เรื่องสั้นแนวมีชู้ fwb ลับๆ นอกใจ แอบแซ่บ 3p 4p หลายบุคคลหลากเหตุการณ์ จบในตอนสองตอน
เรื่องสั้นแนวมีชู้ fwb ลับๆ นอกใจ แอบแซ่บ 3p 4p หลายบุคคลหลากเหตุการณ์ จบในตอนสองตอน
พัชรีในวัยสามสิบต้นๆ เป็นคุณนายสาวสวยสง่า แต่งงานกับคุณภัทร สามีนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ เธอมีลูกชายหญิงสองคนกำลังน่ารัก น้องพีทเรียนอยู่ชั้นอนุบาลสาม ส่วนน้องพลอยอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่หนึ่ง ทุกวัน พัชรีจะขับรถเก๋งคันหรูไปส่งลูกๆ ที่โรงเรียนเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่งในเมือง และไปรับพวกเขากลับในช่วงเย็น
ระหว่างรอเวลาเลิกเรียนของลูกๆ พัชรีมักจะลงจากรถมานั่งคุยกับโต้ง ยามหนุ่มหน้าตาดีวัยยี่สิบห้าปีที่ประจำอยู่ที่ป้อมยามหน้าโรงเรียน โต้งเป็นหนุ่มบ้านนอกที่เข้ามาทำงานในเมือง เขาเป็นคนผิวขาวสะอาด รูปร่างสูงโปร่ง มีรอยยิ้มที่จริงใจ และนิสัยดีมีน้ำใจ พัชรีรู้สึกเอ็นดูในความใสซื่อและความคิดดีของเขา จึงมักจะอบซื้อของกินเล็กๆ น้อยๆ หรือเครื่องดื่มเย็นๆ มาฝากเขาอยู่เสมอ
ลูกๆ ของพัชรีก็ชอบโต้งมาก เพราะยามหนุ่มใจดี มักจะเล่นกับพวกเขา เล่านิทานให้ฟัง หรือช่วยดูแลพวกเขาในวันที่พัชรีมารับช้าเพราะติดธุระ วันไหนที่ฝนตกหนัก โต้งก็จะกางร่มพาเด็กๆ ไปหลบฝนในป้อมยาม คอยดูแลจนกว่าแม่จะมารับพวกเขา
วันนี้ เป็นอีกวันที่ฝนตกพรำๆ ตั้งแต่ช่วงบ่าย พัชรีรีบมาถึงโรงเรียนเพื่อรับลูกๆ ตามเวลา แต่ระหว่างเดินลงจากรถบนถนนที่เปียกลื่น เธอพลาดท่าลื่นน้ำจนหัวเข่าข้างขวาถลอกเป็นรอยแดง พัชรีนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ รีบลุกขึ้นปัดเนื้อตัว มองหาร่มที่อยู่ในรถ
โต้งเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด เขารีบวิ่งกางร่มมาประคองพัชรีอย่างรวดเร็ว "คุณนายครับ เป็นอะไรมากไหมครับ?" เสียงของเขาเต็มไปด้วยความกังวล
"ไม่เป็นไรค่ะ แค่ลื่นนิดหน่อย" พัชรีตอบยิ้มแหยๆ พยายามซ่อนความเจ็บปวด
"ให้ผมพาคุณนายไปนั่งพักในป้อมยามก่อนนะครับ เดี๋ยวผมทำแผลให้" โต้งเสนอด้วยความเป็นห่วง
พัชรีลังเลเพียงเล็กน้อย แต่ความเจ็บที่หัวเข่าก็ทำให้เธอตัดสินใจพยักหน้า เธอเดินกระโผลกกระเผลกตามโต้งไปยังป้อมยามหลังเล็กที่ตั้งอยู่ริมรั้วโรงเรียน
ภายในป้อมยามมีเพียงเก้าอี้ไม้ตัวเก่าๆ หนึ่งตัว โต๊ะเล็กๆ และอุปกรณ์รักษาความปลอดภัย โต้งเชื้อเชิญให้พัชรีนั่งลงบนเก้าอี้อย่างสุภาพ
"เดี๋ยวผมไปเอายามาทำแผลให้นะครับคุณนาย" โต้งรีบเดินไปยังมุมหนึ่งของป้อมยาม หยิบกล่องปฐมพยาบาลออกมา
พัชรีนั่งลงบนเก้าอี้ มองโต้งที่คุกเข่าลงตรงหน้าเธออย่างเกรงใจ เขาเปิดกล่องปฐมพยาบาล หยิบสำลีและขวดแอลกอฮอล์ออกมาอย่างชำนาญ
"เจ็บหน่อยนะครับคุณนาย" โต้งกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน ก่อนจะค่อยๆ ใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์เช็ดทำความสะอาดบาดแผลที่หัวเข่าของพัชรีอย่างเบามือ
พัชรีนิ่วหน้าเล็กน้อยกับความแสบร้อนของแอลกอฮอล์ โต้งเงยหน้ามองเธอด้วยความเป็นห่วง
"ทนหน่อยนะครับคุณนาย ใกล้เสร็จแล้ว" โต้งกล่าว ก่อนจะค่อยๆ ลูบไล้น่อง ขาขาวๆ ของพัชรีอย่างแผ่วเบา ราวกับต้องการปลอบโยนความเจ็บปวดของเธอ มือของเขาค่อยๆ เลื่อนสูงขึ้นอย่างไม่ตั้งใจ สัมผัสกับเนื้อผ้ากระโปรงที่เริ่มเปิดขึ้นเล็กน้อย
โต้งยังคงคุกเข่าตรงหน้าพัชรี มือของเขาลูบไล้บริเวณน่องขาขาวๆ ของเธออย่างแผ่วเบา ความร้อนจากฝ่ามือของเขาแล่นแปล๊บผ่านเนื้อผ้ากระโปรงบางๆ ทำให้พัชรีรู้สึกถึงความผิดปกติที่เพิ่มมากขึ้น
ภายนอกป้อมยาม สายฝนยังคงกระหน่ำลงมาอย่างหนัก เสียงเม็ดฝนกระทบหลังคาสังกะสีดังซู่ซ่า ลมพัดแรงหวีดหวิว ลอดช่องประตูไม้เก่าๆ เข้ามาปะทะร่างของพัชรีจนรู้สึกเย็นเยียบ เธอจามออกมาเบาๆ ด้วยความหนาว
"คุณนายหนาวไหมครับ?" โต้งเงยหน้าขึ้นมองพัชรีด้วยความเป็นห่วง ดวงตาคมของเขาจับจ้องมาที่เธออย่างอ่อนโยน
พัชรีพยักหน้าเบาๆ "นิดหน่อยค่ะ"
โต้งค่อยๆ เลื่อนมือจากน่องขึ้นมาสัมผัสบริเวณเข่าที่ถลอกของพัชรีอย่างเบามือ ปลายนิ้วของเขาสัมผัสบาดแผลอย่างระมัดระวัง ทำให้พัชรีรู้สึกถึงความเจ็บแปลบเล็กน้อย
"เจ็บมากไหมครับ?" โต้งถามด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล
"ไม่เท่าไหร่ค่ะ" พัชรีตอบเสียงแผ่ว แต่ในใจกลับรู้สึกถึงความตึงเปรี๊ยะบางอย่างที่เริ่มก่อตัวขึ้น
โต้งยังคงคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเธอ มือของเขายังคงลูบไล้บริเวณขาของพัชรีอย่างแผ่วเบา แต่ค่อยๆ เลื่อนสูงขึ้นอย่างช้าๆ สัมผัสที่อบอุ่นจากฝ่ามือของเขาตัดกับความเย็นเยียบจากลมฝน ทำให้พัชรีรู้สึกถึงความขัดแย้งในความรู้สึก
มือของโต้งค่อยๆ เลื่อนสูงขึ้นเรื่อยๆ จนสัมผัสกับเนื้อผ้ากระโปรงบริเวณต้นขาของพัชรี เธอรู้สึกถึงความร้อนผ่าวที่แก้ม หัวใจเริ่มเต้นแรงขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้
"คุณนายครับ..." โต้งกระซิบเสียงแหบพร่า ดวงตาของเขาจับจ้องมาที่ดวงตาของพัชรีอย่างสื่อความหมาย
พัชรีกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เธอไม่รู้ว่าจะพูดอะไร ดวงตาของเธอลอกแลกไปมา มองโต้งสลับกับประตูที่เปิดแง้มอยู่
มือของโต้งยังคงลูบไล้บริเวณต้นขาของพัชรีอย่างแผ่วเบา แต่ค่อยๆ ขยับเข้าไปใกล้ขอบกระโปรงมากขึ้นเรื่อยๆ ความรู้สึกวาบหวามที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนแล่นแปล๊บไปทั่วท้องน้อยของพัชรี
เปรี๊ยง! จู่ๆ ฟ้าก็ผ่าลงมาอย่างรุนแรง แสงสว่างวาบขึ้นชั่วครู่ ก่อนที่เสียงคำรามกึกก้องจะดังสนั่น พัชรีสะดุ้งเฮือก รีบลุกขึ้นยืนอย่างตกใจ
โต้งรีบลุกตามด้วยท่าทางตกใจเช่นกัน เขามองหน้าพัชรีด้วยความกังวลและสำนึกผิด
"คุณนายครับ... ผมขอโทษครับ... ผมไม่ได้ตั้งใจ..." โต้งพูดด้วยเสียงที่สั่นเล็กน้อย
พัชรีรีบก้าวถอยหลังเล็กน้อย หัวใจของเธอยังคงเต้นแรง เธอพยายามควบคุมลมหายใจและรวบรวมสติ
"ไม่เป็นไรค่ะ... โต้ง... แค่ตกใจเสียงฟ้าน่ะค่ะ" พัชรีตอบด้วยเสียงที่แผ่วเบา แต่สายตาของเธอกลับจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของยามหนุ่ม
"แต่ว่า..." โต้งยังคงมองเธอด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
"อย่าให้ใครเห็นอีกนะคะ... โต้ง" พัชรีพูดเสียงต่ำ แต่หนักแน่น ก่อนจะหันหลังเดินไปยังประตู
ในขณะนั้นเอง เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กๆ ก็ดังใกล้เข้ามา น้องพีทและน้องพลอยวิ่งกางร่มเข้ามาในป้อมยามด้วยรอยยิ้มสดใส
"แม่ขา! ทำไมแม่มานั่งอยู่ในนี้ล่ะคะ?" น้องพลอยถามด้วยความสงสัย
พัชรีรีบยิ้มให้ลูกๆ กางร่มออก แล้วจูงมือลูกๆ เดินขึ้นรถเก๋งคันหรูที่จอดรออยู่หน้าโรงเรียนอย่างรวดเร็ว... ทิ้งไว้เพียงโต้งที่ยืนมองตามหลังรถของเธอ
หลายวันต่อมา พัชรีบังเอิญเจอโต้งที่ตลาดสดใกล้บ้าน เธอมาซื้อของสดสำหรับทำอาหารเย็น และเห็นโต้งกำลังเลือกซื้อผักอยู่แผงข้างๆ ทั้งสองคนทักทายกันด้วยความดีใจ โต้งบอกว่าเขาเช่าห้องพักเล็กๆ อยู่คนเดียวหลังตลาด ไม่ไกลจากบ้านของพัชรีมากนัก พัชรีจึงขอแลกเบอร์กับโต้งไว้เผื่อจะฝากเขาซื้ออะไรที่ตลาดสดตอนเช้ามืด เพราะปกติเธอจะมาตอนรุ่งสางจึงทำให้ซื้อวัตถุดับสดๆบางอย่างไม่ทันคนอื่น
จากนั้น ชีวิตของพัชรีก็ดำเนินไปตามปกติ เธอวุ่นวายกับการดูแลลูกๆ และสามี แต่ความรู้สึกบางอย่างที่เคยเกิดขึ้นในป้อมยามวันฝนตก กลับยังคงวนเวียนอยู่ในความคิดของเธอเป็นครั้งคราว รอยยิ้มอบอุ่นและแววตาห่วงใยของเด็กหนุ่มรุ่นน้องยังคงติดตรึงอยู่ในความทรงจำ เขาใสซื่อและดูแข็งแรง อาจดูไม่ทะนคนด้วยซ้ำแต่คนแบบนี้ยิ่งไม่มีพิษไม่มีภัย ไม่เคยคิดร้ายใครอย่างแน่นอน
กระทั่งคืนหนึ่ง คุณภัทรกลับมาจากเลี้ยงฉลองกับลูกค้าในสภาพที่เมามาย เขาเริ่มพูดจาเสียงดัง ชวนพัชรีทะเลาะเรื่องเก่าๆ ซ้ำซากตามประสาคนเมา ปกติเวลาสามีเมา พัชรีจะเงียบและอดทน แต่คืนนั้น ความเหนื่อยล้าและความอัดอั้นตันใจทำให้เธอเผลอเถียงสู้
"ทำไมคุณถึงเป็นแบบนี้ภัทร! ทำไมต้องขุดเรื่องเก่าๆ มาทะเลาะกันทุกที!" เสียงของพัชรีสั่นเครือด้วยความน้อยใจ
คุณภัทรไม่ฟังเสียง เธอเงื้อมือขึ้นตบหน้าพัชรีอย่างแรงจนร่างของเธอล้มเซไป รอยชาและร้อนผ่าวแล่นแปล๊บไปทั่วแก้ม พัชรีร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวดทั้งกายและใจ เธอรีบลุกขึ้นคว้ากุญแจรถ ขับรถออกจากบ้านทั้งน้ำตานองหน้า
จุดหมายปลายทางของพัชรีคือหอพักเล็กๆ หลังตลาดที่โต้งเคยบอกไว้ เธอขับรถมาจอดหน้าหอพักด้วยใจที่สั่นเทา โทรหาโต้งก่อนจะเดินขึ้นบันไดไปยังห้องเช่าเล็กๆ ที่มีแสงไฟลอดออกมา
โต้งเปิดประตูต้อนรับพัชรีด้วยความตกใจเมื่อเห็นสภาพเธอ "คุณนายครับ! เกิดอะไรขึ้นครับ?" เสียงของเขาเต็มไปด้วยความกังวล
พัชรีทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้อย่างหมดแรง ปล่อยโฮออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ โต้งรีบคุกเข่าลงตรงหน้าเธออย่างเป็นห่วง เอื้อมมือมาเช็ดน้ำตาบนแก้มขาวๆ ของเธออย่างแผ่วเบา ก่อนจะค่อยๆ เลื่อนขุ้นมายืนย่อตัว ก้มหน้าลงมาเลียกินหยดน้ำตาที่เปรอะเปื้อนแก้มของคุณนายอย่างอ่อนโยน
"คุณนายครับ... บอกผมมาเถอะครับ เกิดอะไรขึ้น?" โต้งกระซิบเสียงทุ้มต่ำ
พัชรีเงยหน้าสบตากับเขา ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความอ่อนแอและความว้าเหว่
"ฉัน... ฉันทะเลาะกับคุณภัทร..." พัชรีสะอื้นไห้
โต้งโอบกอดพัชรีอย่างเบามือ ปลอบโยนเธอด้วยคำพูดที่แสนอบอุ่น เขาเช็ดน้ำตาให้เธออีกครั้ง ก่อนจะจ้องมองเธอด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่เธอสัมผัสได้
"คุณนายครับ... ผม... ผมชอบคุณนายนะครับ... ตั้งแต่แรกเจอ..." โต้งสารภาพรักด้วยเสียงที่สั่นเล็กน้อย
พัชรีนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ มองหน้าโต้งด้วยความตกใจและความสับสน ก่อนที่ความรู้สึกบางอย่างที่เธอพยายามกดไว้จะเริ่มปะทุขึ้นมา
โต้งค่อยๆ เอื้อมมือมาสัมผัสชายเสื้อของพัชรีอย่างแผ่วเบา ก่อนจะค่อยๆ เลิกขึ้นช้าๆ เผยให้เห็นผิวเนื้อขาวเนียนบริเวณหน้าท้องของเธอ มือของเขาลูบไล้เบาๆ ก่อนจะค่อยๆ เลื่อนขึ้นมาไซร้ลำคอของพัชรีอย่างแผ่วเบา ลมหายใจอุ่นๆ ของเขาสัมผัสกับผิวเนื้อของเธอ ทำให้ความรู้สึกร้อนวูบวาบแล่นแปล๊บไปทั่วร่างกาย
โต้งค่อยๆ โน้มใบหน้าลงมาใกล้ริมฝีปากของพัชรี จูบเธออย่างแผ่วเบา มันเป็นจูบที่เริ่มต้นด้วยความอ่อนโยน แต่ค่อยๆ ทวีความเร่าร้อนและลุ่มลึกขึ้นเรื่อยๆ อื้ม! อือ! ๆ คุณนายสาวเงยหน้าจูบตอบอย่างปลดปล่อย เอาสองมือกอดคล้องลำคอหนาและนั่งยืดอกแอ่น
โต้งค่อยๆ ช้อนร่างที่สั่นเทาของพัชรีขึ้นจากเก้าอี้อย่างเบามือ อุ้มเธอไปยังเตียงเหล็กสี่ฟุตเล็กๆ ที่ตั้งชิดผนังห้องเช่า เขาวางเธอนอนหงายแผ่หราอย่างทะนุถนอม แสงไฟสีขาวนวลจากหลอดไฟเพดานส่องกระทบร่างอิ่มอวบซ่อนรูปที่ขาวโพลนของเธออย่างชัดเจน ดวงตาคมของโต้งจับจ้องไปที่เรือนร่างนั้นอย่างตาค้าง ราวกับต้องมนต์สะกด
เขาค่อยๆ ถอดเสื้อยืดตัวเก่าของตัวเองโยนลงพื้น เผยให้เห็นแผงอกกว้างและมัดกล้ามเนื้อที่แข็งแรงตามประสาหนุ่มใช้แรง โต้งคลานขึ้นมาบนเตียงอย่างช้าๆ เข้าใกล้ร่างที่นอนสั่นเทาของพัชรี มือของเขาค่อยๆ จับเรียวขาสองข้างของเธอให้ถ่างอ้าออกอย่างเบามือ ก่อนที่ใบหน้าคมสันของเขาจะค่อยๆ โน้มต่ำลงไปยังหว่างขาที่ปิดสนิท
ริมฝีปากอุ่นชื้นของโต้งสัมผัสกับกลีบเนื้ออ่อนนุ่มของพัชรีอย่างแผ่วเบา ก่อนที่ลิ้นร้อนของเขาจะค่อยๆ สอดแทรกเข้าไปด้านในอย่างช้าๆ ความรู้สึกวาบหวามที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนแล่นแปล๊บไปทั่วท้องน้อยของพัชรี
"อร๊ะ! ๆ โอ๊ย!" พัชรีสะดุ้งเฮือก เผลอร้องครางเรียกชื่อยามหนุ่มออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ร่างกายของเธอนอนสัดส่ายเอวไปมาอย่างควบคุมไม่ได้ สองมือของเธอคว้าจับเรือนผมรองทรงสั้นสีดำของโต้งไว้แน่น กดศีรษะของเขาให้แนบชิดกับหว่างขาของเธอมากยิ่งขึ้น บั้นท้ายของเธอแอ่นสู้ เคลื่อนไหวร่อนร่องสวาทบดเบียดใบหน้าของโต้งจนแดงช้ำคาหว่างขา
แนวทาสสวาท ล่อลวง เปิดซิง รุนแรง ซาดิสม์ หลอกเอา คนสวน รุมคุณหนู nc 3p
นิยายอีโรติก แนวเรื่องจริง นอกใจ มีชู้ เผลอใจ ไม่ตั้งใจ nc 18+ รวมเรื่องสั้นแนวนอกใจ นอกกาย สายบาป เป็นเรื่องแต่งเสริมเรื่องจริง สั้นๆจบในตอน มีหลายแนว หลายเหตุการณ์ สำหรับผู้ใหญ่ อายุ18ปีขึ้นไป
นิยายผู้ใหญ่ แนวฮาเร็มชาย นางเอกเป็นคุณหนูวัย18ปี เธอชอบยั่วคนสวน คนขับรถ ใจแตก มั่วสวาท nc 18+
ในยุคก่อนสงครามโลก ยังมีการค้าทาส ในดินแดนแถบเอเชียที่ไม่ระบุชื่อและสถานที่ตั้ง มีปราสาทแห่งหนึ่งตั้งตะหง่านอยู่ริมหน้าผาบนเขาสูง เจ้าปราสาทคือสามีนางเอก เขาเป็นขุนนางชั้นสูง เขาชอบซื้อทาสชายหลากเชื้อชาติมาเลี้ยง ใช้งานพวกเขาหนัก และมักจะให้นางเอกมีอะไรกับคนแปลกหน้าพวกนั้นเพื่อให้เขานั่งดูอย่างมีอารมณ์
นางเอกแต่งงานกับสามีแก่ เขาเป็นเสี่ยเจ้าของร้านทองที่รวยมาก ทว่านกเขากลับไม่ขันและอ่อนปวกเปียก นานๆจะมีเซ็กกับเมียรัก เดือนละครั้งสองครั้ง นางเอกทนความอยากไม่ไหวแต่ก็ไม่อยากมีชู้ ไม่อยากนอกใจสามี เธอจึงแอบมีอะไรกับเจ้าแสนรักที่เลี้ยงไว้ในบ้าน
รวมเรื่องสวิงกิ้งจากสาวๆและสามีหลายๆท่าน มีหลายตอน หลายเหตุการณ์ สัมผัสถึงรสชาติสัมพันธ์แบบแปลกใหม่ นอกกายแต่ไม่นอกใจ
หลังจากที่แต่งงานเข้ามาในตระกูลมู่ หลินซีได้ทำหน้าที่เป็นคุณนายมู่ที่ยอมอดทนกับทุกอย่างโดยไม่ปริปากเป็นเวลาสามปี เธอรักมู่จิ่วเซียว จึงยอมอดทนดูแลเขาอย่างเต็มใจ แม้ว่าเขาจะมีคนอื่นอยู่ข้างนอกก็ตามแต่เขากลับไม่เคยเห็นค่าของเธอ เหยียบย่ำความรักของเธอให้แหลกสลาย และถึงขั้นปล่อยให้น้องสาวของเขามอมเหล้าเธอแล้วส่งไปยังเตียงของลูกค้า หลินซีนั้นถึงเพิ่งจะตาสว่างเมื่อรู้ว่าความรักที่มีมานานนั้นช่างน่าขันและน่าเศร้าในใจของเขา เธอไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เข้ามาเกาะเขา เธอจึงทิ้งข้อตกลงการหย่าไว้แล้วจากไปโดยไม่ลังเล มู่จิ่วเซียวมองดูเธอประสบความสำเร็จ กลายเป็นดวงดาวที่ส่องแสงในสายตาของผู้คนเมื่อได้เจอกันอีกครั้ง เธอเต็มไปด้วยความมั่นใจและสงบเสงี่ยม โดยมีผู้ชายที่มีฐานะสูงส่งอยู่เคียงข้าง มู่จิ่วเซียวมองดูใบหน้าของคู่แข่งหัวใจที่ดูคล้ายกับของเขามาก จากนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าในสายตาเธอ เขาเป็นเพียงตัวแทนของคนอื่นในมุมแห่งหนึ่ง เขาขวางทางเธอไว้ “หลินซี คุณเล่นตลกกับผมใช่ไหม”
ครั้งที่เก้าสิบเก้าที่ ‘เจต’ ทำให้ฉันใจสลาย คือครั้งสุดท้ายของเรา เราสองคนเคยเป็นคู่รักดาวเด่นของโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ รัชดา อนาคตของเราถูกวางแผนไว้อย่างสวยหรูว่าจะเข้าเรียนที่จุฬาฯ ด้วยกัน แต่แล้วในช่วงปีสุดท้ายของม.ปลาย เขากลับไปหลงรักผู้หญิงคนใหม่ที่ชื่อ ‘แคท’ เรื่องราวความรักของเรากลายเป็นละครน้ำเน่าราคาถูกที่น่าเบื่อหน่าย เต็มไปด้วยการทรยศของเขาและการขู่ว่าจะเลิกอย่างไร้ความหมายของฉัน ในงานเลี้ยงจบการศึกษา แคท ‘บังเอิญ’ ดึงฉันตกลงไปในสระว่ายน้ำกับเธอ เจตกระโดดลงไปช่วยโดยไม่ลังเลแม้แต่วินาทีเดียว เขากลับว่ายผ่านฉันที่กำลังตะเกียกตะกายเอาชีวิตรอดไปอย่างไม่ใยดี แล้วโอบแขนรอบตัวแคทก่อนจะพาเธอขึ้นจากสระอย่างปลอดภัย ขณะที่เขาช่วยพยุงเธอขึ้นจากสระ ท่ามกลางเสียงเชียร์ของเพื่อนๆ เขาหันกลับมามองฉันที่ตัวสั่นเทา มาสคาร่าไหลเป็นทางสีดำอาบแก้ม “ชีวิตเธอ ไม่ใช่ปัญหาของฉันอีกต่อไป” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาเหมือนน้ำในสระที่ฉันกำลังจะจมดิ่งลงไป คืนนั้นเอง บางสิ่งในตัวฉันก็แตกสลายลงอย่างสมบูรณ์ ฉันกลับบ้าน เปิดโน้ตบุ๊ก และคลิกปุ่มยืนยันสิทธิ์เข้าศึกษาต่อ ไม่ใช่ที่จุฬาฯ กับเขา แต่เป็นมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ คนละฟากฝั่งของกรุงเทพฯ
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
นั่งรีวิวนิยายอยู่ดีๆ จ้าวลี่หลินก็ทะลุมิติมาเกิดใหม่เป็นนางร้ายในนิยายตรงหน้า สวรรค์ข้าเพียงด่านางร้ายผู้นี้ไปสองสามประโยคเท่านั้น เหตุใดต้องกลั่นแกล้งกันถึงเพียงนี้ แล้วสามีผู้นี้มิใช่ว่าเขาคือแม่ทัพผู้เก่งกาจหรือไร เกิดอะไรขึ้นจึงได้มาเป็นชาวสวนแบบนี้ แต่ถึงจะถูกไล่ออกมาเป็นชาวสวนแล้วอย่างไร ไม่ได้เป็นขุนนางก็เป็นคนร่ำรวยได้ มีเงินย่อมมีอำนาจมิใช่หรือ แต่หากอยากกลับไปยิ่งใหญ่อีกครั้งก็ต้องฟังภรรยาอย่างข้า สามี...อยากรวยต้องช่วยข้าทำสวน
เพราะเพื่อน..เธอจึงต้องทำอะไรลับๆ ล่อๆ เป็นเหตุให้เขาเข้าใจผิดคิดว่าเธอแอบชอบ ในขณะเดียวกัน เธอเองก็คิดว่าเขาเป็นเกย์ เพราะสถานการณ์บางอย่างเช่นกัน แล้วความวุ่นวายก็บังเกิด เมื่อเธอดัน…หลงรักเกย์ ‘ฮื่อ! เป็นเกย์นะเว้ยไม่ได้เป็นหวัด รักษาวันเดียวจะหายได้ไง สู้ต่อไปศิศิรา ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น อย่างน้อยตอนนี้เขาก็ยังไม่มีผัวเป็นตัวเป็นตน เพราะงั้นฉันก็ยังมีหวัง เฮ้อ! อย่างมากก็แค่ผิดหวังล่ะน่า’ ***“สาบานได้ว่าครั้งนี้ผมจะไม่หยุด จนกว่าเรา…จะเป็นของกันและกัน” เขาบอกก่อนจะผละลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ขณะที่สองมือค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อ สองตาก็ยังไม่ยอมเลื่อนไปจากเรือนร่างขาวโพลนตรงหน้า และไอ้สายตาคมกล้าประหนึ่งเสือรอตะครุบเหยื่อของเขาก็ทำให้เธอหนาวๆ ร้อนๆ บอกไม่ถูก “ไม่! เราพวกเดียวกัน เรากินกันไม่ได้” เธอพยายามเตือนสติ เพราะคิดว่าเขาอาจจะกำลังขาดสติ “แต่ผมเคยกินคุณแล้ว แล้วผมก็ชอบกินคุณ” เขาพูดพลางหลุบตามองไปที่แพนตี้ของเธอ ทำเอาเจ้าของแพนตี้ทำตาโต ไม่แน่ใจในคำว่ากินของเขา ที่สำคัญ…กะๆ กินอะไร “มะหมายความว่าไง”
เจน ไอไออายุยี่สิบปี ถึงเพิ่งรู้เป็นครั้งแรกว่าแท้จริงแล้วตัวเองคือคุณหนูตระกูลมหาเศรษฐี แต่ยังไม่ทันดีใจได้นาน ก็ได้รู้ว่าพ่อแม่แท้ ๆ จะให้เธอไปแต่งงานแทนคุณหนูตัวปลอมคนนั้น กับผู้ชายพิการ อารมณ์ร้าย แถมครอบครัวก็ใกล้จะล้มละลายอีกต่างหาก? ถ้าไม่ใช่เพราะต้องการช่วยยายที่ป่วยอยู่ เธอคงไม่ยอมทนแบบนี้หรอก แต่หลังจากแต่งงานไป เจน ไอไอถึงค่อย ๆ รู้ว่าผู้ชายที่ว่าพิการ อารมณ์ร้าย และกำลังจะล้มละลายนั่น แท้จริงแล้วกลับเป็นเจ้าพ่อผู้ทรงอิทธิพลที่ทั้งหลงและเอาใจภรรยาสุด ๆ ! แย่แล้ว! พวกเขาทำข้อตกลงกันไว้ว่าสองปีหลังจากนี้จะต้องหย่ากัน! ซือเชียนฮานโอบเจน ไอไอไว้แน่น แล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแสนอ่อนโยนว่า “ที่รัก…เธอตัดใจหย่ากับฉันได้จริงเหรอ?” เจน ไอไอลูบเอวพลางพูดว่า “ไม่หย่า ไม่หย่าแล้วได้ไหม?”
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY