เจนสุดา คุณหนูแสนสวยวัย19ปี เธอมีแม่ใหม่ที่แสนจะเพอร์เฟกต์ชื่อวาเลรีน สาวน้อยจึงเสียใจแทบบ้า ทว่าเมื่อเวลาผ่านไปความจริงเริ่มปรากฏว่าแม่เลี้ยงสุดสวยไม่ได้ชอบผู้ชาย สาวน้อยจะพลาดท่าเสียตัวให้แม่เลี้ยงของตัวเองหรือไม่
เจนสุดา คุณหนูแสนสวยวัย19ปี เธอมีแม่ใหม่ที่แสนจะเพอร์เฟกต์ชื่อวาเลรีน สาวน้อยจึงเสียใจแทบบ้า ทว่าเมื่อเวลาผ่านไปความจริงเริ่มปรากฏว่าแม่เลี้ยงสุดสวยไม่ได้ชอบผู้ชาย สาวน้อยจะพลาดท่าเสียตัวให้แม่เลี้ยงของตัวเองหรือไม่
แม่เลี้ยงกับหนู เป็นชู้กัน
ตอน วันแรกที่เข้าบ้าน
รถเบนซ์สีขาวของคุณพ่อขับมาจอดหน้าบ้านหลัวใหญ่โตหรูหรา
"เย้ คุณพ่อมาแล้ว" สาวน้อยเจนสุดดาวิ่งออกมาหน้าบ้านขณะที่เธอยังใส่ชุดนักศึกษา
พลันใดนั้นคุณพ่อวัยสี่สิบห้า นักธุรกิจใหญ่ก็จอดรถแล้วกลับเดินไปอีกฟาก
ท่านเปิดประตูให้หญิงสาววัยสามสิบต้นๆก้าวลงมา เธอส่งยิ้มให้เจนสุดาด้วยสายตาที่เป็นมิตร
"เจน ไหว้แม่วาสิลูก เธอชื่อวาเลรีนจะมาอยู่กับเรานะ" คุณพ่อหันมายิ้มบอก
สาวน้อยหน้าเปลี่ยนสีทันที ใบหน้าที่ขาวอมชมพูระเรื่อเปลี่ยนเป็นสีแดงกล่ำ
หัวใจดวงน้อยเต้นแรง เลือดในกายฉีดพล่าน เจนสุดากัดฟันดังกร่อด
เธอโกรธพ่อสุดขีดที่ท่านกำลังจะมีคนรักใหม่หลังจากที่แม่ของเธอเพิ่งเสียไปไม่กี่ปี
ไม่! เจนตวาดลั่น
ตุบ! ๆ ๆ ๆ สาวน้อยวิ่งกลับเข้าบ้านหลังใหญ่ด้วยน้ำตาที่พรั่งพรูออกมาพาดผ่านแก้มเป็นทาง
ติ๋ง! ๆ ๆ หยาดใสโปรยปรายลงบนพื้นขณะที่หัวใจกำลังแตกสลาย
หลังจากที่เสียคุณแม่ไปสาวน้อยคิดว่าจะมีเพียงแต่เธอกับคุณพ่อที่แสนดี แต่มาวันนี้เธอเพิ่งรู้ว่ามันไม่ใช่อีกแล้ว
ฟุ่บ! ฮือ! ๆ ๆ ๆ เจนกระโจนขึ้นมานอนคว่ำบนเตียงและร้องไห้สะอึกสะอื้น
ริมฝีปากสีชมพูสั่นเทา ลมหายใจร้อนผ่าว น้ำตาเปียกโชกหมอน
คุณพ่อเดินเข้ามาในห้องนอนและนั่งลงข้างๆเตียง ท่านลูบหัวปลอบเจน
" ถ้าหนูไม่ชอบคุณวาหนูก็ไม่ต้องเรียกว่าแม่" คุณพ่อบอกขณะที่เจนยังร้องไห้
"พ่อรักแม่หนูมากที่สุด แต่เรายังต้องก้าวต่อไป พ่อรักและเคารพคุณแม่นะ ไม่มีใครเหนือกว่าแม่และหนู" คุณพ่อปลอบและลูบหัวสาวน้อย
"ให้โอกาสน้าเค้าดูแลพวกเราได้ไหม ถือว่าพ่อขอร้อง"
เจนสุดาค่อยๆคลายความเจ็บปวดลงช้าๆเมื่อได้รับคำปลอบจากคุณพ่อที่มีวาทะศิลป์เป็นเลิศ
เธอพลิกตัวขึ้นมานอนหงายและเช็ดน้ำตาที่แก้มสวยอิ่ม
"ไปทานข้าวกันนะ" คุณพ่อเอ่ย
"ไม่ค่ะ หนูกินแล้ว" เจนโกหกเพราะว่าไม่อยากเจอแม่เลี้ยงคนใหม่
เธอยังนึกภาพติดตาในหัวได้อยู่เลย หญิงสาววัยสามสิบ ผิวสีน้ำผึ้งค่อยๆก้าวลงมาจากรถแล้วส่งยิ้มหวานมา
เธอมีใบหน้าที่สวยคม จมูกโด่งปลายเชิ่ดขึ้นและมีดวงตาสีดำขลับน่ากลัว
หุ่นของเธอเพรียวบางสูงขายาวอย่างกับนางแบบ
"ชิ เราสวยกว่าอีก" เจนสุดานอนนึกด่าแม่เลี้ยงอยู่ในใจ
สาวน้อยวัยสิบเก้าปี เธอมีใบหน้าโค้งมนอูมอิ่ม จมูกจิ้มลิ้ม ปากเรียวเล็กสีชมพู
เธอสูงเพียงหนึ่งร้อยหกสิบแต่มีเนื้อหนังที่อวบอิ่มเกินวัย หน้าอกใหญ่ตูดงอน ผิวขาวอมชมพูตาโต
เจนนอนกลิ้งไปกลิ้งมา เธอปวดท้องเพราะหิวข้าวจนทรมาน
"รอพวกเขากินเสร็จแล้วค่อยไปกินก็ได้เนอะ" เจนพูดกับตัวเอง
คุณพ่อนั่งกินข้าวกับคุณวาเลรีนเสร็จทั้งคู่ก็ไปอาบน้ำ พอคุณพ่อออกมานั่งทำงานในห้องส่วนตัวคุณวาเลรีนก็เข้าครัว
ก๊อก! ๆ ๆ เสียงเคาะประตูห้องนอนของเจนดังขึ้น
"ไม่ได้ล็อคค่ะ" เจนตอบ
มาง้อเราจนได้ ฮิ! ๆ เจนคิดในใจว่าคุณพ่อจะมาขอโทษเธออีก
แอ๊ดดด! ประตูเปิดออก สาวน้อยตาโตเมื่อเห็นสาวสวยในชุดนอนสีชมพูวาววับเดินเข้ามา
พรึ่บ! เจนสุดาสปริงตัวลุกนั่งแล้วอ้าปากกำลังจะไล่ตะเพิ่ดแม่เลี้ยงด้วยความโมโห
ทว่ากลิ่นโจ๊กอันหอมหวลลอยเข้ามาเตะจมูกสาวน้อยจนเธอท้องร้อง
แม่เลี้ยงสุดสวยนั่งลงที่ขอบเตียงและจ้องแววตาคมวาวมองมาราวกับจะสะกดให้หยุดเคลื่อนไหว
รอยยิ้มหวานละมุนบนใบหน้าเรียวสวยช่างน่าประทับใจเมื่อได้เผลอมอง
"มาทำไม" สาวน้อยถามเสียงอ่อนลงอย่างผิดคาด
"กินข้าวนะจ๊ะ" วาเลรีนยื่นชามโจ๊กที่หอมกรุ่นให้เจนสุดา
"ไม่ กินแล้ว" เจนตอบห้วนๆ
"ไม่เห็นกินเลยตั้งแต่เข้ามา" วาเลรีนเอ่ยขึ้น
"ก็ไม่หิว" เจนสุดาตอบ
"กินหน่อยนะจ๊ะ" วาเลรีนบอก
"ไม่ต้องมาเอาใจ" เจนดุ
ฮิ! ๆ ๆ วาเลรีนกลับยิ้มและแอบสำรวจความงามของสาวน้อย เธอช่างไม่มีพิษไม่มีภัย แถมเวลางอนยังดูน่ารักน่าชังเป็นที่สุด
"ไม่กินก็จะนั่งอยู่แบบนี้แหละนะ" วาเลรีนนึกสนุก
"ตามใจ" เจนสุดาเอ่ย
สองสาวนั่งมองหน้ากันอยู่นานสองนาน ตาประสานตาพลันใดเจนสุดาก็รู้สึกเสียวใจหวามๆอย่างชอบกล
เธอไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนไม่ว่ากับใครทั้งนั้น
วาเลรีนเอาช้อนตักโจ๊กร้อนๆจนไอหอมฟุ้งลอยเข้าจมูกเจน
จ๊อก! ๆ ๆ ท้องของสาวน้อยร้องดัง
"กินก็ได้" เจนสุดาแย่งชามมาก้มหน้าตักกินโจ๊กอย่างมุมมาม
ฮิ! ๆ ๆ วาเลรีนยิ้มชอบใจที่เจนได้ลิ้มลองฝีมือทำอาหารของเธอ
"เอาไปเก็บซะ หิ! ๆ ๆ " เจนสุดากินเสร็จก็ยื่นชามเปล่าใส่มือแม่เลี้ยง
เธอเพิ่งนึกแผนขึ้นได้ว่าจะแกล้งให้วาเลรีนอยู่ไม่ได้จนต้องหนีออกจากบ้านนี้เอง
สาวน้อยหันมายิ้มเยาะแม่เลี้ยงอย่างสะใจที่เห็นเธอกำลังเก็บชามช้อน
หมับ! มือเรียวขาวเตะมาที่ริมฝีปากของเจน
วาเลรีนเอานิ้วป้ายเศษข้าวที่ติดตรงริมฝีปากสีชมพูแล้วเอานิ้วกลับไปดูดกินเศษอาหารจากปากของเจนสุดา
จุ๊บ! ๆ ๆ เจนใจหายว่าบราวกับโดนฟ้าผ่า หัวใจของเธอเต้นระรัวไม่เป็นจังหวะ
ใบหน้าของเธอชาและร้อนผ่าว เลือดสาวฉีดพล่านจนร้อนรุ่มไปทั่วกาย
"ฝันดีนะจ๊ะคนสวย" วาเลรีนลุกยืนแล้วโบกมือก่อนจะเดินออกไป
เจนสุดารู้สึกมึนๆจนหน้ามืดเหมือนเธอจะเป็นลม
นี่เราเป็นอะไรของเรานะ!
เธอแค่แสดง อยากให้เรารักล่ะซิ!
ฉันจะแกล้งให้เธออยู่ไม่ได้!
เจนสุดานอนไม่หลับทั้งคืนเมื่อภาพแม่เลียงสุดสวยอัดแน่นอยู่เต็มหัว
แนวทาสสวาท ล่อลวง เปิดซิง รุนแรง ซาดิสม์ หลอกเอา คนสวน รุมคุณหนู nc 3p
นิยายอีโรติก แนวเรื่องจริง นอกใจ มีชู้ เผลอใจ ไม่ตั้งใจ nc 18+ รวมเรื่องสั้นแนวนอกใจ นอกกาย สายบาป เป็นเรื่องแต่งเสริมเรื่องจริง สั้นๆจบในตอน มีหลายแนว หลายเหตุการณ์ สำหรับผู้ใหญ่ อายุ18ปีขึ้นไป
นิยายผู้ใหญ่ แนวฮาเร็มชาย นางเอกเป็นคุณหนูวัย18ปี เธอชอบยั่วคนสวน คนขับรถ ใจแตก มั่วสวาท nc 18+
ในยุคก่อนสงครามโลก ยังมีการค้าทาส ในดินแดนแถบเอเชียที่ไม่ระบุชื่อและสถานที่ตั้ง มีปราสาทแห่งหนึ่งตั้งตะหง่านอยู่ริมหน้าผาบนเขาสูง เจ้าปราสาทคือสามีนางเอก เขาเป็นขุนนางชั้นสูง เขาชอบซื้อทาสชายหลากเชื้อชาติมาเลี้ยง ใช้งานพวกเขาหนัก และมักจะให้นางเอกมีอะไรกับคนแปลกหน้าพวกนั้นเพื่อให้เขานั่งดูอย่างมีอารมณ์
นางเอกแต่งงานกับสามีแก่ เขาเป็นเสี่ยเจ้าของร้านทองที่รวยมาก ทว่านกเขากลับไม่ขันและอ่อนปวกเปียก นานๆจะมีเซ็กกับเมียรัก เดือนละครั้งสองครั้ง นางเอกทนความอยากไม่ไหวแต่ก็ไม่อยากมีชู้ ไม่อยากนอกใจสามี เธอจึงแอบมีอะไรกับเจ้าแสนรักที่เลี้ยงไว้ในบ้าน
เรื่องสั้นแนวมีชู้ fwb ลับๆ นอกใจ แอบแซ่บ 3p 4p หลายบุคคลหลากเหตุการณ์ จบในตอนสองตอน
หลังจากที่แต่งงานเข้ามาในตระกูลมู่ หลินซีได้ทำหน้าที่เป็นคุณนายมู่ที่ยอมอดทนกับทุกอย่างโดยไม่ปริปากเป็นเวลาสามปี เธอรักมู่จิ่วเซียว จึงยอมอดทนดูแลเขาอย่างเต็มใจ แม้ว่าเขาจะมีคนอื่นอยู่ข้างนอกก็ตามแต่เขากลับไม่เคยเห็นค่าของเธอ เหยียบย่ำความรักของเธอให้แหลกสลาย และถึงขั้นปล่อยให้น้องสาวของเขามอมเหล้าเธอแล้วส่งไปยังเตียงของลูกค้า หลินซีนั้นถึงเพิ่งจะตาสว่างเมื่อรู้ว่าความรักที่มีมานานนั้นช่างน่าขันและน่าเศร้าในใจของเขา เธอไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เข้ามาเกาะเขา เธอจึงทิ้งข้อตกลงการหย่าไว้แล้วจากไปโดยไม่ลังเล มู่จิ่วเซียวมองดูเธอประสบความสำเร็จ กลายเป็นดวงดาวที่ส่องแสงในสายตาของผู้คนเมื่อได้เจอกันอีกครั้ง เธอเต็มไปด้วยความมั่นใจและสงบเสงี่ยม โดยมีผู้ชายที่มีฐานะสูงส่งอยู่เคียงข้าง มู่จิ่วเซียวมองดูใบหน้าของคู่แข่งหัวใจที่ดูคล้ายกับของเขามาก จากนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าในสายตาเธอ เขาเป็นเพียงตัวแทนของคนอื่นในมุมแห่งหนึ่ง เขาขวางทางเธอไว้ “หลินซี คุณเล่นตลกกับผมใช่ไหม”
หลังจากแต่งงานมาสามปี เสิ่นเนียนอันคิดว่าตนเองสามารถเอาชนะใจโฮ่วอวินโจวได้ แต่กลับพบว่าเขามีเพียงคนรักแรกอยู่ในใจ "ฉันจะปล่อยเธอไปหลังจากที่เธอคลอดลูก" ในวันที่เสิ่นเนียนอันมีปัญหาในการคลอดบุตร โฮ่วอวินโจวได้พาผู้หญิงอีกคนออกจากประเทศด้วยเครื่องบินส่วนตัว "ไม่ว่าคุณจะชอบใครก็แล้วไป สิ่งที่ฉันเป็นหนี้คุณ ฉันคืนให้หมดแล้ว" หลังจากที่เสิ่นเนียนอันจากไป โฮ่วอวินโจวก็เสียใจ "กลับมาหาฉันอีกครั้งได้ไหม"
เมื่อเธออายุยี่สิบ ชิงฉือได้รู้ว่าตนเองไม่ใช่ลูกโดยกำเนิดของตระกูลต้วน เธอถูกลูกสาวที่แท้จริงของตระกูลต้วนล้อมกรอบ จนถูกพ่อแม่บุญธรรมไล่ออกจากบ้านและกลายเป็นตัวตลกในเมือง เมื่อเธอกลับไปหาพ่อแม่ชาวนา จากนั้นก็พบว่าบิดาผู้ให้กำเนิดของเธอเป็นคนที่รวยที่สุดในเมืองเจียงเฉิงส่วนพี่ชายของตนเองเป็นอัจฉริยะในแวดวงต่างๆ ทุกคนมองดูเด็กสาวตัวเล็กคนนี้ด้วยความเห็นใจและถือว่าเธอเป็นสมบัติล้ำค่า แต่ค่อยๆ พบว่า... ที่แท้ว่าน้องสาวเป็นคนมากความสามารถ? อดีตแฟนหนุ่มผู้น่ารังเกียจหัวเราะเยาะ "อย่ามาตามเซ้าซี้ไม่เลิก ฉันมีแต่เมียนเมียนอยู่ในใจ!" คนใหญ่แห่งเมืองหลวงปรากฏตัว "เมียฉันจะเห็นหัวนายเหรอ?"
“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง
ครอบครัวเสิ่นเลี้ยงดูเซี่ยซางหนิงเป็นเวลา 20 ปี และเธอเองก็ถูกเอาเปรียบมาเป็นเวลา 20 ปีเช่นกัน วันหนึ่ง พวกเขาตามหาลูกสาวตัวจริงพบ และเซี่ยซางหนิงก็ถูกไล่ออกจากตระกูลเสิ่น ได้ยินมาว่าพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดของเธอกำลังเผชิญกับความยากลำบากอย่างหนัก แต่ความเป็นจริง พ่อแม่ทางสายเลือดของเธอเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองไห่ เป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดที่ตระกูลเสิ่นไม่สามารถเอื้อมถึงได้ ตระกูลเสิ่นที่คอยดูว่าเซี่ยซางหนิงจะต้องตกอับอย่างน่าสมเพช แต่กลับต้องตกตะลึงซ้ำแล้วซ้ำเล่ากับตัวตนของเซี่ยซางหนิง ผู้มีอิทธิพลในการเงินระดับโลก วิศวกรระดับแนวหน้า นักแข่งรถอันดับหนึ่งของโลก... เธอยังมีความสามารถที่ซ่อนอยู่อีกกี่อย่างกันแน่ คู่หมั้นยกเลิกการหมั้นกับเซี่ยซางหนิง อย่างไรก็ตาม เมื่อเซี่ยซางหนิงไปออกเดทกับพี่ชายฝาแฝดของเขา เขากลับปรากฏตัวขึ้นและสารภาพรักกับเธอ
หลังจากเมา เธอก็ได้รู้จักกับคนใหญ่คนโตคนหนึ่ง เธอต้องการความช่วยเหลือจากเขา ส่วนเขาหลงเสน่ห์รูปร่างที่ดีและความสวยงามของเธอ พอเวลาผ่านไป เธอก็ตระหนักได้ว่าเขามีคนอยู่ในใจแล้ว เมื่อรักแรกของเขากลับมา เขาก็ไม่ค่อยได้กลับบ้าน แต่ละคืนเหวินม่านอยู่ในห้องว่างเปล่าด้วยคนเดียว แต่สุดท้ายแล้ว สิ่งที่เธอได้รับมาก็มีแต่เช็คใบหนึ่งและคำกล่าวลาเท่านั้น เดิมทีคิดว่าเธอจะร้องไห้โวยวาย แต่ไม่คาดคิดว่าเธอหยิบใบเช็คแล้วจากไปอย่างไม่ลังเล: "คุณฮั่ว ลาก่อน!"... พอพบกันอีกครั้ง เธอก็มีคนอยู่ข้างกายแล้ว เขาพูดด้วยตาแดงก่ำ: "เหวินม่าน ผมคบกับคุณมาก่อนนะ" เหวินม่านยิ้มเบา ๆ แล้วพูดว่า "ทนายฮั่ว คนที่บอกเลิก นั่นคือคุณเองนะ! ถ้าอยากจะเดทกับฉัน คุณต้องต่อคิว..." วันถัดมา เธอได้รับเงินโอนหนึ่งแสนล้านพร้อมแหวนเพชร ทนายฮั่วคุกเข่าข้างหนึ่ง: "คุณเหวิน ผมอยากจะแทรกคิว"
© 2018-now MeghaBook
บนสุด