บิดามันเถอะ ! ข้าหนีการอภิเษกแต่กลับต้องมาเป็นทาสบำเรอกามแม่ทัพเถื่อน เรื่องราวขององค์ชายผู้ดื้อรั้นหนีการแต่งงาน จนถูกจับไปขายในหอนายโลม แล้วแม่ทัพก็นำตัวเขาไปเป็นทาสกาม เขาจะหนีพ้นจากความโชคร้ายนี้ได้หรือไม่ ไปติดตามกัน ................................................................................ ❌ จับมาเป็นทาส ✅ จับมาทำเมีย ——————————————— 😈“ข้าซื้อเจ้ามาก็เพื่อสิ่งนี้ ‼️ เจ้าจะเล่นตัวไปไย แต่ตอนนี้เจ้าทำให้ข้าเจ็บ เจ้าต้องรับผิดชอบ” สิ้นคำมือแกร่งก็กระชากเสื้อคลุมขององค์ชายน้อยออก แล้วผลักร่างบางเข้าชิดผนังห้อง 😡“จะทำอะไรข้า ถ้าท่านแตะต้องตัวข้าอีก ข้าฆ่าท่านแน่‼️” องค์ชายน้อยขู่ฟ่อ มือทั้งสองถูกเขารวบตรึงไว้เหนือหัว ร่างกายท่อนล่างแทบทุกสัดส่วนถูกเรือนร่างกำยำร้อนฉ่าทาบทับเอาไว้ 😈“ฮ่า ฮ่า คนที่ขู่ฆ่าข้า ไม่เคยมีใครตายดีสักคน แต่สำหรับเจ้า...” แม่ทัพหนุ่มมองสบตาหนุ่มน้อย เขาแตะปลายนิ้วลงที่ริมฝีปากบางด่าทอเขาไม่หยุด 😈 “ข้าจะทรมานจนต้องร้องขอชีวิตเชียวหล่ะ” เขาไล้ปลายนิ้วไปตามผิวเนื้อเนียนนุ่ม แล้วลูบต่ำลงมาจนถึงเม็ดทับทิมสีสวย จากนั้นก็ลูบคลึงหัวทับทิมเล่นอย่างหยอกล้อ 🥴“อื้อ อา เจ้าคนชั่วช้า งื้ออ อา” ฝ่ามือร้ายของท่านแม่ทัพทำให้เสียงองค์ชายน้อยเริ่มสั่นพร่าด้วยความเสียวซ่าน ทุกอณูสัมผัสของเขาทำให้หัวใจดวงน้อยเต้นโครมคราม 😈“ชั่วช้าอย่างไร ก็เป็นสามีเจ้า”
ณ เมืองหลวง แคว้นฉาง
องค์ชายรัชทายาทหลี่จื่ออิงรู้เรื่องการแต่งงานเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างแคว้นฉางกับแคว้นเป่ยหนาน เขาก็ย่ำเท้าตึก ๆ ตรงมายังห้องทรงงานของฮ่องเต้ทันที
อาภรณ์สีทองสะบัดตามแรงเคลื่อนไหว ความกังวลในพระทัยมิทำให้ใบหน้าหล่อเหลาขององค์ชายรัชทายาทหลี่จื่ออิงหมองลงแม้แต่น้อย
เมื่อเขาเปิดประตูเข้าไปก็พบฮ่องเต้หลี่อี้เทียนมีสีพระพักตร์เคร่งเครียดกับราชกิจตรงหน้า
“เสด็จพ่อ !”
องค์ชายหลี่จื่ออิงถลาเข้ามาในห้องทรงงานโดยไม่รอให้ขันทีหน้าห้องประกาศให้เข้าพบเสียก่อน เพราะเขาอยู่เหนือกฎเกณฑ์ทุกอย่างในวังหลวงแห่งนี้
“รีบร้อนมาหาพ่อถึงที่นี่ มีเรื่องใดรึ”
ฮ่องเต้แย้มสรวลน้อย ๆ เพื่อกลบเกลื่อนเรื่องที่ตนมีพระบัญชาให้องค์ชายรัชทายาทอภิเษกกับองค์หญิงต่างแคว้น
“ลูกได้ยินข่าวมาว่าลูกที่จะต้องอภิเษกกับองค์หญิงต่างแคว้นใช่หรือไม่”
องค์ชายหลี่จื่ออิงถามขึ้นอย่างร้อนใจ เขาเพิ่งจะอายุได้เพียงสิบแปดหนาว ยังเที่ยวเล่นไม่เต็มที่เลย จู่ ๆ จะต้องแต่งงานมีพระชายาเสียแล้ว มิเท่ากับว่าส่งเขาไปเข้าคุกหรอกหรือ
“ผู้ใดช่างปากมากนัก”
ฮ่องเต้คำรามอยู่ในลำคอ สีหน้าโกรธเกรี้ยว
“เป็นใครไม่สำคัญ ลูกอยากรู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ที่เสด็จพ่อจะให้ลูกแต่งงานกับองค์หญิงแคว้นเป่ยหนาน”
องค์ชายหลี่จื่ออิงรอฟังคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ
“เรื่องจริง”
ฮ่องเต้ตอบเสียงเบา ราวกับกลัวว่าคำตอบนั้นจะกระทบกระเทือนจิตใจบุตรสุดรักของตน
“ลูกยังไม่แต่งงาน !”
องค์ชายหลี่จื่ออิงแผดเสียงออกมา
เขาถูกตามใจมาตั้งแต่เด็ก จึงทำให้เขามีนิสัยดื้อรั้น ไม่รู้จักโต อีกทั้ง ยังถูกเลี้ยงดูอย่างทะนุถนอมยิ่งกว่าไข่ในหิน รูปร่างจึงอรชรอ้อนแอ้นราวกับเทพธิดา ทำให้เขาดูเป็นเด็กหนุ่มมากกว่าบุรุษโตเต็มวัย
“หลี่จื่ออิง เจ้าโตแล้ว อีกหน่อยเจ้าก็ต้องครองราชย์แทนพ่อ การที่เจ้าอภิเษกกับองค์หญิงเป่ยหนาน นอกจากจะมีตำแหน่งสูงศักดิ์เท่าเทียมกันแล้ว เจ้ายังจะได้ฐานอำนาจสนับสนุนบัลลังก์มังกรจากต่างแคว้นมิให้สั่นคลอน”
“แต่...”
องค์ชายหลี่จื่ออิงเสียงแหบแห้งอยากจะคัดค้าน
“ไม่มีแต่ นับตั้งแต่วันนี้ไปเจ้าจะต้องเตรียมตัวเป็นเจ้าบ่าว”
ฮ่องเต้เสียงเข้มขึ้น
“เสด็จพ่อ”
องค์ชายหลี่จื่ออิงโอดครวญ
....................................................................................
เช้าตรู่ของวันต่อมา
องค์ชายรัชทายาทหลี่จื่ออิงเร้นกายในเงามืดสลัว สองแขนกอดห่อผ้าไว้ในอ้อมอก เขาเคยหนีออกนอกวังหลายหน แต่ไม่ตื่นเต้นเท่าครั้งนี้
เพราะคราวนี้ เขาไม่ได้หนีเที่ยว แต่เขาจะหนีการแต่งงาน !
เขาเก็บเสื้อผ้า และเงินจำนวนมากใส่ห่อผ้าไว้ตั้งแต่เมื่อคืน จากนั้น ก็อาศัยช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ยังไม่พ้นขอบฟ้า มาที่ประตูหลังวัง แล้วเดินปะปนไปกับบรรดาพ่อค้าแม่ค้าที่มาจัดส่งสินค้าให้กับวังหลวงออกนอกประตูไป
หลี่จื่ออิงเหลียวมองดูด้านหลังแล้วพบว่า ตนออกมาพ้นสายตาของทหารยามประตูท้ายวังแล้ว ก็กวาดตามองหาขบวนเกวียนสินค้าของพ่อค้า
เขาเดินสำรวจเกวียนคันแล้วคันเล่า
“หนุ่มน้อย เจ้ากำลังหาอะไรรึ”
พ่อค้าหนุ่มคนหนึ่งส่งเสียงถามขึ้น
“ข้าต้องการเดินทางไปเมืองนอกด่าน มิทราบว่ารถม้าบรรทุกสินค้าคันใดมาจากทางเหนือข้าจะขอติดรถม้าไปด้วย”
หลี่จื่ออิงวางแผนเอาไว้ว่าจะหลบไปอยู่เมืองนอกด่านสักระยะ รอให้ฮ่องเต้ทรงล้มเลิกการแต่งงานแล้ว ตนจึงจะกลับมาเมืองหลวง
พ่อค้าหนุ่มตอบ “ข้ามาจากทางเหนือ ส่งสินค้าเสร็จพอดี เจ้าไปกับข้าก็ได้”
“ขอบคุณท่านมาก”
หลี่จื่ออิงกระชับห่อผ้าแน่นด้วยความตื่นเต้นยินดี แล้วปีนขึ้นไปนั่งบนรถม้า
พ่อค้าหนุ่มยิ้มที่มุมปาก ส่งสายตาให้เพื่อนในมุมมืดอีกคนอย่างชั่วร้าย
......................................
ณ ชายแดนแคว้นฉาง
องค์ชายหลี่จื่ออิงไม่ทราบว่าตนเองเผลอหลับไปนานแค่ไหน รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็ตอนที่พ่อค้าหนุ่มเข้ามาเขย่าตัว
“เจ้าหนุ่ม ถึงที่หมายแล้วลงมาเถอะ”
“เมืองหน้าด่านรึ”
องค์ชายหลี่จื่ออิงงัวเงียคว้าเอาห่อผ้าตามหลังพ่อค้าหนุ่มลงไปจากรถม้า เขาหันมองรอบด้านแล้วพบว่า บัดนี้เป็นเวลาพลบค่ำ รถม้าจอดอยู่ที่หน้าอาคารไม้แห่งหนึ่ง ตกแต่งด้วยโคมประดับสวยเด่น และที่สุดตาคือ หน้าอาคารแห่งนั้นมีบุรุษสวมอาภรณ์บางเบาออกมาต้อนรับแขก
“ใช่แล้ว นี่แหละเมืองที่เจ้าต้องการมา ตามข้ามาสิ ข้าจะหาที่พักให้เจ้าเอง”
พ่อค้าหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงเมตตา แต่แววตาเขากลับวาววับอย่างเจ้าเล่ห์
องค์ชายน้อยไม่ทันสังเกต เห็นว่าอีกฝ่ายช่วยเหลืออย่างใจดี ก็ฉีกยิ้มกว้าง
“ขอบคุณพี่ชายมาก”
“ไม่ต้องขอบคุณข้าหรอก เจ้าจะได้ตอบแทนข้าอย่างสาสมแน่นอน”
พ่อค้าหนุ่มงึมงำเบา ๆ ขณะที่เดินนำองค์ชายหลี่จื่ออิงเข้าไปในอาคารไม้แห่งนั้น และมีพ่อค้าใบหน้าเหี้ยมเกรียม รูปร่างสูงใหญ่อีกคนเดินตามหลังองค์ชายหลี่จื่ออิงไปห่าง ๆ
องค์ชายหลี่จื่ออิงกวาดสายตามองดูอย่างตื่นเต้น ภายในอาคารไม้แห่งนั้น มีการแสดงรื่นเริงทั้งร้องทั้งร่ายรำจากบุรุษแต่งกายคล้ายกับสตรี ท่วงท่าแม้ไม่อ่อนช้อย แต่กลับมีเสน่ห์เป็นอย่างมาก
บรรดาแขกเหรื่อก็นั่งกินนั่งดื่ม แต่ละโต๊ะล้วนมีบุรุษหน้าหวานคอยปรนนิบัติ คล้าย ๆ กับหอคณิกา
“ที่นี่คือที่ใด”
องค์ชายน้อยถามขึ้น ขณะที่กระชับห่อผ้าในอ้อมแขนแน่น เมื่อเขาเดินผ่านบุรุษคนใด บุรุษคนนั้นต่างก็มองเขาด้วยสายตาแปลก ๆ ชวนให้รู้สึกอึดอัด
สายตาเหล่านั้นคล้ายกับสายตาบุรุษที่กำลังโลมเลียสตรีแรกแย้ม
“หอไป๋หลัน สวรรค์บนดินที่ชายแดนแห่งนี้”
พ่อค้าตอบขณะที่เร่งฝีเท้าไปยังชั้นบนของหอ
“ท่านจะให้ข้าพักที่นี่หรือ”
“นอกจากจะพักแล้ว เจ้ายังสามารถกินดื่มหลับนอนได้อย่างเต็มที่ตราบนานเท่านาน”
พ่อค้ายิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
ข้าจะใช้มังกรพลิกบัลลังก์มังกร ! // ยาจกหนุ่มหน้าหวานหวังจะพลิกชะตากรรมของตน แม้ว่าต้องแลกมาด้วยความบริสุทธิ์ของตนก็ตาม
“...หนี้ชีวิต หนี้แค้น ที่เธอต้องยอมพลีกายชดใช้ให้เขา !” สำหรับเรื่อง “บ้านไร่ชายดุ” เป็นเรื่องราวของ เมย์ หญิงสาววัยแรกแย้ม ที่ต้องตกเป็นเชลยในกำมือซาตาน เพราะหนี้ชีวิตที่พ่อของเธอได้กระทำไว้
คุณท่านเสียว คุณชายยอดเยี่ยมที่โด่งดังในเมือง B ได้แต่งงาน แต่มีข่าวลือว่าเจ้าสาวมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดและมีฐานะต่ำต้อย สามปีมานี้ เขาปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชาและทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจียงซิงซิงอดทนกับความเย็นชาอย่างเงียบ ๆ เธอยังคงรักเขาอย่างสุดหัวใจ เสียสละความนับถือตนเองและยอมละทิ้งตัวตนของเธอเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง สุดที่รักของเขากลับประเทศ เขได้สารภาพว่าเขาแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อช่วยชีวิตคนรักในใจของเขาเท่านั้น เจียงซิงซิงเสียใจและผิดหวังมาก เธอจึงเซ็นเอกสารหย่าและจากไปด้วยความเศร้าใจ สามปีต่อมา เจียงซิงซิงผู้สวยงามจนน่าทึ่งกลับมาอีกครั้ง ได้กลายมาเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดและเป็นยอดฝีมือด้านเปียโน อดีตสามีรู้สึกเสียใจ และกอดเธอแน่นท่ามกลางสายฝน เสียงของเขาสั่นเครือ "ที่รัก คุณเป็นของผม..."
เจียงซุ่ยแต่งงานกับยู่จินเฉินมาเป็นเวลาสามปี เธอยอมทำงานบ้านทุกอย่างเพื่อเขา ทั้งซักผ้า ทำอาหาร และถูพื้น แต่ไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ก็ไม่สามารถทำให้หัวใจของเขาสลายลงได้ เธอเริ่มตระหนักและตัดสินใจหย่ากับผู้ชายที่เธอรักสุดหัวใจมาเป็นเวลาสามปี เพื่อให้เขาได้ไปอยู่กับผู้หญิงที่เขารักจริง หลังจากที่เธอหย่าแล้ว คนในแวดวงไฮโซล้วนรอดูเรื่องตลกของเธอและล้อเล่นกับเธอว่า"เจียงซุ่ย ทำไมถึงหย่ากับคุณยู่น่ะ" เจียงซุ่ยยิ้ม"เพราะฉันจะกลับบ้านไปสืบทอดมรดกพันล้านของตระกูลไง ผู้ชายอย่างเขาไม่คู่ควรกับฉันหรอก" อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครเชื่อคำพูดของเธอ วันรุ่งขึ้น ผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดในโลกปรากฏตัวในข่าวและกลายเป็นว่าเป็นภรรยาเก่าขอยู่จินเฉินด้วย ทุกคนล้วนตกตะลึงไปหมด เมื่อพวกเขาพบกันอีกครั้งหลังจากการหย่าร้าง ยู่จินเฉินมองไปที่ผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดคนนั้นซึ่งกำลังถูกรายล้อมไปด้วยหนุ่มหล่อไฮโซมากมาย ใบหน้าของเขาก็มืดมนลงทันที "คุณเจียง คุณรวยขนาดนี้ ควรหาแฟนที่มีฐานะเสมอกันสิ อย่างผมนี่ ผมยอมให้ทุกอย่างที่ผมมีให้คุณนะ"
อวิ๋นหลาน นักฆ่าอันดับหนึ่งแห่งศตวรรษที่ 25 ได้ข้ามภพและเกิดใหม่ในร่างของหญิงสาวผู้ไร้ประโยชน์ซึ่งมีชื่อเดียวกันในจวนเทพเจ้าแห่งสงคราม รากวิญญาณถูกทำลายไป? บำเพ็ญวิชาไม่ได้? คู่หมั้นถอนหมั้น? ทุกคนหัวเราะเยาะนาง? การควบคุมอสูร ยาพิษ ยาลูกกลอนปีศาจ อาวุธลับ...นางจัดการได้อย่างสบายๆ อดีตผู้ไร้ค่า แต่บัดนี้มาแก้แค้นชาาเจ้าชู้ เอาคืนทุกคนที่รังแกตนเอง ได้ประสบความสำเร็จ และขึ้นไปสู่จุดสูงสุด ผู้แข็งแกร่งอย่าคิดจะทำอะไรตามใจ ผู้อ่อนแออย่าท้อแท้ กล้ามารุกรานข้า งั้นก็อย่าหาว่าข้าไม่เตือนก็แล้วกัน เขาเป็นจ้าวแห่งอาณาจักรปีศาจ ชอบเอาใจนาง นางฆ่าคน เขาช่วยปิดปาก นางทำลายศพ เขาช่วยกำจัดหลักฐาน เขายอมทำทุกอย่างเพื่อนาง ชีวิตนี้ยอมร่วมทุกข์ร่วมสุขไม่ทอดทิ้งกัน
ปลัมน์ นักธุรกิจหนุ่มหล่อลูกครึ่ง ถูกแม่สั่งให้ทำยังไงก็ได้ ที่จะกัน พลอยหยก ออกไปจากชีวิตน้องชายของเขา แต่หารู้ไม่ว่า พอถึงคราวของตัวเอง เขากลับกันเธอออกจากชีวิตตัวเองไม่ได้ ซ้ำร้ายไปกว่านั้นก็คือ เขาไม่อาจจะมีชีวิตอยู่ได้ โดยไม่มีเธอ ----------------------- “ปวดแผลจัง สงสัยต้องนอนพัก คุณล่ะทำอะไรตั้งหลายอย่างผมว่านอนพักก่อนดีกว่ามั้ย” เขาเอ่ยเมื่อพลอยหยกกลับจากเอาทุกอย่างไปล้างในทะเลเรียบร้อยแล้ว “ฉันยังไม่เหนื่อยเท่าไหร่ค่ะ แต่คุณนอนก็ดี เดินไกลกว่าทุกวันแล้วค่ะ” พลอยหยกเห็นด้วยอย่างยิ่งเลยเดินมาคอยประคองให้เขานอนลงได้อย่างสะดวก โดยมีเสื้อชูชีพสองตัววางซ้อนกันเป็นหมอนให้ หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะอีกแล้วเมื่อจ้องมองใบหน้าของเขาที่หล่อเหลากว่าทุกวัน ยิ่งเขาจ้องมองมาหาด้วยแล้วก็ยิ่งเกิดอาการประหม่าจนทำอะไรไม่ถูก “คุณนอนพักก่อนดีกว่านะแกว จะได้มีแรงไว้สู้กับการสอยมะพร้าวไง” มือข้างขวาของเขารั้งเอวเธอเอาไว้ไม่ให้ลุกไปไหน แถมยังออกแรงกดบังคับให้เธอโน้มกายลงไปหาพื้นข้างๆ อย่างไม่ยอมแพ้ แม้จะเจ็บแผลอยู่บ้างแขนข้างขวาของเขาก็ยังมีเรี่ยวแรงมาพอที่จะหยัดตัวให้นอนตะแคงไปหาเธอ ดวงตาคู่คมจ้องมองใบหน้าที่เขาเดาว่าคงจะแดงเพราะความอายที่ได้อยู่ใกล้ๆ เขาเป็นแน่ และเขาก็ช่วยให้ห้วงเวลาที่เธอคงจะอึดอัดนั้นสั้นลงด้วยการก้มลงไปหาริมฝีปากนุ่มช้าๆ มอบจุมพิตอันแผ่วเบาให้เจ้าของริมฝีปากที่ไม่ได้ขัดขืนใดๆ อีกทั้งยังโอบกอดตัวเขาไว้อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวด้วย ใบหน้าสวยก็แหงนเงยขึ้นเพื่อให้เขาได้ดอมดมปลายคาง ลำคองามระหงอย่างสะดวก ก่อนจะกลับขึ้นไปดูดดื่มริมฝีปากอีกวาระ แขนข้างซ้ายที่เคยเจ็บบัดนี้ดูเหมือนเขาจะไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไปแล้ว และใช้มันยกสอดเข้าไปใต้เสื้อยืด แถมมันยังมีเรี่ยวแรงมากพอที่จะถลกบราเซียออกจากสองบัวงามได้อย่างไม่น่าเชื่อ และเมื่อไม่ใคร่ถนัดนักเขาเลยเลื่อนมือขวาลงมาช่วยด้วยการถลกเสื้อยืดขึ้น โดยเจ้าของเสื้อคอยให้ความร่วมมือพยุงกายขึ้นจากพื้น แล้วแอ่นอกให้กับอุ้งปากอุ่นของเขาได้ลิ้มลองอย่างไม่หวงแหน แม้ใจจะบอกตัวเองว่าต้องห้ามเขา แต่พลอยหยกก็ไม่อาจจะทำได้ ไม่รู้เป็นเพราะอะไร รู้แต่ว่าตอนนี้เป็นสุขใจจนลืมทุกอย่างเพียงเพราะมีเขาอยู่แนบชิดขณะนี้ จนไม่อาจจะผลักไสเขาไปไหนได้นอกจากยินยอมพร้อมใจให้เขาได้เชยชมเพื่อชดเชยความสุขสมที่พึงมีด้วยกันนับตั้งแต่วันได้นอนแนบชิดกันโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้ว ปลัมน์ก็ไม่คิดจะห้ามตัวเองด้วยเช่นกัน เขาไม่แคร์ด้วยซ้ำว่าตอนนี้ไม่มีแม้แต่ถุงยางอนามัยติดตัว และไม่แคร์ด้วยว่าเธอคืออดีตคนรักของหลานชาย ด้วยหัวใจไม่อาจจะหักห้ามความต้องการทั้งทางกายและทางใจได้อีกต่อไปแล้ว ผ่านมาหลายค่ำคืนที่เขามีสติล้วนแล้วแต่เป็นการกล้ำกลืนฝืนทนสุดๆ สำหรับเขาแล้ว แผงอกเปลือยทั้งสองบดเบียดแนบชิดกันเนิ่นนานกว่าปลัมน์จะค่อยๆ เลื่อนมือขวาลงไปหาหน้าท้องแบนราบจนพานพบตะขอกางเกงยีนส์ เขาใช้เวลาปลดไม่นานพอๆ กับการรูปซิปออก แล้วส่งนิ้วเรียวเข้าไปลูบไล้ผิวกายนุ่มนวลนอกแพนตี้สีหวานที่ชวนให้หลงใหลจนเขาปล่อยใจให้เตลิดเปิดเปิงไปเลยขั้นที่เกินจะควบคุมได้อีกต่อไป ไม่แตกต่างจากพลอยหยกนักที่เป็นสุขใจเกินคณากับการมีเขามาแนบชิดอยู่อย่างนี้ สองฝ่ามือนุ่มลูบไล้ไปตามแผ่นหลังกว้างบึกบึนของเขาอย่างลืมตัว ริมฝีปากนุ่มก็จูบตอบเขาด้วยความปรารถนาอันแรงกล้า แม้จะไร้ซึ่งประสบการณ์ก็ตามที แต่การถูกเขามอบจุมพิตให้บ่อยครั้งก็คือเป็นความคุ้นเคยกับเขาในระดับหนึ่งแล้ว หญิงสาวสะดุ้งเฮือกกับอุ้งปากอุ่นของเขาที่กำลังครอบครองปลายยอดชูช่อประหนึ่งรอให้เขามาเยี่ยมเยือนก็ไม่ปาน แผ่นหลังนุ่มแทบไม่ติดพื้นใบมะพร้าวเมื่อเธอเผลอแอ่นกายขึ้นเพื่อให้เขาได้ดูดดื่มอย่างสะดวก เธอรับรู้ได้ว่ากายเขาสะดุ้งน้อยๆ เมื่อมือบางเผลอออกแรงบีบตรงหัวไหล่ซ้ายของเขาเพราะความเจ็บร้าวไปทั่วกายจากความต้องการที่จะมีเขาเข้าครอบครอง “แกว! ตัวผมจะแตกเป็นเสี่ยงๆ อยู่แล้ว ผมต้องการคุณเดี๋ยวนี้” น้ำเสียงเขาแหบพร่าอยู่ใกล้ๆ หู ก่อนจะซอกไซ้ปลายจมูกไปกับซอกคอระหงแล้วเลื่อนลงไปหาอกอวบอิ่ม อ้อยอิ่งอยู่กับปลายยอดอีกข้างอย่างหลงใหลอีกครั้ง พลอยหยกรับรู้ถึงความต้องการของเขาได้ตรงสะโพกผายตึงเมื่อความแข็งแกร่งของเขาส่งสัญญาณมาหาโดยไม่ต้องบอกกล่าวทางวาจาเพราะด้วยภาษาทางกายแจ้งอย่างชัดเจนกว่าเรียบร้อยแล้ว “คุณปลัมน์คะ!” พลอยหยกส่งเสียงติดๆ ขัดๆ ไปหาเขา สองมือบางก็พยายามจะดันอกเขาออกอย่างยากลำบาก “แกว! อย่าห้ามผมเลยนะ เราต่างก็ต้องการกันและกัน อย่าสนใจอะไรอีกเลยนะ” เขาส่งน้ำเสียงอ้อนวอนมาให้ขณะพรมจูบไปตามผิวกายขาวและกำลังเลื่อนต่ำลง พลอยหยกต้องพยายามสะกัดกลั้นความรู้สึกวาบหวานเอาไว้และพยายามใช้สองแขนหยัดกายให้ลุกขึ้น “คุณปลัมน์คะ! ฟังสิคะ” “บนเกาะนี้มีแค่เราสองคน ไม่รู้ว่าจะมีใครมาช่วยเราหรือเปล่า และไม่แน่ว่าเราอาจจะต้องติดอยู่นี่ไปเป็นปีๆ ก็ได้ ถ้าถึงตอนนั้นเราก็คงไม่พ้นต้องทำเรื่องนี้ด้วยกันอยู่ดี แล้วจะให้ผมรออะไรอีกแกวคุณอยากให้ผมลงแดงตายเพราะต้องการคุณหรือไง” แต่ก็ถูกกายกำยำเขาทาบทับไว้ ส่วนมือขวาที่ใช้การได้ก็กำลังเลื่อนขอบกางเกงยีนส์ออกจากสะโพกผายตึง “แต่เสียงนั่นค่ะ คุณฟังสิคะ” แม้จะเป็นเสียงแห่งความช่วยเหลือกำลังมาถึง แต่ปลัมน์ก็ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น และอยากฆ่าคนที่กำลังมาด้วย เพราะมันไม่ถูกเวลาเอาเสียเลย “คุณหูฝาดไปเอง ผมไม่เห็นได้ยินอะไรสักนิด” เขางับยอดบัวงามไว้ในอุ้งปากแล้วดูดดื่มอย่างหิวกระหายและควบคุมตัวเองแทบไม่อยู่ “คุณปลัมน์คะ แต่เสียงนั่นใช่เสียงเครื่องบินหรือเปล่าคะ ฉันได้ยินค่ะ คุณฟังสิคะ”
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
ตลอดสิบปีที่ฉู่จินเหอรักเหลิ่งมู่หยวนฝ่ายเดียว เอาใจใส่กับเขาอย่างเต็มที่ แต่เธอไม่เคยคิดว่าที่แท้เธอเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น ที่สำนักงานเขตเพื่อทำการหย่า เหลิ่งมู่หยวนมองดูฉู่จินเหอด้วยความเย็นชาและพูดอย่างเหยียดหยามว่า "ถ้าเธอคุกเข่าลงและขอร้องฉัน ฉันอาจจะให้โอกาสเธอกอีกครั้ง ฉู่จินเหอเซ็นอย่างไม่ลังเลและออกจากตระกูลเหลิ่ง สามเดือนต่อมา ฉู่จินเหอปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ในเวลานั้น เธอเป็นประธานเบื้องหลังของ LX นักออกแบบลับที่ล้ำค่าที่สุดในโลก และเจ้าของเหมืองที่มีมูลค่าหลายร้อยล้าน ทางตระกูลเหลิ่งคุกเข่าลงและขอร้องให้คืนดีและขอการให้อภัย ฉู่จินเหอแยู่ในโอบกอดของซีอีโอโจว ซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในโลกธุรกิจอย่างมีความุข เธอเลิกคิ้วพลางเยาะเย้ย "ฉันในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกคุณมาเกี่ยวข้องได้"