นิโคลาส อัครวินธ์ ปีเตอร์สัน แทบอยากแหงนหน้าหัวเราะก้องฟ้าเมื่อได้ยินถ้อยคำจากผู้หญิงตัวเล็กเท่าเมี่ยงที่เป็นเพียงลูกจ้างตำแหน่งกระจอกๆ ในโรงแรมหรูติดอันดับโลกของเขา... หล่อนกล้าพูดได้อย่างเต็มปากว่า เขาเป็นผู้ชายที่ห่วยไม่น่าเอามาทำพันธุ์เป็นที่สุด พูดต่อหน้าเขาเสียด้วย โอ้พระเจ้า... หล่อนช่างกล้า หรือว่านั่นจะเป็นเพียงการเรียกร้องให้คนอย่างเขาสนใจหล่อนมากขึ้นกันแน่ เมื่อสาวค่อนโลกไม่ได้คิดว่าเขาห่วยอย่างที่หล่อนคิด ผู้บริหารโรงแรมและกาสิโนในเครือปีเตอร์สันกรุ๊ปที่ได้รับเชิญเป็นอาจารย์สอนพิเศษที่เคมบริจด์ซ้ำยังมีมีรูปร่างหน้าตาระดับนายแบบระดับท๊อปเท็นของอเมริกันอย่างเขาจะเป็นผู้ชาย ห่วย ได้อย่างไร “ผมขอโทษที่ผมห่วยครับคุณผู้หญิง แต่ผมก็ต้องการบอกให้คุณทราบว่าถึงผมจะห่วย แต่ผมก็มีมารตรฐานสูง สูงมากกว่าคุณหลายเท่า... ไม่มีทางที่ผมจะเข้าไปข้องแวะกับคุณให้คุณต้องปฏิเสธผมแน่นอนเบบี๋ ได้โปรดอย่าใฝ่ฝันถึงวันนั้น เพราะมันไม่มีทางมาถึง” ถ้อยคำตอกกลับที่เหมือนจะเหยียบย่ำพนักงานระดับล่างสุดของโรงแรมเขาให้เลิกใช้วาจาของหล่อนล่วงเกินเขาอย่างเหิมเกริมนั้นกลับกลายมาเป็นเหตุให้เขาต้องกลืนน้ำลายตัวเองอย่างเสียไม่ได้ เมื่อมีเหตุให้ต้องไปตอแยหล่อนถึงเนื้อถึงตัวหลายหน แต่นั่นไม่ใช่เพราะว่าเขาพิศวาสหล่อนแม้แต่น้อย แต่เพราะความจำเป็นที่หลีกเลี่ยงไม่ได้มันบังคับ ไม่อย่างนั้นเขาไม่ลงทุนไปคลุกคลีกับผู้หญิงที่ห่างไกลสเป็คเขาเป็นล้านโยชน์เช่นหล่อนแน่นอน เขาเอาใจหล่อนราวกับหล่อนเป็นเจ้าหญิงได้ไม่กี่วันหรอก ได้สิ่งที่ต้องการแล้วเขาจะสลัดหล่อนทิ้งเหมือนรองเท้าเก่าๆ ให้ได้เป็นผู้ชาย ห่วย สมใจหล่อนแน่
10.30 นาฬิกา ณ โรงแรมกาสิโนในเครือปีเตอร์สัน
ประตูห้องทำงานของ อัครวินธ์ นิโคลาส พงษ์ภวเมธากุล ปีเตอร์สัน ประธานกรรมการโรงแรมกาสิโนในเครือปีเตอร์สันถูกกดออดและเปิดเข้ามาจากการสั่งการทางรีโมตของเจ้าของห้อง... ชายร่างสูงผู้เพิ่งรับคำสั่งไปนั้นย้อนกลับเข้ามาในเวลาเพียงไม่กี่นาทีจึงไม่แปลกที่คนเป็นเจ้านายเงยหน้ามามองเขาด้วยสายตาเต็มไปด้วยคำถาม...
“นิค... ลิลลี่ไม่ยอมย้ายออกจากโรงแรม เธอขอเจรจากับนายก่อน นายจะเอาไง”
ไมเคิล โดโนแวน รายงานเจ้านายเกี่ยวกับหญิงสาวที่เจ้านายของเขาเชิญชวนให้หล่อนมาร่วมสนุกด้วยกันในค่ำคืนก่อนแล้วผ่านพ้นไปเพียงค่ำคืนเดียวเจ้านายของเขาก็ให้เงินและของกำนัลไปเพื่ออัญเชิญหล่อนออกไปจากห้องชุดเพราะไม่อยากใช้ผู้หญิงซ้ำ... แต่ผู้หญิงคนนั้นกลับไม่ยอมเยื้องย่างออกจากห้องไป ซ้ำยังร่ำร้องหาชายหนุ่มเจ้าเสน่ห์ที่หล่อนโชคดีได้นอนกกกอดมาตั้งหลายชั่วโมงจนไมเคิลต้องรีบกลับขึ้นมารายงานเจ้านายเพราะรับมือกับผู้หญิงมากมารยาไม่ไหว...
อัครวินธ์ นิโคลาส พงษ์ภวเมธากุล ปีเตอร์สัน ปิดแฟ้มเอกสารเกี่ยวกับการจัดการโรงแรมกาสิโนที่เขาเพิ่งเปิดเป็นแห่งที่สองในย่านลาสเวกัส สตริป ด้วยสีหน้าเอือมๆ เลขาคนโปรดเล็กน้อย...
ไมเคิลโดโนแวน เก่งทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องเดียวคือเรื่องผู้หญิงที่ไอ้หมอนี่ซื่อจนโง่มากในสายตาเขา ใช้ไปจัดการเรื่องผู้หญิงเมื่อไหร่เป็นต้องหน้าซีดกลับมาให้เขาไปจัดการเองทุกครั้ง... เดาว่าตอนที่หมอนี่ไปอัญเชิญลิลลี่ ออกจากห้องส่วนตัวของเขา แม่สาวไฟแรงสูงนั่นคงโยนชุดชั้นในสีแดงเข้มมาอยู่ต่อหน้าเพื่อไล่ไมเคิลจนหมอนี่ต้องหน้าแดงวิ่งแจ้นมารายงานเขาแทบไม่ทัน...
มือหน้าล้วงเข้าไปในเสื้อสูทอาร์มานี่แพงระยับของตัวเอง หยิบสมุดเช็คและปากกาออกมาเซ็นแกรกๆ ไปเพียงครู่เดียว เงินสดแสนดอลลาร์สหรัฐก็ปรากฏในเช็คเงินสด...
“เอานี่ไปให้สตีเฟ่น ให้หมอนั่นเอาไปให้ผู้หญิงคนนั้น บอกหล่อนว่าให้หล่อนเลิกคิดจับฉันซะเพราะไม่มีวันที่ฉันจะไปยุ่งกับหล่อนอีกซ้ำสอง... ถ้าหล่อนยังดื้อด้าน จะไม่ได้อะไรจากฉันเลย เผลอๆ ฉันรำคาญมากฉันอาจจะใจร้ายกับหล่อนได้มากกว่าที่หล่อนจะคาดคิด”
“แต่สตีเฟ่นเตรียมการรับรองเจ้าชายอับดุลอยู่นะ” ไมเคิลเอ่ยถึงเลขาอีกคนของอัครวินธ์ที่ทำงานมาก่อนและถนัดกับการจัดการผู้หญิงที่ใช้แล้วต้องการทิ้งของเจ้านายมากกว่าเขา ที่อัครวินธ์ให้เขาไปเชิญหล่อนออกจากห้องที่ใช้เป็นรังรักในวันนี้เพราะว่าสตีเฟ่นไปรับรองลูกค้าคนสำคัญของโรงแรมของพวกเขาเอง...
“ฉันจะไปทำหน้าที่แทนสตีเฟ่นเอง... ส่วนนาย อ่านเอกสารพวกนี้แล้วสรุปให้ฉันอีกรอบ... เบื่อจะอ่านชะมัด” เจ้าพ่อกาสิโนหนุ่มกวาดแฟ้มงานทั้งหมดไปหาไมเคิลก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ถอนหายใจหนักๆ เมื่อคิดว่าตัวเองต้องไปรับรองลูกค้าด้วยตัวเอง...
เขาไม่ค่อยชอบทำเช่นนี้นักแม้ว่าลูกค้าจะเป็นคนสำคัญระดับชาติของประเทศร่ำรวยมาจากไหนก็ตาม... ขึ้นชื่อว่าเป็นผีพนันแล้วยังมาเพลิดเพลินที่ลาสเวกัส เชื่อว่าไม่นานก็ต้องหมดตัวแล้วสุดท้ายคนพวกนั้นก็จะอ้างความสนิทขอเข้าพบเขาเพื่อหยิบยืมเงินไปเล่นต่อในกาสิโนพอเล่นเสียอีกก็ไม่มีอะไรจะจ่ายให้และหนีไปดื้อๆ เพราะเป็นเช่นนี้เขาจึงส่งแค่เลขาไปดูแลแขก แต่วันนี้คงหลีกเลี่ยงไม่ได้
“แต่นายมีนัดกับน้องชายและน้องสะใภ้นายตอนเที่ยงนี้นะ” ไมเคิลไม่ลืมเตือนตารางนัดของเจ้านายหนุ่ม...
“ฉันรู้แล้ว... คิดว่าคงไม่ต้องรับรองแขกของฉันมากเท่าไหร่หรอกมั้ง... แค่รอต้อนรับที่หน้าโรงแรมแล้วพาเดินเข้าไปโซนกาสิโนแบบไฮคลาสจากนั้นเขาคงไม่สนใจการต้อนรับจากฉันมากกว่าไพ่ หรือลูกเต๋าแล้ว ตอนนั้นฉันจะปลีกตัวมาทานข้าวกับน้องชายและน้องสะใภ้ตามนัดเอง... นายตามสตีเฟ่นกลับมาได้เลย ฉันจะไปแสตนด์บายรอที่หน้าโรงแรมแทน”
“โอเค” ไมเคิล หยิบโทรศัพท์สมาร์ตโฟนมาติดต่อเรียกสตีเฟ่นมาทำหน้าที่ถนัด แล้วจากนั้นก็หยิบแฟ้มงานที่เขาถนัดทำมากกว่ากลับออกไปจากห้องเจ้านายจอมเจ้าชู้ที่ชอบคั่วผู้หญิงแล้วทิ้งง่ายจนพวกหล่อนทำใจไม่ทันแล้วปล่อยให้เป็นงานหนักของพวกเขาแทน...
“พี่พฤกษ์ พริกไปทำงานนอกเวลานะ... วันนี้เห็นว่ามีคนสำคัญมาที่กาสิโนแต่คนขาด พริกต้องไปช่วยเพื่อนรับรองลูกค้า” สาวหน้าคมร่างเล็ก วางสายโทรศัพท์เรียกตัวด่วนจากที่ทำงานแล้วพูดกับพี่ชาย...
พฤกษ์วางมีดที่เขากำลังใช้สับซี่โครงหมูสำหรับทำซี่โครงหมูตุ๋นไข่พะโล้แบบไทยๆ ด้วยความไม่สบอารมณ์
“อะไรกันยัยพริก... นี่ทำงานทำการไม่มีวันหยุดเลยหรือ... พี่อุตส่าห์มาหาที่นี่ แต่ก็ไม่ได้อยู่ทานข้าวด้วยกันสักวันเลย ที่ทำงานใหม่เราเขาใช้งานเราหนักมากเกินไปหรือเปล่า” เขาเอ่ยกับน้องสาวด้วยความจริงจัง
“ไม่หรอกค่ะ... พริกไปขอรับงานเอง พริกอยากซื้อบ้านเร็วๆ เลยของานไว้เยอะถ้ามีทำนอกเวลาก็ให้เรียก ช่วงนี้โรงแรมเปิดใหม่เขาต้องการให้แขกประทับใจมาก ๆ พนักงานเลยต้องทำงานหนักนิดหน่อย... พี่พฤกษ์อย่าโกรธเลยนะที่พริกไม่ค่อยมีเวลาว่างเที่ยวด้วยในวันหยุด... เดี๋ยวอาทิตย์หน้าพี่พฤกษ์ก็ย้ายมาทำงานที่นี่แล้ว เราคงมีเวลาว่างอยู่ทานข้าวด้วยกันมากขึ้นแน่นอนค่ะ พริกไปแต่งตัวไปทำงานก่อนนะคะ” หญิงสาวเดินเข้ามากอดพี่ชายร่างสูงอย่างเอาอกเอาใจมิวายเตือนพี่ชายน้ำเสียงจริงจัง
“ทำกับข้าวแล้วอย่าลืมเหลือไว้ให้พริกบ้างนะ”
“ยัยขี้งก ห่วงทั้งจะทำงาน ห่วงทั้งจะกิน จะเก็บเงินอะไรกันนักกันหนา”
“โห... ก็เค้าอยากสบายตอนแก่นี่นา... เค้าอยากซื้อบ้านตากอากาศสักหลังที่เมืองไทย เอาริมทะเลสวยๆ ไว้อยู่ตอนแก่ แต่ละหลังก็สามสิบสี่ลิบล้านทั้งนั้น... หาอีกกี่ปีไม่รู้ถึงจะได้ตามฝัน ทำงานหนักแค่นี้มันยังน้อยไปด้วยซ้ำค่ะ” ฟังความฝันของน้องสาวแล้วพฤกษ์ก็เข้าใจในความมุ่งมั่นของน้องสาว เขารู้ดีว่าน้องต้องการอะไรและเขาก็ตั้งใจทำงานอย่างหนักเพื่อช่วยสนับสนุนตรงนั้นเช่นกัน แต่ก็มีบางครั้งที่อดเป็นห่วงไม่ได้ที่เห็นพริมาทำงานหนัก
“จ้ะ... ตั้งใจทำงานก็ดีแล้ว แต่อย่าหักโหมมากนัก เราไปเปลี่ยนชุดเถอะไปเดี๋ยวพี่เดินไปส่ง”
“ค้า คุณพี่ชาย”
เธอทำให้คนที่เขารักเจ็บปวด เขาจึงเอาคืนให้เธอเจ็บกว่าร้อยเท่า ในวันที่เขาแก้แค้นเธอสำเร็จจนเธอเจ็บปวดเจียนตาย เขากลับค้นพบว่าเขารักเธอ การเดินเข้ามาในชีวิตเธออีกครั้งหนึ่งเพ่ื่อตามหาหัวใจตัวเองจึงเกิดขึ้น แต่มันไม่ง่ายอย่างที่คิดเมื่อเธอเจ็บแล้วจำเธอเลยไม่ให้โอกาสซ้ำยังเอาแต่จะหนีไปจากชีวิตเขา เพื่อให้ได้เธอกลับคืนมา เขาจึงต้องทำทุกทางและทุกอย่างเพื่อได้หัวใจเธอมาเป็นของเขาเหมือนเดิม hope and nink "อย่าลืมไปเล่าให้พี่ชายคุณฟังด้วยล่ะ ว่าความรู้สึกที่ถูกหลอกให้รักมันรู้สึกอย่างไง แล้วเรื่องที่กล่าวหาว่าอีฟทำ รับรู้เอาไว้ด้วยว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้" "ทำไมถึงปกป้องผู้หญิงคนนั้นขนาดนั้น" แล้วคำที่บอกว่าอยู่ข้างเธอ ที่ผ่านมาหมายความว่าอะไร... "ที่ผมปกป้องขนาดนั้นเพราะว่ารักอีฟ และไม่ยอมให้ใครมาทำลายอีฟได้ยังไงล่ะ" "รัก?" แล้วไม่ได้รักเธอหรอกหรือ เธอตั้งคำถามอย่างโง่งั่ง ไม่พยายามเข้าใจสิ่งที่เขาบอก แม้ส่วนลึกเริ่มจะเห็นเค้าลางว่าเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นมาไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ทุกอย่างที่วิษุวัติทำมีเหตุผลของเขาอยู่แล้ว "ใช่" "..." เขาลุกขึ้นยืน แขนเล็กๆ ที่เกาะเเขนเขาไว้ร่วงผล็อย นลินวิภาเงยหน้าขึ้นมองเขา "แล้วความรู้สึกดีๆ ที่คุณแสดงออกกับฉันที่ผ่านมา" "มันแค่การเอาคืน..." เขาพึมพำ ก่อนจะก้มหน้ามองเธอ "ผมมาก็เพื่อแก้แค้นให้อีฟตอนนี้หน้าที่ของผมจบแล้วถือว่าเราจบกัน คุณไปเก็บของซะผมจะให้คนไปส่ง" เขาทำท่าจะเดินจากไป แต่นลินวิภาดึงชายเสื้อเขาไว้ ดวงหน้ายังสับสนและในใจพร่ำบอกว่ามันไม่ใช่ และเธอฉุดรั้งเขาไว้ โดยที่ไม่รู้ตัวเลย จนมีแรงตึงที่มือและเขาหยุดชะงักนั่นล่ะ เธอถึงปริปากออกมา... "คุณเคยบอกฉันว่าไม่ต้องสนเรื่องอื่นว่าเราพบกันอย่างไง เพราะระหว่างเราเข้าใจกันก็พอ ฉันเข้าใจว่าคุณพูดออกมาจากใจจริงๆ เสียอีก" "มันคือคำโกหกคุณคงไม่คิดว่าผมจะรักคุณหรอกนะเพราะคนที่ผมรักมาตลอดคืออีฟ คนแบบที่ผมชอบคืออีฟเท่านั้น" ไม่ต้องมีมีดนับร้อยนับพันมาจ้วงแทง เพียงแค่สายตาคู่เดียวของเขาที่จ้องมองมาก็ทำให้เธอเหมือนถูกกระหน่ำแทงจากความจริงที่เขากำลังบอก เธอกับเอวิตาแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว และเธอไม่ใช่คนแบบที่เขาชอบ ทั้งหมดที่ผ่านมาคือการหลอกลวงเพื่อแก้แค้นให้เอวิตา คนที่เขารัก... "โฮป" "เรียกผมว่าวิษุวัติ... อย่าเรียกชื่อเล่น เราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น "..." นลินวิภากะพริบตาปริบๆ มือร่วงผล็อยจากชายเสื้อเขาไปในทันที สิ่งที่เขาบอก เหมือนดึงเธอมาสู่โลกแห่งความจริงที่เธอไม่อาจหนี เขาบอกชัดเจนขนาดนี้เธอคงไม่สามารถหลอกตัวเองต่อไปได้อีกแล้ว... #ทินอีฟ "ยินดีด้วยนะครับคนไข้ ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการออกมาแล้วครับ คนไข้ตั้งครรภ์ เดี๋ยวหมอจะส่งคนไข้ไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อฝากครรภ์นะครับ" คำพูดของนายแพทย์ประจำคลินิกทำให้เธอยิ้มออกหลังจากทนกับอาการเวียนหัวในช่วงเช้ามาหลายวันไม่ไหวเธอจึงไปตรวจให้รู้แน่ชัด ผลที่แพทย์บอกตอนที่อยู่คลินิกทำให้เธอมีความสุขมาตลอดบ่าย เพราะเธอกำลังตั้งครรภ์กับทิน...ผู้ชายที่เธอรัก วันนี้เป็นวันเกิดของเธอ การได้รับข่าวดีเรื่องลูกจึงเปรียบประหนึ่งเป็นของขวัญ หญิงสาวรีบกลับมาที่เพนธ์เฮาส์และจัดเตรียมสถานที่รอพ่อของลูกกลับมาอย่างคาดหวังและตื่นเต้น เรื่องที่ตั้งครรภ์เธอยังไม่ปริปากบอกใครแม้แต่พี่เลี้ยงคนสนิทที่อยู่กับเธอตลอดเวลา นั่นเป็นเพราะอยากให้ทินรู้เป็นคนแรก ทันทีที่เขาให้ของขวัญวันเกิดแก่เธอ เธอจะยื่นกระดาษอัลตราซาวน์ให้เขาแล้วบอกว่าเป็นของขวัญที่เธอมอบกลับคืนในฐานะที่เขารักและดูแลเธอมาตลอด แต่เมื่อประตูห้องเปิดก็เกิดเรื่องผิดแผนครั้งใหญ่เพราะทินเดินเข้ามาพร้อมกับผู้หญิงสาวที่มีดวงหน้าสวยโฉบเฉี่ยวดูมั่นใจในตัวเอง ริมฝีปากสีแดงสดของผู้หญิงคนนั้นยิ้มและมองเอวิตาด้วยสายตาไม่เป็นมิตรอย่างบอกไม่ถูก คนทั้งคู่ที่เข้ามาใหม่ไม่ได้สนใจบรรยากาศปาร์ตี้ ทินมีสีหน้าเคร่งขรึม แววตาของเขาไม่อ่อนโยนเหมือนทุกวัน มีเพียงเสียงทุ้มน่าฟังที่เหมือนเดิม "อีฟ ผมมีเรื่องจะบอก" "เรื่องอะไรคะ" เสียงของเธอแทบไม่หลุดจากปาก ความหวาดกลัวในสถานการณ์เกาะกุมหัวใจเธอ รู้สึกสังหรณ์ใจขึ้นมาครามครัน "ผมจะไม่อ้อมค้อมนะ ธุระที่ผมไปทำวันนี้คือไปจดทะเบียนกับนิ้ง" "..." ดวงตาของเอวิตาเบิกกว้าง "นิ้งท้องกับผม ท้องตั้งแต่ก่อนที่ผมจะมาคบกับคุณ มันอาจจะผิดต่อคุณแต่คุณคงเข้าใจว่าผมต้องรับผิดชอบลูกในท้องของนิ้งเป็นอันดับแรก..." "ทิน" เธอเรียกชื่อเขา น้ำตาเอ่อล้นปริ่มขอบตาที่ร้อนผะผ่าวในใจมีร้อยพันหมื่นถ้อยคำแต่กลับพูดอะไรไม่ออกสักคำ กระดาษอัลตราซาวน์ในมือถูกกำแน่น อย่าว่าแต่ยื่นมันให้เขาได้เห็น แค่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาและหายใจ เอวิตายังทำได้อย่างยากลำบากเหลือเกิน "ผมเสียใจนะอีฟ... แต่ผมหวังว่าคุณจะเข้าใจว่าทำไมผมเลือกนิ้ง" "ที่จริงฉันต้องรีบพาทินไปพบครอบครัว แต่ว่าเขาอยากแวะมาบอกเธอก่อนไม่อยากหายไปเลย" ผู้หญิงคนนั้นพูดขึ้นมาเป็นครั้งแรก เอวิตาจับใจความไม่ได้เลยว่าคนตรงข้ามพูดอะไรกับเธอบ้างเพราะในหูมีแต่เสียงอื้ออึ้งน้ำตาก็ไหลจากตาจนไม่เห็นหน้าคนสองคนตรงหน้าเสียแล้ว... สติของเธอหลุดลอยไปตั้งแต่ที่ทินบอกว่าเขาแต่งงานกับผู้หญิงอื่น เรื่องที่เตรียมจะบอกในทีแรกจึงไม่หลุดจากปากและไม่ว่าเขาจะพูดอะไรอีกเธอก็ไม่ได้ยินอีกต่อไปแล้ว จนเมื่อคำว่าลาก่อนแว่วเข้าหู และมีเสียงประตูปิด เธอถึงได้ทรุดลงไปนั่งกับพื้น เพราะหมดแรงที่จะยืน... หลังจากที่ร้องไห้จนไม่เหลืออะไรจะร้อง ในหัวไม่มีสติพอที่จะคิดอะไรอีก ภาพเลือนรางที่เห็นเขาเดินจูงมือออกไปกับผู้หญิงอื่นฉายวนซ้ำ เธอไม่ได้เป็นคนที่ถูกเลือก เขาเดินจากไปง่ายดายราวกับไม่เคยรักกันเลย ความทุกข์ที่หนักหนาที่สุดที่เคยพานพบเกาะกินหัวใจจนเธอคิดว่าไม่อยากจะมีชีวิตอยู่เพื่อรับรู้เรื่องราวเหล่านี้อีกแล้ว... เธออยากหนีไปให้พ้นจากความเจ็บปวดทั้งหมดทั้งมวลที่กำลังถาโถมเธออยู่ในตอนนี้ "อีฟ" เสียงเรียกคุ้นหู เป็นเสียงเรียกที่เหมือนอยู่ไกลออกไป ภาพของเขาปรากฏอยู่ตรงหน้านั้นไม่แจ่มชัด สาเหตุไม่ใช่เพราะหยาดน้ำตา หากแต่เป็นเพราะสติรับรู้ของเธอนั้นสุ
"ปะป๊า" อยู่ดีๆ ก็มีเด็กที่หน้าเหมือนตัวเองมาเกาะแข้งเกาะขาแล้วเรียกว่าปะป๊า แล้วจะให้คีรินเข้าใจว่ายังไง "บอกฉันมาซิว่าแม่ของหนูคือใคร!" "แม่ของหนูคือหม่าม๊า" "..." .................. แสงดาว... คุณปกปิดอะไรเอาไว้" เขาย้ำเธออีกครั้งเพราะอยากได้ยินจากปากเธอเอง "ปกปิดอะไรคะ?" แสงดาวมองเขาด้วยสายตางุนงง ที่ผ่านมาก็คุยกันจนเข้าใจทุกอย่างแล้ว เธอไม่เข้าใจว่าคีรินจะมาคาดคั้นเอาอะไรอีก "เรื่องเกี่ยวกับไคร่า มีอะไรที่คุณบอกผมไม่หมด" "ฉันพูดความจริงไปหมดแล้ว "ถ้าไม่พูด ผมจะลงโทษคุณ" เขาบอกพร้อมๆ กับสาวเท้าเข้ามาใกล้เธอมากขึ้นคล้ายจะข่มขวัญ ลงโทษที่ว่านี่คงไม่ใช่กอดไว้แน่นแล้วปล้ำหอมแก้มให้จั๊กจี้เหมือนที่ทำกับลูกหรอกนะ หญิงสาวจินตนาการเล่นๆ แต่พอเงยหน้าขึ้นมาเห็นใบหน้าคนที่อยู่ห่างจากตัวเองไม่ถึงคืบแล้วก็ต้องกะพริบตาปริบๆ เพราะดูท่าทางเขาจะทำแบบนั้นจริงๆ "ลงโทษอะไร คุณไม่มีสิทธิ์นะ!" แม้จะพูดอย่างนั้นแต่ท่าทางคุกคามของเขาก็ทำให้แสงดาวต้องถอยไปหลายก้าวจนหลังเธอชนฝา แล้วเขาก็ค้ำมือกับผนัง เพื่อกักกันเธอไว้ในวงแขน "ผมเป็นพ่อของไคร่า ทำไมจะไม่มีสิทธิ์ลงโทษแม่จอมปากแข็งของแกล่ะ" ชายหนุ่มจดจ้องแสงดาวไม่วางตา... ดวงตาของคนตรงหน้าเหมือนกับดวงตาของเจ้าตัวน้อยที่เธอฟูมฟักตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอยราวกับเป็นดวงตาคู่เดียวกัน แต่ก็นั่นล่ะ ถึงเขาจะเหมือนยัยหนูไคร่าของเธอทุกอย่าง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะทำอะไรกับเธอตามอำเภอใจได้นี่นา... พรึ่บ... ยังไม่ทันที่เธอจะได้ห้ามปราม คีรินก็คว้าตัวเธอไปแนบชิดกับกายแกร่งแล้วก้มหน้าลงมาจูบปิดปากเธอเอาไว้ แม้เธอจะดิ้นขลุกขลักเพื่อถามว่าเขาทำอย่างนี้ทำไม แต่เหมือนคนตัวโตจะไม่เปิดโอกาสให้ เธอเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าเขาโมโหแล้วลงโทษเธออย่างที่ว่าจริงๆ หรือว่านั่นเป็นแค่ข้ออ้าง ริมฝีปากอุ่นที่บดขยี้ดูดดึงกลีบปากของเธอเอาไว้ไม่ให้พูดฟ้องว่าน่าจะเป็นอย่างหลังมากกว่า... แสงดาวค่อนข้างแน่ใจว่าคีรินหาเรื่องรังแกเธอชัดๆ ถึงจะเป็นพ่อของลูก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำอย่างนี้กับเธอได้นะ! หญิงสาวพยายามดันอกเขาแล้วเบี่ยงหน้าหนีการรุกล้ำที่เริ่มจะกลืนกินสติสตังของเธอไป แต่นอกจากจะไม่ทำให้เขาไหวติงแล้วเธอก็ยังเบี่ยงหน้าหนีไม่พ้นการปล้นจูบของคนตรงหน้าเลย บ้าจริง!
“พี่อุ่นรู้ตัวไหมคะว่าเป็นคนร้ายกาจขนาดไหน” “ก็รู้ในระดับหนึ่ง” เขาพยักหน้ายอมรับ แล้วยิ้มขันที่เธอทำหน้าตาเหมือนไปไม่เป็น... นี่ยังสารภาพไม่หมดเลยว่าตลอดเวลาที่นอนห้องด้วยกันหลายครั้งที่เธอตื่นมาบนเตียงเขาแบบไม่รู้ตัวนั้น มีเพียงครั้งสองครั้งที่เธอละเมอมานอนผิดที่ แต่ทุกครั้งที่เหลือเขาไปอุ้มเธอมาจากโซฟามานอนกอดล้วนๆ เรื่องที่คุณน่
“ตอนนี้เข็มดีขึ้นแล้ว ผมจะให้คุณไปขอโทษเค้า” “...” ไม่มีถ้อยคำใดเอ่ยจากปากเธอ ริมฝีปากที่แย้มยิ้มหุบลง และสั่นระริก สายตาที่ทอดมองเขาตัดพ้อ “ลุก” เขาจะคว้าแขนเธอให้ลุก แต่เธอสะบัดแขนหลุดจากมือเขาทันใด “เลิฟไม่มีวันไปขอโทษในสิ่งที่เลิฟไม่ได้ทำ” “คุณยังกล้าพูดคำนั้นอีกหรือไง...” เขาตวาดเธอจนสะดุ้ง ภูรินไม่เคยขึ้นเสียงกับเธอมาก่อน “รู้ตัวไหมว่าตั้งแต่กลับมา คุณเป็นอีกคนที่ผมไม่เคยรู้จักมาก่อน คุณมาพร้อมคำโกหก หลอกลวง จากที่เคยคิดว่าแค่เฉยๆ กับคุณก็พอ คุณกลับทำให้ผมรู้สึกว่าเกลียดความเป็นตัวตนของคุณมากขึ้นทุกวัน สิ่งที่คุณหวังมันไม่มีทางเกิดขึ้น และยิ่งผ่านไปทุกวันก็ยิ่งไม่มีทางไปใหญ่ เลิกหวังแล้วก็ไปตามทางของคุณดีกว่า ผมขอเตือนเป็นครั้งสุดท้าย” ร่างสูงหันหลังแล้วเดินออกไป แผ่นหลังมั่นคงที่เคยกอดห่างไกลและเลือนรางเพราะม่านน้ำตาบดบัง เขาไม่ได้อยู่ไกลจนคว้าไม่ถึง แต่เอื้อมมือไปเท่าไหร่ก็ไม่ถึงเขาสักที
เพราะรักเขาตั้งแต่แรกเห็น หล่อนจึงยินยอมแต่งงานกับเขา เพราะถูกบังคับเขาจึงเห็นหล่อนเป็นเศษธุลีดินไร้ค่า แม้เป็นเมียแต่ง หล่อนคิดว่าสักวันหนึ่งเขาอาจจะรักหล่อนตอบกลับมา ไม่มาก... ก็น้อย แต่ไม่นึกว่าเมื่อเขาหลอกให้หล่อนรักเขาสุดหัวใจ เขากลับขับไล่หล่อนออกมาจากชีวิตด้วยเหตุผลว่า เขาไม่รักหล่อน... "เธอเข้ามาในชีวิตฉันง่ายๆ ก็ช่วยออกไปง่ายๆ ด้วยเถอะ" ถ้อยคำเจ็บปวดทำร้ายที่ตามมาหลอกหลอน แม้ในยามที่หล่อนหลีกลี้จากเขามาได้นานเนิ่น ในวันที่หล่อนเข้มเเข็งและอยู่ได้โดยไม่มีเขา ลูกในท้องที่หล่อนปกปิดเขาเอาไว้ กำลังจะทำให้หล่อนกับเขาหวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ในวันที่หล่อนไม่ได้รักเขาอีกต่อไปแล้ว ................................................................ “การแต่งงานของเราเกิดขึ้นเพราะฉันถูกบังคับ การที่ฉันไม่ได้รักเธอ มันไม่ใช่ความผิดของฉัน ฉันหวังว่าเธอจะเข้าใจ” ธีภพ วิชญ์วิศิษฐ์ “ความรักของมนอาจจะดูไร้ค่าแต่มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสิ่งเดียวที่มนพอจะให้คุณธีร์ได้ ที่ผ่านมาคุณธีร์แสดงออกเสมอว่าคุณธีร์ไม่ต้องการและทิ้งขว้างมันมาตลอด มันก็ไม่ใช่ความผิดของมนที่สุดท้ายมนจะหมดรัก มนหวังว่าคุณธีร์จะเข้าใจ เหมือนที่มนเคยเข้าใจคุณธีร์” มนพัทธ์ สว่างโชติ
ด้วยภาระหนี้สินก้อนโตของบิดา ทำให้เคียงเดือนต้องวิ่งรอกรับงานทั่วราชอาณาจักรเพื่อหาเงิน นางแบบสาวต้องวิ่งรอกรับงานจนไปถึง เบเดน ดินแดนแห่งทะเลทราย หล่อนไม่คาดคิดว่าจะได้พบกับคนที่ปากร้าย บ้าอำนาจ ชอบยัดเยียด จอมใส่ร้ายเป็นที่สุดอย่างนาคินเลย แค่เขาหลงคิดเข้าใจผิดว่าหล่อนเป็นคนใช้ ก็น่าโมโหพออยู่แล้ว... แต่เขาก็อาจหาญหาว่าหล่อนเป็นนางนกต่อของผู้ก่อการร้าย และยังจับหล่อนไปขังเพื่อสอบสวน... เขาชักจะทำกับหล่อนมากเกินไปแล้ว... เคียงเดือนจะไม่ขอทน !
ปลายฟ้าอยากมีแฟนเแต่กลัวกระทบการเรียนเธอจึงเลือกที่จะมี ONS เพราะอยากรู้ว่าความสุขบนเตียงมันเป็นแบบไหน แต่คนที่เธอมีแต่คนที่เธอมีค่ำคืนพิเศษด้วยกับกลายเป็นกลายเป็นอาจารย์คนใหม่ที่เพิ่งย้ายมา
คนเราบางครั้งก็หวนนึกขึ้นมาได้ว่าตายแล้วไปไหน ซึ่งเป็นคำถามที่ไร้คำตอบเพราะไม่มีใครสามารถมาตอบได้ว่าตายไปแล้วไปไหน หากจะรอคำตอบจากคนที่ตายไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาให้คำตอบที่กระจ่างชัด ชลดา หญิงสาวที่เลยวัยสาวมามากแล้วทำงานในโรงงานทอผ้าซึ่งตอนนี้เป็นเวลาพักเบรค ชลดาและเพื่อนๆก็มานั่งเมาท์มอยซอยเก้าที่โรงอาหารอันเป็นที่ประจำสำหรับพนักงานพักผ่อน เพื่อนของชลดาที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า "นี่พวกแกเวลาคนเราตายแล้วไปไหน" เอ๋ "ถามอะไรงี่เง่าเอ๋ ใครจะไปตอบได้วะไม่เคยตายสักหน่อย" พร "แกล่ะดารู้หรือเปล่าตายแล้วไปไหน" เอ๋ยังถามต่อ "จะไปรู้ได้ยังไง ขนาดพ่อแม่ของฉันตายไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าพวกท่านไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะท่านก็ไม่เคยมาบอกฉันสักคำ" "อืม เข้าใจนะแก แต่ก็อยากรู้อ่ะว่าตายแล้วคนเราจะไปไหนได้บ้าง" "อืม เอาไว้ฉันตายเมื่อไหร่ จะมาบอกนะว่าไปไหน" ชลดาตอบเพื่อนไม่จริงจังนักติดไปทางพูดเล่นเสียมากกว่า "ว๊าย ยัยดาพูดอะไร ตายเตยอะไรไม่เป็นมงคล ยัยเอ๋แกก็เลิกถามได้แล้ว บ้าไปกันใหญ่" พรหนึ่งในกลุ่มเพื่อนโวยวายขึ้นมาทันที แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นที่คุยกันที่โรงอาหารจะเป็นการคุยเล่นกันวันสุดท้ายของชลดา เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาชลดาก็เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับหอพักด้วยสาเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันและมีการยิงกันเกิดขึ้นและชลดาคือผู้โชคร้ายที่ผ่านทางมาพอดี ท่ามกลางความเสียใจของเพื่อนๆ เอ๋ได้แต่หวังว่า ชลดาคงไม่มาบอกกับเธอจริงๆหรอกใช่ไหมว่าตายแล้วไปไหน
ในคืนวันเกิดอายุยี่สิบสองปี ลี่เฉี่ยนโลว่ถูกแฟนหนุ่มวางยา และไปมีอะไรกันกับซือจิ้นเหิง ผู้ชายลึกลับคนหนึ่งตลอดทั้งคืน วันรุ่งขึ้นเธอพบว่าครอบครัวเธอถูกทำลายจนไม่มีอะไรเหลือ เธอแต่งงานกับจิ้นเหิง ได้รับการคุ้มครองจากเขา และใช้เขาเพื่อแก้แค้น "ฉันเป็นภรรยาที่ถูกกฎหมายของเขา" แม้ว่าแม่สามีของเธอจะไม่ยอมรับ แม้ว่าแฟนสาวที่เป็นซุปเปอร์สตาร์ของเขาจะตามมาอยู่ด้วยกัน เธอก็ยังคงยืนยันอยู่อย่างนั้น เธอแท้งโดยบังเอิญ แต่เขากลับเข้าใจผิดว่าเธอไม่อยากมีลูกกับเขา และด้วยความเข้าใจผิดต่าง ๆ อีกหลายหย่าง เธอเลือกที่จะกระโดดลงทะเลเพื่อฆ่าตัวตาย หลายปีต่อมา เมื่อเธอกลับเข้ามาในชีวิตของเขาอีกครั้ง เขาถึงกับตกตะลึง ชายคนนี้ได้สิ่งที่ต้องการจากเธอแล้ว แต่เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงยังรังควานและทรมานเธอต่อไป
หล่อนเป็นแค่เมียคั่นเวลา คอยปลดปล่อยความใคร่ให้กับเขายามที่ตัวจริงไม่อยู่ ไม่มีสิทธิ์ไม่มีเสียง และไม่เคยมีค่าในสายตาของเขาเลย อลินดา จำต้องเข้าพิธีแต่งงานกับเจ้าบ่าวแทนพี่สาวฝาแฝดที่หนีตัวไปอย่างลึกลับในคืนวันแต่งงานอย่างไม่มีทางเลือก หล่อนคิดว่าเมื่อจบสิ้นพิธีการแล้ว หน้าที่ของตัวเองก็จะหมดไปเช่นกัน แต่หล่อนคิดผิด เมื่อเจ้าบ่าวใช้ร่างกายของหล่อนเป็นตัวแทนของเจ้าสาวตัวจริงตลอดทั้งค่ำคืน แซคคารีย์ แฮซมิลตัน รู้สึกราวกับถูกเหยียบหน้าเมื่อเจ้าสาวตัวจริงหายหน้าไป พร้อมกับที่ญาติพี่น้องฝ่ายหญิงอุปโลกน์น้องสาวฝาแฝดขึ้นมาเป็นเจ้าสาวตัวแทน เขาโมโหจนเลือดขึ้นหน้า และแน่นอนว่าจะต้องมีใครสักคนรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งก็เป็นใครไปไม่ได้นอกจากแม่เจ้าสาวตัวแทนที่จะต้องรองรับความหื่นกระหายของเขา จนกว่าเจ้าสาวตัวจริงจะกลับมา
หล่อนถูกส่งมาบรรณาการในฐานะทาสบำเรอความใคร่ เพื่อแลกกับหนี้สินก้อนโต นอนกับเขาจนกว่าเขาจะเบื่อ แล้วเมื่อนั้นแหละหน้าที่บำเรอบนเตียงของหล่อนจึงจะหมดไป พะแพง ถูกส่งตัวมาเป็นนางบำเรอให้กับมหาเศรษฐีเจ้าของบ่อนคาสิโนที่ใหญ่ที่สุดในลาสเวกัส หน้าที่ของหล่อนคือทำให้เดมอน ลินการ์ด มีความสุขที่สุดยามอยู่บนเตียง หล่อนก้มหน้าก้มตาทำทุกอย่างเพื่อให้เขาพึงพอใจ แต่ไม่นานเขาก็เบื่อหน่าย ขับไล่ไสส่งหล่อนออกไปจากชีวิต ข่าวงานแต่งงานของเขากับผู้หญิงคนใหม่ที่ทั้งสวยและแสนคู่ควรดังก้องคับแผ่นฟ้า ในขณะที่หล่อนต้องหลบอยู่ในซอกหลืบของความมืดมิดเพื่อซ่อนเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาเอาไว้อย่างรวดร้าวทรมาน
“เมื่อชะตากำหนดมาให้ทั้งสองครองคู่ ไม่ว่าจะพลัดหลงกันไปทางใดก็ย่อมได้กลับมาพบกันอีกครา” เรื่องราวความรักของหลัวเสี้ยวเวยและหยางเหลาหู่ คู่หมั้นคู่หมายที่มิเคยได้พบหน้า แม้เดิมทีหยางเหลาหู่คิดว่านางตายไปแล้ว แต่ไม่รู้เลยว่า ‘สาวใช้’ ที่เขารับเข้ามาทำงานนั้นจะเป็นคู่หมั้นของเขาเอง เมื่อชะตากำหนดให้ทั้งสองได้เป็นคู่ชีวิต แต่กว่าจะถึงจุดนั้นได้ต้องมาคอยลุ้นกันว่า สาวใช้ตัวจิ๋วกับคุณชายใหญ่แห่งป้อมพยัคฆ์ทมิฬจะลงเอยอย่างไร ....... “นั้นของข้ามิใช่รึ” เขาปลดสายจูงม้า เห็นนางกินพุทราเชื่อมท่าทางเอร็ดอร่อยจึงอดหยอกล้อนางไม่ได้ “แค่พุทราเชื่อม ท่านจะแย่งข้ารึ” นางทำท่าหวงขึ้นมา มันก็แค่พุทราเชื่อม แต่นางไม่ได้กินนานแล้วนี่ “แต่นั้นมันของๆ ข้า เจ้าควรให้ข้ากินก่อน” เขาไม่ชอบกินขนมของหวาน แต่เห็นนางหวงแบบนี้แล้วนึกอย่างแย่งชิง หลัวเสี้ยวเวยส่ายหน้าไปมา กลัวถูกแย่งของกินจึงอ้าปากงับพุทราเชื่อมลูกสุดท้ายไว้ในปาก เหลือเพียงไม้เสียบเปล่าๆ ในมือ คิดว่าอย่างไรของอยู่ในปากนางแล้วเขาไม่มีทางแย่งชิงเอาไปแน่ ทว่านางกลับคาดไม่ถึงว่าเขาจะยื่นมือมารั้งท้ายทอยของนางไว้ โน้มหน้าลงมาประกบปากที่เผยอขึ้นอย่าตกใจของนาง เรียวลิ้นหนาตวัดเอาพุทราเชื่อมในปากของนางมาสู่ปากของเขา 'หวานล้ำเกินคาดคิดจริงๆ'