เสิ่นอวี้หลันตกหลุมรักมู่หยางโหวตั้งแต่แรกพบ จึงตามราวีทุกคนที่อยู่ข้างกายเขา หวังครอบครองเขาเพียงคนเดียว . นางเฝ้าทุ่มเททำทุกอย่างเพื่อบีบบังคังให้มู่หยางโหวรับนางเป็นภรรยา ทว่าเขากลับเย็นชาผลักไสรังเกียจเดียดฉันท์นางยิ่งกว่าหนอนเน่า ๆ ตัวหนึ่ง . ต่อมาเขายังรับภรรยารองเข้าจวน นางเจ็บปวดแต่ก็อดทนเพียงเพราะนางรักเขา ทว่าเมื่อวันหนึ่งนางตัดใจยอมเขียนหนังสือหย่าแต่โดยดี มู่หยางโหวกลับตามตอแยไม่ห่าง ทั้งยังไม่ยอมลงนามในหนังสือหย่า ให้ตายเถิด เขาเสียสติไปแล้วหรืออย่างไร จึงได้หันกลับมาง้องอนนางเช่นนี้!
แคว้นฉิน
เสิ่นอวี้หลัน คุณหนูใหญ่ผู้เอาแต่ใจแห่งสกุลเสิ่นที่แม้จะมีความงามจนเลื่องลือไปทั่วแคว้น กระทั่งฝ่าบาทยังเคยดำริถึงความงามของนาง ว่าในแผ่นดินนี้ไม่มีผู้ใดเทียบได้
ว่ากันว่าหากนางมิใช่หลานสาวของฝ่าบาทซึ่งเป็นบุตรสาวของพระขนิษฐาที่สละฐานันดรเพื่อแต่งงานกับสามัญชนแล้ว ด้วยความงามล่มเมืองของนาง อาจจะได้ครองตำแหน่งฮองเฮาไปแล้ว
แต่นอกจากความงามของเสิ่นอวี้หลันแล้วสิ่งที่เลื่องลือไปไกลยังมีความโหดเหี้ยมเอาแต่ใจของนางที่ปฏิบัติต่อบ่าวรับใช้ด้วยใจคับแคบ
นางเป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวของท่านเสิ่นพ่อค้าผู้ร่ำรวยเป็นหลานของฝ่าบาทแม้ว่าจะไร้ฐานันดรผู้ใดก็รู้ว่านางมีตำแหน่งสำคัญเพียงใดในใจของพระองค์
แต่เมื่อเสิ่นอวี้หลันเติบโตขึ้นมา บิดามารดารักใคร่จึงเลี้ยงนางอย่างตามใจ ผู้ใดที่ขวางหูขวางตานาง เสิ่นอวี้หลันมักจะลงโทษคนผู้นั้นโดยไร้เมตตา
โทษเบาหน่อยก็เฆี่ยนตี มากหน่อยก็แล่เนื้อเถือหนัง ข่าวลือเรื่องความเหี้ยมโหดของนางไม่มีผู้ใดไม่รู้ ว่ากันว่าทาสของนางหวาดกลัวเสิ่นอวี้หลันมากกว่าความตายเสียอีก
เสิ่นอวี้หลันมีลูกพี่ลูกน้องซึ่งเป็นบุตรสาวของท่านน้าของนางอยู่ผู้หนึ่ง ญาติผู้พี่ของนางคนนี้มีนามว่าหลี่ซิน
หลี่ซินเป็นหลานสาวของท่านเซิ่นที่อาภัพนัก เดิมทีน้องสาวของท่านเซิ่นแต่งออกให้กับพ่อค้าผู้หนึ่งที่ต่างเมืองให้กำเนิดบุตรสาวนางหนึ่งซึ่งมีอายุมากกว่าเสิ่นอวี้หลันหนึ่งปี
เพราะท่านน้าย้ายไปอยู่ต่างเมืองห่างจากเมืองหลวงหลายร้อยลี้ นอกจากจดหมายที่ส่งมาเป็นระยะแล้วท่านน้าก็ไม่เคยได้หวนกลับมาเมืองหลวงเสียที
กระทั่งสองปีก่อนในขณะที่ท่านน้าและครอบครัวจะกลับมาเยี่ยมท่านเสิ่นและท่านแม่ที่เมืองหลวงก็ได้พบกับโจรปล้นจึงทำให้พวกเขาเสียชีวิตทั้งครอบครัว
ผู้คุ้มกันในยามนั้นจึงได้พาหลี่ซินหลานสาวของท่านเสิ่นที่เหลือเพียงคนเดียวมาส่งที่สกุลเสิ่นก่อนจะจากไป
นับตั้งแต่นั้นมาหลี่ซินจึงได้มาอาศัยอยู่ที่นี่ในความดูแลของท่านย่าและท่านเสิ่นผู้เป็นท่านลุง
หลี่ซินเป็นสตรีที่แม้จะไม่ได้มีความงามอันโดดเด่นเฉกเช่นเสิ่นอวี้หลันผู้เป็นญาติผู้น้อง ทว่าก็เป็นสตรีที่มีใบหน้าอ่อนหวานกิริยางดงามยิ่งนัก
นางมีความสามารถรอบกายและอ่อนน้อมถ่อมตนแตกต่างจากหลี่ซินซึ่งเป็นญาติผู้น้องราวฟ้ากับเหว ยิ่งหลี่ซินอ่อนหวานเพียงใดชื่อเสียงของเสิ่นอวี้หลันก็ย่ำแย่เพียงนั้น
หลี่ซินเก่งงานกุลสตรี เสิ่นอวี้หลันนอกจากรังแกคนแล้วกลับไม่เก่งเรื่องอันใดเลย
เสิ่นอวี้หลันยังเคยหมั้นหมายกับบุตรชายของสกุลใหญ่ในเมืองหลวงมาแล้วถึงสองครั้ง
ทั้งสองครั้งเป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่หารือ ทว่าการหมั้นหมายของเสิ่นอวี้หลันก็ล่มทั้งสองครั้งเมื่อบุรุษหน้าขาวทั้งสองล้วนพาสตรีในดวงใจหนีงานแต่งงาน
ในด้านชื่อเสียงของหลี่ซินผู้เพียบพร้อมนั้นเล่าลือไปทั่วแคว้นไม่ว่าผู้ใดก็ต้องการได้นางไปเป็นภรรยา ทว่าท่านเซิ่นผู้เป็นลุงก็ยังไม่เห็นว่าผู้ใดจะเหมาะสมจึงยังไม่ตกปากรับคำแม่สื่อจากสกุลใดเสียที
บัดนี้หลี่ซินมีอายุครบสิบแปดปีแล้วประตูคฤหาสน์เสิ่นจึงยอมเปิดต้อนรับแม่สื่ออีกครั้ง
ในวันหนึ่งเสิ่นอวี้หลันหนีออกไปเที่ยวเล่นนอกเมืองกับสาวใช้คนสนิทและบ่าวอีกสองคน ในระหว่างที่นางสั่งให้สาวใช้ลงน้ำจับปลาอยู่นั้นก็บังเกิดเรื่องขึ้น
จู่ ๆ ก็มีคนในชุดดำหลายคนเข้ามารุมล้อม องครักษ์ของเสิ่นอวี้หลันมีเพียงไม่กี่คนต่อสู้ปกป้องคุณหนูเสิ่นอย่างสุดชีวิตทว่าด้วยจำนวนคนที่น้อยกว่ามากไม่อาจต้านทานได้ในที่สุดเสิ่นอวี้หลันก็ถูกจับกุมตัว
สาวใช้ของนางล้วนถูกทำร้ายจนสลบอยู่ข้างแม่น้ำ เสิ่นอวี้หลันถูกจับตัวเข้าไปในรถม้ายังถูกมัดมือมัดเท้านอนอยู่ในหีบไม้ใบใหญ่ใบหนึ่ง นอกจากนางแล้วยังมีบุรุษร่างบอบบางผู้หนึ่งปลอมกายเป็นสตรีนั่งเฝ้าอยู่ข้างหีบ
ระหว่างที่นางกำลังจะถูกนำตัวห่างออกจากเมืองหลวงจู่ ๆ รถม้าที่กักขังนางเอาไว้ก็ต้องหยุดลง
ข้างหน้าเป็นรอยต่อระหว่างเมืองหลวงและเมืองอี้จึงมาด่านตรวจตราคนออกนอกเมือง
เสิ่นอวี้หลันซึ่งบัดนี้ยังพอมีสติ ทว่ากลับถูกปิดปากมัดมือมัดเท้าจึงทำให้ไม่สามารถร้องขอความช่วยเหลือได้หวาดกลัวยิ่งนัก
รถม้าเริ่มจะเคลื่อนออกนอกเมืองแล้ว ที่แท้คนที่ตรวจตราด่านนั้นบัดนี้รับสินบนจึงยอมปล่อยรถม้าที่มีเสิ่นอวี้หลันอยู่ภายในออกไปโดยไม่ตรวจตรา
“ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วย”
น้ำเสียงของเสิ่นอวี้หลันเปล่งออกไปได้เพียงเสียงอู้อี้ในลำคอและเบาจนไม่มีผู้ใดได้ยิน
นางโกรธแค้นคนพวกนั้นนักหากนางรอดไปได้คนแรกที่นางจะขอให้เสด็จลุงสังหารก็คงจะเป็นทหารคนที่รับสินบนคนนั้น
แต่ว่าก่อนที่จะมีโอกาสสังหารคนเสิ่นอวี้หลันจำต้องหาทางหนีเสียก่อน
รถม้าขยับออกจากเมืองหลวงได้ชั่วครู่ จู่ ๆ เสิ่นอวี้หลันก็ได้ยินเสียงของใครคนหนึ่งดังขึ้น
“ช้าก่อน ไยเจ้าปล่อยรถม้าคันนั้นไปโดยไม่ตรวจตรา”
สาเหตุที่เขาได้ดูแลเด็กคนนี้นั่นเป็นเพราะพ่อแม่ของเอยและพี่ชายของเอยเป็นเพื่อนสนิทของเขา ครอบครัวเอยจากไปด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ตั้งแต่เอยอายุได้เพียงสิบขวบเท่านั้น ญาติของเอยก็ไม่มีใครเหลียวแลทำให้เขาซึ่งสนิทกับครอบครัวของเอยที่เห็นเอยมาตั้งแต่เล็ก ๆ เกิดความสงสารจึงได้ขอให้พ่อแม่ของเขารับเอยมาเลี้ยงดู และพ่อแม่ของเขาก็ตกลง หลังจากนั้นพ่อแม่ของเขาก็ย้ายไปอยู่ต่างประเทศ จึงทิ้งให้เขาและเอยอยู่ด้วยกันที่เมืองไทยตามลำพัง นับตั้งแต่นั้นเขาก็กลายเป็นพี่ชายของเอยเต็มตัว แต่วันนี้เมื่อเอยโตขึ้น เธอกลับไม่เห็นบุญคุณและคิดจะจากเขาไปง่าย ๆ ทั้ง ๆ ที่นับวันเขาจะรักเธอจนกระทั่งถอนตัวไม่ขึ้นและเฝ้ารอเธอเติบโตมานานขนาดนี้ ++++++ “อ๊า...เฮียอย่านะ อย่าทำหนู” สาวน้อยส่งเสียงครางเล็ดลอดออกมาเพราะความเสียวซ่าน และเอ่ยห้ามแต่น้ำเสียงของเธอคล้ายกระตุ้นเขายิ่งขึ้นไปอีก “เอยอยากใช่หรือเปล่า หนูก็ต้องการเฮียใช่ไหม” “ไม่...อย่านะเฮีย หนูไม่ได้ต้องการเฮีย เฮียเป็นพี่ชายหนูนะ” “ต่อไปเฮียจะเป็นผัวหนู แล้วจะเอาหนูแรง ๆ ให้หนูไปไหนไม่ได้ต้องร้องหาเฮียเท่านั้น” คำพูดของเขาทำให้เอยหวาดกลัว แต่ในความรู้สึกนี้กลับมีความอยากรู้อยากเห็นอย่างประหลาด หญิงสาวผลักเขาออกเมื่อธนเดชดึงชุดนอนของเธอจนขาด แต่แรงของเขามีมากกว่าตอนนี้เธอจึงยืนเปลือยต่อหน้าเขา เอยยืนน้ำตาไหลพราก เมื่อเขาเห็นเขาจึงเหยียดยิ้มมุมปากอย่างผู้ชนะ “ฉันเกลียดแก อื้อ อื้อ”
หนานอันพริตตี้สาวสู้ชีวิตอายุยี่สิบปีแอบชอบผู้ชายคนหนึ่งอย่างหนักและอยากได้เขามาเป็นแฟนใจจะขาด แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจเธอ หญิงสาวได้ไปดูดวงแม่หมอคนนั้นจึงบอกให้เธอมาขอพรที่ศาลเจ้าเล็ก ๆ ในอำเภอแห่งหนึ่งที่ห่างไกลเพื่อให้เธอสมหวังและต้องไปในวันที่ฟ้ามืดที่สุดของเดือนในอีกสองวันข้างหน้าถึงจะเห็นผล หนานอันเชื่อแม่หมอเพราะอยากได้ผัว เธอจึงไม่รอช้ารีบคว้ากระเป๋าเป้เดินทางมายังศาลเจ้าทันที เมื่อหนานอันเข้าไปภายในศาลเจ้าก็พบว่า มีสตรีสูงวัยคนหนึ่งอายุราวหกสิบกว่าปีกำลังกวาดศาลเจ้าอยู่ ...... "ได้ของสิ่งนี้ไปต้องสมหวังอย่างแน่นอน" คุณยายพูดพร้อมกับรอยยิ้ม น้ำเสียงนี้ฟังดูเยือกเย็นเป็นอย่างยิ่ง หนานอันยิ้มให้คุณยายจู่ ๆ ขนแขนของเธอก็ตั้งชันขึ้นมา เธอกำลังจะลุกขึ้นในตอนนั้นก็เกิดฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมา หนานอันหวีดร้องด้วยความตกใจทว่าเมื่อหันไปมองคุณยายเธอไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว หนานอันประหลาดใจมากร้องเรียกคุณยายอยู่หลายคำ แต่ว่าในตอนนี้เธอก็ไม่มีเวลาให้คิดสิ่งใดแล้วเพราะเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้นเมื่อฟ้าผ่าลงมาที่ศาลเจ้าเข้าอย่างจังหนานอันที่อยู่ด้านในจึงถูกฟ้าผ่าไปด้วยและสติดับวูบลงไปทันใด ไม่รู้ว่านานเท่าใดที่หนานอันตกอยู่ในความมืดมิด และเมื่อเธอตื่นขึ้นมาทุกอย่างรอบกายของเธอก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป...
เซียวหนานอยู่ในระดับต่ำสุดขององค์กรลับที่แผ่ขยายสายข่าวไปทุกแว่นแคว้น นางเป็นเด็กกำพร้าไร้บิดามารดาที่ถูกเก็บมาให้เป็น นกกระจอกสืบข่าว เรียกได้ว่าเป็นชนชั้นที่วรยุทธ์ต่ำต้อยและต้องทำงานเอาตัวเข้าแลกเพื่อหาข่าวให้กับเบื้องบน ดังนั้นนกกระจอกเช่นนางจึงมีมากมายแทรกซึมเข้าไปในจวนขุนนางต่าง ๆ โดยที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ สิ่งที่นางฝึกฝนมาตลอดหลายปีมานี้ก็คือการเอาใจบุรุษ บำรุงร่างกาย ฝึกฝนศาสตร์ทั้งห้าให้เชี่ยวชาญ และฝึกวิชาเสพสังวาสให้บุรุษติดใจ แม้ว่าจะไม่เคยทำกับบุรุษจริง ๆ แต่ขนาดของแท่งหยกของบุรุษนางล้วนได้สัมผัสมาแล้วจากแท่งหยกของเทียมและแท่งหยกบุรุษของจริงที่นางไม่เคยเห็นหน้าว่าคนพวกนั้นคือผู้ใด เพราะพวกนางต้องมอบกายให้กับเหยื่อคนแรกที่นับว่าส่วนใหญ่จะเป็นชนชั้นสูง ดังนั้นจึงไม่อาจร่วมประเวณีกับบุรุษอื่นก่อนที่จะได้รับมอบเหยื่อจากนายใหญ่
องค์หญิงใหญ่รั่วเสียน ต้องปกป้องบัลลังก์ของน้องชายที่ขึ้นครองราชย์ในวัยเพียงแค่ 4 ขวบ ดังนั้นนางจึงต้องหาทางมัดใจเสนาบดีกัวผู้กุมอำนาจราชสำนักเอาไว้ให้ได้ ทว่าบุรุษผู้นี้กลับไม่ต้องการแต่งงานกับนาง เขายังทำตัวดั่งบิดาหาบุรุษไว้ให้นางอีก รั่วเสียนจึงต้องฝึกฝนการยั่วยวนเขาเพื่อหาวิธีมัดใจบุรุษผู้นี้เอาไว้ให้ได้ และนางก็ต้องตกใจเมื่อเสนาบดีกัวกลับมีถึงสองคน! +++ นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายจีนโบราณประเภทนิยายรักสำหรับผู้ใหญ่ เป็นเรื่องแต่งขึ้นจากจินตนาการไม่ได้อ้างอิงจากประวัติศาสตร์ใด ๆ ดังนั้นภายในจะมีฉาก เนื้อหา เน้นหนักที่เรื่องเพศระหว่างชายหญิง มีการร่วมรักกันตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป (3P) และอาจมีความไม่สมเหตุสมผลบ้าง ขอให้ผู้อ่านใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ
คำโปรย หลังจากบิดามารดาเสียชีวิต จูเมยได้ถูกท่านอาบุญธรรมรับเลี้ยง ท่านอาผู้เปี่ยมด้วยความอ่อนโยนและเมตตา ได้กลายเป็นเสาหลักเพียงหนึ่งในชีวิตนาง หัวใจที่อ่อนโยนของจูเมยเริ่มเต้นแรงเมื่ออยู่ใกล้ท่านอา แต่ท่านอาคิดอย่างไรกับนางกันแน่? หรือว่าความรักนี้เป็นเพียงความรู้สึกที่นางมีอยู่เพียงฝ่ายเดียว? เมื่อหัวใจต้องเผชิญกับความไม่แน่นอน จูเมยกลับรู้สึกเจ็บปวดกับความรู้สึกนี้ "ท่านอา...อย่าดีต่อข้ามากนักได้หรือไม่" นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักจีนโบราณ มีดราม่าเล็กน้อยช่วงเริ่มต้น จบสุขนิยม ไม่มีนอกกายนอกใจ เป็นความรักฟิน ๆ ระหว่างท่านอาและหลานสาว(บุญธรรม)ตัวน้อยของตนเอง
เรื่องย่อ จื่อเม่ยเป็นนักเขียน และได้เข้าไปอยู่ในนิยายที่ตัวเขียนเขียนเอาไว้ในฐานะตัวประกอบในนิยายที่ออกมาเพียงสองตอนก็ตาย นางถูกตัวร้ายกักขังเอาไว้ในจวน เจื่อเม่ยรู้ว่าเขาต้องตายและจำทำให้นางตายไปด้วย นางจึงต้องหาวิธีหนีจากเขาเพื่อเอาตัวรอด! นิยายเรื่องนี้เป็นแบบสุขนิยมนะคะ พระเอกจะธงแดงในตอนแรก ๆ เพราะนางเป็นตัวร้ายตามเนื้อเรื่องนะคะ หลังจากนั้นก็รักเมียที่สุดในโลกค่ะ ไม่มีนอกกายนอกใจค่ะ แนะนำตัวละคร จื่อเม่ย นักเขียนที่ย้อนไปอยู่ในโลกนิยายในร่างของอนุจื่ออิน จื่ออิน อนุของตัวร้ายที่ออกมาแค่สองตอนก็ตาย และคนที่จื่อเม่ยมาใช้ร่างกาย ซีเฉิน / องค์ชายสี่ /ซีอ๋อง ตัวร้ายที่ต้องตายในตอนจบ ซีหลาน บุตรชายอายุ 5 ขวบของตัวร้าย รั่วหนิง พระชายาที่ซีเฉินไม่เคยเหลียวแล เหล่าหลง และ เหล่าอี้ องครักษ์ฝาแฝดของซีเฉิน ผู้จงรักภักดี ซีกุ้ยเฟย แม่ของซีเฉิน นางมีความแค้นที่ฝ่าบาทเคยทอดทิ้ง จึงคิดจะแก้แค้นทุกคนและสั่งสอนให้ซีเฉินบุตรชายชิงบัลลังก์ หยางโจวซือ / องค์ชายหก / หยางอ๋อง พระเอกของเรื่องที่จื่อเม่ยวางเอาไว้ในนิยาย
อดีตนักฆ่าสาวอันดับหนึ่ง ผู้มีใจคอโหดเหี้ยมได้ทะลุมิติอยู่ในร่างสาวน้อยรูปโฉมอัปลักษณ์ ที่ทุกคนต่างสาปส่งและรังแกสารพัด!
[แนวลูกเด็กน่ารัก+สาวเก่ง+แก้แค้น]ฉวี่ชิงเกอแต่งงานกับฟู่หนานจิ่นมาเป็นเวลา 5 ปี เธอใช้ชีวิตเหมือนแม่บ้าน เธอคิดว่าตัวเองท้องแล้วจะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาดีขึ้น แต่สุดท้ายสิ่งที่ได้มาคือ ข้อตกลงการหย่า เมื่อคลอดลูก ฉวี่ชิงเกอแทบจะไม่รอดเพราะมีคนทำร้าย เธอถึงรู้สํานึก ห้าปีต่อมา เธอกลายเป็น"ท่านประธานฉวี่"แล้วกลับมาแก้แค้น คนที่เคยรังแกเธอต่างก็ได้รับการสั่งสอนอย่างสะหัส และความจริงที่ถูกปิดบังไว้ก็ค่อย ๆ ถูกเปิดเผยออกมาก อดีตสามีคิดจะขอคืนดีกับเธอเหรอ คิดง่ายไปหน่อยไหม? ฟู่หนานจิ่นอ้อนวอน"ที่รัก ลูกต้องการหม่ามี๊ ขอแต่งงานใหม่ได้ไหม?"
หลังจากแต่งงานกันมาสองปี สามีของเธอไม่เคยเหยียบเข้าไปในบ้านและมองดู 'ภรรยาขี้เหร่' ของเขาเลย แถมเขาก็มีเรื่องอื้อฉาวกับดาราหน้าใหม่หลายคนทุกวัน ซูเหว่ยทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอตัดสินใจปล่อยเขาไป ต่อไปก็ต่างคนต่างไปเลย แต่เมื่อเธอเสนอเรื่องหย่า... ฟู่เหยียนอันพบว่านักออกแบบในบริษัทนั้นสะดุดตาเป็นพิเศษ เขาค่อยๆ ทำความรู้จักกับเธอเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเธอเข้า เขาเสียใจแล้ว
เสิ่นหยวูแต่งงานกับเหอซวี่ที่เป็นสูติแพทย์ตอนอายุยี่สิบสี่ปี สองปีต่อมา เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ห้าเดือนแล้ว เหอซวี่ก็วางแผนแท้งลูกเธอด้วยมือตัวเอง และหย่าร้างกับเธอ ระหว่างช่วงเวลาที่มืดมนเหล่านี้ ตู้หยวุนปรากฏตัวเข้าในชีวิตของเสิ่นหยวู เขาทำดีต่อเธออย่างอ่อนโยน และให้ความอบอุ่นแก่เธออย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็ทำให้เธอต้องเจ็บปวดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนเช่นกัน สุดท้าย เสิ่นหยวูจึงเข้มแข็งขึ้นหลังผ่านพ้นไปกับทุกอย่างแล้ว แต่เมื่อความจริงก็ถูกเปิดเผยในที่สุด เธอจะยอมรับและอดทนได้ไหม? อยู่เบื้องหลังตู้หยวุนผู้ที่หล่อเหลาดูมีเสน่ห์นั้นเป็นใคร?และเมื่อพบคำตอบแล้ว เสิ่นหยวูจะรับมือยังไง ?
สายตาที่ประสานกันมันบอกอย่างชัดเจนว่าตอนนี้ชายหนุ่มนั้นลืมคำว่าผู้ปกครองกับเด็กในปกครองไปแล้ว **************** หญิงชายสมัยนี้มันเท่าเทียมกันนะบัว เธอคิดว่าจะนอนกับฉันและทิ้งฉันไปง่ายๆ แบบนั้นเหรอ ไม่มีทางหรอก เธอต้องรับผิดชอบทั้งตัวฉันและความรู้สึกของฉัน
สังคมภายนอกต่างรับรู้กันว่า ดุจตะวันหรือหมอซันเป็นนายแพทย์ เป็นเจ้าของโรงพยาบาล เป็นหนุ่มหล่อ ผู้ดิบผู้ดี ท่าทีสุขุมนุ่มลึก แต่แท้จริงแล้วเขามีด้านมืดซุกซ่อนอยู่ในภายใน เขามี ‘ ห้องขาว ’ อยู่ติดห้องนอน ใช่ เขาชอบสีขาว ชอบทุกอย่างที่ขาวสะอาดรวมไปถึงผู้หญิงด้วย... บ่อยครั้งที่เขาจะซื้อผู้หญิงบริสุทธิ์สะอาดมาไว้รองรับความใคร่ของตัวเองด้วยราคาแพงลิบลิ่ว แน่นอนว่าพวกเธอต้องยินยอมพร้อมใจ ไม่ได้เกิดจากการบังคับแต่อย่างใด การมอบพรหมจรรย์ให้กับผู้ชายที่ทั้งหล่อและหุ่นดีสูสีดารานายแบบ แลกกับเงินทองและความสะดวกสบายนั้น มันช่วยให้ทำใจได้ง่ายขึ้นเยอะ แค่ต้องเป็นนางบำเรอให้จนกว่าเขาจะเบื่อ สิ่งเดียวที่ต้องบังคับตัวเองให้ไม่ทำนอกเหนือไปจากหน้าที่ คืออย่าเผลอไปตกหลุมรักเขาเด็ดขาด เพราะคนอย่างดุจตะวันไม่มีหัวใจ... ตัวอย่างความคลั่งไคล้ของคูมหมอ : “ ดีไหม ” จู่ ๆ เขาก็ถามขึ้นเล่นเอาเธอตกใจ “ อะไรคะ ” “ เอากับฉัน ดีไหม ” ใบหน้าของเธอร้อนวูบ พวงแก้มซับสีเลือดแดงระเรื่อ เธอกัดริมฝีปากอย่างเขิน ๆ แต่กิริยานั้นทำให้เขาเกิดอารมณ์ ริมฝีปากจิ้มลิ้มน้อย ๆ นั่นน่าแทงของใหญ่เข้าไปชะมัด ! *** “ เจ็บมากหรือเปล่า ” ห่วงหนูด้วยเหรอคะ ตอนขอให้เบาไม่เคยเบา ! เด็กสาวแอบคิดในใจ แต่ก็ตอบออกไปสั้น ๆ อย่างสุภาพ “ ค่ะ ” “ ขย่มฉัน ” เธอเงยหน้ามองเขาอย่างตกใจ ถามอย่างไม่เชื่อหู “ อะไรนะคะ ” “ ฉันอยากให้เธอขย่มฉันในน้ำ ” แล้วจะถามทำไมว่าเจ็บหรือเปล่า ?!