โปรยปราย ครั้งหนึ่งเขาเคยไล่ส่งเธอให้ออกไปจากชีวิตไม่ต้องมาให้เห็นหน้า แล้วเธอก็หายไปสมใจเขาจริงๆ ทำให้เขารู้ว่ามันเหงาแค่ไหนที่ไม่มีเธออยู่ ครั้งนี้เธอกลับมาเป็นคนใหม่ที่ไม่สนใจไม่คอยวิ่งไล่ตามกวนใจเขาอีกต่อไป กลับเป็นเขาเองที่อยากเข้ามาวุ่นวายวอแว และทวงคืนเธอกลับมาอยู่ข้างกายอีกครั้ง แต่มันจะเป็นไปได้ยังไงเล่า เมื่อวันนี้ข้างกายเธอไม่ได้มีแค่เขาแต่มีหนุ่มอีกหลายคนที่อยากเข้ามาท้าชิงหัวใจเธอเช่นกัน แถมเจ้าตัวแสบก็ทำเหมือนไม่อยากใกล้พี่ชายตัวร้ายอย่างเขาอีกแล้ว แม้ต้องอยู่บ้านเดียวกันก็ตาม แต่เธอก็เอาแต่หลบหน้าชนิดที่ว่าหากเขาเข้าประตู เธอก็จะปีนหน้าต่างหนีออกไปไม่ให้เขาได้พบง่ายๆ เหมือนวันเก่า แถมมีกองหนุนคือพ่อแม่ของเขาที่ในอดีตเคยอยากจับเขาคลุมถุงชนแต่งกับลูกเพื่อนรักใจจะขาด แต่มาวันนี้ กองเชียร์กลับแปรพักตร์มารับบทเป็นกองห้าม “แกจะรักใครก็รักไปพ่อกับแม่ไม่ว่า ไม่ขัดขวาง เพียงบอกมาคำเดียวว่ารักพวกเราจะไปสู่ขอให้” จิรายุยิ้มกริ่มสมใจ แต่ทว่ารอยยิ้มนั้นอยู่เพียงไม่ถึงเสี้ยววินาทีก็หายไปเมื่อได้ยินประโยคถัดมาของแม่ “ยกเว้นคนเดียวที่แกห้ามแตะต้องเด็ดขาดคือหนูดรีมของฉัน คนนั้นฉันจะเก็บไว้ให้ผู้ชายดีๆ ที่ไม่ใช่แก!” อ้าวแม่! แล้วแบบนี้เมื่อไหร่ล่ะที่เขาจะได้หัวใจเธอกลับมาครองอีกครั้งกันเล่า... เรามาลุ้นกันว่ารากรักที่มันหยั่งลึกในใจสองหนุ่มสาวคู่นี้ มันจะเหนียวแน่นแข็งแรงพอให้เขาทั้งสองได้ลงเอยกันได้ไหมนะ มาเอาใจช่วยกันค่า
“เราเลิกกันเถอะค่ะ”
“ครับ”
คำตอบรับง่ายๆ แทบไม่เสียเวลาในการคิดแม้แต่วินาทีเดียวทำให้คนบอกเลิกถึงกับอึ้งไปเลย ด้วยคิดว่าอีกฝ่ายควรยับยั้งการตัดสินใจนี้ หรืออย่างน้อยก็ควรวิงวอน ไม่ก็ควรมีเยื่อใยอะไรให้เธอบ้าง ค่าที่เสียเวลาคบหา ควงไปไหนมาไหนด้วยกันตั้งเกือบหนึ่งเดือนเต็ม
ไม่สิ! จะเรียกว่าคบกันเต็มปากคงไม่ได้ เพราะที่ผ่านมามีแต่เธอที่แอบรักและคอยวิ่งตามเขาอยู่ฝ่ายเดียว แถมยังเป็นฝ่ายขอคบหาเขาก่อนอีกต่างหาก ก็ใครใช้ให้เขาไม่ปฏิเสธเล่า เธอขอคบเขาก็ตอบรับด้วยคำเดียวกับที่ได้ยินเมื่อครู่
‘ถ้าคุณยังไม่มีใคร เรามาลองคบกันดูไหมคะ’
‘ครับ’
มันน่าโมโหจริงๆ เธอคิดว่าความสวยและเสน่ห์ที่มีจะใช้ผูกใจอีกฝ่ายที่มีกิตติศัพท์...พระอิฐพระปูน คนใจแข็งเหมือนอิฐเหมือนปูน หักอกสาวๆ มานับไม่ถ้วนได้ แต่สุดท้ายผลก็ออกมาเป็นแบบที่เห็นนี่ไง
เธอเป็นฝ่ายทนไม่ได้เสียเอง ทีแรกก็กะเพียงแค่จะลองใจ บอกเลิกดู เผื่อว่าเขาจะเห็นค่าหรือหันมาเสียดายกันบ้าง แต่ก็เปล่า คนตรงหน้ายังทำเหมือนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นก็แค่เรื่องธรรมดามาก มาตอนนี้ชักไม่แน่ใจแล้วว่าใครกันแน่ที่ควรอกหักระหว่างเขาหรือเธอ!
“นี่! ใจคอคุณจะไม่ถามสักคำเหรอคะว่าทำไมฉันขอเลิกกับคุณแบบนี้” เหลืออดเต็มทนจึงโพล่งออกไปแบบคนไม่มีอะไรจะเสีย
“ครับ ถ้าคุณอยากบอกก็เชิญ” ใบหน้าเย็นชาแต่มีเสน่ห์แห่งบุรุษที่สาวๆ ใฝ่ฝันนั่นทำให้คนบอกเลิกนึกเสียดายขึ้นมา แต่จะมากลับคำตอนนี้ก็ใช่ที่ มีแต่ขายหน้าคนใจร้ายอย่างเขา ก็ยังดีที่เสียแค่หน้า ไม่ทันได้เสียตัว
ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่เคยอ่อยหวังใช้ความสาวเข้าผูกมัด แต่เป็นอีกฝ่ายที่อ่อยเท่าไหร่เขาก็ไม่ยอมหลวมตัวขึ้นเตียงด้วยต่างหาก ผู้ชายอะไรโง่เง่าสิ้นดี
หากทว่าคนอย่าง จิรายุ ปรีดากุล ก็ยังไม่แคล้วมีสาวๆ ทั้งสาวน้อยสาวใหญ่ดาหน้าเข้ามาท้าชิงหัวใจเขาอยู่เนืองๆ ชนิดเลิกปุ๊บ มีคนพร้อมเสียบปั๊บ แล้วคบไม่นานก็อกหักดังเป๊าะเหมือนเช่นเธอเวลานี้ไง
“คุณมันหล่อซะเปล่า แต่นิสัยห่วยสิ้นดีเลย คนไร้หัวใจ!” คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเพียงนิด แต่ให้ตายเถอะ มันทำให้ใบหน้านั้นดูน่ามองชะมัดเลย
“เท่านี้เหรอครับเหตุผล?”
“คนบ้า ฉันขอให้สักวันคุณโดนคนที่คุณรักทำแบบเดียวกับที่คุณทำกับฉันบ้าง ขอให้เขาเมินคุณเหมือนที่คุณทำ ขอให้เขามีคนอื่น โดนนอกใจ ขอให้คุณอกหักยับเยินเจ็บช้ำปางตาย”
ยิ่งพูดอารมณ์ยิ่งขึ้น น้ำตาไหลพรากๆ แต่อีกฝ่ายก็ยังคงเมินเฉยเหมือนคนไร้ความรู้สึก โมโหอยากรู้นักว่าเขาจะทนได้สักแค่ไหนเชียว มือบางจึงหันไปฉวยแก้วกาแฟที่มีควันโชยกรุ่นเงื้อขึ้น หากทว่าเป้าหมายเพียงปรายตามองอย่างเย็นชาแต่น่ากลัวในที ก็ทำเอาใจฝ่อด้วยเกรงว่าหากทำอย่างที่คิดสาดมันไปที่ร่างสง่าผึ่งผายนั่นไป มันอาจจะทำให้สะใจเพียงครู่ แต่บางทีศพเธออาจไม่สวยในตอนจบก็เป็นได้ เห็นนิ่งๆ แบบนี้ ใครจะรู้ว่าเวลาโกรธขึ้นมาบุรุษตรงหน้าจะร้ายกาจเพียงใด
“ฉันจะรอวันนั้น และรอสมน้ำหน้าคุณอย่างสาสม คนใจร้าย!”
ว่าแล้วเจ้าหล่อนก็กระแทกแก้วนั้นลงที่เก่าอย่างแรงจนกาแฟกระฉอกจากแก้ว ก่อนเดินกระฟัดกระเฟียดปึงปังออกไปโดยไม่เหลียวหลัง
ฝ่ายคนถูกบอกเลิกแถมโดนแช่งคงเบนสายตากลับมาสนใจงานตรงหน้าต่อราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น หากไม่มีเสียงปรบมือดังขึ้นเสียก่อน
ดวงตาคมตวัดมองต้นเสียงที่เดินตรงเข้ามาด้วยรอยยิ้มขบขันอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นักที่โดนขัดสมาธิในการทำงานครั้งแล้วครั้งเล่า
“จะมาสมน้ำหน้าหรือไงก็รีบว่ามา”
“ไอ้คนใจร้าย! ใจดำ! อำมะหิตเลือดเย็น!” คนพูดเป็นชายหนุ่มผู้มีใบหน้าคมคายอย่างชายไทยแท้ “แกทำกับสาวสวยๆ แบบนี้ได้ไงวะ”
“ฉันทำอะไร” ก็เห็นๆ อยู่ว่าเขาแค่นั่งนิ่งๆ ฝ่ายนั้นต่างหากที่มาบอกเลิก แถมไม่พอยังแช่งเขายับอีกต่างหาก
“แกหักอกเขา! หักอกเขาในวันแห่งความรักเสียด้วย ไม่ด่าใจร้าย แกควรโดนแพ่นกบาลแยกอีกสักทีสองที ฉันจะไม่แปลกใจเลย”
“วันแห่งความรัก?”
“เออสิ วันนี้วันวาเลนไทน์ แกไม่รู้เรอะ” คนเป็นเพื่อนไม่ได้แปลกใจเพราะอีกฝ่ายนั้น นอกจากงานและงานที่ทำอยู่ ก็ไม่เห็นว่าจะสนใจอะไร เห็นใจร้ายแบบนี้เถอะ แต่ดวงนารีมันแรงนัก สาวๆ ใจกล้าพร้อมดาหน้าเข้ามาหาเป็นกองทัพ ที่แสบคือไม่ว่าใครขอคบมันไม่เคยปฏิเสธเขาสักราย แต่ก็ไม่มีใครคบมันรอดเกินเดือนซักรายเช่นกัน คนเมื่อกี้ได้ข่าวว่าเข้ามาตรฐานตามเกณฑ์เดือนหนึ่งเป๊ะเลย
“ถามจริงเถอะ ไม่รักไม่ชอบเขา ทำไมถึงไม่บอกไปดีๆ วะ แกเองก็ไม่มีใครที่ชอบนี่หว่า หรือมี?”
“น้าภพของพริวไม่เห็นแก่ตรงไหนเลย” “ตอนนี้ยังไม่แก่ แต่อีกสักสิบปีข้างหน้าก็อายุนำพริวไปตั้งโยชน์แล้ว ถึงตอนนั้นพริวจะยังรักคนแก่คนนี้หรือเปล่า หืม...” ดวงตาคมกริบทอดมองแม่สาวน้อยวัยทีนคนสวยของเขาอย่างลึกซึ้ง “ไม่รู้สิคะ พริวขอดูความประพฤติก่อน ถ้าน้าภพนอกลู่นอกทางก็ไม่แน่” ดวงตาซุกซนสบตาเขาอย่างยั่วเย้า “แก่ป่านนั้น แค่พริวคนเดียวน้าก็คงหมดแรงตายคาอกแล้วมั้ง” “คำก็แก่สองคำก็แก่ เห็นพริวรักคนที่หน้าตาหรืออายุเหรอคะ นี่ต่างหาก...” เด็กสาวใช้นิ้วชี้จิ้มลงที่หน้าอกข้างซ้ายของเขา “พริวรักน้าภพที่ตรงนี้ที่...หัวใจ” ชายหนุ่มยิ้มอบอุ่น ลูกเลี้ยงสาวของเขาช่างน่ารักเหลือเกิน โอ้ย...เขาอยากรักเด็กขึ้นมาอีกแล้ว “แล้วพริวอยากรู้ไหมว่านอกจากหัวใจแล้วน้าอยากรักพริวที่ตรงไหนอีก” ดวงตาเจ้าเล่ห์ลุกวาว ***************************************** ‘ธนภพ’ พระเอกเรื่องนี้มีดีที่ดีกรีความหื่น และแซ่บเว่อร์ไม่แพ้ใคร ส่วน ‘ภาวิดา’ นางเอกของเราถึงจะอายุยังน้อยแต่นางก็ไม่ได้ไร้เดียงสาหน่อมแน้มจนน่าหมั่นไส้เสียทีเดียว ฉะนั้นใครที่ไม่นิยมแนวประมาณนี้จะผ่านไปก็ไม่ว่ากันนะคะ แต่ก่อนผ่านแนะนำว่าให้ลองอ่านตัวอย่างก่อนสักนิด และโปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจตีจากกันไปทั้งที่ยังไม่รู้จักกันนะคะ น้าภพขอร้อง (แอบกัดผ้าเช็ดหน้าตาปรอย)
เธอแค่อยากลองใจโดยการให้ของขวัญสุดพิเศษกับคนรัก แต่...เขาดันไม่ดีใจ แล้วมาบอกให้เราอยู่ห่างกันสักพัก ทั้งๆ ที่รู้ว่าเธอท้องลูกของเขา ผัวเฮงซวยเอ๊ย!!! อยากไปก็ไป ฉันจะหาพ่อใหม่ให้ลูก ไปแล้วอย่ามาหอนทีหลังนะ ชิ! "นี่พี่จะโทษว่ามี่ตั้งใจปล่อยท้องงั้นเหรอ" "เปล่า พี่ไม่ได้คิดแบบนั้น แต่ว่า...พี่ยังไม่พร้อมจะแต่งงานหรือมีลูกตอนนี้ มี่เข้าใจพี่หน่อยได้ไหม" มิรันดาสะอึกเมื่อได้ฟังเหตุผลห่วยแตกของเขา คำว่าไม่พร้อมนั่นคืออะไร "พี่ไม่พร้อมแต่งงาน ไม่พร้อมมีลูก แต่พร้อมจะไปจากมี่ นี่หรือเปล่าที่พี่อยากให้มี่เข้าใจ" หญิงสาวเอ่ยทั้งน้ำตาที่ไหลรินกลบภาพคนรักตรงหน้าจนมองไม่เห็นความรักในดวงตาคู่นั้นอีกแล้ว คนหนึ่งหมดรัก หมดใจ แต่อีกคนกลับยังรักหมดใจ ใครควรเจ็บกว่าถ้าไม่ใช่เธอ "พูดกันให้รู้เรื่องตอนนี้เลยดีกว่า ในเมื่อพี่รู้ว่ามี่กำลังจะมีลูก พี่ก็ยังอยากไปอยู่ใช่ไหม" คำถามนั้นแทงใจดำของเขาอย่างจัง จนปฏิเสธไม่ได้ มิรันดาเหยียดยิ้มทั้งน้ำตา เพียงแค่มองตาเธอก็ได้คำตอบจากเขา อยู่กันมาสี่ปีไม่นับที่คบกันมาตอนสมัยเรียนอีก เธอรู้ใจเขาทุกอย่าง แค่มองตาก็รู้ว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร รู้สึกยังไง ไม่ต้องพูดออกมาด้วยซ้ำ "งั้นพี่ก็ไปเถอะ อยากจะอยู่ห่างแค่ไหน เอาที่พี่สบายใจเลย ไม่ต้องห่วงมี่ ของขวัญชิ้นนี้ในเมื่อพี่ไม่ต้องการงั้นก็ทิ้งไปเถอะ"
“ผมยังไม่อยากมีลูก...” นพรดาสะดุดลมหายใจ หัวใจหนาววูบจนชาไปทั้งตัวเมื่อได้ยินคำนั้นจากปากเขา “บอสไม่อยากมีลูก หรือไม่อยากมีลูกกับเก้ากันแน่” “ก็ทั้งสองอย่าง ผมยังไม่พร้อมจะมีลูกหรือมีใครเข้ามาในชีวิตตอนนี้” นพรดาเม้มริมฝีปากแน่น ใจสั่นรัวๆ เมื่อได้ยินถ้อยคำแสลงหูจากปากคนไร้หัวใจ “เอาเถอะ ถ้าคุณมีลูกกับผมจริง เราค่อยว่ากันอีกทีแล้วกัน ถ้าคุณอยากเก็บเด็กไว้แต่เลี้ยงเองไม่ไหวหรือไม่อยากเลี้ยง ผมจะเอาเด็กมาเลี้ยงเอง” ถึงยังไงพ่อกับแม่ของเขาก็อยากมีหลานอยู่แล้วคงไม่ขัดข้องอะไร “แต่ถ้าคุณไม่ต้องการเก็บเด็กไว้ ผมก็ไม่ว่า และเคารพการตัดสินใจของคุณ แล้วก็จะให้เงินคุณก้อนหนึ่งเป็นค่าชดเชยในสิ่งที่คุณต้องเสียไป ถือว่าเป็นความรับผิดชอบจากผมแล้วกัน” นพรดาหันขวับไปมองเขาตาเขม็ง ในใจเริ่มเดือดปุดๆ “แล้วถ้าเก้าไม่ยอมเลือกสองทางนี้ล่ะคะ” “แล้วคุณต้องการอะไรกันล่ะ” “ถ้าเก้าบอกว่าต้องการคุณกับทะเบียนสมรสหนึ่งใบในฐานะเมียและแม่ของลูกคุณล่ะคะ บอสจะว่ายังไง” “ฝันไปเถอะ” “นั่นไม่ใช่คำขอร้อง แต่เป็นประโยคบอกเล่า” “ผมขอเตือนคุณไว้สักอย่างนะนพรดา หากคุณโลภมากและเรียกร้องสถานะเกินตัว คุณก็จะไม่ได้อะไรจากผมเลย แม้แต่ความเป็นพ่อของเด็กถ้าหากว่าคุณท้องขึ้นมาจริงๆ” “ได้ค่ะ งั้นคุณก็จำคำพูดนี้ไว้ให้ดีแล้วกันนะคะ ฉันจะไม่เรียกร้องอะไรจากคุณอีก และคุณเองก็ไม่มีสิทธิ์จะมาเรียกร้องอะไรจากฉันเหมือนกัน แล้วถ้าฉันเกิดมีลูกขึ้นมาจริงๆ ฉันก็จะบอกเขาว่าพ่อเขาตายไปแล้ว แต่ถ้าลูกอยากมีพ่อ ฉันก็จะหาพ่อใหม่ให้เขาสักคน อืม...แบบนี้ก็เข้าท่าดีเหมือนกันนะ” อย่านะ...อย่ามาเสียดายทีหลังก็แล้วกันคนใจร้าย!
“ท้อง! อย่าบอกนะว่าลูกผม!” ราวกับถูกลากไปตบกลางสี่แยก จารุพัชรรู้สึกหน้าชาเห่อไปทั้งแถบแม้จะยังไม่โดนตบก็เถอะ เธอมีอะไรกับเขาตั้งหลายยกขนาดนั้นแล้วจะให้เป็นลูกใครล่ะ “ลูกแมวมั้งคะ” พอเห็นสายตาเขียวปั๊ดที่พร้อมจะขย้ำหัวเธอได้ทุกเมื่อ “อยู่ในท้องฉันก็ต้องเป็นลูกฉันสิคะ! ลูกฉันคนเดียว” “คุณเป็นปลากัดหรือไง ถึงได้จ้องตากันแล้วท้องเองได้” ก็ถ้ากัดได้ เธอก็อยากกัดหัวเขาเนี่ยแหละคนแรก กวนประสาทดีนัก “ก็คุณบอกฉันเองเมื่อกี้ว่า...อย่าบอกนะว่าท้องลูกผม ฉันก็ไม่บอกแล้วนี่ไงจะเอาอะไรอีกคะ” พูดมาขนาดนี้ เธอก็พอรู้แล้วล่ะว่าเขาไม่ได้ต้องการเธอกับลูก ยังดีที่เขาไม่ใจร้ายบอกให้เธอไปเอาเด็กออก แค่นี้ก็บุญแล้ว “เฮ้อ...ถ้าคุณห่วงว่าฉันกับลูกจะมาทำให้ชื่อเสียงพระเอกซุปเปอร์สตาร์ของคุณต้องพังพินาศล่ะก็ ขอให้คุณสบายใจได้ เพราะฉันไม่ทำอะไรสิ้นคิดแบบนั้นแน่ ต่อไปฉันจะไม่มาให้คุณเห็นหน้าอีก คราวนี้ฉันรับรองได้ ส่วนลูกในท้อง ฉันจะเลี้ยงเขาเอง ไม่ไปรบกวนคุณหรือทำให้แฟนสาวไฮโซของคุณเข้าใจผิดแน่ๆ ไม่ต้องห่วงนะคะ” “พูดจบหรือยัง” ธิเบศเอ่ยด้วยเสียงเย็นเฉียบ ตาเหยี่ยวคมจัดของเขาจ้องหน้าเธอราวกับจ้องเหยื่อพร้อมขย้ำได้ทุกเมื่อ “จบก็ได้ค่ะ เป็นอันว่าคุณเข้าใจแล้วเนอะ งั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ” จ้องอะไรเบอร์นั้นนะ ตาดุชะมัด รีบชิ่งหนีก่อนจะโดนกินหัวดีกว่า “เดี๋ยว!” มือที่เตรียมเปิดประตูรถชะงักกึก “คะ...คุณมีอะไรอีกคะ” “ผมบอกคุณซักคำหรือยังว่าจะไม่รับผิดชอบลูก” “หา!” เธอหูฝาดไปใช่ไหม เขาจะรับผิดชอบลูกในท้องเธองั้นเหรอ เป็นไปได้หรือเนี่ย “ถ้าเขาเป็นลูกผมจริงๆ ผมจะรับผิดชอบเขาแน่” “หืม...” หมายความว่าไงวะเนี่ย ยิ่งฟังก็ยิ่งงง “เดี๋ยวนะคะ คุณบอกว่าถ้าเขาเป็นลูกคุณจริงๆ แปลว่าคุณไม่เชื่อว่าเด็กในท้องฉันเป็นลูกคุณงั้นสิ ฉันเข้าใจถูกไหม” “อืม...ก็ทำนองนั้น” คราวนี้ยิ่งกว่าโดนลากไปตบกลางสี่แยก แต่เหมือนโดนเขาสาดหน้าด้วยน้ำกรดซ้ำเข้าไปอีกถังใหญ่ จนหัวใจปวดแสบปวดร้อนไปหมด ตาบ้านี่คิดว่านอกจากเขา เธอยังไปนอนกับคนอื่นจนท้องแล้วมาโมเมว่าเป็นลูกเขาอย่างนั้นเหรอ… ++++++++++++++++++++++++++++
"ฉันจะนอนกับคุณทุกที่ ทุกเวลา และทุกครั้งที่คุณต้องการ เพื่อแลกกับอิสรภาพของพ่อฉัน" "แล้วถ้าผมไม่ตกลงล่ะ" ในที่สุดเขาก็พูดออกมาจนได้ ยาหยีก้มหน้าซ่อนความเจ็บช้ำเอาไว้จนมิด ก่อนจะเงยหน้าขึ้นอีกครั้งและพูดออกไปเสียงแผ่วเบา "ฉันจะให้คุณดูสินค้าก่อนก็ได้...แล้วค่อยตัดสินใจ" เมื่อบิดาของตนเป็นโจรขโมยเพชรล้ำค่าของตระกูลมาเฟียที่ยิ่งใหญ่แห่งกรุงมอสโค ยาหยี จำต้องโยนศักดิ์ศรีของตัวเองทิ้งแล้วกลายเป็นหญิงไร้ยางอายเพื่อให้บิดารอดพ้นจากเงื้อมมือมัจจุราชอย่างเขา ทางเลือกเพียงทางเดียวที่มีคือยอมพลีกายให้ผู้ที่ขึ้นชื่อว่าหล่อเหลาในสามโลกได้เชยชม สาวพรหมจรรย์อย่างหล่อนแทบขาดใจตายเพราะบทพิศวาสเร่าร้อนรุนแรงที่ไม่เคยได้พานพบ ความวาบหวามครั้งแล้วครั้งเล่าที่เขามอบให้ทำให้ยาหยีคลั่งไคล้ในรสสิเน่หา กายสาวร่ำร้องโหยหาแต่เขาเพียงผู้เดียว หากภายในใจก็ต้องคอยย้ำเตือนตนเองไว้ว่า หล่อนก็เป็นได้แค่ของเล่นชั่วคราว สักวันพอเขาเบื่อ ก็จะถูกเขี่ยทิ้งอย่างไร้ความปรานี!! จากที่คิดจะตามไล่ล่าเด็ดหัวคนทรยศให้แดดิ้นไปต่อหน้า คอร์เนล ซีร์ยานอฟ เจ้าพ่อยักษ์ใหญ่แห่งวงการโทรคมนาคมในประเทศรัสเซีย ก็เปลี่ยนเป้าหมายทันทีเมื่อได้เจอสาวน้อยนัยน์ตากลมหวานซึ้ง ใบหน้าหวานๆ ส่งผลให้เขาต้องการอยากครอบครองหล่อนแทบคลั่ง คอร์เนลมั่นใจว่ามันจะมีผลกับร่างแกร่งได้ไม่นานหรอก เพราะสำหรับเขา ผู้หญิงคือวัตถุทางเพศเคลื่อนที่ได้เท่านั้น เพียงได้ลิ้มลองแค่ครั้งเดียว เขาก็ไม่เคยหันกลับไปกินของเก่าอีก แต่ทฤษฎีนี้กลับใช้ไม่ได้ผลกับหล่อน ให้ตายสิ! เขาไม่เคยรู้สึกติดใจผู้หญิงรุนแรงขนาดนี้มาก่อน คอร์เนลหลงใหลเนื้อนุ่มจนกลายเป็นเสพติด ทั้งที่ความยโสโอหังของบุรุษเลือดเย็นเยี่ยงเขาพยายามบอกกับตนเองว่า เขายังเชยชมร่างงามไม่คุ้มค่ากับสิ่งที่สูญเสียไป แต่ภายในใจลึกๆ กลับตะโกนก้องสวนทางออกมาว่า เขาขาดเธอไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว!!
ในสายตาของเขา เธอเป็นคนขี้โกหก ในสายตาของเธอ เขาเป็นคนไร้หัวใจ เดิมทีถังหว่านคิดว่าเธอคือคนพิเศษหลังจากอยู่กับเสิ่นติงหลานมาสองปี แต่สุดท้ายก็พบว่าตัวเองเป็นแค่ของเล่นที่สามารถทิ้งได้อย่างตามใจเมื่อไม่มีค่าอีกต่อไป จนกระทั่งถังหว่านเห็นว่าเสิ่นติงหลานพาคนรักของเขาไปตรวจครรภ์ เธอจึงยอมแพ้แล้ว เธอหยุดติดตามเขาอีก แต่จู่ๆ เขากลับไม่ยอมปล่อยเธอไป "ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ทำไมคุณไม่ปล่อยฉันไปล่ะ?" ชายผู้เคยหยิ่งยะโสขนาดนั้น ตอนนี้ก้มหัวลงและขอร้องว่า "หวานหว่าน ฉันผิดไปแล้ว โปรดอย่าทิ้งฉันไป"
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"
อดีตนักฆ่าสาวอันดับหนึ่ง ผู้มีใจคอโหดเหี้ยมได้ทะลุมิติอยู่ในร่างสาวน้อยรูปโฉมอัปลักษณ์ ที่ทุกคนต่างสาปส่งและรังแกสารพัด!
หลี่เมิ่งเหยาย้อนเวลามาอยู่ในร่าง ของเด็กสาววัยสิบสองปี ในวันที่มารดาอนุผู้โง่เขลา ถูกขับไล่ออกจากจวน โชคยังดีที่ตอนตาย นางสวมกำไลหยกโลกันตร์เอาไว้ มันจึงติดตามนางมาที่นี่ด้วย +++ 1 : มารดาโง่ จนถูกไล่ออกจากตระกูล จวนตระกูลหลี่เจ้าเมืองถัง สตรีสองนางถูกสาวใช้จับคุกเข่าลง ตรงหน้าของหลี่หงซวนเจ้าเมืองถัง ทั้งยังเป็นพ่อสามีของทั้งคู่อีกด้วย ท่านกำลังสอบสวนเรื่องของสะใภ้ใหญ่ของบ้านสาม ถูกฮูหยินรองกับอนุรวมหัวกันลอบทำร้าย ด้วยการวางยาขับเลือดในถ้วยน้ำแกงบำรุงครรภ์ ทำให้นางต้องสูญเสียทารกในครรภ์ไป “ท่านพ่อข้าไม่รู้จริง ๆ ว่านั่นเป็นยาขับเลือด ฮูหยินรองบอกว่าเป็นน้ำแกงบำรุงครรภ์ ให้ข้าเป็นคนนำไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ เป็นนางนั่นเอง นางหลอกข้า !” เฉาซูหลิ่งชี้นิ้วไปทางสตรีด้านข้าง ร้อนรนเอ่ยออกมาเหมือนคนไม่ได้รับความเป็นธรรม “อนุเฉาเจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ เจ้าทำคนเดียวทั้งนั้นไม่เกี่ยวกับข้าเลย” ฮูหยินรอง ถูซวงอี้ ชี้นิ้วใส่หน้าเฉาซูหลิ่งกลับคืน ต่างคนต่างโยนความผิดให้กัน ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเยี่ยนหนานโบกมือให้คนเข้ามา “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าสองคนพูดความจริง แต่กลับไม่มีใครยอมรับความผิดแม้แต่คนเดียว มันน่าจับส่งทางการให้รู้แล้วรู้รอด” พ่อบ้านหลัวให้คนลากสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา สภาพของนางถูกทรมานจนเนื้อตัวบวมช้ำไปหมด “เรียนนายท่านข้าให้คนไปค้นห้องสาวใช้ทุกคนในจวน พบเทียบยาซ่อนไว้ใต้หมอน จากห้องของสาวใช้คนนี้ขอรับ” ถูซวงอี้ถึงกับคุกเข่าต่อไปไม่ไหว ทิ้งตัวลงไปนั่งอยู่บนพื้น สาวใช้ที่ถูกทรมานจนสภาพน่าเวทนานั่น เป็นเสี่ยวอิงสาวใช้สินเดิมของนางเอง “ฮูหยินรอง ข้าขอโทษ ข้าทนต่อไปไม่ไหวจริง ๆ ข้าขอโทษ !” เสี่ยวอิงโขกศีรษะลงตรงหน้าของถูซวงอี้แรง ๆ น้ำตาไหลนองหน้าจน แทบไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว พ่อบ้านหลัวเอ่ย “ข้าให้คนไปถามที่หอโอสถแล้วขอรับนายท่าน เป็นเทียบยาขับเลือดจริง ๆ” หลี่หงซวนมองไปทางบุตรชายคนที่สามของตน พบว่าเขามีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก สตรีที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าคือฮูหยินรอง กับอนุภรรยาที่เขารักใคร่ไม่ต่างกัน เหตุใดถึงได้คิดร้ายต่อฮูหยินใหญ่ของเขาได้ เป็นเหตุให้เขาต้องสูญเสียลูกที่อยู่ในท้องของนางไป เดิมทีฮูหยินใหญ่ของเขาก็ตั้งท้องยากอยู่แล้ว เขารอมาตั้งนานกว่าจะมีวันนี้ได้ ไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องสูญเสียไปเช่นนี้ “หย่วนเจ๋อนี่เป็นเรื่องในเรือนของเจ้า เจ้าอยากตัดสินเรื่องนี้ด้วยตัวเองหรือไม่” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามบุตรชาย “ไม่ ข้าไม่อยากเห็นหน้าพวกนางอีกต่อไป แล้วแต่ท่านพ่อเถอะขอรับ ข้าขอตัวไปดูฮูหยินใหญ่ก่อน” หลี่หย่วนเจ๋อคำนับบิดา สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปในทันที หางตายังไม่แม้แต่จะมองสตรีทั้งสองนาง เฉาซูหลิ่งลนลานตามเขาไป “ท่านพี่ช่วยข้าด้วย ข้าไม่ผิดนะเจ้าคะ ท่านพี่ !” แต่ถูกบ่าวรับใช้ขวางทางเอาไว้ หลี่หงซวน “หยุดโวยวายได้แล้วอนุเฉา เจ้าเป็นคนถือถ้วยน้ำแกงใส่ยาขับเลือด ไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ด้วยตัวเอง ยังคิดจะหนีความผิดนี้ไปได้อีกรึ” “ท่านพ่อขะข้าข้า...ไม่ผิด” เฉาซูหลิ่งทิ้งตัวไปด้านหลังอย่างหมดเรี่ยวแรง เดิมทีนางก็ไม่เป็นที่โปรดปรานของพ่อแม่สามีอยู่แล้ว เพราะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้ ครั้นได้บุตรสาวก็นิสัยขี้ขลาดขี้กลัว ไหนเลยจะเชิดหน้าชูตาให้ตระกูลหลี่ได้ เฉาซูหลิ่งนั่งเหม่อลอย คล้ายคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขณะที่หลี่หงซวนกำลังประกาศโทษทัณฑ์ของพวกนาง ถูซวงอี้กับคนของนาง ถูกขายออกจากจวน ไปอยู่หอนางโลมอย่างเงียบ ๆ ชาตินี้อย่าได้ก้าวเท้า กลับมาเหยียบที่จวนตระกูลหลี่อีก ส่วนเฉาซูหลิ่งถูกขับไล่ออกจากจวน ไปพร้อมกับบุตรสาว ให้ไปอยู่เรือนร้างของตระกูลหลี่ที่เมืองฉาง ห้ามกลับมาที่ตระกูลหลี่อีกชั่วชีวิต “ท่านพ่อท่านขับไล่ข้าไป ข้ายังพอรับได้ เหตุใดต้องขับไล่เหยาเอ๋อร์ไปด้วย นางเพิ่งจะสิบสองปีเองนะเจ้าคะ” เฉาซูหลิ่งนึกถึงบุตรสาวร่างกายผ่ายผอม นอนซมเพราะพิษไข้อยู่ เกิดนึกสงสารนางขึ้นมาจับใจ ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปมองสามีเล็กน้อย นางเห็นเด็กสาวคนนั้นมาตั้งแต่เกิด แม้ไม่ได้เอ็นดูแต่ก็นับว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน “ฮูหยินเรื่องนี้ข้าตัดสินใจไปแล้ว ไม่อาจคืนคำได้” คำพูดของประมุขของตระกูล มีหรือใครจะกล้าขัด เฉาซูหลิ่งปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาดัง ๆ นางโง่งมจนทำให้บุตรสาว ต้องมารับเคราะห์กรรมตามไปด้วย “ลากตัวอนุเฉาออกไป หารถม้าสักคันให้คนส่งนาง ไปที่เรือนร้างเมืองฉาง” คำสั่งของหลี่หงซวนเป็นคำขาด บ่าวไพร่รีบทำตามในทันที ครั้นได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังกับฮูหยินผู้เฒ่า หลี่หงซวนถึงได้บอกเหตุผล ที่ต้องตัดสินใจทำเช่นนี้ นั่นเพราะตระกูลจี้ได้ยื่นคำขาดมา ให้ขับไล่พวกเขาออกไปให้หมด อย่าให้เหลืออยู่แม้แต่ตนเดียว ไม่ต้องการให้คนที่ทำร้ายบุตรสาวของพวกเขา อยู่ระคายสายตาของจี้ชิวหรงอีกต่อไป ฮูหยินผู้เฒ่าแค่นออกมาหนึ่งคำ “อ้างเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ความจริงแล้วต้องการกำจัดอนุในเรือนบุตรสาวทิ้งให้หมด นี่กระทั่งเด็กคนหนึ่งก็ไม่เว้น แต่ก็เอาเถอะ เหยาเอ๋อร์อยู่ที่นี่ ก็ใช่จะมีประโยชน์อันใด นางไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเราด้วยซ้ำ ให้นางไปกับแม่ของนางนั่นแหละดีแล้ว” หลี่หงซวนนั้นเป็นเพียงเจ้าเมืองเล็ก ๆ มีตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นที่ห้า ฝั่งตระกูลจี้บ้านเดิมของจี้ชิวหรงนั้น อยู่ในเมืองหลวงมีตำแหน่งใหญ่โตกว่าหนึ่งขั้น เรื่องนี้เขาจึงต้องขบคิด ถึงผลได้ผลเสียในอนาคตอีกด้วย การเสียสละอนุกับหลานสาวคนหนึ่ง เพื่อชดเชยให้แก่คนตระกูลจี้ นับว่าเป็นเรื่องสมควรทำแล้ว “ข้าก็คิดเช่นฮูหยินนั่นแหละ เพียงแต่สะใภ้สามแท้งคราวนี้ ไม่รู้จะยังสามารถตั้งท้องได้อีกหรือไม่ พวกเรารอดูไปก่อนดีกว่า หากนางไม่สามารถตั้งท้องได้จริง ๆ เราค่อยหาอนุมาให้หย่วนเจ๋อภายหลังก็ยังได้ ยามนั้นคนตระกูลจี้จะเอาอะไรมาง้างกับเราได้อีก” “จริงดังท่านว่าเจ้าค่ะ” ฝ่ายเฉาซูหลิ่งที่ถูกคนใช้ ลากตัวออกมาให้เก็บของในเรือน นางส่งเสียงเอะอะโวยวายตลอดทาง พร่ำบอกต้องการพบหลี่หย่วนเจ๋อให้ได้ แต่ถูกสาวใช้ขวางไว้ไม่ให้ไป นางจำใจกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง รีบเก็บของสำคัญใส่ห่อผ้าเพื่อออกเดินทาง
หลังจากดูแลสามีมาเป็นเวลาสามปี เมื่อเห็นสามีสอบติดขุนนาง เฉียวชูเยว่ก็นึกว่าชีวิตดีๆ จะมาแล้ว แต่กลับไม่รู้ว่าสามีเป็นคนโลภ และเจ้าชู้ เพื่อจัดการปัญหาให้สามี เฉียวชูเยว่เสียตัวให้กับจักรพรรดิโหดร้ายโดยไม่ได้ตั้งใจ เพื่อชีวิตและอนาคตของสามี นางได้แต่อดทนเอาไว้ จากนั้น สามีของนางก็ได้รับการยกย่องจากจักรพรรดิ และถูกเลื่อนตำแหน่งเรื่อยๆ เมื่อสามีของนางกำลังเพลิดเพลินอำนาจและสาวสวยนั้น นางกำลังรับใช้กับจักรพรรดิอย่าง้อยใจ แต่ไม่คาดคิดว่าความพยายามของนางได้แลกกับใบหย่าจากสามี ในวันแต่งงานของสามี นางถูกฆาตกรไล่ตามและตกลงไปในโคลน เมื่อนางหมดหวังนั้น จักรพรรดิก็มายืนอยู่ตรงหน้านาง "มาเป็นคนของข้าสิ และจะไม่มีใครกล้ารังแกเจ้าอีก!"