เรื่องสั้นแนวมีชู้ fwb ลับๆ นอกใจ แอบแซ่บ 3p 4p หลายบุคคลหลากเหตุการณ์ จบในตอนสองตอน
เรื่องสั้นแนวมีชู้ fwb ลับๆ นอกใจ แอบแซ่บ 3p 4p หลายบุคคลหลากเหตุการณ์ จบในตอนสองตอน
พัชรีในวัยสามสิบต้นๆ เป็นคุณนายสาวสวยสง่า แต่งงานกับคุณภัทร สามีนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ เธอมีลูกชายหญิงสองคนกำลังน่ารัก น้องพีทเรียนอยู่ชั้นอนุบาลสาม ส่วนน้องพลอยอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่หนึ่ง ทุกวัน พัชรีจะขับรถเก๋งคันหรูไปส่งลูกๆ ที่โรงเรียนเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่งในเมือง และไปรับพวกเขากลับในช่วงเย็น
ระหว่างรอเวลาเลิกเรียนของลูกๆ พัชรีมักจะลงจากรถมานั่งคุยกับโต้ง ยามหนุ่มหน้าตาดีวัยยี่สิบห้าปีที่ประจำอยู่ที่ป้อมยามหน้าโรงเรียน โต้งเป็นหนุ่มบ้านนอกที่เข้ามาทำงานในเมือง เขาเป็นคนผิวขาวสะอาด รูปร่างสูงโปร่ง มีรอยยิ้มที่จริงใจ และนิสัยดีมีน้ำใจ พัชรีรู้สึกเอ็นดูในความใสซื่อและความคิดดีของเขา จึงมักจะอบซื้อของกินเล็กๆ น้อยๆ หรือเครื่องดื่มเย็นๆ มาฝากเขาอยู่เสมอ
ลูกๆ ของพัชรีก็ชอบโต้งมาก เพราะยามหนุ่มใจดี มักจะเล่นกับพวกเขา เล่านิทานให้ฟัง หรือช่วยดูแลพวกเขาในวันที่พัชรีมารับช้าเพราะติดธุระ วันไหนที่ฝนตกหนัก โต้งก็จะกางร่มพาเด็กๆ ไปหลบฝนในป้อมยาม คอยดูแลจนกว่าแม่จะมารับพวกเขา
วันนี้ เป็นอีกวันที่ฝนตกพรำๆ ตั้งแต่ช่วงบ่าย พัชรีรีบมาถึงโรงเรียนเพื่อรับลูกๆ ตามเวลา แต่ระหว่างเดินลงจากรถบนถนนที่เปียกลื่น เธอพลาดท่าลื่นน้ำจนหัวเข่าข้างขวาถลอกเป็นรอยแดง พัชรีนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ รีบลุกขึ้นปัดเนื้อตัว มองหาร่มที่อยู่ในรถ
โต้งเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด เขารีบวิ่งกางร่มมาประคองพัชรีอย่างรวดเร็ว "คุณนายครับ เป็นอะไรมากไหมครับ?" เสียงของเขาเต็มไปด้วยความกังวล
"ไม่เป็นไรค่ะ แค่ลื่นนิดหน่อย" พัชรีตอบยิ้มแหยๆ พยายามซ่อนความเจ็บปวด
"ให้ผมพาคุณนายไปนั่งพักในป้อมยามก่อนนะครับ เดี๋ยวผมทำแผลให้" โต้งเสนอด้วยความเป็นห่วง
พัชรีลังเลเพียงเล็กน้อย แต่ความเจ็บที่หัวเข่าก็ทำให้เธอตัดสินใจพยักหน้า เธอเดินกระโผลกกระเผลกตามโต้งไปยังป้อมยามหลังเล็กที่ตั้งอยู่ริมรั้วโรงเรียน
ภายในป้อมยามมีเพียงเก้าอี้ไม้ตัวเก่าๆ หนึ่งตัว โต๊ะเล็กๆ และอุปกรณ์รักษาความปลอดภัย โต้งเชื้อเชิญให้พัชรีนั่งลงบนเก้าอี้อย่างสุภาพ
"เดี๋ยวผมไปเอายามาทำแผลให้นะครับคุณนาย" โต้งรีบเดินไปยังมุมหนึ่งของป้อมยาม หยิบกล่องปฐมพยาบาลออกมา
พัชรีนั่งลงบนเก้าอี้ มองโต้งที่คุกเข่าลงตรงหน้าเธออย่างเกรงใจ เขาเปิดกล่องปฐมพยาบาล หยิบสำลีและขวดแอลกอฮอล์ออกมาอย่างชำนาญ
"เจ็บหน่อยนะครับคุณนาย" โต้งกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน ก่อนจะค่อยๆ ใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์เช็ดทำความสะอาดบาดแผลที่หัวเข่าของพัชรีอย่างเบามือ
พัชรีนิ่วหน้าเล็กน้อยกับความแสบร้อนของแอลกอฮอล์ โต้งเงยหน้ามองเธอด้วยความเป็นห่วง
"ทนหน่อยนะครับคุณนาย ใกล้เสร็จแล้ว" โต้งกล่าว ก่อนจะค่อยๆ ลูบไล้น่อง ขาขาวๆ ของพัชรีอย่างแผ่วเบา ราวกับต้องการปลอบโยนความเจ็บปวดของเธอ มือของเขาค่อยๆ เลื่อนสูงขึ้นอย่างไม่ตั้งใจ สัมผัสกับเนื้อผ้ากระโปรงที่เริ่มเปิดขึ้นเล็กน้อย
โต้งยังคงคุกเข่าตรงหน้าพัชรี มือของเขาลูบไล้บริเวณน่องขาขาวๆ ของเธออย่างแผ่วเบา ความร้อนจากฝ่ามือของเขาแล่นแปล๊บผ่านเนื้อผ้ากระโปรงบางๆ ทำให้พัชรีรู้สึกถึงความผิดปกติที่เพิ่มมากขึ้น
ภายนอกป้อมยาม สายฝนยังคงกระหน่ำลงมาอย่างหนัก เสียงเม็ดฝนกระทบหลังคาสังกะสีดังซู่ซ่า ลมพัดแรงหวีดหวิว ลอดช่องประตูไม้เก่าๆ เข้ามาปะทะร่างของพัชรีจนรู้สึกเย็นเยียบ เธอจามออกมาเบาๆ ด้วยความหนาว
"คุณนายหนาวไหมครับ?" โต้งเงยหน้าขึ้นมองพัชรีด้วยความเป็นห่วง ดวงตาคมของเขาจับจ้องมาที่เธออย่างอ่อนโยน
พัชรีพยักหน้าเบาๆ "นิดหน่อยค่ะ"
โต้งค่อยๆ เลื่อนมือจากน่องขึ้นมาสัมผัสบริเวณเข่าที่ถลอกของพัชรีอย่างเบามือ ปลายนิ้วของเขาสัมผัสบาดแผลอย่างระมัดระวัง ทำให้พัชรีรู้สึกถึงความเจ็บแปลบเล็กน้อย
"เจ็บมากไหมครับ?" โต้งถามด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล
"ไม่เท่าไหร่ค่ะ" พัชรีตอบเสียงแผ่ว แต่ในใจกลับรู้สึกถึงความตึงเปรี๊ยะบางอย่างที่เริ่มก่อตัวขึ้น
โต้งยังคงคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเธอ มือของเขายังคงลูบไล้บริเวณขาของพัชรีอย่างแผ่วเบา แต่ค่อยๆ เลื่อนสูงขึ้นอย่างช้าๆ สัมผัสที่อบอุ่นจากฝ่ามือของเขาตัดกับความเย็นเยียบจากลมฝน ทำให้พัชรีรู้สึกถึงความขัดแย้งในความรู้สึก
มือของโต้งค่อยๆ เลื่อนสูงขึ้นเรื่อยๆ จนสัมผัสกับเนื้อผ้ากระโปรงบริเวณต้นขาของพัชรี เธอรู้สึกถึงความร้อนผ่าวที่แก้ม หัวใจเริ่มเต้นแรงขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้
"คุณนายครับ..." โต้งกระซิบเสียงแหบพร่า ดวงตาของเขาจับจ้องมาที่ดวงตาของพัชรีอย่างสื่อความหมาย
พัชรีกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เธอไม่รู้ว่าจะพูดอะไร ดวงตาของเธอลอกแลกไปมา มองโต้งสลับกับประตูที่เปิดแง้มอยู่
มือของโต้งยังคงลูบไล้บริเวณต้นขาของพัชรีอย่างแผ่วเบา แต่ค่อยๆ ขยับเข้าไปใกล้ขอบกระโปรงมากขึ้นเรื่อยๆ ความรู้สึกวาบหวามที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนแล่นแปล๊บไปทั่วท้องน้อยของพัชรี
เปรี๊ยง! จู่ๆ ฟ้าก็ผ่าลงมาอย่างรุนแรง แสงสว่างวาบขึ้นชั่วครู่ ก่อนที่เสียงคำรามกึกก้องจะดังสนั่น พัชรีสะดุ้งเฮือก รีบลุกขึ้นยืนอย่างตกใจ
โต้งรีบลุกตามด้วยท่าทางตกใจเช่นกัน เขามองหน้าพัชรีด้วยความกังวลและสำนึกผิด
"คุณนายครับ... ผมขอโทษครับ... ผมไม่ได้ตั้งใจ..." โต้งพูดด้วยเสียงที่สั่นเล็กน้อย
พัชรีรีบก้าวถอยหลังเล็กน้อย หัวใจของเธอยังคงเต้นแรง เธอพยายามควบคุมลมหายใจและรวบรวมสติ
"ไม่เป็นไรค่ะ... โต้ง... แค่ตกใจเสียงฟ้าน่ะค่ะ" พัชรีตอบด้วยเสียงที่แผ่วเบา แต่สายตาของเธอกลับจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของยามหนุ่ม
"แต่ว่า..." โต้งยังคงมองเธอด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
"อย่าให้ใครเห็นอีกนะคะ... โต้ง" พัชรีพูดเสียงต่ำ แต่หนักแน่น ก่อนจะหันหลังเดินไปยังประตู
ในขณะนั้นเอง เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กๆ ก็ดังใกล้เข้ามา น้องพีทและน้องพลอยวิ่งกางร่มเข้ามาในป้อมยามด้วยรอยยิ้มสดใส
"แม่ขา! ทำไมแม่มานั่งอยู่ในนี้ล่ะคะ?" น้องพลอยถามด้วยความสงสัย
พัชรีรีบยิ้มให้ลูกๆ กางร่มออก แล้วจูงมือลูกๆ เดินขึ้นรถเก๋งคันหรูที่จอดรออยู่หน้าโรงเรียนอย่างรวดเร็ว... ทิ้งไว้เพียงโต้งที่ยืนมองตามหลังรถของเธอ
หลายวันต่อมา พัชรีบังเอิญเจอโต้งที่ตลาดสดใกล้บ้าน เธอมาซื้อของสดสำหรับทำอาหารเย็น และเห็นโต้งกำลังเลือกซื้อผักอยู่แผงข้างๆ ทั้งสองคนทักทายกันด้วยความดีใจ โต้งบอกว่าเขาเช่าห้องพักเล็กๆ อยู่คนเดียวหลังตลาด ไม่ไกลจากบ้านของพัชรีมากนัก พัชรีจึงขอแลกเบอร์กับโต้งไว้เผื่อจะฝากเขาซื้ออะไรที่ตลาดสดตอนเช้ามืด เพราะปกติเธอจะมาตอนรุ่งสางจึงทำให้ซื้อวัตถุดับสดๆบางอย่างไม่ทันคนอื่น
จากนั้น ชีวิตของพัชรีก็ดำเนินไปตามปกติ เธอวุ่นวายกับการดูแลลูกๆ และสามี แต่ความรู้สึกบางอย่างที่เคยเกิดขึ้นในป้อมยามวันฝนตก กลับยังคงวนเวียนอยู่ในความคิดของเธอเป็นครั้งคราว รอยยิ้มอบอุ่นและแววตาห่วงใยของเด็กหนุ่มรุ่นน้องยังคงติดตรึงอยู่ในความทรงจำ เขาใสซื่อและดูแข็งแรง อาจดูไม่ทะนคนด้วยซ้ำแต่คนแบบนี้ยิ่งไม่มีพิษไม่มีภัย ไม่เคยคิดร้ายใครอย่างแน่นอน
กระทั่งคืนหนึ่ง คุณภัทรกลับมาจากเลี้ยงฉลองกับลูกค้าในสภาพที่เมามาย เขาเริ่มพูดจาเสียงดัง ชวนพัชรีทะเลาะเรื่องเก่าๆ ซ้ำซากตามประสาคนเมา ปกติเวลาสามีเมา พัชรีจะเงียบและอดทน แต่คืนนั้น ความเหนื่อยล้าและความอัดอั้นตันใจทำให้เธอเผลอเถียงสู้
"ทำไมคุณถึงเป็นแบบนี้ภัทร! ทำไมต้องขุดเรื่องเก่าๆ มาทะเลาะกันทุกที!" เสียงของพัชรีสั่นเครือด้วยความน้อยใจ
คุณภัทรไม่ฟังเสียง เธอเงื้อมือขึ้นตบหน้าพัชรีอย่างแรงจนร่างของเธอล้มเซไป รอยชาและร้อนผ่าวแล่นแปล๊บไปทั่วแก้ม พัชรีร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวดทั้งกายและใจ เธอรีบลุกขึ้นคว้ากุญแจรถ ขับรถออกจากบ้านทั้งน้ำตานองหน้า
จุดหมายปลายทางของพัชรีคือหอพักเล็กๆ หลังตลาดที่โต้งเคยบอกไว้ เธอขับรถมาจอดหน้าหอพักด้วยใจที่สั่นเทา โทรหาโต้งก่อนจะเดินขึ้นบันไดไปยังห้องเช่าเล็กๆ ที่มีแสงไฟลอดออกมา
โต้งเปิดประตูต้อนรับพัชรีด้วยความตกใจเมื่อเห็นสภาพเธอ "คุณนายครับ! เกิดอะไรขึ้นครับ?" เสียงของเขาเต็มไปด้วยความกังวล
พัชรีทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้อย่างหมดแรง ปล่อยโฮออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ โต้งรีบคุกเข่าลงตรงหน้าเธออย่างเป็นห่วง เอื้อมมือมาเช็ดน้ำตาบนแก้มขาวๆ ของเธออย่างแผ่วเบา ก่อนจะค่อยๆ เลื่อนขุ้นมายืนย่อตัว ก้มหน้าลงมาเลียกินหยดน้ำตาที่เปรอะเปื้อนแก้มของคุณนายอย่างอ่อนโยน
"คุณนายครับ... บอกผมมาเถอะครับ เกิดอะไรขึ้น?" โต้งกระซิบเสียงทุ้มต่ำ
พัชรีเงยหน้าสบตากับเขา ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความอ่อนแอและความว้าเหว่
"ฉัน... ฉันทะเลาะกับคุณภัทร..." พัชรีสะอื้นไห้
โต้งโอบกอดพัชรีอย่างเบามือ ปลอบโยนเธอด้วยคำพูดที่แสนอบอุ่น เขาเช็ดน้ำตาให้เธออีกครั้ง ก่อนจะจ้องมองเธอด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่เธอสัมผัสได้
"คุณนายครับ... ผม... ผมชอบคุณนายนะครับ... ตั้งแต่แรกเจอ..." โต้งสารภาพรักด้วยเสียงที่สั่นเล็กน้อย
พัชรีนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ มองหน้าโต้งด้วยความตกใจและความสับสน ก่อนที่ความรู้สึกบางอย่างที่เธอพยายามกดไว้จะเริ่มปะทุขึ้นมา
โต้งค่อยๆ เอื้อมมือมาสัมผัสชายเสื้อของพัชรีอย่างแผ่วเบา ก่อนจะค่อยๆ เลิกขึ้นช้าๆ เผยให้เห็นผิวเนื้อขาวเนียนบริเวณหน้าท้องของเธอ มือของเขาลูบไล้เบาๆ ก่อนจะค่อยๆ เลื่อนขึ้นมาไซร้ลำคอของพัชรีอย่างแผ่วเบา ลมหายใจอุ่นๆ ของเขาสัมผัสกับผิวเนื้อของเธอ ทำให้ความรู้สึกร้อนวูบวาบแล่นแปล๊บไปทั่วร่างกาย
โต้งค่อยๆ โน้มใบหน้าลงมาใกล้ริมฝีปากของพัชรี จูบเธออย่างแผ่วเบา มันเป็นจูบที่เริ่มต้นด้วยความอ่อนโยน แต่ค่อยๆ ทวีความเร่าร้อนและลุ่มลึกขึ้นเรื่อยๆ อื้ม! อือ! ๆ คุณนายสาวเงยหน้าจูบตอบอย่างปลดปล่อย เอาสองมือกอดคล้องลำคอหนาและนั่งยืดอกแอ่น
โต้งค่อยๆ ช้อนร่างที่สั่นเทาของพัชรีขึ้นจากเก้าอี้อย่างเบามือ อุ้มเธอไปยังเตียงเหล็กสี่ฟุตเล็กๆ ที่ตั้งชิดผนังห้องเช่า เขาวางเธอนอนหงายแผ่หราอย่างทะนุถนอม แสงไฟสีขาวนวลจากหลอดไฟเพดานส่องกระทบร่างอิ่มอวบซ่อนรูปที่ขาวโพลนของเธออย่างชัดเจน ดวงตาคมของโต้งจับจ้องไปที่เรือนร่างนั้นอย่างตาค้าง ราวกับต้องมนต์สะกด
เขาค่อยๆ ถอดเสื้อยืดตัวเก่าของตัวเองโยนลงพื้น เผยให้เห็นแผงอกกว้างและมัดกล้ามเนื้อที่แข็งแรงตามประสาหนุ่มใช้แรง โต้งคลานขึ้นมาบนเตียงอย่างช้าๆ เข้าใกล้ร่างที่นอนสั่นเทาของพัชรี มือของเขาค่อยๆ จับเรียวขาสองข้างของเธอให้ถ่างอ้าออกอย่างเบามือ ก่อนที่ใบหน้าคมสันของเขาจะค่อยๆ โน้มต่ำลงไปยังหว่างขาที่ปิดสนิท
ริมฝีปากอุ่นชื้นของโต้งสัมผัสกับกลีบเนื้ออ่อนนุ่มของพัชรีอย่างแผ่วเบา ก่อนที่ลิ้นร้อนของเขาจะค่อยๆ สอดแทรกเข้าไปด้านในอย่างช้าๆ ความรู้สึกวาบหวามที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนแล่นแปล๊บไปทั่วท้องน้อยของพัชรี
"อร๊ะ! ๆ โอ๊ย!" พัชรีสะดุ้งเฮือก เผลอร้องครางเรียกชื่อยามหนุ่มออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ร่างกายของเธอนอนสัดส่ายเอวไปมาอย่างควบคุมไม่ได้ สองมือของเธอคว้าจับเรือนผมรองทรงสั้นสีดำของโต้งไว้แน่น กดศีรษะของเขาให้แนบชิดกับหว่างขาของเธอมากยิ่งขึ้น บั้นท้ายของเธอแอ่นสู้ เคลื่อนไหวร่อนร่องสวาทบดเบียดใบหน้าของโต้งจนแดงช้ำคาหว่างขา
แนวทาสสวาท ล่อลวง เปิดซิง รุนแรง ซาดิสม์ หลอกเอา คนสวน รุมคุณหนู nc 3p
นิยายอีโรติก แนวเรื่องจริง นอกใจ มีชู้ เผลอใจ ไม่ตั้งใจ nc 18+ รวมเรื่องสั้นแนวนอกใจ นอกกาย สายบาป เป็นเรื่องแต่งเสริมเรื่องจริง สั้นๆจบในตอน มีหลายแนว หลายเหตุการณ์ สำหรับผู้ใหญ่ อายุ18ปีขึ้นไป
นิยายผู้ใหญ่ แนวฮาเร็มชาย นางเอกเป็นคุณหนูวัย18ปี เธอชอบยั่วคนสวน คนขับรถ ใจแตก มั่วสวาท nc 18+
ในยุคก่อนสงครามโลก ยังมีการค้าทาส ในดินแดนแถบเอเชียที่ไม่ระบุชื่อและสถานที่ตั้ง มีปราสาทแห่งหนึ่งตั้งตะหง่านอยู่ริมหน้าผาบนเขาสูง เจ้าปราสาทคือสามีนางเอก เขาเป็นขุนนางชั้นสูง เขาชอบซื้อทาสชายหลากเชื้อชาติมาเลี้ยง ใช้งานพวกเขาหนัก และมักจะให้นางเอกมีอะไรกับคนแปลกหน้าพวกนั้นเพื่อให้เขานั่งดูอย่างมีอารมณ์
นางเอกแต่งงานกับสามีแก่ เขาเป็นเสี่ยเจ้าของร้านทองที่รวยมาก ทว่านกเขากลับไม่ขันและอ่อนปวกเปียก นานๆจะมีเซ็กกับเมียรัก เดือนละครั้งสองครั้ง นางเอกทนความอยากไม่ไหวแต่ก็ไม่อยากมีชู้ ไม่อยากนอกใจสามี เธอจึงแอบมีอะไรกับเจ้าแสนรักที่เลี้ยงไว้ในบ้าน
รวมเรื่องสวิงกิ้งจากสาวๆและสามีหลายๆท่าน มีหลายตอน หลายเหตุการณ์ สัมผัสถึงรสชาติสัมพันธ์แบบแปลกใหม่ นอกกายแต่ไม่นอกใจ
ชูจี้ถูกเก็บไปอุปการะตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งถือเป็นความฝันของเด็กกำพร้าทั่วไปอย่างชูจี้ แต่ชีวิตหลังจากนั้นมันไม่ได้มีความสุขดั่งที่ชูจี้คิดฝันไว้เลย เธอต้องอดทนถูกเย้ยหยันและการทำทารุณจากแม่บุญธรรมของเธอ แต่ก็ยังโชคดีที่เธอได้รับความเมตตาจากคนใช้สูงวัยคนหนึ่งในบ้านหลังนั้น ชึ่งเป็นคนคอยดูแลและเอาใส่เธอเหมือนแม่แท้ ๆ ของเธอ จนกระทั่งคนใช้จากไปด้วยอาการป่วย ชูจี้ก็ถูกบังคับให้แต่งกับผู้ชายที่ไม่เอาการเอางานแทนลูกสาวแท้ ๆ ของพ่อแม่บุญธรรมของเธอเพื่อชดใช้ค่ารักษาพยาบาลของคนใช้ เรื่องราวจะเป็นเช่นเดียวกับซินเดอเรลล่าหรือไม่? อย่างไรก็ตาม ชายที่เธอจะแต่งงานด้วยนั้นไม่เหมือนเจ้าชายเลยสักนิดนอกจากรูปร่างหน้าตาของเขาที่สามารถเทียบเท่ากับเจ้าชายได้เท่านั้นเอง ลู่เหยี่ยนเป็นลูกชายนอกสมรสของครอบเศรษฐีครอบครัวหนึ่ง เขาใช้ชีวิตไปวันๆ (พอลอดไปด้วยค่ะ)มาโดยตลอด ที่เขาตกลงแต่งกับชูจี้ก็เพราะอยากจะทำให้ความปรารถนาสุดท้ายของแม่ของเขาสมหวังเท่านั้น แต่ในคืนวันแต่งงาน เขากลับพบว่าเจ้าสาวคนนี้มีพฤติกรรมที่ผิดกับที่เคยได้ยินได้ฟังมา โชคชะตาจะบันดาลให้พวกเขาเป็นอย่างไร และลู่เหยี่ยนจะเป็นดั่งที่เราคิดหรือไม่ สิ่งที่น่าประหลาดใจคือลู่เหยี่ยนมีหลายอย่างที่คล้ายๆ กับมหาเศรษฐีที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้อย่างพิลึก สุดท้ายแล้ว ลู่เหยี่ยนจะสามารถรู้ได้หรือไม่ว่าชูจี้ คือเจ้าสาวจำเป็นที่ต้องได้แต่งงานแทนพี่สาวของเธอ การแต่งงานของพวกเขาจะเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวสุดโรแมนติกหรือวิบากกรรมของชีวิต โปรด ติดตามและค้นหาชีวิตและเรื่องราวของทั้งสองคนด้วยกันเถอะ
หลินตงหยาง อายุ 27 ปี เติบโตมากับแม่เพียงสองคน ในวัยเด็กหลินตงหยางเคยมีพ่อผู้ให้กำเนิดแต่หลังจากที่พ่อได้งานใหม่ในเมืองหลวงพ่อที่เคยมีก็ไม่มีอีกแล้ว พ่อกลับมาหย่าขาดกับแม่ทันทีที่ไปทำงานในเมืองหลวงได้เพียง 2 เดือน ด้วยให้เหตุผลในการหย่าว่า แม่กับและเขาคือตัวถ่วงความเจริญในชีวิตพ่อ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากแค่พ่อหน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ถูกใจของลูกสาวหัวหน้างาน เพื่อตำแหน่งงานและความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น พ่อเลือกที่จะทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ผ่านเรื่องยากลำบากมาด้วยกัน หย่าขาดกับภรรยาเพื่อไปแต่งงานใหม่ มีชีวิตใหม่ในเมืองหลวง โดยทิ้งคนข้างหลัง ทิ้งภรรยาที่เคยสาบานว่าจะอยู่ครองคู่กันตลอดไป ในปีที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่ก็ล้มป่วยและจากเขาไปในที่สุด สาเหตุที่หลินตงหยางเสียชีวิต เพราะทำงานหนัก อาชีพโปรแกรมเมอร์ตัวเล็กๆ อย่างเขา ต้องพยายามทำงานให้ได้ตามที่หัวหน้าสั่งมา ในที่สุดเขาก็พัฒนาเกมกำลังภายในของบริษัทได้สำเร็จ หลินตงหยางนอนหลับไปด้วยความสบายใจ แต่ทว่าพอเขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที นี่ไม่ใช่คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองปักกิ่ง หลังคามุงหญ้านี่คืออะไร มันควรจะเป็นเพดานสีขาวสิ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องนี่คืออะไร นี่มันไม่ใช่ผนังที่ทำมาจากคอนกรีต มันคือดินเหนียว หลินตงหยางคิดว่าตัวเองฝันไป เขาหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมตาขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มารดามันเถอะ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไมไ่ด้ฝัน ตอนนั้นเองเขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง และในหัวของเขามีภาพเหตุการณ์ของเด็กชายที่ชื่อเดียวกับเขา หลินตงหยาง อายุ 10 ขวบ เรื่องราวชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายไปของเด็กชาย ทำเอาหลินตงหยางกำมือแน่น ก่อนจะสบถออกมา “พ่อสารเลว เฉินซื่อเหม่ยชัดๆ” และตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของน้องสาว สาเหตุที่เด็กชายหลินตงหยางเสียชีวิต เพราะถูกผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าแย่งผักป่าและทุบตี ทั้งๆ ที่คนพวกนั้นได้ตัดขาดพับพวกเขาสามแม่ลูกแล้ว แต่ยังมิวายข่มเหงรังแก
ในระยะเวลาสองปีที่แต่งงานกัน เนี่ยเหยียนเซินจู่ๆ ก็เสนอขอหย่า เขาพูดว่า "เธอกลับมาแล้ว เราหย่ากันเถอะ คุณอยากได้อะไรบอกมาได้เลย" ชีวิตการแต่งงานสองปีสู้อีกคนที่หันหลังกลับมาไม่ได้ ตามอย่างที่คนเขาว่ากัน "คนรักเก่าแค่ร้องไห้สักหน่อย คนรักปัจจุบันก็ย่อมแพ้แน่นอน" เหยียนซีไม่ได้โวยวายอะไร เลือกที่จะตอบตกลงและเสนอเงื่อนไขว่า "ฉันต้องการรถซูเปอร์คาร์ที่แพงที่สุดของคุณ" "ได้" "วิลล่าสุดหรูชานเมือง" "ตกลง" "กำไรหลายพันล้านที่หามาในช่วงสองปีนี้ แบ่งคนละครึ่ง" "อะไรนะ"
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"
ตอนเด็กถูกทอดทิ้งให้โดดเดี่ยว แม่ถูกทำร้าย ฉือเนี่ยนสาบานว่าจะเอาทุกอย่างที่เป็นของตัวเองกลับคืนมา!ครั้งแรกที่กลับมาที่เมืองจิง เธอถูกมองว่าเป็นผู้หญิงที่ไร้การศึกษาและสำส่อนหลายคนบอกว่าลู่เหยียนสือต้องตาบอดแน่ๆ ถึงได้มาสนใจฉือเนี่ยนแต่มีแค่ลู่เหยียนสือเท่านั้นที่รู้ ว่าเธอที่เขารักและทะนุถนอมนั้นมากความสามารถ สามารถสร้างความวุ่นวายให้ทั้งเมืองจิงได้ด้วยตัวคนเดียวเธอคือหมอมือหนึ่ง เธอคือแฮ็กเกอร์มือทอง และยังเป็นนักปรุงน้ำหอมชั้นยอดที่ได้รับการยกย่องจากบุคคลสำคัญคนภายนอก: "คุณลู่ คุณจะเอาใจภรรยาจนไม่มีขอบเขตเลยเหรอ ทำไมแม้แต่ประชุมยังต้องอุ้มเธอไว้ด้วย!"ลู่เหยียนสือ "ต้องเอาใจภรรยาถึงจะรุ่งเรืองเฟื่องฟู"ต่อมาความลับของเธอถูกเปิดเผย ทำให้ผู้คนนับไม่ถ้วนหันมาชื่นชมและยกย่องเธอ...
ในการแต่งงานที่ทำข้อตกลงไว้ เจียงหว่านเป็นฝ่ายที่มีใจให้อีกฝ่ายก่อน แต่ตอนที่เธอต้องการเผยเสี้ยนมากที่สุด เขากลับอยู่เคียงข้างคนรักในใจของเขา ในท้ายที่สุด เจียงหว่านก็ตัดสินใจหย่า และเริ่มต้นชีวิตใหม่ เมื่อเผยเสี้ยนรู้สึกตัวขึ้นมา เธอก็จากไปแล้ว เมื่อเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่เข้าคิวเพื่อรับป้ายหมายเลข เผยเสี้ยนหยิบเงินร้อยล้านออกมาและพูดว่า "หว่านหว่าน คู่รักก็ต้องเป็นคู่เดิมเราแต่งงานใหม่อีกครั้งได้ไหม"
© 2018-now MeghaBook
บนสุด