“ท้อง! อย่าบอกนะว่าลูกผม!” ราวกับถูกลากไปตบกลางสี่แยก จารุพัชรรู้สึกหน้าชาเห่อไปทั้งแถบแม้จะยังไม่โดนตบก็เถอะ เธอมีอะไรกับเขาตั้งหลายยกขนาดนั้นแล้วจะให้เป็นลูกใครล่ะ “ลูกแมวมั้งคะ” พอเห็นสายตาเขียวปั๊ดที่พร้อมจะขย้ำหัวเธอได้ทุกเมื่อ “อยู่ในท้องฉันก็ต้องเป็นลูกฉันสิคะ! ลูกฉันคนเดียว” “คุณเป็นปลากัดหรือไง ถึงได้จ้องตากันแล้วท้องเองได้” ก็ถ้ากัดได้ เธอก็อยากกัดหัวเขาเนี่ยแหละคนแรก กวนประสาทดีนัก “ก็คุณบอกฉันเองเมื่อกี้ว่า...อย่าบอกนะว่าท้องลูกผม ฉันก็ไม่บอกแล้วนี่ไงจะเอาอะไรอีกคะ” พูดมาขนาดนี้ เธอก็พอรู้แล้วล่ะว่าเขาไม่ได้ต้องการเธอกับลูก ยังดีที่เขาไม่ใจร้ายบอกให้เธอไปเอาเด็กออก แค่นี้ก็บุญแล้ว “เฮ้อ...ถ้าคุณห่วงว่าฉันกับลูกจะมาทำให้ชื่อเสียงพระเอกซุปเปอร์สตาร์ของคุณต้องพังพินาศล่ะก็ ขอให้คุณสบายใจได้ เพราะฉันไม่ทำอะไรสิ้นคิดแบบนั้นแน่ ต่อไปฉันจะไม่มาให้คุณเห็นหน้าอีก คราวนี้ฉันรับรองได้ ส่วนลูกในท้อง ฉันจะเลี้ยงเขาเอง ไม่ไปรบกวนคุณหรือทำให้แฟนสาวไฮโซของคุณเข้าใจผิดแน่ๆ ไม่ต้องห่วงนะคะ” “พูดจบหรือยัง” ธิเบศเอ่ยด้วยเสียงเย็นเฉียบ ตาเหยี่ยวคมจัดของเขาจ้องหน้าเธอราวกับจ้องเหยื่อพร้อมขย้ำได้ทุกเมื่อ “จบก็ได้ค่ะ เป็นอันว่าคุณเข้าใจแล้วเนอะ งั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ” จ้องอะไรเบอร์นั้นนะ ตาดุชะมัด รีบชิ่งหนีก่อนจะโดนกินหัวดีกว่า “เดี๋ยว!” มือที่เตรียมเปิดประตูรถชะงักกึก “คะ...คุณมีอะไรอีกคะ” “ผมบอกคุณซักคำหรือยังว่าจะไม่รับผิดชอบลูก” “หา!” เธอหูฝาดไปใช่ไหม เขาจะรับผิดชอบลูกในท้องเธองั้นเหรอ เป็นไปได้หรือเนี่ย “ถ้าเขาเป็นลูกผมจริงๆ ผมจะรับผิดชอบเขาแน่” “หืม...” หมายความว่าไงวะเนี่ย ยิ่งฟังก็ยิ่งงง “เดี๋ยวนะคะ คุณบอกว่าถ้าเขาเป็นลูกคุณจริงๆ แปลว่าคุณไม่เชื่อว่าเด็กในท้องฉันเป็นลูกคุณงั้นสิ ฉันเข้าใจถูกไหม” “อืม...ก็ทำนองนั้น” คราวนี้ยิ่งกว่าโดนลากไปตบกลางสี่แยก แต่เหมือนโดนเขาสาดหน้าด้วยน้ำกรดซ้ำเข้าไปอีกถังใหญ่ จนหัวใจปวดแสบปวดร้อนไปหมด ตาบ้านี่คิดว่านอกจากเขา เธอยังไปนอนกับคนอื่นจนท้องแล้วมาโมเมว่าเป็นลูกเขาอย่างนั้นเหรอ… ++++++++++++++++++++++++++++
“ยินดีด้วยค่ะ คุณตั้งครรภ์ได้เกือบแปดสัปดาห์แล้วค่ะ”
คำนั้นทำให้คนฟังชาวูบไปทั้งตัวตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
“คะ...คุณหมอว่าไงนะคะ” ดวงตากลมโตเบิ่งกว้าง ปากอ้าค้างอย่างเหวอๆ ของอีกฝ่ายทำให้แพทย์หญิงวันดีผู้เป็นเจ้าของ ‘คลินิกแม่และเด็กหมอหนูดี’ อดขันปนเอ็นดูไม่ได้
แม้จะดูเหมือนเป็นพนักงานออฟฟิศทั่วๆ ไป แต่ทว่าหญิงสาวตรงหน้าหรือชื่อในประวัติที่เธอแจ้งไว้ จารุพัชร พิมลธร กับวัยยี่สิบสี่ย่างยี่สิบห้าปี แต่ดูจากสายตาแล้วใบหน้าใสๆ ดูอ่อนวัยเหมือนเพิ่งก้าวพ้นจากรั้วมหาวิทยาลัยมาไม่นานนัก ทั้งที่ตอนนี้กำลังจะเลื่อนขั้นไปรับบทบาทเป็นคุณแม่คนใหม่
“เกือบแปดสัปดาห์ ก็เท่ากับสองเดือนสินะ” ริมฝีปากสีซีดขมุบขมิบพึมพำกับตัวเอง สีหน้ายุ่งเหยิงเดี๋ยวซีดสลับกับแดงก่ำเมื่อคิดถึงเหตุการณ์เมื่อสองเดือนก่อนและบุคคลที่มอบสถานะใหม่ให้เธอโดยที่เขาเองไม่ได้ตั้งใจและคงไม่คาดคิดเหมือนกัน
เธอควรจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไงดีเล่า จะให้อุ้มท้องต่อไปโดยไม่มีพ่อแบบนี้ หรือว่าควรตัดไฟแต่ต้นลมดี...
“คุณต้องการจะฝากครรภ์เลยไหมคะ”
ฝากครรภ์เหรอ...หญิงสาวทวนคำในใจ ตอนนี้สมองเธอทำงานช้าไปหมดตั้งแต่รู้ว่าตัวเองกำลังจะเป็นคุณแม่
คุณแม่! แม่คนเนี่ยนะ เธอไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะเป็นแม่ใครกับเขาได้ มือเรียวสวยลูบหน้าท้องที่ยังไม่ปรากฏรอยนูนชัดเจน หากไม่บอกใครก็ไม่รู้ว่าในนี้มีหนึ่งชีวิตน้อยนอนอยู่ในท้องเธอ เพียงมือสัมผัสความรู้สึกแปลกประหลาดบางอย่างก็จู่โจมเข้ามาทักทายในหัวใจจนความอุ่นวาบแผ่ซ่านไปทั้งตัว
สายใยแห่งความผูกพันน้อยๆ ระหว่างแม่ลูกที่เธอไม่เคยรู้สึกมาก่อน ชีวิตเธอที่เหลือตัวคนเดียวในโลกราวกับมีสิ่งที่ยึดเหนี่ยวไว้อีกครั้ง
เอาเถอะ ถึงยังไงสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในท้องก็คือเลือดเนื้อเชื้อไขของเธอ ถึงใครจะไม่ต้องการก็ช่างเถอะ แต่เธอจะเก็บเขาไว้ อย่างน้อยก็เป็นอนุสรณ์แห่งความทรงจำที่ครั้งหนึ่งคนธรรมดาคนนี้เคยได้ทำอะไรบ้าบิ่นกับเขาเพื่อน้องสาวสุดที่รัก
“ได้ค่ะ ถ้าฉันต้องการฝากครรภ์ที่นี่เลย ต้องทำยังไงบ้างคะ” คุณหมอหนูดีมองสีหน้าที่เปลี่ยนไปของหญิงสาวตรงหน้า ก่อนส่งยิ้มอารีให้
“งั้นเดี๋ยวหมอจะได้ให้เขาจัดยาบำรุงครรภ์ให้ และนัดวันมาตรวจอัลตร้าซาวน์ครั้งต่อไป แล้วก็ให้คู่มือไปอ่านด้วยเลยค่ะในนั้นจะมีวิธีปฏิบัติตัวขณะตั้งครรภ์ให้คุณแม่กับคุณพ่อ...”
“ไม่มีค่ะ มีแต่แม่เท่านั้น ไม่มีพ่อค่ะ”
คำนั้นทำให้คนฟังถึงกับอึ้งไปชั่วครู่ แต่แม่สาวตรงหน้าก็ไม่ใช่เคสแรกที่เธอพบ ในปัจจุบันมีคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวมากมายที่เดินเข้ามาในคลินิกแห่งนี้ แต่ก็นั่นแหละ ไม่ใช่เรื่องที่เธอควรจะยุ่งย่ามด้วย แม้จะอยากรู้ว่าใครกันที่เป็นบิดาของเด็กน้อยในครรภ์สาวหน้าใสตรงหน้าก็ตาม...
หลังจากได้รับคำแนะนำเรื่องการดูแลตัวเองของคุณแม่มือใหม่ จารุพัชรก็เดินออกมานั่งรอรับยาบำรุงครรภ์ที่หน้าเคาน์เตอร์จ่ายยา ที่ตอนนี้มีคนเข้ามารอใช้บริการในคลินิกอยู่หลายคน และส่วนใหญ่เขาก็มากันเป็นคู่สามีภรรยาดูหวานชื่น บางคนอุ้มลูกน้อยมาเป็นครอบครัวสุขสันต์พร้อมหน้าพ่อแม่ลูก
พอเห็นภาพนั้นเธอก็แอบสะท้อนใจขึ้นมาที่ตัวเองต้องมาฝากครรภ์คนเดียว สามีก็ไม่มีด้วยซ้ำ แถมจะบอกใครก็ไม่ได้ว่าเจ้าตัวเล็กในท้องเป็นลูกใคร ในเมื่อเธอรับปากกับเขาผู้นั้นไปแล้วตั้งแต่คืนที่เกิดเหตุว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นจะจบลงโดยที่เธอจะไม่เรียกร้องอะไรให้กับความสาวที่เสียไป หากเขาทำตามในสิ่งที่เธอลงทุนไปขอร้อง และเขาคนนั้นก็ทำตามที่ขอ ทั้งที่เขาจะไม่ทำก็ได้
ไอ้ตัวเล็กเอ๊ย...อยู่กับแม่คนเดียวก็ได้เนอะลูกเนอะ พวกเราอย่าไปฉุดรั้งอนาคตใครเขาเลย...
“เรามาดูข่าวต่อไปกันดีกว่าค่ะ”
เสียงทีวีที่เปิดบริการในคลินิกดังขึ้น ทำให้หญิงสาวเงยหน้าขึ้นไปมองเพื่อหวังจะลืมๆ เรื่องยุ่งเหยิงในใจ แต่ทว่าสิ่งที่ปรากฏตรงหน้ากลับทำให้ลมหายใจของเธอสะดุดกึก เมื่อได้พบใครบางคนอีกครั้งหลังจากวันที่เกิดเหตุวันนั้นเมื่อเกือบสองเดือนที่แล้ว
“สุดยอดพระเอกซุปตาร์อย่าง ธิม-ธิเบศ เปิดใจให้สัมภาษณ์หลังรับเล่นละครเรื่องใหม่ ‘ภารกิจรั่วยั่วให้รัก’ กับนางเอกคู่จิ้นที่ทุกคนอยากให้เป็นคู่จริงนอกจอ น้องฟ้า-นพจิรา อีกครั้งสมใจแฟนคลับคู่จิ้นชาว TF...”
ดวงตาคู่งามจ้องไปที่หน้าจอที่มีภาพพระเอกสุดหล่อขณะกำลังให้สัมภาษณ์ ข้างกายมีนางเอกไฮโซสาวสวยยืนเคียงข้างดูแล้วเหมาะสมกันทุกประการจนน่าหมั่นไส้ในความเพอร์เฟคของทั้งคู่
“อุ้ย! นั่นพี่ธิมสุดหล่อของฉันนี่นา” เสียงหนึ่งในสองสาวพนักงานที่เคาน์เตอร์ดังแว่วมาเข้าหู
“พี่ธิมล้อหล่อเนอะ น้องฟ้าก็สวยมาก แถมรวยล้นฟ้าอีก สมกันอย่างกับกิ่งทองใบหยก ถ้าเป็นคนนี้ฉันยอมยกพี่ธิมของฉันให้ก็ได้”
“ก็นั่นสิ ถ้าเขาแต่งงานกันจริงๆ ลูกคงออกมาน่ารักนะ พ่อก็ล้อหล่อเป็นถึงพระเอกซุปตาร์ตัวพ่อของวงการ ส่วนแม่ก็ซ้วยสวย เป็นนางเอกไฮโซทายาทตระกูลดังแบบนั้น”
อยากจะทำหูทวนลมอย่างที่ถนัด แต่จารุพัชรก็ไม่อาจทำได้เมื่อทุกคำที่ได้ยินนั่นคือความจริง เธอคงไม่รู้สึกอะไร และอาจจะมีอารมณ์ร่วมไปกับแม่สองสาวนั่น หากทว่าชายหนุ่มที่อยู่ในข่าวนั่นไม่ใช่...
ธิม-ธิเบศ ดิฐวัฒน์ สุดยอดพระเอกซุปตาร์ตัวพ่อของวงการ และเป็นพ่อของเจ้าตัวเล็กที่นอนแอ้งแม้งอยู่ในท้องเธอเวลานี้!
โปรยปราย ครั้งหนึ่งเขาเคยไล่ส่งเธอให้ออกไปจากชีวิตไม่ต้องมาให้เห็นหน้า แล้วเธอก็หายไปสมใจเขาจริงๆ ทำให้เขารู้ว่ามันเหงาแค่ไหนที่ไม่มีเธออยู่ ครั้งนี้เธอกลับมาเป็นคนใหม่ที่ไม่สนใจไม่คอยวิ่งไล่ตามกวนใจเขาอีกต่อไป กลับเป็นเขาเองที่อยากเข้ามาวุ่นวายวอแว และทวงคืนเธอกลับมาอยู่ข้างกายอีกครั้ง แต่มันจะเป็นไปได้ยังไงเล่า เมื่อวันนี้ข้างกายเธอไม่ได้มีแค่เขาแต่มีหนุ่มอีกหลายคนที่อยากเข้ามาท้าชิงหัวใจเธอเช่นกัน แถมเจ้าตัวแสบก็ทำเหมือนไม่อยากใกล้พี่ชายตัวร้ายอย่างเขาอีกแล้ว แม้ต้องอยู่บ้านเดียวกันก็ตาม แต่เธอก็เอาแต่หลบหน้าชนิดที่ว่าหากเขาเข้าประตู เธอก็จะปีนหน้าต่างหนีออกไปไม่ให้เขาได้พบง่ายๆ เหมือนวันเก่า แถมมีกองหนุนคือพ่อแม่ของเขาที่ในอดีตเคยอยากจับเขาคลุมถุงชนแต่งกับลูกเพื่อนรักใจจะขาด แต่มาวันนี้ กองเชียร์กลับแปรพักตร์มารับบทเป็นกองห้าม “แกจะรักใครก็รักไปพ่อกับแม่ไม่ว่า ไม่ขัดขวาง เพียงบอกมาคำเดียวว่ารักพวกเราจะไปสู่ขอให้” จิรายุยิ้มกริ่มสมใจ แต่ทว่ารอยยิ้มนั้นอยู่เพียงไม่ถึงเสี้ยววินาทีก็หายไปเมื่อได้ยินประโยคถัดมาของแม่ “ยกเว้นคนเดียวที่แกห้ามแตะต้องเด็ดขาดคือหนูดรีมของฉัน คนนั้นฉันจะเก็บไว้ให้ผู้ชายดีๆ ที่ไม่ใช่แก!” อ้าวแม่! แล้วแบบนี้เมื่อไหร่ล่ะที่เขาจะได้หัวใจเธอกลับมาครองอีกครั้งกันเล่า... เรามาลุ้นกันว่ารากรักที่มันหยั่งลึกในใจสองหนุ่มสาวคู่นี้ มันจะเหนียวแน่นแข็งแรงพอให้เขาทั้งสองได้ลงเอยกันได้ไหมนะ มาเอาใจช่วยกันค่า
“น้าภพของพริวไม่เห็นแก่ตรงไหนเลย” “ตอนนี้ยังไม่แก่ แต่อีกสักสิบปีข้างหน้าก็อายุนำพริวไปตั้งโยชน์แล้ว ถึงตอนนั้นพริวจะยังรักคนแก่คนนี้หรือเปล่า หืม...” ดวงตาคมกริบทอดมองแม่สาวน้อยวัยทีนคนสวยของเขาอย่างลึกซึ้ง “ไม่รู้สิคะ พริวขอดูความประพฤติก่อน ถ้าน้าภพนอกลู่นอกทางก็ไม่แน่” ดวงตาซุกซนสบตาเขาอย่างยั่วเย้า “แก่ป่านนั้น แค่พริวคนเดียวน้าก็คงหมดแรงตายคาอกแล้วมั้ง” “คำก็แก่สองคำก็แก่ เห็นพริวรักคนที่หน้าตาหรืออายุเหรอคะ นี่ต่างหาก...” เด็กสาวใช้นิ้วชี้จิ้มลงที่หน้าอกข้างซ้ายของเขา “พริวรักน้าภพที่ตรงนี้ที่...หัวใจ” ชายหนุ่มยิ้มอบอุ่น ลูกเลี้ยงสาวของเขาช่างน่ารักเหลือเกิน โอ้ย...เขาอยากรักเด็กขึ้นมาอีกแล้ว “แล้วพริวอยากรู้ไหมว่านอกจากหัวใจแล้วน้าอยากรักพริวที่ตรงไหนอีก” ดวงตาเจ้าเล่ห์ลุกวาว ***************************************** ‘ธนภพ’ พระเอกเรื่องนี้มีดีที่ดีกรีความหื่น และแซ่บเว่อร์ไม่แพ้ใคร ส่วน ‘ภาวิดา’ นางเอกของเราถึงจะอายุยังน้อยแต่นางก็ไม่ได้ไร้เดียงสาหน่อมแน้มจนน่าหมั่นไส้เสียทีเดียว ฉะนั้นใครที่ไม่นิยมแนวประมาณนี้จะผ่านไปก็ไม่ว่ากันนะคะ แต่ก่อนผ่านแนะนำว่าให้ลองอ่านตัวอย่างก่อนสักนิด และโปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจตีจากกันไปทั้งที่ยังไม่รู้จักกันนะคะ น้าภพขอร้อง (แอบกัดผ้าเช็ดหน้าตาปรอย)
เธอแค่อยากลองใจโดยการให้ของขวัญสุดพิเศษกับคนรัก แต่...เขาดันไม่ดีใจ แล้วมาบอกให้เราอยู่ห่างกันสักพัก ทั้งๆ ที่รู้ว่าเธอท้องลูกของเขา ผัวเฮงซวยเอ๊ย!!! อยากไปก็ไป ฉันจะหาพ่อใหม่ให้ลูก ไปแล้วอย่ามาหอนทีหลังนะ ชิ! "นี่พี่จะโทษว่ามี่ตั้งใจปล่อยท้องงั้นเหรอ" "เปล่า พี่ไม่ได้คิดแบบนั้น แต่ว่า...พี่ยังไม่พร้อมจะแต่งงานหรือมีลูกตอนนี้ มี่เข้าใจพี่หน่อยได้ไหม" มิรันดาสะอึกเมื่อได้ฟังเหตุผลห่วยแตกของเขา คำว่าไม่พร้อมนั่นคืออะไร "พี่ไม่พร้อมแต่งงาน ไม่พร้อมมีลูก แต่พร้อมจะไปจากมี่ นี่หรือเปล่าที่พี่อยากให้มี่เข้าใจ" หญิงสาวเอ่ยทั้งน้ำตาที่ไหลรินกลบภาพคนรักตรงหน้าจนมองไม่เห็นความรักในดวงตาคู่นั้นอีกแล้ว คนหนึ่งหมดรัก หมดใจ แต่อีกคนกลับยังรักหมดใจ ใครควรเจ็บกว่าถ้าไม่ใช่เธอ "พูดกันให้รู้เรื่องตอนนี้เลยดีกว่า ในเมื่อพี่รู้ว่ามี่กำลังจะมีลูก พี่ก็ยังอยากไปอยู่ใช่ไหม" คำถามนั้นแทงใจดำของเขาอย่างจัง จนปฏิเสธไม่ได้ มิรันดาเหยียดยิ้มทั้งน้ำตา เพียงแค่มองตาเธอก็ได้คำตอบจากเขา อยู่กันมาสี่ปีไม่นับที่คบกันมาตอนสมัยเรียนอีก เธอรู้ใจเขาทุกอย่าง แค่มองตาก็รู้ว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร รู้สึกยังไง ไม่ต้องพูดออกมาด้วยซ้ำ "งั้นพี่ก็ไปเถอะ อยากจะอยู่ห่างแค่ไหน เอาที่พี่สบายใจเลย ไม่ต้องห่วงมี่ ของขวัญชิ้นนี้ในเมื่อพี่ไม่ต้องการงั้นก็ทิ้งไปเถอะ"
“ผมยังไม่อยากมีลูก...” นพรดาสะดุดลมหายใจ หัวใจหนาววูบจนชาไปทั้งตัวเมื่อได้ยินคำนั้นจากปากเขา “บอสไม่อยากมีลูก หรือไม่อยากมีลูกกับเก้ากันแน่” “ก็ทั้งสองอย่าง ผมยังไม่พร้อมจะมีลูกหรือมีใครเข้ามาในชีวิตตอนนี้” นพรดาเม้มริมฝีปากแน่น ใจสั่นรัวๆ เมื่อได้ยินถ้อยคำแสลงหูจากปากคนไร้หัวใจ “เอาเถอะ ถ้าคุณมีลูกกับผมจริง เราค่อยว่ากันอีกทีแล้วกัน ถ้าคุณอยากเก็บเด็กไว้แต่เลี้ยงเองไม่ไหวหรือไม่อยากเลี้ยง ผมจะเอาเด็กมาเลี้ยงเอง” ถึงยังไงพ่อกับแม่ของเขาก็อยากมีหลานอยู่แล้วคงไม่ขัดข้องอะไร “แต่ถ้าคุณไม่ต้องการเก็บเด็กไว้ ผมก็ไม่ว่า และเคารพการตัดสินใจของคุณ แล้วก็จะให้เงินคุณก้อนหนึ่งเป็นค่าชดเชยในสิ่งที่คุณต้องเสียไป ถือว่าเป็นความรับผิดชอบจากผมแล้วกัน” นพรดาหันขวับไปมองเขาตาเขม็ง ในใจเริ่มเดือดปุดๆ “แล้วถ้าเก้าไม่ยอมเลือกสองทางนี้ล่ะคะ” “แล้วคุณต้องการอะไรกันล่ะ” “ถ้าเก้าบอกว่าต้องการคุณกับทะเบียนสมรสหนึ่งใบในฐานะเมียและแม่ของลูกคุณล่ะคะ บอสจะว่ายังไง” “ฝันไปเถอะ” “นั่นไม่ใช่คำขอร้อง แต่เป็นประโยคบอกเล่า” “ผมขอเตือนคุณไว้สักอย่างนะนพรดา หากคุณโลภมากและเรียกร้องสถานะเกินตัว คุณก็จะไม่ได้อะไรจากผมเลย แม้แต่ความเป็นพ่อของเด็กถ้าหากว่าคุณท้องขึ้นมาจริงๆ” “ได้ค่ะ งั้นคุณก็จำคำพูดนี้ไว้ให้ดีแล้วกันนะคะ ฉันจะไม่เรียกร้องอะไรจากคุณอีก และคุณเองก็ไม่มีสิทธิ์จะมาเรียกร้องอะไรจากฉันเหมือนกัน แล้วถ้าฉันเกิดมีลูกขึ้นมาจริงๆ ฉันก็จะบอกเขาว่าพ่อเขาตายไปแล้ว แต่ถ้าลูกอยากมีพ่อ ฉันก็จะหาพ่อใหม่ให้เขาสักคน อืม...แบบนี้ก็เข้าท่าดีเหมือนกันนะ” อย่านะ...อย่ามาเสียดายทีหลังก็แล้วกันคนใจร้าย!
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"
ทะลุมิติมาในนิยายยุค 80 ว่ายากลำบากแล้วเธอยังต้องมาเลี้ยงลูกแฝดและวางแผนหนีชะตาชีวิตที่นักเขียนระบุให้ตายอย่างทรมานภายใต้เงื้อมมือของพ่อตัวร้ายอีก สวรรค์!ยังจะมีตัวละครทะลุมิติใดบัดซบเท่าเธออีกหรือไม่
หลังจากถูกแฟนหนุ่มและเพื่อนสนิทของเธอจัดฉาก เฉี่ยนซีก็จบลงด้วยการใช้เวลาทั้งคืนกับชายแปลกหน้าลึกลับคนนั้น เธอมีความสุขมาก แต่พอเธอตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้น เธอก็รู้สึกแย่กับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกผิดทั้งหมดของเธอถูกชะล้างออกไป เมื่อเธอเห็นใบหน้าของชายที่นอนอยู่ข้างเธอ เธอจึงเอ่ยด้วยเสียงเบา ๆ ที่ว่า "ผู้ชายอะไร ทำไมหล่อจัง" และเธอก็ต้องตกใจกับสิ่งที่เห็น ความผิดของเธอกลายเป็นความละอายใจโดยทันที และมันทำให้เธอตัดสินใจทิ้งเงินจำนวนหนึ่งไว้ให้ชายผู้นั้นก่อนที่เธอจะจากไป "เจ๋อข่าย" รู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นเงินดังกล่าว พร้อมกับคิดว่า 'ผู้หญิงคนนั้นพยายามจะจ่ายเงินให้ฉัน ราวกับว่า ฉันเป็นผู้ชายขายบริการอย่างนั้นหรอ? ' เขารู้สึกโกรธ จึงต้องการดูภาพจากกล้องวงจรปิดของโรงแรม เขาสั่งผู้ช่วยของเขาด้วยใบหน้าที่จริงจังพร้อมขมวดคิ้ว "ผมอยากรู้ว่า ใครอยู่ในห้องของผมเมื่อคืนนี้" 'อย่าให้เจอนะ ถ้าเจอเมื่อไหร่จะสั่งสอนให้เข็ดเลย! ' เรื่องราวของพวกเขาจะเป็นอย่างไรต่อไปนะ
ต่อหน้าทุกคน เธอเป็นเลขานุการส่วนตัวของท่านประธาน โดยส่วนตัวแล้ว เธอเป็นภรรยาของเขา กู้เวยยีรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อเธอทราบว่าตนเองตั้งครรภ์ ทว่าเธอกลับเห็นฟู่จิงเฉินกับรักแรกของเขาสิทสนมกัน... เธอจากไปอย่างเศร้าใจและตัดสินใจที่จะให้พวกเขาสมหวัง ต่อมา เมื่อฟู่จิงเฉินมองดูท้องที่ยื่นออกมาของเธอ และถามอย่างตื่นเต้นว่า "้กู้เวยยี นี่คือลูกของใคร!" เธอตอบอย่างหัวเราะเยาะ "มันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณด้วย อดีตสามี!"
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"
ในวันแต่งงาน เสิ่นเยวียนถูกคู่หมั้นและน้องสาวของเธอทำร้าย และถูกจำคุกเป็นเวลาสามปีด้วยความทุกข์ทรมาน หลังจากได้รับการปล่อยตัวจากคุก น้องสาวผู้ชั่วร้ายได้คุกคามด้วยชีวิตแม่และพยายามให้เธอมอบตัวกับชายชรา อย่างไรก็ตาม เธอได้พบกับเซียวเป่ยหาน ซึ่งเป็นผู้ทรงอิธิพลที่หล่อเหลาและเย็นชาแห่งแห่งสังคมด้านมืด อย่างไม่คาดคิด และชะตากรรมของเธอก็เปลี่ยนไปตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แม้ว่าเซียวเป่ยหานจะเย็นชา แต่เขากลับปฏิบัติต่อเสิ่นเยวียนดั่งเป็นสมบัติล้ำค่า นับแต่นั้นมา เธอจัดการคนเสแสร้ง เอาคืนแม่เลี้ยงและไม่ถูกกลั่นแกล้งอีกต่อไป