เรื่องสั้นแนวมีชู้ fwb ลับๆ นอกใจ แอบแซ่บ 3p 4p หลายบุคคลหลากเหตุการณ์ จบในตอนสองตอน
พัชรีในวัยสามสิบต้นๆ เป็นคุณนายสาวสวยสง่า แต่งงานกับคุณภัทร สามีนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ เธอมีลูกชายหญิงสองคนกำลังน่ารัก น้องพีทเรียนอยู่ชั้นอนุบาลสาม ส่วนน้องพลอยอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่หนึ่ง ทุกวัน พัชรีจะขับรถเก๋งคันหรูไปส่งลูกๆ ที่โรงเรียนเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่งในเมือง และไปรับพวกเขากลับในช่วงเย็น
ระหว่างรอเวลาเลิกเรียนของลูกๆ พัชรีมักจะลงจากรถมานั่งคุยกับโต้ง ยามหนุ่มหน้าตาดีวัยยี่สิบห้าปีที่ประจำอยู่ที่ป้อมยามหน้าโรงเรียน โต้งเป็นหนุ่มบ้านนอกที่เข้ามาทำงานในเมือง เขาเป็นคนผิวขาวสะอาด รูปร่างสูงโปร่ง มีรอยยิ้มที่จริงใจ และนิสัยดีมีน้ำใจ พัชรีรู้สึกเอ็นดูในความใสซื่อและความคิดดีของเขา จึงมักจะอบซื้อของกินเล็กๆ น้อยๆ หรือเครื่องดื่มเย็นๆ มาฝากเขาอยู่เสมอ
ลูกๆ ของพัชรีก็ชอบโต้งมาก เพราะยามหนุ่มใจดี มักจะเล่นกับพวกเขา เล่านิทานให้ฟัง หรือช่วยดูแลพวกเขาในวันที่พัชรีมารับช้าเพราะติดธุระ วันไหนที่ฝนตกหนัก โต้งก็จะกางร่มพาเด็กๆ ไปหลบฝนในป้อมยาม คอยดูแลจนกว่าแม่จะมารับพวกเขา
วันนี้ เป็นอีกวันที่ฝนตกพรำๆ ตั้งแต่ช่วงบ่าย พัชรีรีบมาถึงโรงเรียนเพื่อรับลูกๆ ตามเวลา แต่ระหว่างเดินลงจากรถบนถนนที่เปียกลื่น เธอพลาดท่าลื่นน้ำจนหัวเข่าข้างขวาถลอกเป็นรอยแดง พัชรีนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ รีบลุกขึ้นปัดเนื้อตัว มองหาร่มที่อยู่ในรถ
โต้งเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด เขารีบวิ่งกางร่มมาประคองพัชรีอย่างรวดเร็ว "คุณนายครับ เป็นอะไรมากไหมครับ?" เสียงของเขาเต็มไปด้วยความกังวล
"ไม่เป็นไรค่ะ แค่ลื่นนิดหน่อย" พัชรีตอบยิ้มแหยๆ พยายามซ่อนความเจ็บปวด
"ให้ผมพาคุณนายไปนั่งพักในป้อมยามก่อนนะครับ เดี๋ยวผมทำแผลให้" โต้งเสนอด้วยความเป็นห่วง
พัชรีลังเลเพียงเล็กน้อย แต่ความเจ็บที่หัวเข่าก็ทำให้เธอตัดสินใจพยักหน้า เธอเดินกระโผลกกระเผลกตามโต้งไปยังป้อมยามหลังเล็กที่ตั้งอยู่ริมรั้วโรงเรียน
ภายในป้อมยามมีเพียงเก้าอี้ไม้ตัวเก่าๆ หนึ่งตัว โต๊ะเล็กๆ และอุปกรณ์รักษาความปลอดภัย โต้งเชื้อเชิญให้พัชรีนั่งลงบนเก้าอี้อย่างสุภาพ
"เดี๋ยวผมไปเอายามาทำแผลให้นะครับคุณนาย" โต้งรีบเดินไปยังมุมหนึ่งของป้อมยาม หยิบกล่องปฐมพยาบาลออกมา
พัชรีนั่งลงบนเก้าอี้ มองโต้งที่คุกเข่าลงตรงหน้าเธออย่างเกรงใจ เขาเปิดกล่องปฐมพยาบาล หยิบสำลีและขวดแอลกอฮอล์ออกมาอย่างชำนาญ
"เจ็บหน่อยนะครับคุณนาย" โต้งกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน ก่อนจะค่อยๆ ใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์เช็ดทำความสะอาดบาดแผลที่หัวเข่าของพัชรีอย่างเบามือ
พัชรีนิ่วหน้าเล็กน้อยกับความแสบร้อนของแอลกอฮอล์ โต้งเงยหน้ามองเธอด้วยความเป็นห่วง
"ทนหน่อยนะครับคุณนาย ใกล้เสร็จแล้ว" โต้งกล่าว ก่อนจะค่อยๆ ลูบไล้น่อง ขาขาวๆ ของพัชรีอย่างแผ่วเบา ราวกับต้องการปลอบโยนความเจ็บปวดของเธอ มือของเขาค่อยๆ เลื่อนสูงขึ้นอย่างไม่ตั้งใจ สัมผัสกับเนื้อผ้ากระโปรงที่เริ่มเปิดขึ้นเล็กน้อย
โต้งยังคงคุกเข่าตรงหน้าพัชรี มือของเขาลูบไล้บริเวณน่องขาขาวๆ ของเธออย่างแผ่วเบา ความร้อนจากฝ่ามือของเขาแล่นแปล๊บผ่านเนื้อผ้ากระโปรงบางๆ ทำให้พัชรีรู้สึกถึงความผิดปกติที่เพิ่มมากขึ้น
ภายนอกป้อมยาม สายฝนยังคงกระหน่ำลงมาอย่างหนัก เสียงเม็ดฝนกระทบหลังคาสังกะสีดังซู่ซ่า ลมพัดแรงหวีดหวิว ลอดช่องประตูไม้เก่าๆ เข้ามาปะทะร่างของพัชรีจนรู้สึกเย็นเยียบ เธอจามออกมาเบาๆ ด้วยความหนาว
"คุณนายหนาวไหมครับ?" โต้งเงยหน้าขึ้นมองพัชรีด้วยความเป็นห่วง ดวงตาคมของเขาจับจ้องมาที่เธออย่างอ่อนโยน
พัชรีพยักหน้าเบาๆ "นิดหน่อยค่ะ"
โต้งค่อยๆ เลื่อนมือจากน่องขึ้นมาสัมผัสบริเวณเข่าที่ถลอกของพัชรีอย่างเบามือ ปลายนิ้วของเขาสัมผัสบาดแผลอย่างระมัดระวัง ทำให้พัชรีรู้สึกถึงความเจ็บแปลบเล็กน้อย
"เจ็บมากไหมครับ?" โต้งถามด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล
"ไม่เท่าไหร่ค่ะ" พัชรีตอบเสียงแผ่ว แต่ในใจกลับรู้สึกถึงความตึงเปรี๊ยะบางอย่างที่เริ่มก่อตัวขึ้น
โต้งยังคงคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเธอ มือของเขายังคงลูบไล้บริเวณขาของพัชรีอย่างแผ่วเบา แต่ค่อยๆ เลื่อนสูงขึ้นอย่างช้าๆ สัมผัสที่อบอุ่นจากฝ่ามือของเขาตัดกับความเย็นเยียบจากลมฝน ทำให้พัชรีรู้สึกถึงความขัดแย้งในความรู้สึก
มือของโต้งค่อยๆ เลื่อนสูงขึ้นเรื่อยๆ จนสัมผัสกับเนื้อผ้ากระโปรงบริเวณต้นขาของพัชรี เธอรู้สึกถึงความร้อนผ่าวที่แก้ม หัวใจเริ่มเต้นแรงขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้
"คุณนายครับ..." โต้งกระซิบเสียงแหบพร่า ดวงตาของเขาจับจ้องมาที่ดวงตาของพัชรีอย่างสื่อความหมาย
พัชรีกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เธอไม่รู้ว่าจะพูดอะไร ดวงตาของเธอลอกแลกไปมา มองโต้งสลับกับประตูที่เปิดแง้มอยู่
มือของโต้งยังคงลูบไล้บริเวณต้นขาของพัชรีอย่างแผ่วเบา แต่ค่อยๆ ขยับเข้าไปใกล้ขอบกระโปรงมากขึ้นเรื่อยๆ ความรู้สึกวาบหวามที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนแล่นแปล๊บไปทั่วท้องน้อยของพัชรี
เปรี๊ยง! จู่ๆ ฟ้าก็ผ่าลงมาอย่างรุนแรง แสงสว่างวาบขึ้นชั่วครู่ ก่อนที่เสียงคำรามกึกก้องจะดังสนั่น พัชรีสะดุ้งเฮือก รีบลุกขึ้นยืนอย่างตกใจ
โต้งรีบลุกตามด้วยท่าทางตกใจเช่นกัน เขามองหน้าพัชรีด้วยความกังวลและสำนึกผิด
"คุณนายครับ... ผมขอโทษครับ... ผมไม่ได้ตั้งใจ..." โต้งพูดด้วยเสียงที่สั่นเล็กน้อย
พัชรีรีบก้าวถอยหลังเล็กน้อย หัวใจของเธอยังคงเต้นแรง เธอพยายามควบคุมลมหายใจและรวบรวมสติ
"ไม่เป็นไรค่ะ... โต้ง... แค่ตกใจเสียงฟ้าน่ะค่ะ" พัชรีตอบด้วยเสียงที่แผ่วเบา แต่สายตาของเธอกลับจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของยามหนุ่ม
"แต่ว่า..." โต้งยังคงมองเธอด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
"อย่าให้ใครเห็นอีกนะคะ... โต้ง" พัชรีพูดเสียงต่ำ แต่หนักแน่น ก่อนจะหันหลังเดินไปยังประตู
ในขณะนั้นเอง เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กๆ ก็ดังใกล้เข้ามา น้องพีทและน้องพลอยวิ่งกางร่มเข้ามาในป้อมยามด้วยรอยยิ้มสดใส
"แม่ขา! ทำไมแม่มานั่งอยู่ในนี้ล่ะคะ?" น้องพลอยถามด้วยความสงสัย
พัชรีรีบยิ้มให้ลูกๆ กางร่มออก แล้วจูงมือลูกๆ เดินขึ้นรถเก๋งคันหรูที่จอดรออยู่หน้าโรงเรียนอย่างรวดเร็ว... ทิ้งไว้เพียงโต้งที่ยืนมองตามหลังรถของเธอ
หลายวันต่อมา พัชรีบังเอิญเจอโต้งที่ตลาดสดใกล้บ้าน เธอมาซื้อของสดสำหรับทำอาหารเย็น และเห็นโต้งกำลังเลือกซื้อผักอยู่แผงข้างๆ ทั้งสองคนทักทายกันด้วยความดีใจ โต้งบอกว่าเขาเช่าห้องพักเล็กๆ อยู่คนเดียวหลังตลาด ไม่ไกลจากบ้านของพัชรีมากนัก พัชรีจึงขอแลกเบอร์กับโต้งไว้เผื่อจะฝากเขาซื้ออะไรที่ตลาดสดตอนเช้ามืด เพราะปกติเธอจะมาตอนรุ่งสางจึงทำให้ซื้อวัตถุดับสดๆบางอย่างไม่ทันคนอื่น
จากนั้น ชีวิตของพัชรีก็ดำเนินไปตามปกติ เธอวุ่นวายกับการดูแลลูกๆ และสามี แต่ความรู้สึกบางอย่างที่เคยเกิดขึ้นในป้อมยามวันฝนตก กลับยังคงวนเวียนอยู่ในความคิดของเธอเป็นครั้งคราว รอยยิ้มอบอุ่นและแววตาห่วงใยของเด็กหนุ่มรุ่นน้องยังคงติดตรึงอยู่ในความทรงจำ เขาใสซื่อและดูแข็งแรง อาจดูไม่ทะนคนด้วยซ้ำแต่คนแบบนี้ยิ่งไม่มีพิษไม่มีภัย ไม่เคยคิดร้ายใครอย่างแน่นอน
กระทั่งคืนหนึ่ง คุณภัทรกลับมาจากเลี้ยงฉลองกับลูกค้าในสภาพที่เมามาย เขาเริ่มพูดจาเสียงดัง ชวนพัชรีทะเลาะเรื่องเก่าๆ ซ้ำซากตามประสาคนเมา ปกติเวลาสามีเมา พัชรีจะเงียบและอดทน แต่คืนนั้น ความเหนื่อยล้าและความอัดอั้นตันใจทำให้เธอเผลอเถียงสู้
"ทำไมคุณถึงเป็นแบบนี้ภัทร! ทำไมต้องขุดเรื่องเก่าๆ มาทะเลาะกันทุกที!" เสียงของพัชรีสั่นเครือด้วยความน้อยใจ
คุณภัทรไม่ฟังเสียง เธอเงื้อมือขึ้นตบหน้าพัชรีอย่างแรงจนร่างของเธอล้มเซไป รอยชาและร้อนผ่าวแล่นแปล๊บไปทั่วแก้ม พัชรีร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวดทั้งกายและใจ เธอรีบลุกขึ้นคว้ากุญแจรถ ขับรถออกจากบ้านทั้งน้ำตานองหน้า
จุดหมายปลายทางของพัชรีคือหอพักเล็กๆ หลังตลาดที่โต้งเคยบอกไว้ เธอขับรถมาจอดหน้าหอพักด้วยใจที่สั่นเทา โทรหาโต้งก่อนจะเดินขึ้นบันไดไปยังห้องเช่าเล็กๆ ที่มีแสงไฟลอดออกมา
โต้งเปิดประตูต้อนรับพัชรีด้วยความตกใจเมื่อเห็นสภาพเธอ "คุณนายครับ! เกิดอะไรขึ้นครับ?" เสียงของเขาเต็มไปด้วยความกังวล
พัชรีทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้อย่างหมดแรง ปล่อยโฮออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ โต้งรีบคุกเข่าลงตรงหน้าเธออย่างเป็นห่วง เอื้อมมือมาเช็ดน้ำตาบนแก้มขาวๆ ของเธออย่างแผ่วเบา ก่อนจะค่อยๆ เลื่อนขุ้นมายืนย่อตัว ก้มหน้าลงมาเลียกินหยดน้ำตาที่เปรอะเปื้อนแก้มของคุณนายอย่างอ่อนโยน
"คุณนายครับ... บอกผมมาเถอะครับ เกิดอะไรขึ้น?" โต้งกระซิบเสียงทุ้มต่ำ
พัชรีเงยหน้าสบตากับเขา ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความอ่อนแอและความว้าเหว่
"ฉัน... ฉันทะเลาะกับคุณภัทร..." พัชรีสะอื้นไห้
โต้งโอบกอดพัชรีอย่างเบามือ ปลอบโยนเธอด้วยคำพูดที่แสนอบอุ่น เขาเช็ดน้ำตาให้เธออีกครั้ง ก่อนจะจ้องมองเธอด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่เธอสัมผัสได้
"คุณนายครับ... ผม... ผมชอบคุณนายนะครับ... ตั้งแต่แรกเจอ..." โต้งสารภาพรักด้วยเสียงที่สั่นเล็กน้อย
พัชรีนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ มองหน้าโต้งด้วยความตกใจและความสับสน ก่อนที่ความรู้สึกบางอย่างที่เธอพยายามกดไว้จะเริ่มปะทุขึ้นมา
โต้งค่อยๆ เอื้อมมือมาสัมผัสชายเสื้อของพัชรีอย่างแผ่วเบา ก่อนจะค่อยๆ เลิกขึ้นช้าๆ เผยให้เห็นผิวเนื้อขาวเนียนบริเวณหน้าท้องของเธอ มือของเขาลูบไล้เบาๆ ก่อนจะค่อยๆ เลื่อนขึ้นมาไซร้ลำคอของพัชรีอย่างแผ่วเบา ลมหายใจอุ่นๆ ของเขาสัมผัสกับผิวเนื้อของเธอ ทำให้ความรู้สึกร้อนวูบวาบแล่นแปล๊บไปทั่วร่างกาย
โต้งค่อยๆ โน้มใบหน้าลงมาใกล้ริมฝีปากของพัชรี จูบเธออย่างแผ่วเบา มันเป็นจูบที่เริ่มต้นด้วยความอ่อนโยน แต่ค่อยๆ ทวีความเร่าร้อนและลุ่มลึกขึ้นเรื่อยๆ อื้ม! อือ! ๆ คุณนายสาวเงยหน้าจูบตอบอย่างปลดปล่อย เอาสองมือกอดคล้องลำคอหนาและนั่งยืดอกแอ่น
โต้งค่อยๆ ช้อนร่างที่สั่นเทาของพัชรีขึ้นจากเก้าอี้อย่างเบามือ อุ้มเธอไปยังเตียงเหล็กสี่ฟุตเล็กๆ ที่ตั้งชิดผนังห้องเช่า เขาวางเธอนอนหงายแผ่หราอย่างทะนุถนอม แสงไฟสีขาวนวลจากหลอดไฟเพดานส่องกระทบร่างอิ่มอวบซ่อนรูปที่ขาวโพลนของเธออย่างชัดเจน ดวงตาคมของโต้งจับจ้องไปที่เรือนร่างนั้นอย่างตาค้าง ราวกับต้องมนต์สะกด
เขาค่อยๆ ถอดเสื้อยืดตัวเก่าของตัวเองโยนลงพื้น เผยให้เห็นแผงอกกว้างและมัดกล้ามเนื้อที่แข็งแรงตามประสาหนุ่มใช้แรง โต้งคลานขึ้นมาบนเตียงอย่างช้าๆ เข้าใกล้ร่างที่นอนสั่นเทาของพัชรี มือของเขาค่อยๆ จับเรียวขาสองข้างของเธอให้ถ่างอ้าออกอย่างเบามือ ก่อนที่ใบหน้าคมสันของเขาจะค่อยๆ โน้มต่ำลงไปยังหว่างขาที่ปิดสนิท
ริมฝีปากอุ่นชื้นของโต้งสัมผัสกับกลีบเนื้ออ่อนนุ่มของพัชรีอย่างแผ่วเบา ก่อนที่ลิ้นร้อนของเขาจะค่อยๆ สอดแทรกเข้าไปด้านในอย่างช้าๆ ความรู้สึกวาบหวามที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนแล่นแปล๊บไปทั่วท้องน้อยของพัชรี
"อร๊ะ! ๆ โอ๊ย!" พัชรีสะดุ้งเฮือก เผลอร้องครางเรียกชื่อยามหนุ่มออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ร่างกายของเธอนอนสัดส่ายเอวไปมาอย่างควบคุมไม่ได้ สองมือของเธอคว้าจับเรือนผมรองทรงสั้นสีดำของโต้งไว้แน่น กดศีรษะของเขาให้แนบชิดกับหว่างขาของเธอมากยิ่งขึ้น บั้นท้ายของเธอแอ่นสู้ เคลื่อนไหวร่อนร่องสวาทบดเบียดใบหน้าของโต้งจนแดงช้ำคาหว่างขา
โกนัมจุนคือคนดีที่ตายแล้วได้เกิดเป็นยมฑูต มีหน้าที่สังหารคนเลวที่ถึงคราวต้องตายเพื่อเอาวิญญาณมันไปลงโทษในนรก และรับวิญญาณคนดีที่เสียชีวิตเพื่อส่งขึ้นสวรรค์ เขามีพี่เลี้ยงยมฑูตรุ่นพี่ชื่อเด็กหญิงจีวอน เธอเป็นเด็กแปดขวบมาร้อยปีแล้วและไม่โตขึ้นอีกเลย
รวมเรื่องสวิงกิ้งจากสาวๆและสามีหลายๆท่าน มีหลายตอน หลายเหตุการณ์ สัมผัสถึงรสชาติสัมพันธ์แบบแปลกใหม่ นอกกายแต่ไม่นอกใจ
เรื่องราวของนดา สาวสวยทายาทตระกูลดังที่เพิ่งแต่งงานใหม่ เธอมีความทรงจำในอดีตที่ยากเกินจะลืมเลือน ชอบการหลับนอนกับคนที่ไม่รู้จักแม้ชื่อ ยินยอมให้ชายที่ไม่ใช่สามีมอบความซาดิสม์และรุนแรงให้กับตัวเอง สามีก็ดันเป็นใจหาผู้ชายเถื่อนๆมาให้เธออีกด้วย
รวมเรื่องเล่าประสบการณ์แอบมีชู้ นอกใจคนรัก ร้อนแรง ผิดบาป ncทุกตอน มีหลายเรื่องราว
เรื่องราวของเอมิ ภรรยาสาวสวยของหนุ่มออฟฟิศที่เปิดร้านกาแฟเล็กๆอยู่หน้าบ้าน วันนึงเธอเกิดใจอ่อนกำสารวัตรหนุ่มที่เข้ามาจีบ ยิ่งสามีเย็นชากับเธอยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ลับของเธอกับชายชู้ประทุขึ้นจนหยุดความใคร่เอาไว้ไม่ได้อีกต่อไป
นางเอกถูกสามีนอกใจแต่กลับแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น เธอยอมเป็นเมียโง่เพื่อที่ได้แอบกินตับกับพ่อผัว ลูกเลี้ยง หลานชาย และคนสวนในบ้าน สรุปแล้วเธอเสียสามีไปแค่คนเดียว แต่กลับได้ชู้ในบ้านเพิ่มเป็นสิบๆคน
ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวของเฉียวซิงเฉินหนีไปกับผู้หญิงอีกคน เธอโกรธมาก จึงสุ่มหาชายคนหนึ่งมาแต่งงานด้วยทันที "ตราบใดที่คุณกล้าแต่งงานกับฉัน ฉันก็ยอมเป็นเมียคุณ" หลังจากแต่งงาน เธอได้ค้นพบว่าสามีของเธอคือลูกชายคนโตของตระกูลลู่ที่ขึ้นชื่อว่าไร้ประโยชน์ ชื่อลู่ถิงเซียว ทุกคนเยาะเย้ยว่า "เธอยนี่ช่วยไม่ได้จริงๆ" และผู้ชายที่ทรยศเธอก็มาเกลี้ยกล่อมว่า "ไม่เห็นต้องทำร้ายตัวเองเพราะฉันหรอก สักวันเธอต้องเสียใจแน่ๆ" เฉียวซิงเฉินหัวเราะเยาะและโต้ตอบว่า "ไปให้พ้น ฉันกับสามีรักกันมาก" ทุกคนต่าก็คิดว่าเธอเป็นบ้า ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวตนที่แท้จริงของลู่ถิงเซียวถูกเปิดเผย ที่แท้เขาเป็นคนรวยอันดับต้นๆในโลก ในการถ่ายทอดสดทั่วโลก ชายคนนี้คุกเข่าข้างเดียว ถือแหวนเพชรมูลค่าหลักพันล้าน และพูดช้าๆ ว่า "คุณภรรยา ชีวิตที่เหลือนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ"
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
"ความรักทำให้คนตาบอด" เซิงเกอละทิ้งชีวิตที่สงบสุขเพื่อแต่งงานกับชายคนนั้น ยินยอมทำตัวเหมือนคนรับใช้ที่ไร้ตัวตนมาสามปีเต็ม แต่ในที่สุดเธอก็ตระหนักว่าความพยายามของเธอ มันไร้ประโยชน์สิ้นดี เพราะในใจของสามีตัวเองมีแต่รักแรกของเขา เซิงเกอรู้สึกผิดหวังอย่างมาก และขอหย่าอย่างเด็ดขาด "ถึงเวลาแล้ว ฉันไม่ปกปิดอีกแล้ว จะบอกความจริงให้" ทันใดนั้น โลกออนไลน์ก็ระเบิดขึ้นทันที มีข่าวลือว่าสาวรวยพันล้านคนหนึ่งหย่าร้างแล้ว ดังนั้น ซีอีโอนับไม่ถ้วนและชายหนุ่มรูปงามต่างรีบเข้าหาเธอเพื่อเอาชนะใจเธอ เฝิงอวี้เหนียนเห็นดังนั้นจึงทนไม่ไหวอีกต่อไปเลยจัดงานแถลงข่าวในวันถัดไป โดยขอร้องอย่างจริงจังว่า: ผมรักเซิงเกอ ขอร้องคุณภรรยากลับบ้านนะ
เสิ่นซือหนิงซ่อนตัวตนไว้ยอมทำทุกอย่างให้ แต่ความจริงใจของเธอกลับถูกสามีทำลายไปหมด และสิ่งที่เธอได้รับนั้นคือข้อตกลงการหย่า ด้วยความผิดหวังเธอจึงหันหลังจากไปและกลายเป็นตัวเองที่แท้จริงอีกครั้ง หลังจากได้เห็นความใกล้ชิดของสามีกับคนรักของเขา เธอก็จากไปด้วยความผิดหวัง จากนั้นเปิดเผยตัวตนที่เป็นนักปรุงน้ำหอมอัจฉริยะระดับนานาชาติ ผู้ก่อตั้งองค์กรข่าวกรองที่มีชื่อเสียง และผู้สืบทอดในโลกแฮ็กเกอร์ อดีตสามีของเธอเลยเสียใจมาก เมื่อเมิ่งซือเฉินรู้ว่าตัวเองทำผิด เขาก็เสียใจมาก หนิง ผมผิดไปแล้ว ให้โอกาสผมอีกครั้งเถอะ ทว่าฮั่วจิ่งชวนขาพิการนั้นกลับลุกขึ้นยืนและจับมือกับเธอว่า "อยากคบกับเธอ นายยังไม่มีค่าพอ"
เมื่อความเสียใจมันทำให้เธออยากลอง!!! "เรามาลอง...กันไหมค่ะ" ประโยคบ้าระห่ำที่ฉันพูดกับคนแปลกหน้าในคืนนั้น ฉันไม่นึกว่ามันจะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของชีวิต... เส้นทางชะตาชีวิตที่เล่นตลก เพราะคำพูดเพียงประโยคเดียว... การโดนทรยศ และ การเจอกันโดยบัญเอิญ จนทำให้เกิดการเดิมพันท้าทายเล่นเกมบ้าๆ กันขึ้นมา โดยที่สาวเจ้าไม่รู้ตัวเลยว่า...มันจะนำพาให้ชีวิตเธอเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล!!! ------------------------------------------------------------------------------------------------ ...เธอจำต้องอยู่ต่อไป หรือ ตายเพื่อชดใช้เวรกรรม...ที่ตัวเองเป็นคนสร้างขึ้น ------------------------------------------------------------------------------------------------ เรื่องย่อ: เอลิซ : หญิงสาวแสนสวยที่แสนซื่อจนถูกคนที่รัก "หักหลัง" จนทำให้ชีวิตของเธอปัดเป๋ และเพียงเพราะเธอแค่ต้องการที่จะประชดชีวิตเท่านั้น แต่การกระทำนั้นก็ดันพาเธอหลงเข้าไปยังเกมสวาทที่เธอเป็นผู้เดิมพัน เซฟ : ชายหนุ่มผู้มั่งคั่งร่ำรวยติดอันดับต้นๆ ของประเทศ เจ้าของธุรกิจทั้งขาวและเทา เบื้องหลังเขาคือมาเฟียอันดับหนึ่ง เขาที่โชคชะตานำพามาให้เจอกับหญิงสาวคนนั้นแถมยังถูกท้าทายจากเกมเดิมพันอันล่อแหลม และมีหรือที่ผู้ชายอย่างเขาจะยอมปฏิเสธ ฝากกดติดตามและเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ ⚠️คำเตือน⚠️ เนื้อเรื่องนี้เหมาะสำหรับคนที่อายุ 18 ปีขึ้นไป มีฉากติดเรท เนื้อหาไม่เหมาะสม ความรุนแรงเพศ และการใช้ภาษา ซึ่งต้องใช้วิจารณญาณในการอ่าน ที่สำคัญเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้แต่งเท่านั้น!!!
เมื่อเซิ่งหนิงเตรียมจะบอกฮั่วหลิ่นเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ของเธอ ทว่ากลับพบเขาช่วยพยุงผู้หญิงอีกคนลงจากรถอย่างเอาใจใส่... เคยคิดว่าตนเองอยู่เคียงข้างฮั่วหลิ่นคอยดูแลเขามาสามปี สักวันหนึ่งเขาจะมาสามารถสร้างความประทับใจให้กับเขา แต่สุดท้ายเป็นตนเองที่คิดเองเออเองไปฝ่ายเดียว เซิ่งหนิงตายใจแล้วจากไป สามปีต่อมา ข้างกายของเธมีผู้ชายอีกคนหนึ่ง และฮั่วหลิ่นเสียใจมาก เจาพูดด้วยความโศกเศร้า "เซิ่งหนิง เรามาแต่งงานกันเถอะ" เซิ่งหนิงยิ้มอย่างเฉยเมย "ขออภัยนะคุณฮั่ว ฉันมีคู่หมั้นแล้ว"