เจียงซิงซิงผู้สวยงามจนน่าทึ่งกลับมาอีกครั้ง ได้กลายมาเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดและเป็นยอดฝีมือด้านเปียโน อดีตสามีรู้สึกเสียใจ และกอดเธอแน่นท่ามกลางสายฝน เสียงของเขาสั่นเครือ "ที่รัก คุณเป็นของผม..."
หลังจากดูแลสามีมาเป็นเวลาสามปี เมื่อเห็นสามีสอบติดขุนนาง เฉียวชูเยว่ก็นึกว่าชีวิตดีๆ จะมาแล้ว แต่กลับไม่รู้ว่าสามีเป็นคนโลภ และเจ้าชู้ เพื่อจัดการปัญหาให้สามี เฉียวชูเยว่เสียตัวให้กับจักรพรรดิโหดร้ายโดยไม่ได้ตั้งใจ เพื่อชีวิตและอนาคตของสามี นางได้แต่อดทนเอาไว้ จากนั้น สามีของนางก็ได้รับการยกย่องจากจักรพรรดิ และถูกเลื่อนตำแหน่งเรื่อยๆ เมื่อสามีของนางกำลังเพลิดเพลินอำนาจและสาวสวยนั้น นางกำลังรับใช้กับจักรพรรดิอย่าง้อยใจ แต่ไม่คาดคิดว่าความพยายามของนางได้แลกกับใบหย่าจากสามี ในวันแต่งงานของสามี นางถูกฆาตกรไล่ตามและตกลงไปในโคลน เมื่อนางหมดหวังนั้น จักรพรรดิก็มายืนอยู่ตรงหน้านาง "มาเป็นคนของข้าสิ และจะไม่มีใครกล้ารังแกเจ้าอีก!"
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
แต่งงานกันเป็นเวลาสามปี เสิ่มชูคิดว่าต่อให้ป๋อมู่เหนียนจะใจแข็งสักแค่ไหนก็ควรจะอ่อนลงได้ด้วยความรักที่เธอมีกับเขามาโดยตลอด แต่เมื่อเขาบังคับให้เธอคุกเข่าลงในหอบรรพบุรุษของตระกูล เสิ่มชูถึงตระหนักว่าแท้ที่จริง ผู้ชายคนนี้ไม่มีหัวใจ คนที่ไม่มีหัวใจ เธอยังจะอาลัยอาวรณ์อยู่อีกทำไม? ดังนั้น เมื่อป๋อมู่เหนียนขอให้เธอเลือกระหว่างการคุกเข่าและการหย่าร้าง เสิ่มชูจึงเลือกการหย่าร้างไปโดยไม่ได้ลังเล เธอยังสาวยังสวยอยู่เช่นนี้ ทำไมจะต้องมาเสียเวลากับไอ้ผู้ชายคนนี้ด้วย!มิสู้กลับบ้านไปสืบทอดมรดกพันล้านของตระกูลจะดีกว่า