[แสนหวาน + วิวาห์ฟ้าแล่บ + แต่งงานก่อน แล้วรักทีหลัง] แฟนที่หลู่ชิงชิงเลี้ยงดูมาหลายปีกลับนอกใจเธอ แอบไปคบกับเพื่อนสนิทของเธอ? เธอทนต่อกับเรื่องนี้ไม่ได้ และไปสมัครขอแต่งงานโดยตรง และแต่งงานกับชายแปลกหน้าอย่างรวดเร็ว หลังจากการแต่งงานแล้ว ชายคนนั้นคำหนึ่งก็ว่าเขาจะออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดในครอบครัวสองคำก็ว่าจะเลี้ยงดูเธอ หลู่ชิงชิงเยาะเย้ยคิดว่ามันเป็นกลอุบายและคำโกหกของผู้ชายอีกแล้ว โดยไม่คาดคิดว่าชายคนนี้กลับกลายเป็นคนให้ความสำคัญกับภรรยาตัวเองจริงๆ ทั้งสนับสนุนอาชีพการงานของเธอและยังช่วยเธอทำงานบ้านด้วย และให้เธอตกแต่งบ้านตามใจชอบ ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข สิ่งที่ทำให้เธอประหลาดใจยิ่งกว่านั้นคือทุกครั้งที่เธอประสบปัญหา เขาก็สามารถแก้ปัญหาให้เธอได้ตลอด ทุกครั้งที่เธอถามเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ เขามักจะหัวเราะและเปลี่ยนเรื่องอย่างฉลาดโดยชมเธอว่าเป็นคนมีความสามารถ ทำงานเก่ง จนกระทั่งวันหนึ่ง ภายใต้การเลี้ยงดูจากสามีของเธออย่างต่อเนื่อง เธอก็ประสบความสำเร็จเช่นกัน จากนั้นเธอถึงพบว่ามีผู้ชายคนหนึ่งในนิตยสารการเงินระดับโลกที่ดูเหมือนสามีของเธอทุกประการ...
เมื่อเข้าสู่ฤดูร้อน แสงแดดแผดจ้า
ลู่ชิงชิงทนต่อแดดจ้าทำงานพาร์ทไทม์แจกใบปลิวอยู่หน้าประตูห้าง
ทันใดนั้นไม่ไกลออกไปก็หันไปเห็นชายหนุ่มหญิงสาวคู่หนึ่งเดินเข้ามาทางประตูด้านข้างของห้าง
เมื่อมองจากแผ่นหลังแล้ว ดูเหมือนจะเป็นหลินซั่วแฟนของเธอ กับฉินฮันเยว่ที่เป็นเพื่อนสนิทของเธอ
วันนี้หลินซั่วต้องไปสัมภาษณ์งานไม่ใช่เหรอ?
ลู่ชิงชิงรู้สึกร้อนใจมาก เธอจึงรีบตามไปทันที
แต่แล้วเมื่อเธอเข้าไปในห้างสรรพสินค้าก็พบว่าพวกเขาหายไปเสียแล้ว
หลังจากเดินวนอยู่หลายรอบ จู่ ๆ โทรศัพท์มือถือของเธอก็ได้รับข้อความเตือนการใช้บัตรเครดิต
เคาน์เตอร์เครื่องประดับ ยอดค่าใช้จ่าย 250000 บาท
ลู่ชิงชิงตกใจกับตัวเลขนี้จนมือสั่นไปหมด นี่มันรายได้เกือบครึ่งปีของเธอเลยนะ
ไม่ช้าลู่ชิงชิงก็หาเคาน์เตอร์รับเงินเจออย่างรวดเร็ว แล้วเธอก็เห็นว่าพนักงานแคชเชียร์กำลังสวมแหวนเพชรที่แวววาวลงบนนิ้วนางที่ขาวกระจ่างใสและนุ่มนิ่มของฉินฮันเยว่
เพชรบนแหวนมีขนาดใหญ่มาก แล้วก็งดงามมากด้วย มันเป็นเพชรที่ลู่ชิงชิงหมายตามานานมากแล้ว
เมื่อเห็นรอยยิ้มที่พึงพอใจบนใบหน้าของฉินฮันเยว่ ลู่ชิงชิงก็รู้สึกหัวสมองว่างเปล่าไปหมด
หลินซั่วตกงานมาหกเดือนแล้ว เขากินอยู่กับเธอทุกอย่าง แต่ตอนนี้เขากลับกล้าที่ใช้บัตรของเธอไปซื้อแหวนเพชรให้กับเมียน้อยเนี่ยนะ?
คิดว่าเธอตายไปแล้วรึไง?
เธอรีบวิ่งไปแย่งแหวนจากมือของฉินฮันเยว่มาทันที แล้วก็ยื่นไปให้พนักงานแคชเชียร์
“คืนแหวนวงนี้ค่ะ”
“ลู่ชิงชิง นี่มันอะไรของเธอเนี่ย? นี่มันแหวนที่ฉันเพิ่งซื้อมานะ เธอมีสิทธิ์อะไรเอาไปคืนห่ะ?” ฉินฮันเยว่ตะโกนขึ้นมาเสียงดัง
“เพี๊ยะ!” ลู่ชิงชิงตบหน้าของฉินฮันเยว่ไปทีหนึ่ง
“นี่คุณทำบ้าอะไร?” เวลานี้หลินซั่วที่กลับมาจากไปจ่ายเงิน กอดฉินฮันเยว่เอาไว้ในอ้อมแขนอย่างสงสาร แล้วก็ตะโกนใส่ลู่ชิงชิงเสียงดัง
“ก็แค่เอาบัตรคุณไปรูดไม่กี่แสงเอง คุณถึงขั้นต้องทำตัวเป็นหมาบ้ามาลงมือลงไม้กับคนอื่นเลยเหรอ คุณไม่รู้จักอายบ้างเลยรึไง?” ความรังเกียจและความเคียดแค้นในแววตาของหลินซั่วมันชัดเจนมาก
หัวใจของลู่ชิงชิงเหมือนถูกบดละเอียด การถูกหักหลัง ความโกรธ และความอัปยศอดสู ทำให้ดวงตาทั้งสองข้างของเธอแดงก่ำ
“คุณเอาเงินที่หามาอย่างยากลำบากของฉันไปเลี้ยงดูผู้หญิงคนอื่น แล้วคุณยังจะมาบอกว่าฉันหน้าไม่อายอีกงั้นเหรอ?”
“แล้วจะทำไม เธอไม่ดูสารรูปของเธอ จะมีผู้ชายที่ไหนมาสนใจเธอกันห่ะ!”
ตลอดเวลาครึ่งปีที่ผ่านมาที่เธอต้องเลี้ยงหลินซั่ว เธอต้องประหยัดเงินค่าอาหารและค่าใช้จ่ายของเธอ นานมากแล้วที่เธอไม่ได้ซื้อผลิตภัณฑ์ดูแลผิวเลย เสื้อผ้าที่เธอสวมใส่ก็เก่า ๆ แต่แล้วสิ่งที่เธอได้ตอบแทนมามันคืออะไร เป็นการทรยศที่ไร้ยางอายเนี่ยนะ!
คนมามุงดูมากขึ้นเรื่อย ๆ หลินซั่วจึงโยนบัตรเครดิตและใบแจ้งหนี้ไปที่หน้าของลู่ชิงชิงด้วยความโกรธ
“เอาไปเลย อะไรก็เงิน เงิน เงิน ฉันทนกับเธอมามากพอแล้ว”
ใบหน้าของลู่ชิงชิงโดนบัตรเครดิตฝาดจนรู้สึกเจ็บ แต่ทว่าหัวใจของเธอเจ็บกว่าเยอะ
“ลู่ชิงชิง จุดจบของผู้หญิงอย่างเธอคงต้องตายอย่างโดดเดี่ยวเท่านั้นแหละ ไม่มีผู้ชายคนไหนรับเธอได้หรอก” หลังจากที่หลินซั่วพูดจบ เขาก็ดึงฉินฮันเยว่ออกจากห้างสรรพสินค้าไป
ลู่ชิงชิงก้มลงหยิบบัตร และใบแจ้งหนี้บนพื้นโดยไม่พูดอะไรสักคำ เธอทำตามขั้นตอนการคืนเงินเสร็จสิ้น แล้วก็กลับไปที่บ้านที่เธอ และหลินซั่วเช่าเอาไว้
บ้านหลังนี้เป็นแบบสองห้องนอน หลินซั่วและเธออาศัยอยู่ห้องใครห้องมันมาโดยตลอด
แต่ที่น่าตลกก็คือ ก่อนหน้านี้เธอคิดว่าที่หลินซั่วทำเช่นนี้เพราะเขาเป็นสุภาพบุรุษ
เมื่อเธอเข้าบ้านไป เธอก็เริ่มจัดกระเป๋าเดินทางของหลินซั่ว เพื่อเตรียมที่จะไล่เขาออกไป
ตอนที่เธอกำลังสะบัดผ้าปูที่นอน เธอก็เจอถุงยางอนามัยที่ใช้แล้วสองอัน
เมื่อมองดูถุงยางที่ ‘สด ๆ’ นี้ ความรู้สึกที่ลู่ชิงชิงมีต่อหลินซั่วก็ดับลงในทันที
สัมภาระที่ถูกแพ็คเรียบร้อยแล้วถูกโยนออกไปนอกประตูทีละชิ้น
ขณะเดียวกันหลินซั่วกลับมาพร้อมกับฉินฮันเยว่
เมื่อเห็นว่าห้องถูกเก็บจนว่างเปล่า หลิน ซั่วก็โมโหสุด ๆ
“ลู่ชิงชิง เธอบ้าไปแล้วรึไง เธอมีสิทธิ์อะไรมาแตะต้องของของฉันห่ะ?”
ลู่ชิงชิงกำลังนั่งอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น ในอดีตเธอแค่คิดว่าหลินซั่วเป็นผู้ชายที่หล่อที่สุดในโลก แต่เมื่อมามองดูตอนนี้อีกที เธอกลับรู้สึกรังเกียจเขายิ่งกว่าอะไรดี
“คุณกลับมาพอดี เอากุญแจห้องมาคืนฉันซะ แล้วต่อไปก็อย่ามาที่นี่อีก เดี๋ยวบ้านของฉันจะสกปรก”
“ลู่ชิงชิง เธอเข้าใจอะไรผิดไปรึเปล่า? ก่อนหน้านี้ฉันก็จ่ายค่าเช่าเหมือนกันนะ แล้วเธอมีสิทธิ์อะไรมาย้ายข้าวของของฉันไม่ทราบ?” หลินซั่วตะหวาดขึ้นมาด้วยความโกรธ
“คุณก็บอกเองหนิว่าเมื่อก่อน แล้วค่าเช่าครึ่งปีมานี้กับค่าครองชีพสองปีครึ่ง คุณได้ให้ฉันบ้างรึเปล่า?”
ลู่ชิงชิงทำใจให้เย็นเข้าไว้ พยายามทำตัวให้แข็งแกร่งมากที่สุด
เมื่อหลินซั่วเห็นเพื่อนบ้านที่มามุงดูแล้วก็เริ่มชี้มือชี้ไม้วิพากษ์วิจารณ์กันสนุกปาก เขาจึงรู้สึกอับอาย ทำให้เขาต้องพยายามสงบสติอารมณ์เอาไว้ แล้วก็ต้องเอาตัวรอดจากตอนนี้ไปให้ได้
“ลู่ชิงชิง เธอต้องการแค่เงินไม่ใช่เหรอ? ค่าเช่าครึ่งปีก็แค่แสนกว่าสองแสงเอง ก็แค่เงินเดือนครึ่งเดือนของฉันเท่านั้นไว้รอฉันหางานได้ก่อน ฉันจะจ่ายค่าเช่าครึ่งปีที่ฉันติดค้างเธอคืนให้หมด”
“ไม่จำเป็นต้องรอถึงครึ่งปีหรอก เราจะให้เงินเธอตอนนี้เลย” ฉินฮันเยว่หยิบโทรศัพท์มือถือของเธอออกมา แล้วก็เดินไปหาลู่ชิงชิง “เรามาตกลงกันก่อน ถ้าฉันจ่ายค่าเช่าครึ่งปีนั้นให้เธอแล้ว เธอต้องย้ายออกไปวันนี้”
จากการคำนวณของฉินฮันเยว่แล้ว ครึ่งหนึ่งของค่าเช่าครึ่งปีอยู่ที่ห้าหมื่นกว่า ๆ เท่านั้น แต่หลายปีที่ผ่านมานี้ยัยโง่ลู่ชิงชิงจ่ายไปมากกว่านั้นอีก แถมเธอยังจะสร้างความประทับใจที่ดีให้หลินซั่วได้อีกด้วย
ก่อนหน้านี้หลินซั่วสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยรัฐที่จัดอันดับมหาลัยดีเด่น ถือว่าเขาเป็นเสมือนหุ้นที่มีศักยภาพ เมื่อก่อนตอนที่เขาทำงานเขาเคยมีรายได้มากถึงแสนห้าต่อเดือนเลย!
เมื่อฉินฮันเยว่เห็นว่าลู่ชิงชิงพยักหน้าอย่างไม่ลังเล เธอก็เปิดคิวอาร์โค้ดเพื่อชำระเงิน แล้วเงินก็ถูกโอนไปอย่างรวดเร็ว
จากนั้นเธอก็ชี้ไปที่ประตูอย่างได้ใจพลางพูดว่า “รีบไปเก็บข้าวของและไสหัวออกไปซะสิ!”
“ไม่รีบ” ลู่ชิงชิงหันกลับมาโดยไม่ตื่นตระหนกแต่อย่างใด แล้วก็หันไปหยิบโฉนดบ้านออกมาจากห้อง
“พวกเธออ่านให้ละเอียดนะ” ลู่ชิงชิงเปิดโฉนดบ้านออก ชื่อเจ้าของบ้านเขียนเอาไว้อย่างชัดเจน เขียนชื่อของลู่ชิงชิงเอาไว้
“ฉันเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ แล้ววันนี้ฉันก็จะเอาบ้านหลังนี้คืน”
“ลู่ชิงชิง เธอหลอกฉันเหรอ?” เมื่อเห็นโฉนดบ้าน หลินซั่วก็โมโหเดือดดาลขึ้นมาทันที “เธอเป็นเจ้าของบ้าน แต่ยังมาบอกให้ฉันจ่ายค่าเช่ามาตั้งหลายปีอีกเนี่ยนะ?”
“มาอยู่บ้านคนอื่นก็ต้องจ่ายค่าเช่า มันก็ถูกต้องแล้วหนิ?” ลู่ชิงชิงยักไหล่ ใบหน้าของเธอดูใสซื่อมาก
“เธอมันใจร้าย!” หลินซั่วใช้นิ้วที่กำลังสั่นเทาของเขาชี้หน้าลู่ชิงชิง “ก่อนหน้านี้ฉันประเมินเธอต่ำไปจริง ๆ”
“ลู่ชิงชิง เธอมันน่ารังเกียจมาก” ฉินฮันเยว่รู้สึกเสียใจจนเจ็บใจไปหมด นอกจากจะเสียเงินแล้ว ที่จะอยู่ยังไม่มีอีกด้วย
“ถ้าเทียบกับพวกคุณแล้ว ฉันยังคงตามหลังอยู่ไกลมาก”
ลู่ชิงชิงเปิดประตูบ้านพลางพูดว่า “เอาของของพวกคุณออกไป แล้วก็ไสหัวไปซะ!”
ฉินฮันเยว่ยังอยากจะอาละวาดต่ออีก แต่เมื่อหลินซั่วเห็นว่าเพื่อนบ้านมามุงดูกันเต็มไปหมด เขาจึงรีบลากฉินฮันเยว่ออกไปทันที
ก่อนจะไปเขายังหันไปมองลู่ชิงชิงตาเขม็ง คิดวางแผนในใจว่าจะหลอกเอาอพาร์ทเมนต์แห่งนี้มาได้อย่างไร
หลังจากจัดการกับผู้ชายสารเลวไปแล้ว ลู่ชิงชิงก็พิงมุมกำแพงแบบไร้เรี่ยวแรงใด ๆ
สิ่งที่เธอคิดอยู่ในใจก็คือ ก็ดีเหมือนกัน ในที่สุดเธอก็ไม่ต้องทำหลาย ๆ งานเพื่อมาคอยเลี้ยงผู้ชายสารเลวแบบนี้อีกแล้ว
แต่ในขณะที่เธอเพิ่งจะถอนหายใจออกไป จู่ ๆ เสียงโทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้นมา เมื่อลู่ชิงชิงก้มไปมองก็พบว่าเป็นน้องชายของเธอที่โทรมา
“พี่ ย่าเป็นมะเร็ง ต้องจ่ายค่าผ่าตัดสองล้านห้า ผมไม่มีเงินมากขนาดนั้น ผม.....” ในโทรศัพท์ เสียงน้องชายที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นดังขึ้นมา
เมื่อสองปีที่แล้ว เพื่อช่วยคนรักในใจ พระเอกถูกบังคับให้แต่งงานกับนางเอก ในใจของเขา เธอเป็นคนน่ารังเกียจและแย่งคนรักของคนอื่น เขาเลยเย็นชาต่อเธอมาตลอด แต่กลับอ่อนโยนและเอาใจใส่กับคนรักในใจถึงเป็นเช่นนี้ เธอยังคงรักเขาอย่างเงียบ ๆ เป็นเวลาสิบปี ต่อมาตอนที่เธอรู้สึกเหนื่อยและอยากจะท้อแท้นั้น เขากลับตื่นตระหนก... เมื่อเธอกำลังจะตายขณะตั้งท้องลูกของเขา ในที่สุดเขาก็ตระหนักว่าผู้หญิงที่เขายอมเอาชีวิตตัวเองไปแลกนั้นก็คือเธอโดยตลอด
เจ้าสาวคาวโลกีย์สำหรับเขา เพราะหวงชีวิตหนุ่มโสดที่ยังใช้ไม่คุ้ม เพราะไม่ต้องการแต่งงานตามคำสั่งของมารดาที่ทั้งเจ้ายศเจ้าอย่างและจุ้นจ้านวุ่นวาย ทำให้เขาต้องหาไม้กันหมาที่ต้องแสบแซบเร้าใจเพื่อคานอำนาจของมารดา...สำหรับเธอ มีเงินท่วมหัว ไม่ต้องมีผัวก็ได้ จึงต้องมารับอาชีพไม้กันหมาให้ชายหนุ่ม แต่เมื่อหลวมตัวรับงานนี้ ณดา ก็แทบมอดไหม้ด้วยไฟเสน่หาอันร้อนแรง
เมื่อเธออายุยี่สิบ ชิงฉือได้รู้ว่าตนเองไม่ใช่ลูกโดยกำเนิดของตระกูลต้วน เธอถูกลูกสาวที่แท้จริงของตระกูลต้วนล้อมกรอบ จนถูกพ่อแม่บุญธรรมไล่ออกจากบ้านและกลายเป็นตัวตลกในเมือง เมื่อเธอกลับไปหาพ่อแม่ชาวนา จากนั้นก็พบว่าบิดาผู้ให้กำเนิดของเธอเป็นคนที่รวยที่สุดในเมืองเจียงเฉิงส่วนพี่ชายของตนเองเป็นอัจฉริยะในแวดวงต่างๆ ทุกคนมองดูเด็กสาวตัวเล็กคนนี้ด้วยความเห็นใจและถือว่าเธอเป็นสมบัติล้ำค่า แต่ค่อยๆ พบว่า... ที่แท้ว่าน้องสาวเป็นคนมากความสามารถ? อดีตแฟนหนุ่มผู้น่ารังเกียจหัวเราะเยาะ "อย่ามาตามเซ้าซี้ไม่เลิก ฉันมีแต่เมียนเมียนอยู่ในใจ!" คนใหญ่แห่งเมืองหลวงปรากฏตัว "เมียฉันจะเห็นหัวนายเหรอ?"
มุกตาภาลูกนอกสมรสที่พ่อไม่ยอมรับ อุบัติเหตุค่ำคืนหนึ่งทำให้เธอตั้งครรภ์ สาวน้อยตัดสินใจไปหาพ่อของลูกเพราะไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งพาใคร สำคัญไปกว่านั้นไม่อยากให้แม่เสียใจ ทว่าความหวังเดียวพังภินท์ กลายเป็นเงินที่พ่อของลูกคิดทำทานให้เธอ เงินมาพร้อมคำพูดดูถูกดูแคลนทำให้หัวใจแทบหยุดเต้นในบัดดล น้ำตาไที่ไหลรินแห้งเหือดหายเพราะช็อก เธอหันหลังให้พ่อเลี้ยงมรุเดช กุมหน้าท้องต้องการขอกำลังใจเดินจากมา หนทางข้างหน้าจะยอมรับชะตากรรมนี้เพียงคนเดียว 'ลูก' เธอไม่อาจทำลายแต่เธอจะลืมเขาให้หมดหัวใจ ผู้ชายที่เป็นรักแรกซึ่งได้มอบราคีร้ายให้เธอ คิดเสียว่าไม่เคยเหยียบย่างมาที่นี่และขอลาเขาชั่วชีวิต ตามที่เขาต้องการ
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
"นางเป็นบุตรีผู้สูงศักดิ์ของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดี นางมีหน้าตาโดดเด่น ทั้งอ่อนโอนและมีน้ำใจไมตรีต่อผู้อื่น แต่... นางทำดีต่อป้าของนาง นางกลับฆ่าแม่ของนางตาย นางรักเอ็นดูน้องสาวของนาง แต่น้องสาวกลับแย่งสามีของนางไป นางคอยสนับสนุนและดูแลสามีของนางอย่างสุดหัวใจ แต่สามีกลับทำให้นางตายทั้งกลม...ตระกูลฝ่ายมารดาของนางก็ถูกประหารชีวิตทั้งตระกูลด้วย นางตายตาไม่หลับและสาบานว่าหากมีชาติหน้า นางจะไม่เมตาตาต่อใครอีก ใครก็ตาม กล้ามาทำร้ายข้า ข้าจะล้างแค้นด้วยชีวิตทั้งตระกูลของพวกเจ้า เมื่อเกิดใหม่อีกครั้ง นางอายุได้สิบสี่ปี นางสาบานว่าจะต้องเปลี่ยนชะตากรรมและแก้แค้นชาติก่อน ป้านางใจ้ร้าย นางจะใจร้ายกลับยิ่งกว่านาง นางคิดจะได้ครองตำแหน่งฮูหยินงั้นเหรอ บอกเลยไม่มีทาง! ส่วนน้องสาวชอบผู้ชายชั่ว ๆ นักไม่ใช่หรือ ได้!ข้าจะยกให้เลย ส่วนชายชั่วนั่น ข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถมีทายาทได้อีกตลอดทั้งชาติ!แต่ข้าจะแก้แค้น เหตุใดเจ้าต้องมาช่วยข้าด้วย?"