แม้ปวดร้าวก็ปักใจรัก
แม้ปวดร้าวก็ปักใจรัก
หลายปีก่อน
คฤหาสน์มหเดชภักดีคือตึกสีเหลืองนวลมีหน้าต่างไม้บานสูงหลายสิบบานเพื่อเปิดรับลม เสาปูนเป็นทั้งโครงสร้างและสิ่งประดับเพราะมีลวดลายวิจิตรบรรจง ผู้คนย่านนี้เรียกขานคฤหาสน์ใหญ่โตว่าตึกนวลจนติดปาก
ตึกนวลเป็นที่รับรองคนใหญ่คนโตมาหลายสิบปีเพราะเจ้าของที่ปลูกสร้างคือข้าราชการชั้นสูงแต่ลูกหลานรุ่นต่อมาหันไปทำอาชีพอื่นตึกนวลจึงเงียบเหงาไม่มีรถยนต์สวยๆ วิ่งเข้าวิ่งออกเหมือนแต่ก่อน
ผ่านมานานหลายปี ลมฝนดินฟ้าทำให้หลายสิ่งเปลี่ยนไปรวมถึงตึกนวลที่ทรุดโทรมลงตามเวลา มาวันนี้ชาวบ้านในละแวกได้มีเรื่องใหม่ให้สนใจเพราะตึกนวลมีการทาสีและต่อเติมโครมครามมาพักใหญ่แล้ว
“เขาว่าลูกชายจะกลับมาจากอังกฤษ เลยทำบ้านครั้งใหญ่” ชาวบ้านที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลตึกนวลคุยกับเพื่อนที่เจอในตลาด
“คุณพงศ์พลน่ะหรือ หายไปนานเลยนะ คิดว่าจะไม่กลับมาแล้ว”
“ก็ใช่สิ จะใครไปได้ล่ะ ท่านกำพลมีลูกชายอยู่คนเดียว”
“ข่าวว่าไปได้กับฝรั่งหัวทองไม่ใช่เหรอ ท่านกำพลหัวเสียน่าดู”
“โอ๊ย ! นั่นมันข่าวสมัยพระเจ้าเหาจ้ะเธอ คุณพงศ์พลพบรักกับสาวไทยที่ร่ำรวยเหมือนกัน ได้ยินว่าครอบครัวฝั่งผู้หญิงเป็นเชื้อสายโดยตรงของขุนนางเลยนะ”
“โอ้โฮ ! ขนาดนั้นเชียว ขุนนางคนไหน รู้ไหม”
“ไม่รู้หรอก ขุนนางมีตั้งเยอะแยะใครจะไปจำได้แต่ที่สำคัญก็คือ เขาลือกันว่ากลับมาคราวนี้เพราะจะมาแต่งงาน”
“แต่งงาน !”
“ชู่ว ! อย่าเอ็ดไปสิ เขาพูดกันข้างใน”
“แล้วเธอรู้ได้ยังไงแม่อิ่ม”
“ก็ตาพวยนั่นไง วันก่อนไปตัดต้นไม้ที่ตึกนวลแล้วได้ยินคนครัวคุยกัน”
“ตายจริง ! สงสัยท้องโตกลับมาแน่ๆ ถึงได้รีบร้อนแต่ง”
“ฉันก็คิดยังงั้นแหละ”
ทั้งสองคุยไปเลือกผักไปแล้วสักพักแม่ค้าผักก็เข้าร่วมวงสนทนาด้วย ลูกค้าคนต่อมาได้ยินเรื่องน่าสนใจจึงยืนฟังแล้วแม่ค้าพ่อค้าแผงข้างๆ ก็ค่อยๆ เข้ามาเพิ่มเติม ไม่ถึงชั่วโมงข่าวลูกชายตึกนวลทำผู้หญิงท้องก็ลามไปทั่วทุ่ง
กว่าจะถึงวันงานฝ่ายหญิงก็เสียหายยับเยินเพราะโดนกล่าวหาไปต่างๆ นานา บ้างก็ว่าจงใจปล่อยท้องเพราะอยากจับผู้ชาย เลยเถิดไปจนถึงหน้าตาขี้ริ้วก็ยังมีทั้งที่ความจริงยังไม่เคยมีใครเห็นหน้าค่าตาของผู้หญิงแม้แต่คนเดียว
การรอคอยอันยาวนานของชาวบ้านผู้สอดรู้จบสิ้นแล้วเพราะวันนี้บุตรชายของกำพลเดินทางถึงบ้านเกิดโดยสวัสดิภาพ คฤหาสน์มหเดชภักดีเปิดเพลงลีลาศตั้งแต่หัววัน รถยนต์คันโก้วิ่งเข้าออกเป็นว่าเล่น
“ไม่เห็นต้องจัดงานให้วุ่นวายเลยครับคุณพ่อ” พงศ์พลมองงานเลี้ยงใหญ่โตที่พ่อเตรียมให้ก็รู้สึกเกรงใจ เขาไม่อยากให้มันเอิกเกริกใหญ่โตเพราะอีกไม่นานก็จะมีงานใหญ่
“วุ่นวายอะไร คนในบ้านดีใจกันทั้งนั้นที่บ้านกลับมาคึกคักเหมือนสมัยก่อน”
“แค่ผมกลับมาเหยียบบ้านคุณพ่อก็เสียเงินแล้ว ผม …”
“เงินมันมีไว้ใช้ จะให้พ่อเอาเก็บไว้ยัดข้างโลงรึไง ที่เก็บหอมลอมริบไว้ก็เหลือเฟือใช้ไปได้หลายชาติ ให้พ่อมีความสุขสักหน่อยไม่ได้รึ”
“ขอบคุณครับคุณพ่อ” พงศ์พลไม่อยากเถียงให้เสียบบรรยากาศและมันก็เป็นเงินของพ่อจริงๆ พ่อจะใช้ทำอะไรก็เป็นสิทธิ์ของท่าน
“คงใกล้มาถึงกันแล้ว” กำพลตื่นแต่เช้าเพื่อมากำกับดูแลงานเลี้ยงด้วยตัวเองเพราะไม่อยากให้มีสิ่งใดบกพร่อง
“มาพอดีเลยครับคุณพ่อ” พงศ์พลตื่นเต้นจนหัวใจแทบทะลุอกเมื่อจะได้พบคนรัก หลังจากไม่ได้เจอหน้ากันหลายวัน
“สวัสดีครับท่านอำนาจ ท่านพิมล คุณพลอยลดา”
“โอ๊ย ! ท่านอะไรกัน จะดองกันอยู่แล้ว เรียกชื่อกันเฉยๆ ก็พอ”
“ยินดีต้อนรับครับ ต้องขออภัยไว้ล่วงหน้าหากมีสิ่งใดผิดพลาด บ้านเราไม่ได้จัดงานมานานแล้วครับแต่ก็ทำกันสุดฝีมือเลย”
“อันที่จริงไม่น่าลำบากเลยค่ะ แค่กินข้าวกันก็พอ”
“ไม่ได้หรอกครับ พวกคุณให้เกียรติมาเยี่ยมทั้งที ไหนจะคุณหนูพลอยลดาอีก น้อยกว่านี้ไม่ได้เลย”
“ขอบพระคุณค่ะคุณลุง” พลอยลดาไหว้อย่างชดช้อยสมกับลูกผู้ดีมีตระกูล
“วันนี้เรียกคุณลุงได้แต่วันหน้าไม่ได้แล้วนะ” กำพลบอกพร้อมยิ้มรื่น จะไม่ให้อารมณ์ดีได้อย่างไรเพราะมีแต่เรื่องดีๆ ลูกชายกลับบ้านแถมกำลังจะเป็นฝั่งเป็นฝากับหญิงสาวที่เพียบพร้อมทุกอย่าง ทั้งคู่เหมาะสมกันราวกิ่งทองใบหยก
“ภาพสวยเหมือนมีชีวิตเลยค่ะ” พลอยลดารวมทั้งพ่อแม่ของเธอหยุดชื่นชมรูปวาดที่โถงทางเดิน
“ถ้าไม่มีคุณก้อย รูปนี้คงน่าเกลียดพิลึก” กำพลบอกแล้วมองภรรยาสุดที่รัก
“ไม่หรอกค่ะ คุณลุงก็รูปงามไม่เป็นรองใคร” พลอยลดาชมจากใจไม่ใช่เพื่อประจบประแจง ไม่แปลกที่คนรักของเธองามตาไร้ที่ติเพราะพ่อกับแม่ดีพร้อมสมส่วนราวเทพบรรจงปั้น
“คุณพลอยลดาก็ชมคนแก่เกินไปครับ”
“เรียกหนูว่าพลอยก็พอค่ะคุณลุง”
“เสียดายนะครับที่คุณแม่ไม่ได้เห็นวันนี้” พงศ์พลมองมารดาด้วยความคิดถึง
“คุณแม่ท่านมองอยู่ข้างบนจ้ะ” พิมลให้กำลังใจว่าที่ลูกเขย
“ขอบคุณครับคุณแม่ เราเข้าไปข้างในกันดีกว่าไหมครับ”
“นั่นไง ! ไอ้พงศ์มันยังเรียกแม่เลย หนูพลอยก็เรียกพ่อบ้างสิ”
“พลอยเรียกพ่อว่าลุงก็ถูกแล้วครับ ส่วนผมจะให้เรียกคุณแม่ว่าคุณป้าหรือเรียกคุณพ่อว่าคุณลุงไม่ได้แน่ๆ เพราะทั้งสองท่าน ไม่เหมือนลุงกับป้าสักนิด ยังหนุ่มสาวกันอยู่เลย”
“เอ้า ! ไอ้พงศ์ แกว่าพ่อแก่หง่อมเรอะ”
“เปล่านะครับ พ่อพูดเอง” พงศ์พลทำหน้าเป็นใส่บิดา
“เข้าข้างในกันดีกว่าค่ะคุณพ่อ” พลอยลดาบอกแล้วกำพลก็ยิ้มหน้าบาน
ประมุขของบ้านให้เด็กสาวควงแขนแล้วกุมมืออย่างทะนุถนอม อีกไม่นานเธอก็จะมาเป็นนายหญิงที่นี่ กำพลจึงเล่าความเป็นมาของคฤหาสน์มหเดชภักดีให้เธอฟังส่วนพงศ์พลก็เล่าความเป็นอยู่ของคนที่นี่ให้พ่อกับแม่คนรักได้ฟัง
พงศ์พลเกิดที่นี่ เกิดจริงๆ ไม่ใช่คำเปรียบเปรย วันนั้นกรพินท์ผู้เป็นมารดาเจ็บท้องตอนใกล้รุ่ง กำพลจึงให้คนในบ้านเตรียมรถแต่รถเสียเครื่องไม่ติด ระหว่างที่หาทางไปโรงพยาบาลทารกเพศชายก็คลอดออกมาอย่างปลอดภัย ผู้คนในบ้านดีใจกันยกใหญ่
พอสายๆ หมอก็มาดูแลแม่กับลูกซึ่งทั้งสองคนแข็งแรงไม่มีสิ่งใดให้กังวล
พงศ์พลเติบโตขึ้นมาท่ามกลางความรักแม้มารดาจะจากไปก่อนแต่เขาก็ไม่เคยลืมมารดาแสนสวยแสนใจดี
เขายังจำได้ขึ้นใจไม่ว่าจะเป็นน้ำเสียงหวานใสยามเธอร้องเพลงกล่อมนอน อาหารมากมายที่ใครทำก็ไม่อร่อยเท่า เสื้อผ้าชุดพิเศษที่เธอตัดเย็บเอง เธอเป็นแม่เป็นครูคนแรกและเพื่อนคนแรกเช่นกัน
“ใหญ่โตจนพลอยรู้สึกว่าตัวหดเหลือนิดเดียวเลยค่ะคุณพ่อ” เมื่อมาถึงห้องอาหาร พลอยลดาถึงกับอ้าปากค้างเพราะหรูหราหาที่เปรียบไม่ได้ เธอเองก็มีเรือนหลังใหญ่แต่เทียบกับที่นี่ไม่ได้เลย
“วันธรรมดาก็ไม่ได้ใช้ห้องนี้หรอกลูก ปกติใช้ห้องด้านหลังมีแค่หกที่นั่งแต่วันนี้วันพิเศษต้อนรับคนสำคัญพ่อเลยให้จัดห้องนี้”
“ขอบคุณค่ะคุณพ่อ” กำพลพาเด็กสาวไปส่งที่เก้าอี้ถัดจากหัวโต๊ะแล้วมาเชิญพิมลไปนั่งข้างลูกสาว
“พลอยอยากลองชิมไหมครับ”
“มังคุดใช่ไหมคะ”
“ใช่ครับ ไม่รู้ว่าพลอยเคยกินมาก่อนรึเปล่า แกงเขียวหวานมังคุด”
“ไม่เคยค่ะแต่ต้องอร่อยแน่ๆ เลย”
“เป็นยังไงครับ”
“อร่อยค่ะ ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะอร่อยขนาดนี้ เสียดายจังที่มารู้จักของดีเอาป่านนี้ คุณแม่ลองชิมรึยังคะ”
“ลองแล้วจ้ะ อร่อยจริงๆ สงสัยต้องมาขอวิชาจากที่นี่บ้าง จานนี้ใช่ยำใหญ่รึเปล่าคะคุณกำพล”
“ใช่ครับคุณพิมล พอจะถูกปากไหมครับ คนครัวเราทำกันสุดฝีมือเลย”
“ถูกปากทุกอย่างเลยค่ะ จริงไหมคะพี่อ่ำ กินเงียบเชียว”
“อร่อยครับปากไม่ว่างคุยเลย ต้องขอโทษด้วย”
“ไหนๆ ก็ได้หน้าแล้ว ขอแนะนำแม่ครัวมือหนึ่งของบ้านเราเลยแล้วกัน ยายชื่นครับ” กำพลแนะนำแม่ครัวที่อยู่คู่คฤหาสน์มานานหลายปี
“ขอบคุณมากนะคะยายชื่นที่ทำอาหารแสนอร่อยให้พวกเรากิน” พิมลบอกหญิงสูงวัยที่ยืนยิ้มอยู่ด้านหลังโต๊ะอาหาร
“และที่ขาดไม่ได้ก็คือลูกมือคนสำคัญ ประนอมกับประณีตครับ” กำพลแนะนำอีกสองคนที่ยืนอยู่ข้างชื่น
“ขอบคุณมากนะ วันหน้าฉันคงได้มารบกวนขอวิชา ฝากตัวด้วยนะจ๊ะ” พลอยลดาดีใจมากที่ได้เจอคนรุ่นเดียวกันเพราะทั้งบ้านเจอแต่คนอายุมากกว่า เมื่อมาอยู่ที่นี่หน้าที่ของเธอก็คือเป็นแม่เรือนคอยดูแลสามีหากได้มีเพื่อนคุยบ้างคงจะคลายเหงาลง
“มิบังอาจค่ะ” ประณีตรีบพูดเพราะเจ้านายสบตากับเธอโดยตรง
“แปลว่าอะไรเหรอคะคุณแม่” พลอยลดากระซิบถามมารดา
“เขาคิดว่าตัวเองเป็นคนครัวส่วนหนูเป็นเจ้านาย จึงไม่กล้าสอนหรือแนะนำสิ่งต่างๆ จ้ะ”
“ไม่เป็นไรนะประณีต เธอกับฉันน่าจะอายุเท่าๆ กัน ถ้าไม่รบกวนเกินไป ฉันต้องให้ประณีตสอนหลายอย่างเลย”
“ได้ค่ะคุณผู้หญิง” ประนอมผู้เป็นพี่ออกเสียงแทนเพราะน้องสาวตัวแข็งจนอ้าปากไม่ขึ้น
ปกติถ้ารับประทานอาหารที่ห้องเล็กจะมีแค่ยายชื่นคอยดูแลความเรียบร้อยแต่วันนี้เป็นงานใหญ่และใช้ห้องพิเศษ ยายชื่นจึงให้ลูกมือวัยสาวเดินเหินคล่องแคล่วมาช่วยงาน
“เรียนฉันว่าพลอยก็พอจ้ะ”
“ได้ค่ะคุณพลอย”
“ไม่มีอะไรแล้วเราให้พวกเขาไปพักดีไหมครับคุณพ่อ ถ้าจะตักข้าวเติมน้ำผมจัดการให้เอง”
“ยายชื่นครับ พากันไปพักผ่อนเถอะเหนื่อยกันมานานแล้ว บ่ายๆ เย็นๆ ค่อยมาเก็บก็ได้ครับ”
ทั้งสามเดินออกไปอย่างเงียบเชียบแล้วพิมลก็ชมฝีมือทำอาหารอีกยกใหญ่
“สองคนนั้นเป็นแม่ลูกกันเหรอคะคุณพ่อ” พลอยลดาถามกำพล
“เปล่าจ้ะ ประนอมเป็นพี่สาวส่วนประณีตเป็นลูกหลงอายุห่างกับพี่สิบสองปี ใครๆ ก็คิดว่าประณีตเป็นลูกสาวทั้งนั้น”
“ดีจริงเชียวที่รู้ก่อน ไม่อย่างนั้นหนูขายขี้หน้าแน่ๆ ถ้าไปทักว่าเป็นแม่ลูกกัน”
หลังจากรับประทานอาหารเจ้าบ้านก็พาออกไปเดินเล่นด้านนอกเพื่อชื่นชมไม้ดอกนานาพรรณ กำพลอยากให้ครอบครัวอีกฝ่ายได้เห็นความเป็นอยู่ของที่นี่เพื่อช่วยในการตัดสินใจเรื่องการร่วมหอ
แม้มันจะโอ่โถงแต่ถ้าหากผู้อยู่ไม่สุขใจก็ไร้ประโยชน์ ดั่งคำที่ว่าคับที่อยู่ได้คับใจอยู่ยาก
“เชิญจ้ะ ตามสบายนะ” กอบสุขบอกด้วยเสียงสั่นๆ เพราะดำรงไม่ได้มาคนเดียวแต่พาเพื่อนมาอีกสองคน “คุณกอบจำเรื่องที่เคยบอกผมได้ไหมครับ” ดำรงถาม “จำได้จ้ะ เรื่องนั้นใช่ไหม” “คุณกอบต้องพูดให้ชัดเจนนะครับ กระซิบบอกผมคนเดียวก็ได้เพราะทุกอย่างจะเกิดขึ้นเพียงทางเดียวเท่านั้นคือคุณกอบยินยอม” “ฉันอยาก xxx” กอบสุขสูดลมหายใจเข้าปอดแล้วเชิดหน้าบอกอย่างมั่นใจ เธอต้องการมันและไม่ใช่เรื่องผิดบาปใดๆ ที่ผู้หญิงอยากทำแบบนี้ หากมันไม่เดือดร้อนใคร ทำไมจะทำไม่ได้ เพื่อนๆ ของดำรงไม่รีรอเมื่อคนชวนมาพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต
♡ แรกๆ ก็เอ็นดู หลังๆ ก็อยากให้ดูเอ็น ♡ บางส่วนจากนิยาย: กิตตินอนมองเอมิลี่แต่งตัวอย่างเพลิดเพลินแล้วความคิดซุกซนก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่อยากให้เธอใส่เสื้อผ้าเลยให้ตายสิ อยากถอดเสื้อจัง อยากถอดกางเกงด้วย ชุดชั้นในก็ไม่ต้องใส่หรอกบดบังของสวยๆ ทำไม “แล้วพี่โก้ไม่แต่งตัวเหรอคะ” “แต่ง … แต่งครับ รอเดี๋ยวเดียวนะ” กิตติต้องหยุดความคิดฟุ้งซ่านลงก่อน “พี่โก้ไม่อยากไปใช่ไหมคะ” เอมิลี่เดินกลับไปหาคนที่ยังไม่ลงจากเตียง “อยากครับ ไปสิไปกันเลย พี่แต่งตัวอึดใจเดียวก็เสร็จแล้ว” “ไม่จริงหรอกค่ะ ทำอยู่ตั้งนานกว่าพี่โก้จะเสร็จ” คำเตือน: มีการสูญเสีย มีเหตุการณ์สะเทือนใจ
หนานอันพริตตี้สาวสู้ชีวิตอายุยี่สิบปีแอบชอบผู้ชายคนหนึ่งอย่างหนักและอยากได้เขามาเป็นแฟนใจจะขาด แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจเธอ หญิงสาวได้ไปดูดวงแม่หมอคนนั้นจึงบอกให้เธอมาขอพรที่ศาลเจ้าเล็ก ๆ ในอำเภอแห่งหนึ่งที่ห่างไกลเพื่อให้เธอสมหวังและต้องไปในวันที่ฟ้ามืดที่สุดของเดือนในอีกสองวันข้างหน้าถึงจะเห็นผล หนานอันเชื่อแม่หมอเพราะอยากได้ผัว เธอจึงไม่รอช้ารีบคว้ากระเป๋าเป้เดินทางมายังศาลเจ้าทันที เมื่อหนานอันเข้าไปภายในศาลเจ้าก็พบว่า มีสตรีสูงวัยคนหนึ่งอายุราวหกสิบกว่าปีกำลังกวาดศาลเจ้าอยู่ ...... "ได้ของสิ่งนี้ไปต้องสมหวังอย่างแน่นอน" คุณยายพูดพร้อมกับรอยยิ้ม น้ำเสียงนี้ฟังดูเยือกเย็นเป็นอย่างยิ่ง หนานอันยิ้มให้คุณยายจู่ ๆ ขนแขนของเธอก็ตั้งชันขึ้นมา เธอกำลังจะลุกขึ้นในตอนนั้นก็เกิดฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมา หนานอันหวีดร้องด้วยความตกใจทว่าเมื่อหันไปมองคุณยายเธอไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว หนานอันประหลาดใจมากร้องเรียกคุณยายอยู่หลายคำ แต่ว่าในตอนนี้เธอก็ไม่มีเวลาให้คิดสิ่งใดแล้วเพราะเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้นเมื่อฟ้าผ่าลงมาที่ศาลเจ้าเข้าอย่างจังหนานอันที่อยู่ด้านในจึงถูกฟ้าผ่าไปด้วยและสติดับวูบลงไปทันใด ไม่รู้ว่านานเท่าใดที่หนานอันตกอยู่ในความมืดมิด และเมื่อเธอตื่นขึ้นมาทุกอย่างรอบกายของเธอก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป...
ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"
[นักธุรกิจหนุ่มระดับต้นแสนร้ายกาจ VS นักปรุงน้ำหอมสาวพิการเลอโฉม บริสุทธิ์ทั้งคู่] บุคคลลึกลับส่งคลิปวิดีโอสามีนอกใจมาให้ ทำลายชีวิตที่ดูสงบของยูหยุนหนิง ทำให้เธอเข้าใจเรื่องหนึ่ง คนรักที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กจะหลอกเรา เพื่อนที่เติบโตมาด้วยกันจะหลอกเรา แต่นายแบบไหล่กว้างเอวคอดขายาวไม่มีทางหลอกเรา เพียงแต่ชายหนุ่มรูปหล่อขายตัวเพื่อเลี้ยงสุนัขคนนี้ กลิ่นน้ำหอมบนตัวของคุณ ทำไมถึงเหมือนกับนักธุรกิจหนุ่มระดับต้นของตระกูลเสี่ยวเลย? * ตอนที่เธอเปล่งประกายเจิดจรัส เขาเป็นลูกที่ถูกทอดทิ้งของตระกูล กล้าแค่ขโมยจูบแรกของเธอในความมืด เมื่อเธอตกจากที่สูง เขาทิ้งทุกอย่างกลับประเทศ แต่กลับเห็นเธอตอบตกลงคำขอแต่งงานของคนอื่นทั้งน้ำตา ตอนเธอถูกหักหลังอย่างเจ็บปวด เขามีอำนาจอยู่ในมือ เขาคือคนที่สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง เป็นคนที่ช่วยชีวิตตอนที่เธอเสี่ยงอันตราย เป็นกำลังใจที่มั่นคงที่สุดของเธอ เมื่อเธอลุกขึ้นยืนอีกครั้ง เขาคุกเข่าข้างหนึ่ง จริงใจเป็นอย่างมาก “ได้โปรดแต่งงานกับผม” * “อยากรู้ไหมว่า ตอนที่เธอตอบตกลงคำขอแต่งงานของผู้ชายสารเลวคนนั้น ผมกำลังคิดอะไรอยู่? ” “คิดอะไรอยู่เหรอคะ? ” “อย่าให้ผมมีโอกาสนะ” “แล้วถ้าไม่มีโอกาสละคะ? ” “ถ้าอย่างนั้นก็สร้างโอกาสขึ้นมา” เพราะในโลกนี้ ไม่มีใครรักยูหยุนหนิงได้มากกว่าเสี่ยวฉืออีกแล้ว
นางเจ็บปวดปางตายเมื่อเขาโยนร่างบอบช้ำทิ้งไว้หลังจวนโดยไม่แยแส เมิ่งลี่เฟยน้ำตาไหลพรากทว่ากลับไม่ทำให้คนที่เพิ่งเหยียบย่ำร่างกายเล็กเห็นใจแต่ประการใด"เฝ้านางเอาไว้ให้ดีอย่าให้ออกมาทำเรื่องชั่วอีก"
องค์หญิงสิบสามนามหลินฮุ่ยหมินสตรีผู้ที่งดงามโดดเด่นไม่เป็นรองผู้ใดแต่กลับมีฐานะต่ำต้อยในวังหลวงด้วยพระมารดาเสียชีวิตตั้งแต่นางยังเด็ก ท่ามกลางความคับแค้นใจนางยังต้องคำสาปร้ายต้องกลายร่างเป็นสัตว์ทุกคืนวันพระจันทร์เต็มดวง เขาคือ หยางเอ้อหลาง แม่ทัพหนุ่มผู้มีความสามารถรูปโฉมสง่างามและเป็นวีรบุรุษคนสุดท้ายของสกุลหยาง ทั้งยังเป็นที่รักเคารพของชาวเมือง ทว่าด้วยความสามารถและตำแหน่งใหญ่โต ฮ่องเต้มิอาจวางใจจึงได้คิดกำจัดเขาให้พ้นตำแหน่งเสีย โดยมอบสมรสพระราชทานให้หยางเอ้อหลางกับพระธิดาของตน เดิมทีชีวิตของคนสองคนย่อมไม่บรรจบ เมื่อสตรีที่หมายหมั้นกับหยางเอ้อหลางคือองค์หญิงใหญ่ที่ปักใจรักเขาตั้งแต่เยาว์วัย ทว่าเรื่องไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อคนทั้งคู่เกิดอุบัติเหตุจนคนเข้าพิธีสมรสกลายเป็นองค์หญิงสิบสาม ท่ามกลางความหวาดกลัวขององค์หญิงสิบสามที่กลัวความลับจะเปิดเผย ท่ามกลางหยางเอ้อหลางที่พยายามพาสกุลหยางให้รอดพ้น ท่ามกลางการแตกหักของความสัมพันธ์พี่น้องที่แสนรักใคร่ระหว่างองค์หญิงใหญ่และองค์หญิงสิบสามเพราะบุรุษเพียงผู้เดียว หลินฮุ่ยหมินจะทำเช่นใด เพื่อจะยุติเรื่องราวน่าเวียนหัวนี้
ครอบครัวเสิ่นเลี้ยงดูเซี่ยซางหนิงเป็นเวลา 20 ปี และเธอเองก็ถูกเอาเปรียบมาเป็นเวลา 20 ปีเช่นกัน วันหนึ่ง พวกเขาตามหาลูกสาวตัวจริงพบ และเซี่ยซางหนิงก็ถูกไล่ออกจากตระกูลเสิ่น ได้ยินมาว่าพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดของเธอกำลังเผชิญกับความยากลำบากอย่างหนัก แต่ความเป็นจริง พ่อแม่ทางสายเลือดของเธอเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองไห่ เป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดที่ตระกูลเสิ่นไม่สามารถเอื้อมถึงได้ ตระกูลเสิ่นที่คอยดูว่าเซี่ยซางหนิงจะต้องตกอับอย่างน่าสมเพช แต่กลับต้องตกตะลึงซ้ำแล้วซ้ำเล่ากับตัวตนของเซี่ยซางหนิง ผู้มีอิทธิพลในการเงินระดับโลก วิศวกรระดับแนวหน้า นักแข่งรถอันดับหนึ่งของโลก... เธอยังมีความสามารถที่ซ่อนอยู่อีกกี่อย่างกันแน่ คู่หมั้นยกเลิกการหมั้นกับเซี่ยซางหนิง อย่างไรก็ตาม เมื่อเซี่ยซางหนิงไปออกเดทกับพี่ชายฝาแฝดของเขา เขากลับปรากฏตัวขึ้นและสารภาพรักกับเธอ
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY