อีกไม่กี่ปีจากนี้ ความก้าวหน้าทางวิทยการจะเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตประชากรโลกอย่างพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน เห็นชัดจากอัตราเร่งในการคิดค้นนวัตกรรม ทั้งในแวดวงการแพทย์ อาหาร พลังงาน คอมพิวเตอร์ หุ่นยนตร์ การสำรวจอวกาศ และ ฯลฯ ข่าวสารความก้าวหน้าแต่ละสาขาที่ทยอยเผยแพร่และรับรู้กันชั่วข้ามคืนด้วยเทคโนโลยีการสื่อสาร ซึ่งมนุษย์เรามักตีความว่านั่นคือ...ข่าวดี โดยอาจลืมตั้งคำถามสำคัญ อดีต...เจ็บปวดนักรึไง ปัจจุบัน...ปัญหาที่ถูกแก้แล้ว สร้างปัญหาอีกรูปแบบหรือไม่ อนาคต...แบบไหนกันที่มนุษย์ต้องการไปถึง และทั้งหมด...ฝีมือใคร มนุษย์โหยหานวัตกรรมเหล่านั้นจริงหรือ โลกพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงแค่ไหน จุดหมายปลายทางของความก้าวหน้าคือที่ใด Project N8 หากพร้องเสียงกับคำว่า โครงการ End Age หรืออาจหมายถึงการสิ้นอายุขัยของมนุษย์ชาติ หรือไม่...ไม่รู้ หวังว่านิยายที่กำลังอ่านนี้ จะเป็นเพียงแค่...นิยาย
ผีสาว…ปรากฏร่างโชกเลือด…ซึ่งหน้า
ชายหนุ่ม...ขาตาย ตาเบิกโพลง จิตกระเจิดกระเจิงจังก้าคาที่…ช็อก
“แกกก…แกฆ่าฉัน แกฆ่าเรา แกต้องชดใช้” ผีสาวคลั่งแค้น เลือดคล้ำกระฉอกออกปากตามคำอาฆาต แดงฉานกระอักออกมาราวก๊อกน้ำผุดคราบสยองอาบคางเปียกคอเหนียวเลอะเสื้อเชิ้ตขาวลามเป็นคราบเด่นแดงแยงตา
สายตาผีสาวสิ...ยิ่งกว่า เขม่นมองแค้นนัยน์ตาชายหนุ่ม จิกจ้อง...จะเอาคืน
“แก...ต้องตายตกไปตามกัน” ผีสาว สภาพร่างไร้วิญญาณจากสถานที่เกิดเหตุในคืนนั้น ศพนั้น ตามมาหลอกหลอนในคืนนี้ คืนที่สามจากอุบัติเหตุสยอง
ชายหนุ่ม ขาตาย กลายเป็นหมดเรี่ยวแรงจะฝืนยืน ลนลานจนเข่าทรุดกระแทกพื้น ยกมือสั่นไหว้ซุกหน้าหลับตาหนีภาพศพสยองสีโชกเลือด สำลักสำนึกผิด
“…ผะผม….ขะ ขอโทษ ผมไม่ตั้งใจจริง ๆ มันเป็นอุบัติเหตุ ยะยกโทษให้ผมเถอะ ผมจะทำบุญอุทิศกุศลไปให้นะ อย่ามาหลอกหลอนผมเลย ขอโทษจริง ๆ ครับ” ชายหนุ่ม
“ไม่มีวัน แกต้องชดใช้อย่างสาสม แกฆ่าฉัน แกพรากความรักของเรา ฉันจะไม่ผุดเกิด ฉันจะจองเวรแกจนกว่าแกจะรับกรรมที่ทำกับเรา แก…ต้องงง…ตายยย” ผีสาวย้ำสยอง
แล้วร่างผีสาวลอยพุ่งเข้าหา มาปะทะตาโพลงซึ่งหน้าชายหนุ่ม เลือดข้นคลัก ๆ กระฉอกจากร่างศพสาวที่หยุดกึก สาดเข้าเต็มหน้าอาบตัวเขาจนเปียกหนืด ย้อยหยดแดง
“…ว๊าาาก ไม่ อย่างทำผมเลย กะกลัวแล้ววววว” ชายหนุ่มผงะหงาย มือเท้าตะกายพื้น พุ่งร่างไปอีกฝั่งห้อง หมายหนีออกจากตรงนี้ไปไหนก็ได้ที่จะพ้นนังผีร้าย แต่คราบเลือดที่เจิ่งนองพื้นยังไล่หลังตามเขาไปติด ๆ ทุกย่างก้าว ไม่ว่าจะก้าวด้วยเท้าหรือมือ จ้ำเหนียวเหนอะบนพื้นท่วมเลือดจนตะกายสีขาลื่นล้มแล้วลนลานลุกลนอีก ก็ยังไม่พ้นทะเลเลือดเธอ
นังผีร้าย ยังพุ่งตาโพลงแค้นจ้องไล่หลังไหล่เขาไปติด ๆ
นั่น...! หน้าต่าง...ทางออก
เขา...เค้นแรงเฮือกที่เหลือ ถีบตัวเองพุ่งกระโจนใส่บานหน้าต่าง จนร่างลอยออกห่างจากนังผีร้าย...พ้นแล้ว
แต่...
!!!…นี่มันตึกชั้น 6
“ฮะฮ่า ๆๆๆ ตายตกไปตามกัน” เสียงนังผีร้ายยังลอยหลอนหู ตอนที่เขานึกขึ้นได้ในระหว่างเสี้ยววินาที...คว้างลอย...ก่อนที่ร่างจะดิ่งลง
...ปั๊ก
…แรงกระแทก ทำสำนึกที่หลอน วูบดับ
...
“ไปโดนอะไรมา ครั้งนี้เจ็บตัวกว่าคราวก่อนอีก ดีนะไม่กระทบระบบประสาทสั่งการ” หญิงสาว อีกคน เอ่ยถามที่ปลายเท้า
ภาพหญิงสาวในชุดกราวด์ที่คุ้นเคย ภาพหมอแพท ค่อย ๆ เลื่อนซ้อนรวมเป็นภาพเดียวกันเมื่อเขาค่อย ๆ ปรับโฟกัสสายตา เมื่อได้สติคืนตัว พบว่าหัวหน้าของเขานั่นเองที่เอ่ยถามจากปลายเตียงคนเจ็บ
“!…ผะผี ผีหลอกครับ ผีผู้หญิงคนนั้นหลอกผมครับ บอส” เขา ยังช็อกจากอาการหลอน ก่อนจะสำรวจมองรอบตัว สายน้ำเกลือ เตียงผู้ป่วย เครื่องวัดความดันและชีพจร ที่นี่คือห้องพักฟื้น ที่นี่คือที่ทำงานเขาเอง
“ผีเผอที่ไหนกัน วรุฒ นี่เธอเป็นเลขาฉันนะ เป็นผู้ช่วยนักวิทยาศาสตร์ เรื่องแบบนี้ออกจากปากคนสายงานอย่างเราได้อย่างไร แต่…เดี๋ยวนะ นี่เธอกลัวผี ได้ด้วยเหรอ” หมอแพท นักวิทยาศาสตร์หญิง ถามซักฟอกทันทีที่เขาตื่นสติ
“…อ้าว ก็กลัวสิครับ ผีนะ ใครไม่กลัวบ้าง ผมเจอจริง ๆ นะครับ ผีมีจริงครับบอส ก็ผีผู้หญิงคนที่เป็นคู่รักของ ผอ.ธงชัย ที่ประสพอุบัติเหตุเมื่อคืนก่อนนะครับ เคสที่เราเกือบกลายเป็นคู่กรณีไงครับ วิญญาณผู้หญิงคนนั้นคงตามแค้นผม ตามหลอกผม” เลขาวรุฒ ยืนยัน
“…เรื่องนั้นไว้ก่อน งั้นที่นายตกจากหน้าต่างห้องแล็ป ก็ไม่ใช่อุบัติเหตุจริง แต่เกิดจากอาการกลัว…ผี…แน่นะ” หัวหน้าสาว ถามหาสาเหตุ
“ครับ ก็ผมหนีเธอ แล้วคราบเลือดพวกนั้นล่ะ เลือดนองเต็มห้องแล็ปเลยครับบอส คราบเลือดนั่นยืนยันได้” เลขาวรุฒ ยังจำได้ติดตา
“ไม่…ไม่มีคราบเลือดอะไรทั้งนั้น มีแต่เอกสารกระจัดกระจาย อุปกรณ์แตกหักเสียหาย หน้าต่างบานใหญ่ก็ด้วย และที่ยืนยันได้ดีกว่าคำพูดเธอ ก็ภาพจากกล้องวงจรปิดบอกว่าเธอมีปฏิกิริยาตอบสนองกับบางอย่าง แต่ในภาพฉันไม่เห็นใครนอกจากเธอ จึงสรุปได้อย่างเดียวว่า อาการเธอเหมือคนเห็นภาพหลอน นี่มัน...เป็นไปได้อย่างไรกัน” หมอแพท บอสสาว กอดอกถามเอาความจริง อย่างจริงจัง
“แต่สำหรับผม มันไม่ใช่ภาพหลอนแน่ ๆ ครับ” เลขาวรุฒ ชักขัดข้องใจ ทำไมหัวหน้าไม่เชื่อคำพูดเขาบ้างเลย ก็เขาเจอวิญญาณเธอคนนั้นจริง ๆ
“นี่ วรุฒ นายพักก่อนละกัน ระหว่างนี้ก็ทบทวนให้ดี ๆ ว่าอะไรกันแน่ที่เป็นสาเหตุของอุบัติเหตุคราวนี้...ผี...เพ้อเจอ หรือเธอรวนไปเอง และอย่าลืมว่าเธอเป็นผู้ช่วยของหัวหน้าทีมวิจัยชีวะเทคโนโลยี และเรากำลังทำโครงการวิจัยอะไหล่ชีวนะ ฉะนั้น อย่าเอาเรื่องผีสางไปป่าวประกาศให้ใครได้ยินจากปากเธอล่ะ ห้ามเด็ดขาด" หมอแพท มองพิจารณาลูกน้องตัวเอง ถี่ถ้วน
“แต่…” วรุฒ จะยกข้อโต้แย้ง
"…นี่เป็นคำสั่ง" บอสสาว สะกดอารมณ์ ก่อนเปล่งเสียงแสดงอำนาจ...สั่งการ
“ครับ...บอส” เลขาวรุฒ โดนดุซึ่งหน้า ได้แต่คิดค้านในใจ เก็บซ่อนอาการ
“…ผีหลอก…ภาพหลอน…งั้นเชียว” หมอแพท ถอนใจระบายบ่น ก่อนเดินออกจากห้องพักพื้น เธอไม่ลืมจะเอื้อมไปปิดสวิทซ์ไฟให้เลขาวรุฒได้พักสายตา
“…เออ เปิดไฟไว้เถอะครับ…บอส” เลขาวรุฒ ร้องห้าม
“…” หมอแพท ค้างมือที่สวิทซ์ หันจ้องมองหน้าเลขาส่วนตัว มองนิ่งจริงจัง
“…” วรุฒ หลบสายตามุ่งมั่นคู่นั้น แล้วบ่ายตาไปตามซอกมุมห้อง ในใจยังนึกหวั่นเกรงกับสิ่งลี้ลับที่เพิ่งได้เจอกับตัวเอง…ผี ผีที่ทำให้เขาตะกายหน้าต่างหนีจนตกจากชั้น 6 เจ็บตัว…ก็เตียงที่นอนอยู่นี่เป็นห้องพักเขาเอง ที่ชั้น 8 …ตึกเดียวกัน
ปั้ง…เสียงประตูกระแทกปิด
ทำเอาเลขาวรุฒสะดุ้งกับเสียงดัง สำนึกรับรู้ทันทีว่าหัวหน้าไม่พอใจกับความผิดพลาดและอาการหวาดกลัวของเขา แต่ผีสาวคนนั้น…น่ากลัวจริง ๆ นี่นา เจอซึ่งหน้าจนเจ็บตัวอย่างนี้แล้วยังจะไม่ให้เชื่อกันอีก ไม่ให้กลัว ไม่ไหวแล้ว
หมอแพท นักวิทยาศาสตร์สาวใหญ่ เก่งรอบจัด เป็นหัวหน้าทีมวิจัยและเจ้าของตึกหลังนี้ ศูนย์วิจัยโครงการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อชีวนะ
แม้ใคร ๆ ในสายงานจะเคลมว่าเธอเป็นอริกับสังคม ความร้ายของเธอแม้เป็นที่รับรู้กันดีในหมู่นักวิทย์ด้วยกัน และเรื่องที่เธอดูแคลนพวกศาสตร์ลี้ลับถึงขึ้นแอนตี้พวกหัวงมงาย ก็เป็นอีกภาพ
ร้าย ๆ ประจำตัวเธออยู่แล้ว แต่เคสแบบนี้…ดันมาเกิดกับผู้ช่วยส่วนตัวของเธอเนี่ยนะ
หมอแพท ยังยืนนิ่งพิงหลังประตูห้องพักฟื้น ในโถงทางเดินใต้แสงสลัว เงยมองหลอดไฟหรี่แสงอ่อน ช่วยซ่อนสีหน้าของเธอที่กำลัง…กระหยิ่มยิ้ม เงียบ ๆ
รับรู้อยู่แก่ใจคนเดียว แอบดีใจที่เห็นว่าเลขาของเธอ เลขา
วรุฒ…กลัวผี
“หุ่นยนต์…กลัวผี” หมอแพท ย้ำกับตัวเอง
แสดงว่า ระบบการประมวลผลด้านอารมณ์ใกล้เคียงความเป็นมนุษย์ขึ้นมาอีกมิติแล้วสิ ในด้านที่คิดไม่ถึงซะด้วย
“…ภาพหลอน เห็นภาพหลอนด้วยเหรอ…ฮึๆ” หมอแพท ยิ้มในเงามืด
“หยุดทำบ้าๆ นะพี่สิงห์...อ๊อย...” น้ำผึ้งขนลุกซู่ เขาจูบไซ้ซอกคอของหล่อน ขณะหญิงสาวกำลังยืนส่องกระจกอยู่หน้าอ่างล้างหน้า “พี่ขออีกนิด แค่ภายนอกเท่านั้นนะจ๊ะ ไม่เสียหายอะไรนี่นา...นะครับ” พี่เขยปะเหลาะปะแหละอย่างคนเอาแต่ได้ เสียงออดอ้อนอ่อนหวานเริ่มทำให้น้องเมียใจอ่อนหวามไหว ปล่อยให้มือของเขาเคล้นคลึงสะโพกของหล่อนอย่างนึกมันเขี้ยว สอดท่อนแขนเข้ามาระหว่างง่ามก้น หงายฝ่ามือลูบไล้เข้ามาถึงหนอกเนื้ออุ่นจัดอีกครั้ง ตะล่อมล้วงเข้ามาโอบเนินนูนเหมือนหลังเต่า บีบขยำเบาๆ เหมือนจะประมาณความอวบใหญ่ล้นอุ้งมือ “ของผึ้งใหญ่จัง” มือสัมผัสกลีบเนื้อเป็นพูแน่น โหนกนูนและใหญ่กว่าของเจนนี่มากมาย “อ๊าย...” น้ำผึ้งเสียว กระดกก้นขึ้นโดยอัตโนมัติ สิงหาบีบขยำความเป็นผู้หญิงของหล่อนเป็นจังหวะ หัวใจเต้นแรงกับความอวบใหญ่ที่อัดแน่นอยู่ในอุ้งมือของตน “อย่า...พี่สิงห์...หยุดเดี๋ยวนี้นะ เดี๋ยวพี่เจนนี่มาเห็นผึ้งซวยแน่ๆ” น้องเมียร้องห้ามอย่างสับสนใจ ส่ายก้นทำท่าว่าจะดิ้นหนี แต่ช้ากว่ามือใหญ่ของสิงหาอีกข้างที่กดลงบนแผ่นหลังของหล่อนเหมือนจะล็อกกายไม่ให้ขยับหนี
หลังจากแต่งงานกันสามปี เจียงหยุนถังพยายามสุดความสามารถเพื่อช่วยชีวิตสามีที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยไม่คาดคิด ว่าเขาได้ละทิ้งเธอเหมือนกับขยะ รับรักแรกของเขากลับประเทศและตามใจเธอทุกอย่าง เจียงหยุนถังที่ท้อใจตัดสินใจหย่า และทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอที่กลายเป็นภรรยาที่ถูกทอดทิ้งจากตระกูลเศรษฐี อย่างไรก็ตาม เธอกลับเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างกะทันหันเป็นหมอเทวดาที่พบเจอยาก "Lillian"แชมป์แข่งรถที่มีฐานแฟนคลับจำนวนมาก และยังเป็นนักออกแบบสถาปัตยกรรมระดับโลกอีกด้วย ชายร้ายหญิงชั่วคู่นั้นเยาะเย้ยเธอว่า เธอจะไม่มีวันหาคู่รักได้ใ แต่ไม่คาดคิดว่าลุงของอดีตสามีของเธอ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดทำกแงทัพกลับมาเพียงเพื่อขอแต่งงานกับเธอ
ตลอดสิบปีที่ฉู่จินเหอรักเหลิ่งมู่หยวนฝ่ายเดียว เอาใจใส่กับเขาอย่างเต็มที่ แต่เธอไม่เคยคิดว่าที่แท้เธอเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น ที่สำนักงานเขตเพื่อทำการหย่า เหลิ่งมู่หยวนมองดูฉู่จินเหอด้วยความเย็นชาและพูดอย่างเหยียดหยามว่า "ถ้าเธอคุกเข่าลงและขอร้องฉัน ฉันอาจจะให้โอกาสเธอกอีกครั้ง ฉู่จินเหอเซ็นอย่างไม่ลังเลและออกจากตระกูลเหลิ่ง สามเดือนต่อมา ฉู่จินเหอปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ในเวลานั้น เธอเป็นประธานเบื้องหลังของ LX นักออกแบบลับที่ล้ำค่าที่สุดในโลก และเจ้าของเหมืองที่มีมูลค่าหลายร้อยล้าน ทางตระกูลเหลิ่งคุกเข่าลงและขอร้องให้คืนดีและขอการให้อภัย ฉู่จินเหอแยู่ในโอบกอดของซีอีโอโจว ซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในโลกธุรกิจอย่างมีความุข เธอเลิกคิ้วพลางเยาะเย้ย "ฉันในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกคุณมาเกี่ยวข้องได้"
เพราะคิดว่าเป็นความฝัน ฉินหร่านจึงร่วมมือบรรเลงเพลงรักอย่างไม่ได้ตั้งใจ ไฉนตื่นขึ้นมาถึงมีสามีเป็นของตัวเอง อีกทั้งสามีนางยังตาบอดอีกด้วย! แต่นั่นไม่น่าตกใจ เท่ากับที่นางมาอยู่ในร่างเด็กสาวในยุคจีนโบราณ ที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ อีกทั้งร่างนี้ถูกขายให้มาเป็นภรรยาของชายตาบอด แต่ไหนๆ ก็มาแล้วจึงจะใช้ชีวิตให้ดี ส่วนสามีนะหรือ หล่อขนาดนั้น แซ่บขนาดนี้ เดินหน้าเกี้ยวสามีสิ จะรออะไร!
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
ตลอดระยะเวลาสามปีของการแต่งงาน เธอรู้สึกสิ้นหวัง ที่ถูกบังคับให้เซ็นใบหย่า ทั้งๆที่เธอกำลังท้อง เธอใจสลายกับความไร้มนุษยธรรมของเขา กระทั่งเธอออกไปจากชีวิตของเขา เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเธอคือรักแท้ของเขา ไม่มีวิธีใดที่จะเยียวยาหัวใจที่บอบช้ำของเธอให้หายขาดได้ เขาจึงมอบความรักทั้งหมดของเขาให้แก่เธอเพื่อชดเชย